sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
20 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 
ตอนที่ 22 รักคือรุก



จีรัชญ์จ้องใบหน้าเผือดซีดด้านบนแววตาคล้ายกำลังชั่งใจ ส่วนหญิงสาวกลับหวาดหวั่นกับแรงอารมณ์ที่ปะปนมากับสีหน้ากร้าวดุ

รพิชาถอยหลังผละออกจากหน้าต่างหมุนตัวเดินกลับไปทรุดนั่งลงบนเตียง น่ากลัว! สีหน้ายามกราดเกรี้ยวของจีรัชญ์ดูน่ากลัวจนเธอรู้สึกหวาดหวั่นกับแรงอารมณ์ที่ไม่รู้ว่าจะมีมากมายขนาดไหนหากมันปะทุออกมา

ขณะที่กำลังสับสนอลหม่านอยู่กับความคิดของตัวเอง อยู่ๆ บานประตูก็เปิดผัวะ! ออกจนหญิงสาวถึงกับสะดุ้งโหยง

“คุณจีรัชญ์!”

รพิชาผุดลุกจากเตียงสีหน้าตื่นตระหนก หญิงสาวจ้องหน้าคนที่เพิ่งเข้ามาตาเขม็งอย่างไม่วางใจ เมื่อเห็นจีรัชญ์กำลังย่างเท้าเข้ามาร่างบางสมส่วนจึงก้าวถอยไปด้านหลังอย่างระวังภัย

“ผมแค่ไม่อยากให้เราห่างกันเพราะความไม่เคลียร์”

จีรัชญ์เอ่ยขึ้นพร้อมกับย่างเท้าเข้าไปหา

“ฉันไม่เข้าใจ”

หญิงสาวถามขณะถอยร่น

“นับต่อจากนี้ผมไม่รู้ว่าเราจะต้องเผชิญกับอะไร แต่เชื่อผมได้ไหมคุณพิณเชื่อใจผมซักครั้งเชื่อมั่นในความรักของผมได้ไหม”

จีรัชญเดินเข้าไปหาหญิงสาวด้วยท่าทีที่มั่นคงเพียงไม่กี่ก้าวก็เข้าประชิดตัวเธอ ชายหนุ่มเอื้อมมือคว้าเอวคอดแล้วดึงเข้าหาตัวก่อนจะตวัดวงแขนกอดรัดร่างบอบบางเข้าสู่อ้อมกอด

“ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ไม่รู้จะบอกคุณยังไงกับความรู้สึกที่ผมมีมันอาจดูเร็วเกินไปที่ผมจะบอกคุณซ้ำๆ ว่าคิดยังไงกับคุณแต่รู้ไหมว่าคุณกำลังมีอิทธิพลกับผมและมีมากเสียจนเกิดเป็นความรักที่ผมก็ตอบไม่ได้ว่ามันมากมายขนาดไหน ผมรักคุณเกินกว่าจะปล่อยวางกับสิ่งใด”

วงแขนแกร่งกอดกระชับร่างบางแนบแน่น รพิชาซบหน้าลงบนไหล่กำยำหญิงสาวหลับตาพริ้มแล้วปล่อยกายใจให้ล่องลอยไปกับไออุ่นจากอกแกร่ง

“หากวันหน้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณฉันจะพยายามทำหน้าที่ของฉันให้ลุล่วงและช่วยคุณด้วยทุกสิ่งที่ฉันมี...ฉันสัญญา”

รพิชาตัดสินใจสอดแขนโอบกอดร่างกำยำพร้อมกับเอ่ยคำมั่นที่จีรัชญ์ได้ฟังแล้วแทบลอยทะลุเพดาน

“ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมความรู้สึกที่มีต่อคุณมันถึงมากมายขนาดนี้ ผมอาจจะเหมือนคนใจง่ายที่รักคุณอยู่ข้างเดียว แต่โปรดเชื่อผมเถอะว่าความรักที่ผมมีไม่ได้เกิดจากความเหงาหรือเพียงฉาบฉวยแค่ชั่วครู่ชั่วยาม”

“เวลาที่มีอยู่ยังอีกยาวไกลฉันไม่เร่งรีบสรุปว่าอะไรคืออะไรหรอกค่ะ” บอกเสียงอู้อี้

“ขอบคุณที่ให้โอกาสผม คุณพิณหากทุกอย่างที่ผมเป็นจะสิ้นสุดที่คุณถ้าวันหนึ่งผมไม่ได้เป็นอย่างทุกวันนี้ผมขอแค่คุณอย่าทิ้งผมให้จมอยู่กับความไร้ตัวตนเพียงลำพังจะได้ไหม”

“คุณกำลังพูดถึงอะไรฉันไม่เข้าใจ”

หญิงสาวผละออกก่อนจะทาบมือทั้งสองข้างลงบนอกแล้วเงยหน้าขึ้นจ้องใบหน้าคมเข้มอย่างสงสัย

“แล้ววันหนึ่งคุณจะเข้าใจ”

รพิชาเอียงหน้าเล็กน้อยเมื่อรับรู้ถึงแรงสั่นสะท้านของชายหนุ่ม แรงสั่นที่เกิดจากความหวาดหวั่นที่เธอก็ไม่เข้าใจว่าเขากำลังหวาดกลัวกับสิ่งใด แต่ก่อนที่เธอจะทันเอ่ยถามเสียงทุ้มสั่นพร่าก็พูดขึ้น

“คุณพิณผมกลัวเหลือเกินกับสิ่งที่กำลังรออยู่เบื้องหน้า ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรผมไม่รู้จะบอกคุณยังไง...ผมไม่รู้จริงๆ”

"คุณจีรัชญ์!"

รพิชารู้สึกตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นประกายหวาดหวั่นระคนสับสนของชายหนุ่ม หญิงสาวสอดมือโอบกอดร่างหนาเพื่อปลอบประโลมก่อนจะคลายออกเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมเข้มสีหน้าห่วงใย มือเรียวเอื้อมประคองใบหน้าสากแผ่วเบาคล้ายกำลังปลอบประโยนให้ชายหนุ่มคลายจากความหวาดหวั่นที่เป็น

“คุณพิณ...ผมไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าขอให้ต่อจากนี้ไปข้างกายผมจะมีคุณ”

มือหนากุมมือเรียวเล็กที่ทาบอยู่บนแก้ม ชายหนุ่มจ้องวงหน้านวลเนียนเขม็งเหมือนกำลังครุ่นคิดเรื่องอะไรซักอย่างถึงแม้แววตาของจีรัชญ์จะฉายแววกังวลจนชัดเจนแต่ในดวงตาคู่นั้นกลับให้ความรู้สึกที่เต็มล้นไปด้วยความรักในยามที่เขาจ้องเธอ

จีรัชญ์โอบแขนข้างหนึ่งกอดรัดเอวคอดไว้แน่น ขณะใช้มืออีกข้างไล้แก้มนวลไปมาแล้วปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปกับคำถามที่เขาอยากให้มันเป็นจริง หากการที่จีรัณพาเธอมาแล้วเธอรักษาอาการเจ็บป่วยที่เลือนหายไปนับสี่ปีจนหายได้ทุกอย่างคงกระจ่างกว่าวันนี้ และหากการมาของเธอคือความหวังขอให้ทุกอย่างจงยุติอยู่ที่เธอผู้นี้ด้วยเถิด....

ฝ่ามือหนาประคองใบหน้านวลผ่องไว้ในอุ้งมือ ชายหนุ่มค่อยๆ โน้มใบหน้าแนบริมฝีปากปิดปากเรียวกระชับด้วยแรงเสน่หาที่เขามี รพิชาดิ้นอึกอักเพียงชั่วครู่ก่อนจะยอมให้ชายหนุ่มจูบแต่โดยดี...เนิ่นนานกับสัมผัสอันแผ่วพลิ้ว...เธอเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในโลกอีกโลกหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายของมวลหมู่มาลีที่แสนหอมละมุน....

เรือนร่างอรชรกำลังหมุนและล่องลอยอยู่ท่ามกลางความหอมหวานของไอรักอันน่าประทับใจ ริมฝีปากอุ่นจัดค่อยๆ ถอนออกแล้วจ้องวงหน้าหวานละมุนแววตาฉ่ำหวาน

“พี่จีสคงรู้ว่าคุณจะดึงให้ผมออกมาสู่ความรักอีกครั้ง”

ชายหนุ่มบอกยิ้มๆ

“หมายความว่ายังไงคะ”

หญิงสาวเอียงหน้าเมื่อได้ฟังบอกเล่าที่เธอยากจะเข้าใจ

“ตั้งแต่ภรรยาผมจากไปผมไม่เคยมองใครหรือให้ความสนใจกับความรัก วันต่อวันเอาแต่ทำงานแล้วจมอยู่กับความรู้สึกผิดของตัวเองหลายปีมานี้พี่จีสพยายามค้นหาสาเหตุและพาจิตแพทย์มารักษาอาการป่วยของผมแต่สุดท้ายทุกอย่างก็ว่างเปล่า”

ใบหน้าคมเข้มส่ายไปมาอย่างหนักใจ

“คุณป่วยเป็นอะไรเหรอคะ บอกฉันได้ไหม”

“ผมไม่รู้ว่าผมป่วยเป็นอะไรและมันเกิดขึ้นได้ยังไงหลังจากตรวจอาการและพูดคุยถึงสาเหตุไม่มีหมอคนไหนตอบได้ซักคนว่าสิ่งที่ผมเป็นคืออะไร”
ชายหนุ่มบอกน้ำเสียงหนักใจอยู่ในที

“มันหมายความว่ายังไง”

“มันเหมือนอยู่ๆ ผมก็ไม่รู้สึกตัวเหมือนความทรงจำบางช่วงของผมขาดหาย คล้ายความจำเสื่อมแต่ก็ไม่ใช่”

“แล้วตอนที่คุณความจำเสื่อมคุณจีรัณบอกไม่ได้เหรอคะว่าคุณเป็นอะไรและอาการที่คุณเป็นมันเกิดขึ้นได้ยังไง”

“ตอนที่ผมป่วยพี่จีสอยู่ต่างประเทศ เอ่อ....คุณพิณครับ....”

จีรัชญ์เรียกหญิงสาวเสียงแผ่วก่อนจะหยุดชั่วครู่คล้ายกำลังชั่งใจ

“คะ...”

หญิงสาวจ้องผ่านดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่เศร้าด้วยความฉงนใจว่าใยความรู้สึกยามอีกคนส่งผ่านออกมาถึงได้ดูสับสนระคนปวดร้าวจนยากจะเข้าใจว่าเจ้าของดวงตากำลังหนักใจกับเรื่องใด

จีรัชญ์พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเม้มปากแน่นเหมือนกำลังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะพูดต่อหรือยุติทุกอย่างไว้

“ถ้าคุณคิดว่าฉันควรรู้ก็บอกได้ค่ะฉันพร้อมที่จะรับฟัง และยินดีมากหากคุณจะไว้วางใจให้ฉันก้าวผ่านเข้าไปช่วยบรรเทาความทุกข์ของคุณ“

เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเบื้องหน้ากำลังหนักใจกับเรื่องราวบางอย่างจิตแพทย์สาวจึงยื่นความไว้วางใจเพื่อนำทางให้ตัวเอง

“....ถ้าอดีตที่ผ่านมาผมเคยเลวร้ายจนอาจถึงขั้นทำร้ายภรรยาของตัวเองจนต้องสูญเสียเธอไปคุณจะยังให้โอกาสคนที่ไม่เคยรู้ว่าตัวเองเคยทำอะไรลงไปได้มีความรักอีกซักครั้งไหม...”

จีรัชญจ้องผ่านดวงตาคู่งามด้วยประกายตาที่เห็นชัดเจนว่ากำลังหวาดหวั่นจนน่าใจหาย

“อะไรนะคะ..?..”

“ผมไม่รู้จะบอกคุณยังไง”

ชายหนุ่มเบือนสายตาเสมองไปอีกด้านผ่านดวงหน้าเซียวซีดของหญิงสาวแววตาเลื่อยลอย

“ถ้าฉันคือคนที่คุณกำลังร้องขอความรัก ก็โปรดบอกมาเถอะค่ะอย่างน้อยคุณก็ควรปล่อยให้ฉันได้มีโอกาสตัดสินใจกับทางเลือกบ้าง”

“ผมอยากเห็นแก่ตัว....จัง”

คนพูดยิ้มเฝื่อนๆ

“ถ้าคุณเห็นแก่ตัวคิดเอาแต่ได้แรกๆ คุณอาจจะได้ดังต้องการแต่สิ่งที่คุณได้มามันจะจีรังแค่ไหนคุณน่าจะรู้ดี”

“ผมก็แค่กลัวว่าคุณจะรับไม่ได้กับอดีตที่ผ่านมาจนตัดโอกาสที่ผมไม่เคยมี...ผมไม่อยากเสียคุณ...”

“แล้วฉันล่ะคะคุณบอกหน่อยซิว่าฉันควรทำตัวยังไงกับอดีตอันแสนมืดมนของคุณ”

พอได้ฟังคำพูดเหมือนตัดพ้อของจิตแพทย์สาวจีรัชญ์ก็ถึงกับหน้าเจื่อน ใช่ซีนะเพราะเขามัวแต่คิดถึงตัวเองคิดจะเอาแต่ได้ คิดว่าตนคงอยู่ไม่เป็นสุขหากความรักครั้งที่สองจะโบยบินจากไป ชายหนุ่มทาบฝ่ามือลงบนแก้มนวลเนียนแล้วประคองใบหน้าเรียวเล็กให้แหงนเงยขึ้นสบตาแล้วโพล่งออกมาเหมือนเพิ่งนึกได้

“ผมคงเห็นแก่ตัวจริงๆ ที่คิดเอาแต่ใจผมสับสนเหลือเกิน ถ้าจะปล่อยวางแล้วเลือกอยู่เดียวดายหัวใจของผมก็ไม่อาจทานทนที่จะวางเฉยกับคุณ จะเดินหน้าผมก็กลัวว่ามันจะทำร้ายความรู้สึกของคุณ คุณพิณ....ผมควรทำยังไงดี...”

รพิชาจ้องดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่กำลังสับสนด้วยหัวใจที่ไหวระทึก ใช่อยู่ที่เธอกำลังลังเลว่าจะเปิดรับหรือปิดงับกับความไม่เคลียร์ที่ตัวเองก็ยังสรุปไม่ได้ว่าแท้ที่จริงจีรัชญ์กำลังป่วยหรือเป็นอะไรกันแน่น จะปฏิเสธสายตาของอีกคนก็บีบรัดความรู้สึกจนไม่อาจหันหลังให้ แต่หากจะยอมรับอาการเจ็บป่วยของพ่อหนุ่มหน้าเข้มก็ยังคลุมเครือไม่กระจ่างชัดจะถอยก็ไม่ได้จะเดินหน้าก็ไม่ไหวเฮ้อ....

“ฉันเข้าใจค่ะ”

เมื่อไม่มีคำพูดใดที่จะปลอบใจอีกคนได้ดีกว่าจิตแพทย์สาวจึงเอ่ยคำพูดที่เป็นกลางๆ ออกไป

“ช่วงที่ผมป่วยผมเหมือนตัวเองหลับใหลไม่รับไม่รู้กับเรื่องราวที่ผ่านไปในวันต่อวัน ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรไปบ้างบางครั้งมันลางเลือนเหมือนผมกำลังล่องลอยอยู่ในความฝัน”

ชายหนุ่มบอกเล่าน้ำเสียงเลื่อนลอย

“บางทีมันอาจจะเป็นแค่ความฝันและความฝันนั้นก็ติดตรึงอยู่ในจิตใต้สำนึก คุณเลยทึกทักว่าตัวเองโลดแล่นอยู่ในนั้น”

จิตแพทย์สาวสันนิษฐานไปตามทฤษฎี

“แล้วถ้าช่วงเวลาที่คุณคิดว่าตัวเองหลับใหลแล้วใครๆ ต่างก็บอกว่าคุณมีชีวิตที่เป็นปกติตลอดเวลาโดยไม่มีอะไรพลิกแพลงหรือผิดแปลกไปจากการดำเนินชีวิตประจำวันเลยแบบนั้นมันจะเรียกว่าอะไร”

ชายหนุ่มถามสีหน้าหนักใจ

“คุณกำลังจะบอกว่าช่วงเวลาหนึ่งคุณเหมือนหลับไปแต่ร่างกายของคุณกลับอยู่ได้ปกติงั้นเหรอคะ”

“ผมก็ไม่รู้ว่าจะตอบว่ายังไงเหมือนกัน”

“คุณอย่ารีบร้อนเลยค่ะเราจะค่อยๆ คุยกันดีมั้ยคะ ”

รพิชาสรุปสั้นๆ เมื่อเห็นสีหน้าของจีรัชญ์กำลังเคร่งเครียดจนน่าห่วง

“ผมอยากให้ทุกอย่างจบที่คุณและเรามีชีวิตที่เป็นของเราอยู่กับความสุขที่ควรจะเป็น”

“ฉันจะอยู่กับคุณไม่ว่าในวันข้างหน้าจะเจอกับอะไรฉันสัญญา”
หญิงสาวบอกน้ำเสียงมาดมั่นจนคนฟังได้ยินแล้วถึงกับใจเต้นด้วยความดีใจ
“ขอบคุณผมขอแค่นี้จริงๆ “

จีรัชญ์ดึงร่างบางเข้าหาตัวแล้วกอดรัดเธอไว้แน่น ใบหน้าคมเข้มที่เครียดขรึมเปลี่ยนเป็นร่าเริงจนแทบไม่เหลือเค้าความหม่นหมองในคราแรก


พอเห็นสีหน้าดีอกดีใจของชายหนุ่มรพิชาก็ได้แต่อมยิ้มให้กับความใจอ่อนของตัวเอง หมอไม่ควรหลงรักคนไข้ของตัวเองข้อนี้เธอรู้อยู่เต็มอก และด้วยความที่เธอเป็นจิตแพทย์ข้อห้ามข้อนี้ก็ยิ่งควรถอย....เฮ้อ! ...หลงรักคนไข้ที่กำลังนอนพะงาบๆ อยู่บนเตียงผ่าตัดดูท่าจะเบาใจกว่ายอมรับความรักของคนไข้จิตไม่เคลียร์เป็นไหนๆ





Create Date : 20 เมษายน 2553
Last Update : 20 เมษายน 2553 16:41:01 น. 3 comments
Counter : 430 Pageviews.

 
จีรัชย์..ชื่อเพาะจัง เป็นอะไรน้ออออ


โดย: jee IP: 114.128.9.242 วันที่: 20 เมษายน 2553 เวลา:18:27:50 น.  

 
กลับมาอัพแล้วดีใจจัง หายไปหลายวันเลยนะคะ สงกรานต์สนุกมั้ยค่ะ แล้วเงาแปรกำหนดคลอดเมื่อไรค่ะอยากอ่านทีเดียวจบเลย


โดย: tuk_ora วันที่: 21 เมษายน 2553 เวลา:12:49:14 น.  

 
แวะมาเยี่ยมชมค่ะ


โดย: รินชา IP: 202.149.25.235 วันที่: 21 เมษายน 2553 เวลา:22:01:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.