วันก่อนไปเจอเพื่อนรุ่นน้องผู้น่ารักท่านหนึ่งเธอทำงานเกี่ยวกับด้านท่องเที่ยวมายาวนาน

ได้ทักทายกันพูดคุยกันตามประสาคนไม่ได้เจอกันมานานคุยกันจนกระทั่งดึกดื่นค่อนคืน

เธอเล่าว่าตั้งแต่ทำงานเกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยวมานาน โดยเฉพาะเรือสำราญ ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขและหนีไปจากนี้ไม่ได้เสียที

เพราะอะไร ?

เธอ บอกว่า ตอบไม่ถูกแต่ทุกครั้งที่คิดอยากจากวงการนี้ไปแต่แล้วก็ต้องหวนกลับมาดื่มความสุขในงานอันเป็นที่รักทุกที (แค่ 2ครั้งเอง 5555)

เธอบอกว่าเรือสำราญ Mariner of the Seas  เป็นเหมือนคู่ชีวิตไปแล้ว

ถามว่าเรือสำราญมีอะไรดีบ้าง ?

เธอบอกว่า  Luxury  หรูอลังการ   มี 15 ชั้นที่เปิดให้บริการความบันเทิงและห้องพัก  โดยกลางตัวเรือมีบันไดโค้งงาม เพดานเป็นรูปโดม มีลิฟท์แก้วที่มองเห็นวิวทะเลได้ ที่สำคัญห้องพักใหญ่ มีห้องอาหารให้เลือกรับประทานถึง 5 ที่

ใครได้ล่องเรือที่นี่ส่วนใหญ่จะประทับใจในบรรยากาศที่ไม่เหมือนใคร และก็จะกลับมาใช้บริการอีกโดยเฉพาะอาหารค่ำ (dinner) บนเรือสำราญ บอกได้เลยว่าใครได้มาทริปนี้แล้ว จะได้รับบริการอาหารมื้อค่ำแบบ set menu มีให้บริการที่ห้อง Main Dining Room ระดับห้าดาว ซึ่งห้องนี้จะเป็นห้องโถงสูงๆ มีทางเข้าได้สามชั้น หรูอลังการมาก

เรือสำราญ Mariner of the Seas  ถือเป็นเรือที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ลำตัวของเรือมีขนาดใหญ่ บรรจุผู้โดยสารได้มากถึง3,114 คน มีพนักงานให้บริการมากถึง 1,181 คน และการให้บริการผู้โดยสารก็อยู่ในระดับสากลอีกด้วย ซึ่งมีทั้งห้องพัก อาหารเช้า อาหารกลางวันและอาหารค่ำ บริการลูกค้าให้เลือกรับประทานอาหารหรือนั่งเล่นในคลับเล้าจน์ หรือทำกิจกรรมที่ทางเรือได้จัดสรรให้ตามใจชอบเลย

การมาล่องเรือสำราญหรู Mariner of the Seas ในทริป “สิงคโปร์-พอร์ทกลัง (กัวลาลัมเปอร์)”

ลูกค้าต้องมาขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อไปลงที่สนามบินชางฮี ประเทศสิงคโปร์ จากนั้นจะพาทัวร์ชมเมืองสิงคโปร์ที่รายล้อมไปด้วยทำเนียบรัฐบาล ศาลฎีกาและศาลาว่าการเมืองชมวิวริมแม่น้ำสิงคโปร์ ได้ถ่ายรูปคู่ เมอร์ไลอ้อน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์ โดยรูปปั้นครึ่งสิงโตครึ่งปลาจะหันหน้าออกมาทางอ่าวมารีน่า 

รวมถึงได้เก็บภาพความประทับใจกับ ELEPHANT STATUE รูปปั้นช้างสาริดซึ่งเป็นของขวัญพระราชทานจากพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 ที่ได้มอบให้ในปี ค.ศ.1871 เพื่อสร้างความสัมพันธไมตรี เมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จมาเยือนสิงคโปร์ในครั้งแรก

จุดสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือได้ชม น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง FOUTAIN OF WEALTH แห่งเมืองสิงคโปร์ตั้งอยู่ท่ามกลางหมู่ตึกซันเทคซิตี้ ซันเทค มาจากคำในภาษาจีน แปลว่าความสาเร็จชิ้นใหม่ คนสิงคโปร์เชื่อว่าถ้าได้เดินรอบลานน้าพุและได้สัมผัสน้าจะพบโชคดีและ ร่ารวยตลอดปี

เมื่อพาทัวร์เมืองสิงคโปร์ทุกซอกทุกมุมครบหมดแล้วก็จะพาทุกท่านเช็คอินขึ้นเรือสาราญMariner of the Seas ที่ ท่าเรือ Mariner Bay Cruise Center Singapore ซึ่งเป็นท่าเรือแห่งใหม่ที่สิงคโปร์สร้างขึ้นมารองรับการท่องเที่ยวทางเรือสาราญโดยเฉพาะเพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองท่าพอร์ทกลัง ประเทศมาเลเซีย

เธอเล่าว่า คนมาล่องเรือสำราญส่วนใหญ่ใช้เวลา 3 คืน 4 วันกำลังดี เพราะอีก 2 วัน เป็นการเที่ยวชมเมืองพอร์ทหรือเมืองท่าของสิงคโปร์ก่อนล่องเรือสำราญและเที่ยวชมเมืองมาเลเซียก่อนกลับเมืองไทย 

ซึ่งก็มีทั้งพาชมเมืองหลวงของมาเลเซีย ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์มีให้ถ่ายรูปกับ ตึกแฝดปิโตรนัส ที่สูงที่สุดในโลกสูงถึง 452 เมตร สร้างโดย ปิโตรนาสบริษัทผู้ผลิตและจาหน่ายน้ามันของมาเลเซีย

นอกจากนี้ยังมีให้ถ่ายรูปกับ จตุรัสเมอร์เดกำ สถานที่จัดพิธีคืนเอกราชให้แก่มาเลเซียที่เต็มไปด้วยอาคารในยุคอาณานิคมและสถาปัตยกรรมแบบ Victoria ของอังกฤษอาทิ เช่น ตึกรัฐสภา อนุสาวรีย์ทหารอาสาและอาคารใกล้เคียง

มีนำชม มัสยิสจำเม็กเก่าแก่ที่สุดในกัวลาลัมเปอร์ เป็นศูนย์กลางของศาสนาอิสลาม 

นำชมด้านนอกพระราชวังแห่งชาติ(Istana Negara Sultan ‘s Palace) ตั้งอยู่บนยอดเขาชานกรุงกัวลาลัมเปอร์เชื่อมกับทางหลวงไปยังตัวเมืองและมีถนนทางเข้าพิเศษหลายเส้นทาง ระหว่างทางเลือกซื้อช็อคโกแลตในราคากันเองเป็นของฝากได้

หลังจากนำชมเมืองตามโปรแกรมครบแล้วก็กลับมาล่องเรือสำราญจากท่าเรือพอร์ทกลังเพื่อขึ้นเรือสำรำญ Mariner of the Seas มุ่งหน้าสู่ประเทศสิงคโปร์ ใช้เวลา 1 คืน

พอถึงท่าเรือ Mariner Bay Cruise Center Singapore และเช็คเอ้าท์ออกจากเรือตอนเช้าแล้ว จะได้เที่ยวชม โลกเหนือจินตนาการดินแดนมหาสนุก Universal Studio Singapore ให้ได้รับความเพลิดเพลินกับกิจกรรมและเครื่องเล่นประเภทต่างๆ

สุดท้ายเยี่ยมชม “มารีน่า เบย์ แซนด์” คาสิโนรีสอร์ท สุดหรูใจกลางเมืองสิงคโปร์ ก่อนขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิ  ด้วยสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 25 นาที ด้วยเครื่องบิน AIRBUS A330-300  

ถามว่า อยู่บนเรือเป็นวันเป็นคืนน่าเบื่อไหม?

เธอบอกว่า ไม่น่าเบื่อเลยเมื่อต้องอยู่บนเรือเพราะทางเรามียาแก้เบื่อบนเรือคือทั้ง แหล่งช้อปปิ้ง ขายสินค้าปลอดภาษีบนเรือ มีทั้งคาสิโน การจัดการแสดง สระว่ายน้ำ สปอร์ตคลับ สปา และอื่นๆอีกมากมายที่เราสามารถเลือกกิจกรรมได้ตามใจชอบ

สุดท้าย เธอบอกว่า ทริปที่ล่องเรือสำราญสนุกและฟินสุด ต้องช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ รับรองฟินจริงๆ ....

ขอบคุณภาพ K.Anne Thailand

facebook.com/RoyalCaribbeanCruisesThailand

website: //www.TravelElements.co.th