จังหวัดเชียงรายมีดีกว่าที่คิดหลายอย่างทั้งอาหารการกิน วัฒนธรรมวิถีชีวิตของผู้คนมาเที่ยวแล้วฟินได้ใจไม่น้อยหน้าจังหวัดอื่นๆ ไม่เที่ยวไม่รู้ไม่ลองไปไม่ได้เห็น
จับรางวัลได้ตั๋วเครื่องบินฟรีตั้งแต่ต้นปีจะมาได้ใช้งานก็ใกล้จะหมดอายุการเดินทางปลายปีเลยขอใช้สิทธิ์ซะเลยรอบนี้เลือกเดินทางไปเที่ยวจังหวัดเชียงราย 2 คืน 3 วัน กับสายการบินแอร์เอเชีย ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมิองกำหนดเดินทางเวลา 08.10 น. มาถึงสนามบินแม่ฟ้าหลวงประมาณ 09.30 น. เพื่อนรุ่นร้องก็มารับไปเที่ยวตามโปรแกรมที่เซ็ตไว้
คือไปหาอาหารพื้นเมืองของเชียงรายเป็นมื้อเช้าขับรถวนอยู่นานก็ไปเจอร้านขนมจีนน้ำเงี้ยวป้าสุขอยู่ในตัวเมือง
อิ่มท้องกันแล้วรุ่นน้องก็ขับรถพาไปไหว้พระแก้วมรกต(ตั้งอยู่ในตัวเมือง)เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองเพื่อเป็นศิริมงคล
จากนั้นไปไหว้พระโพธิสัตว์กวมอิมที่วัดห้วยปลากั้งห่างจากตัวเมืองไม่ไกลมากประมาณ 6 กิโลเมตรเอง รุ่นน้องบอกว่าวัดที่นี่สวยงามมาก เจตนารมณ์ของเจ้าอาวาสพบโชคท่านมีจิตบริสุทธิ์ที่อยากสร้างให้ประชาชน รวมถึงนักท่องเที่ยวได้มาทำบุญไหว้พระกันตอนนี้กำลังก่อสร้างโดยตัวองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมสีขาวที่ตั้งสูงตระหง่าน อยู่ด้านข้างมีความสูงประมาณตึก7 ชั้น ส่วนภายในมหาเจดีย์สูง9 ชั้นก็มีองค์จำลองแกะสลักด้วยไม้อยู่บริเวณชั้น 1 มีผู้คนมาไหว้สักการะกันเยอะแยะมากมายจริงๆ
แต่พอหลังจากไหว้เจ้าแม่กวนอิมเสร็จแล้วได้เดินขึ้นไปชมความสวยงามภายในแต่ละไปจนถึงชั้นสูงสุดได้ชมวิวแบบ 360 องศาได้ ถ้าช่วงเช้าๆหรือเย็นๆ อากาศจะดีมาก
จากนั้นไปเที่ยวชมวัดร่องขุ่น ของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่งเป้นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว มาแล้วชอบใจอยู่ 2 อย่างนอกจากความสวยงามของวัด นั่นคือ สะพานเดินขึ้นสวรรค์ ที่ทางเจ้าหน้าที่จะยืนคอยทำหน้าที่บอกนักท่องเที่ยวเลยว่า เดินข้ามสะพานไปสวรรค์แล้วห้ามเดินย้อนกลับมาเพราะสะพานก่อนเดินขึ้นสวรรค์เราเดินผ่านนรกก่อน
ฉะนั้นถ้าเดินย้อนกลับจะไม่ดีไม่เป็นศิริมงคลกับตัวเอง ซึ่งก็เออ นะ เล็กๆน้อยๆบางทีคนเราก็มองข้ามเพราะไม่ได้คิดอะไร ทำให้ทุกคนที่เดินมีสติเตือนตัวเองมากขึ้น
อย่างที่ 2 คือ ห้องน้ำใหม่ที่ใกล้จะสร้างเสร็จนั้นสวยสดงดงามตั้งแต่ประตูทางเข้า อื้อหือออม อะไรขจะขนาดนั้น แต่ทำด้วยใจขนาดนี้ัต่อไปใช้งานได้นักท่องเที่ยวก็คงให้ใจ ช่วยกันรักษาความสะอาดเราจะได้มีสถานที่สวยงาม บรรยากาศดีๆไร้กลิ่นให้ทุกๆคนได้เที่ยวอย่างมีความสุข
ช่วงเย็นๆออกจากวัดร่องขุ่น รีบบึ่งรถไปดูนักท่องเที่ยวอุ้มสิงห์(เป็นท่ายืนถ่ายรูปแบบให้ได้องศาแล้ววางมือให้พอดีกับอุ้งเท้าสิงห์)กันอย่างสนุกสนานที่ ไร่บุญรอด หรือสิงห์ปาร์ค ของบริษัท บุญรอด ผู้ผลิตเบียร์สิงห์ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรบรรยากาศดีในยามเย็น พื้นที่กว้างกว่า 8,000 ไร่ ขับรถวนดูไร่ชาจนตะวันตกดิน
จากนั้นก็ไปเดินที่ถนนคนม่วน เพราะเดินทางตรงกับวันอาทิตย์จะมีถนนคนม่วนให้นักท่องเที่ยวได้เดินช้อปปิ้งของพื้นเมืองของทั่วไปและชมการแสดงของชาวเชียงรายที่เป็นวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมรวมถึงการรำวงแบบย้อนยุคที่สร้างความตื่นตาตื่นใจสำหับคนชอบวัฒนธรรมวิถีชีวิตของชาวเชียงราย ถ้าใครได้มาจะเห็นบรรยากาศที่สนุกสนาน
สนุกตรงที่นอกจากได้เดินช้อปปิ้งแล้วยังได้ม่วนไปกับวัฒนธรรมของชาวเจียงฮายในหลายๆอย่างด้วยโดยเฉพาะอาหารพื้นเมืองที่แสนอร่อย เช่นมันปูที่ชาวบ้านนำมันปูจากกระดองหลายๆตัวมารวมกันแล้วปรุงรสอ่อนๆ กินอร่อยมากยิ่งได้ข้าวเหนียวร้อนๆ อร่อยอย่าบอกใคร ภาษาเหนือต้องบอกว่า ล้ำลำ และยังมีแกงโฮ๊ะ แกงแค ตำขนุน แกงฮังเล ลาบหมูสุก ฯลฯ
นอกจากอิ่มอร่อยกับอาหารพื้นเมืองที่แสนอร่อยแล้วยังได้เดินชมวัฒนธรรมการอยู่ร่วมกันอย่างสนุกสนาน ช่วงบริเวณเวทีรำวงย้อนยุคของถนนคนม่วนที่ไม่น่าเชื่อว่าชาวบ้านที่มาเดินเที่ยวจะรวมตัวกันเต้นรำวงกันเต็มลานเต้นมากมายและพร้อมเพรียงตามจังหวะเพลงที่นักร้องร้องบนเวทีได้สนุกขนาดนี้ส่วนคนที่ไม่เต้นรำ ก็มีโต๊ะเก้าอี้ที่ทางการได้จัดวางให้คนมานั่งกินอาหารไปชมไป หรือนั่งรอเพื่อนเต้นเลยน่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนมาเที่ยวม่วนขนาด
ชาวบ้านที่มาขายของในงานเล่าให้ฟังว่า คนเชียงรายชอบมาเดินเล่นที่ถนนคนม่วนเพราะมีรำวงแบบสมัยก่อน ให้เต้น ให้รำกันอย่างสนุกสุดเหวี่ยงโดยไม่ต้องเกรงใจกัน ดูจากภาพก็สนุกจริงๆ
เดินกันจนเมื่อยขาแล้วก่อนกลับที่พัก เป็นโรงแรมขนาดกลางคืนละ 450 บาทได้รับส่วนลดอีก 20% เพราะชำระเงินผ่านเค้าน์เตอร์เซอร์วิสห้องพักก็ไม่ขี้เหร่ นอนหลับได้อย่างสบายๆ แค่ไม่มีอาหารเช้ารองรับ ในเมื่อตั้งใจมาเที่ยวแล้วเช้าวันที่ 2 เลยแว๊นมอเตอร์ไซต์เจ้าถิ่นไปตลาดสด ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักค่าวินคิดที่ 40 บาท เช้าวันที่ 2เลย ทำให้ได้รู้จักอาหารเช้าของเมืองเชียงรายหลายๆอย่าง โดยเฉพาะข้าวงา ที่ใช้งาตำคลุกเกลือแล้วนำไปคลุกกับข้าวเหนียวร้อนๆ ห่อใบตองกินอร่อยนัก...
เที่ยววันที่ 2 ก็สนุกไม่แพ้กัน เพราะหลังจากกินอาหารเช้าที่ตลาดสดเมืองเชียงรายแล้ว ได้วางแผนเลือกใช้บริการเช่ารถที่สนามบิน 800 บาทต่อวัน เพราะรุ่นน้องต้องทำงานเนื่องจากเป็นวันจันทร์ ก็ไปเที่ยวแม่สอด ผ่านด่านเข้าไปตลาดพม่า ตื่นเต้นนิดหน่อยเพราะไม่มีที่จอดรถเลยขับเข้าไปจอดที่ สำนักงานด่านตรวจคนเข้าเมือง ด่านศุลกากรใกล้ๆกับช่องตรวจคนเข้าออก แต่ก็ทุกอย่างเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ไม่ว่าอะไรเลยได้จอดนาน
เจ้าหน้าที่ที่ตรวจคนเข้าเมืองแนะนำนักท่องเที่ยวนำบัตรประชาชนไปทำบัตรผ่านที่ ตรวจคนเข้าเมืองหรือจ้างวินมอเตอร์ไซต์ไปคนละ 30 บาท แต่ไม่แนะนำให้ฝากใครไปทำให้เพราะบัตรประชาชนเป็นข้อมูลส่วนตัวที่ต้องดูแลยิ่งชีวิต ใช้เวลาไม่นานก็ใช้เป็นบัตรผ่านเข้าออกได้เลยเสียค่าเหยียบแผ่นดินพม่า 10 บาท ใครที่ไปดูของขายจะมีให้เลือกซื้อเยอะแยะมากมาย ใครตาดีได้ตาร้ายก็อาจได้ไม่ดีกลับไป
กลับจากด่านแม่สอดไปสามเหลี่ยมทองคำที่วันนี้เปลี่ยนไปเยอะมากธรรมชาติเริ่มหายไปสังคมเมืองที่เป็นวัตถุเริ่มเข้ามาแทนที่มีการสร้างสถานที่รองรับนักท่องเที่ยวใหม่ๆแทนของเดิมและเพิ่มเติมเข้ามา ส่วนร้านขายของยังขายไม่แพงราคาเสื้อผ้า 100-150 บาทต่อชิ้น หรือถ้าแพงหน่อยขึ้นอยู่กับคุณภาพที่ดีขึ้น
เช้าก่อนกลับกรุงเทพมีเวลาเหลือครึ่งวันเลยขับรถเช่าไปเที่ยวไร่ชาฉุยฟงเสียดายที่วันนั้นฝนตกเลยเลยไม่จุใจสักเท่าไหร่