การเดินทางไปเปิดประสบการณ์ใหม่ในเส้นทางเซี่ยเหมินจางโจวหนานจิ้ง สัมผัส 2 มรดกโลก บ้านดินหนานจิ้ง-เกาะเปียโน มณฑลฝูเจี้ยน สาธารณะรัฐประชาชนจีน ทริปนี้ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากหลายมณฑลที่เคยไปมา โดยเฉพาะการได้สัมผัสเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและวิถีชีวิตกับความมหัศจรรย์ในภูมิปัญญาการก่อสร้างบ้านดินของบรรพบุรุษสมัยก่อนที่ไม่ได้สร้างเป็นแค่แหล่งพักพิงแต่เป็นบ้านที่แฝงไปด้วยกลยุทธ์ขั้นเทพโดยฝีมือชาวจีนฮากกาสมัยโบราณเมื่อกว่า 800 ปีที่ผ่านมาและ บ้านดินหนานจิ้งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกเมื่อปี 2011 จนเป็นที่รู้จักทั่วโลก
พวกเราเดินทางโดยสายการบินไทยไปกับสมาคมนักธุรกิจหนานจิ้งประเทศไทยสมาพันธ์ชาวหนานจิ้งประเทศไทย นำโดยดร. อรรชกา สีบุญเรืองนายกสมาคมกิตติมศักดิ์และคุณฉฎา สีบุญเรือง นายกสมาคมฯ รวม 90ชีวิต เมื่อวันที่13-17 มีนาคม 2561ที่ผ่านมา
การเดินทางใช้เวลาประมาณ4 ชั่วโมงก็ถึงสนามบินเซี่ยเหมินแล้วเวลาที่นี่เดินเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง อากาศค่อนข้างเย็นประมาณ 10 องศาและมีต่ำกว่าในช่วงดึกๆต้องเตรียมเสื้อแจ๊คเก็ตอุ่นๆติดตัวไปด้วยหรือเช็คสภาพภูมิอากาศก่อนเดินทางเพราะบางวันจะมีฝนตก
เมืองเซี่ยเหมิน ประตูสู่โลกภายนอกอีกบานหนึ่งของประเทศจีนที่พวกเราเช็คอินเป็นจุดแรกที่นี่เป็นเมืองศูนย์กลางทางการค้าหรือเมืองหลวงของจังหวัดฝูเจี้ยน อยู่ตรงข้ามจีนไต้หวัน ห่างจากเกาะคีมอยเพียง 2,000 เมตร สัญลักษณ์ของเมืองนี้คือนกกระยางขาว และ ไข่มุกแห่งท้องทะเล
ทริปของเราแวะพักที่โรงแรม XIAMENBESTELHOTEL ก่อนออกไปตะลุยเที่ยวในวันรุ่งขึ้นเพื่อจะได้ไม่เหนื่อยจนเกินไปโรงแรมตั้งอยู่ในย่านแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ของเมืองเซี่ยเหมินทุกคนรู้จักกันในชื่อ ถนนคนเดินจางซางลู่ (ลู่ แปลว่า ถนน) เป็นถนนคนเดินคล้ายเมืองมาเก๊า
นักท่องเที่ยวที่มายังเมืองนี้ไม่มีใครพลาดที่จะไม่เดินช้อปปิ้งเพราะมีสินค้าหลากหลายมากมาย ตั้งแต่สินค้าแบรนด์เนม ไปถึงสินค้าขึ้นชื่อของเมือง คือ หอยมุกที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้คนที่มาเที่ยวครั้งแรกเพราะร้านค้านำหอยมุกสด ๆเป็นๆมาแกะตัวมุกออกจากกาบเพื่อขัดผิว ขัดสีและร้อยเป็นเครื่องประดับขายตลอด 2 ฝั่งถนนราคาก็ไม่แพงมากขายเป็นเม็ดๆละ5 หยวน แต่ถ้าซื้อ 5 เม็ดโปรโมชั่นขายราคา15 หยวน เหมาะมากสำหรับซื้อเป็นของฝาก
วันรุ่งขึ้นออกเดินทางไปเที่ยว วัดหนานผู่โถว เป็นจุดเช็คอินที่ 2 ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเซี่ยะเหมิน สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง สิ่งก่อสร้างภายในวัดเป็นสถาปัตยกรรมของวัดจีน ภายในวัดมีศาลต้าเปยเตี้ยน มีเจ้าแม่กวนอิมพันมือประดิษฐานอยู่ จุดนี้เจ้าหน้าที่ห้ามถ่ายภาพ
นักท่องเที่ยวนิยมมากราบไหว้สักการะกันจนแน่นวัด ภายในมีพื้นที่ขนาดใหญ่ การเดินชมจะขึ้นเขาสูงขึ้นเรื่อยๆแต่ไม่ชันมาก แนะนำให้ใส่รองเท้าผ้าใบจะช่วยถนอมเท้าเพื่อความคล่องตัวในการเดิน
ได้เวลามื้อกลางวันทุกคนฝากท้องกับภัตตาคารภายในบริเวณวัด เป็นอาหารเจที่ต้องบอกว่านอกจาก หน้าตาน่าทาน อาหารแต่ละเมนูมีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้วยังอร่อยมากอีกด้วย
ช่วงบ่ายพวกเรานั่งเรือโดยสารไปดินแดนมรดกโลก เกาะกู่ลั่งหยวี่(Gulangyu Island) หรือเกาะเปียโน หรือ เกาะดนตรี ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของเมืองเซี่ยเหมิน ซึ่งเป็นจุดเช็คอินที่ 3 ของเรา
ชื่อ เกาะเปียโน ถูกเรียกตามวิถีผู้คนที่อาศัยอยู่บนเกาะ บ้านทุก 3 ใน 4 บนเกาะจะมีเปียโนไว้เล่นติดบ้าน ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์เปียโนแห่งเดียวในโลกที่จัดแสดงเครื่องเปียโนจากประเทศต่างๆทั่วโลกตั้งแต่สมัยอดีตถึงปัจจุบันให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน ภายในมีภาพถ่ายของนักเปียโนเอกระดับโลก เช่นโยฮันน์เซบาสเตียนบ๊าค และ เฟรเดริกฟรองซัวส์โชแปง ฯลฯ
บนเกาะเปียโน ยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยอดฮิตของแถบนี้ด้วยเพราะที่นี่มีชายหาดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินเล่นกันมีจุดไฮไลท์ที่มีชื่อเสียงคือ Sunlight Rock เป็นจุดสูงสุดของเกาะตั้งอยู่บนเขาหัวมังกร (Tiger Head Hill) ทางตะวันออกของชายหาดเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก แสงอาทิตย์จะตกกระทบที่ก้อนหินดังกล่าวสวยงามมากจึงเป็นที่มาของชื่อ Sunlight Rock นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปชมทัศนียภาพที่สวยที่สุดของเกาะกูลั่งหยวี่ แบบ 360 องศาได้
เกาะนี้มีพื้นที่น้อยเพียงแค่ 1.78 ตารางกิโลเมตร แต่ขอบอกว่าไม่มีรถให้บริการทุกคนต้องเดินอย่างเดียว และใช้เวลาเดินเที่ยวทั้งเกาะประมาณ 3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย
แต่การเดินเท้าก็ไม่น่าเบื่อเพราะบนเกาะ ยังมีบ้านเรือนที่สวยงามมากทั้งเกาะให้ได้เดินชมมีบ้านประวัติศาสตร์อายุมากกว่า 100 ปีหลายหลังและบางหลังเปิดให้ผู้คนที่สนใจดนตรีเข้าไปศึกษาเรื่องราวของดนตรีได้รวมถึงร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกมากมาย และร้านส่วนใหญ่ไม่ใช้เงินสด เน้นซื้อผ่าน Wechat pay
มี สวนซู่จวงหยวน อายุกว่า 100 ปี สร้างโดย หลี่เอ่อเจียเศรษฐีชาวไต้หวัน ซึ่งได้อพยพครอบครัวลี้ภัยสงครามจีน-ญี่ปุ่น สร้างโดยอาศัยธรรมชาติทางทะเลทำให้ได้บรรยากาศฟินได้ดีเลยทีเดียวสามารถขึ้นหน้าผาและชมหินแสงอาทิตย์และมองทิวทัศน์ทั้ง 3เกาะได้คือ เกาะกู่ลั่งยวี้ เกาะเซี่ยเหมิน และเกาะคีมอย ได้
นอกจากนี้พื้นที่บนเกาะในบางจุดสวยงาม คู่รักนิยมถ่ายพรีเว็ดดิ้งกันเยอะมาก และมีร้านค้าที่ตกแต่งเข้ากับยุคสมัยแต่ว่าผู้คนบนเกาะก็ยังคงวิถีชีวิตของตัวเองให้พวกเราได้เห็น เรียกว่าการใช้เวลา 3 ชั่วโมงเดินเที่ยวบนเกาะอาจไม่พอสำหรับคนชอบบรรยากาศและธรรมชาติดีๆแบบนี้
จุดเช็คอินที่ 4 ของทริป คือ การเดินทางไปเมืองจางโจวเมืองแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่น่าสนใจคือ สวนลี่จือไห่ หรือ สวนทะเลลิ้นจี่ เป็นสวนระบบนิเวศกว่า 1,000 ไร่ให้ผลผลิตมากต่อปีถึง 100 กว่าล้านกิโลกรัมปัจจุบันทางหน่วยงานรัฐบาลกำลังพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว จะไม่เน้นผลผลิตในเชิงพาณิชย์แล้ว
สวนทะเลลิ้นจี่ มีการเตรียมพร้อมที่เป็นระบบอย่างมาก
มีถนนสำหรับรองรับรถกอล์ฟนำเที่ยวให้เข้าถึงสวนเกษตรได้อย่างปลอดภัย การเตรียมมัคคุเทศก์ ให้ความรู้ทำการเกษตร การจัดเตรียมห้องเรียนรู้เกษตรกรรมฯลฯ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในอนาคต
จุดเช็คอินที่ 5 เมืองโบราณ ในเมืองจางโจว
จจากนั้นเดินทางต่อไปยังสวนเทียนฝู อำเภอหนานจิ้ง เป็นจุดเช็คอินแบบชิลชิลนั่งจิบกาแฟ จิบชา ยามบ่ายพร้อมกับชมบรรยากาศในแบบธรรมชาติ แล้วเดินทางเข้าพักที่โรงแรมZhangzhou WanjiaOriental Hotel เพื่อวันรุ่งขึ้นเดินทางไปเที่ยวชมบ้านดินมรดกโลกทางวัฒนธรรม 3 แห่ง คือ
จุดเช็คอินที่ 6 บ้านดิน หมู่บ้านเถียนหลัวเคิง หรือ"ข้าวสี่จานซุปหนึ่งถ้วย"
จุดเช็คอินที่ 6 บ้านดิน หมู่บ้านเถียนหลัวเคิง หรือ"ข้าวสี่จานซุปหนึ่งถ้วย" เป็นกลุ่มบ้านดินทรงกลม 4 หลัง และทรงสี่เหลี่ยม 1 หลังตั้งอยู่กึ่งกลางแสดงถึงวัฏจักรการกำเนิดของธาตุทั้ง 5 ตามหลักปรัชญาจีนโบราณ(ทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน) เมื่อมองจากด้านบน จะมีลักษณะเปรียบเหมือนภาพดอกเหมยฮัวซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติ ที่มีสัญลักษณ์หมายถึง ความเข้มแข็ง มั่นคง และอุตสาหะด้วยการจัดวางองค์ประกอบโครงสร้างและรูปแบบในทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นนี้เองที่ทำให้บ้านดินแห่งนี้ได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมจากองค์การยูเนสโกรวมถึงเป็นสัญลักษณ์ของบ้านดินในมณฑลฝูเจี้ยนซึ่งต่อมาภายหลังยังได้กลายมาเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่มีทัศนียภาพสวยงามของจีนและเป็นหมู่บ้านที่สะท้อนถึงแก่นประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจีน
จุดเช็คอินที่ 7 บ้านดินอี้ชางโหล่ว อายุ 700 ปีฝ่าแผ่นดินไหวนับครั้งไม่ถ้วน
จุดเช็คอินที่ 7 บ้านดินอี้ชางโหล่ว อายุ 700 ปีฝ่าแผ่นดินไหวนับครั้งไม่ถ้วน บ้านดินที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดที่หลงเหลืออยู่ในมณฑลฝูเจี้ยน สร้างขึ้นในปี 1308 มีอายุราว 700 ปีเป็นบ้านดินหลังเดี่ยวรูปทรงกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 36 เมตรขนาดความสูง 18.2 เมตร
ภายในมี 5 ชั้น มีจำนวนห้องมากถึง 270 ห้อง มีบันไดขึ้นลงทั้งหมดถึง 5 ทาง แบ่งสัดส่วนของบ้านออกเป็น5 ส่วนมีบ่อน้ำ 22 บ่อ ในบริเวณห้องครัวชั้นล่างซึ่งถือเป็นจำนวนที่มากที่สุดในบรรดาบ้านดินในฝูเจี้ยนทั้งหมดตั้งแต่บริเวณชั้น2 ของอาคารขึ้นไปมีเสาไม้ลาดเอียงถึง 210 ท่อนท่อนที่เอียงที่สุดมีความเอียงถึง 15 องศา
บ้านดินหลังนี้แสดงให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมโบราณที่แข็งแกร่งแม้ว่าจะผ่านเวลามายาวนานกว่า 700 ปีรอดพ้นจากแผ่นดินไหวมานับครั้งไม่ถ้วนก็ยังคงตั้งตระหง่านให้ชนรุ่นหลังได้มาสัมผัสจวบจนปัจจุบัน
หมู่บ้านถ่าเซี่ยศาลเจ้าตระกูล เซียว (Zhang)
จุดเช็คอินที่ 8 หมู่บ้านถ่าเซี่ยศาลเจ้าตระกูล เซียว (Zhang) ในจำนวนหมู่บ้านที่มีทัศนียภาพงดงามของจีนและหมู่บ้านที่สะท้อนถึงแก่นประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของมณฑลฝูเจี้ยนหมู่บ้านถ่าเซี่ยเป็นที่กล่าวขานถึงในด้านทัศนียภาพเมืองชนบทแห่งสายน้ำที่สวยงามดั่งภาพในฝันมีลำธารที่ใสสะอาดทอดตัวยาวคดเคี้ยวผ่านหุบเขาเป็นระยะทางกว่า1 กิโลเมตร
ทำให้วิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ผูกพันอยู่กับสายน้ำเป็นหลักสะท้อนภาพความเป็นอยู่ของคนจีนในสมัยโบราณที่ดูเรียบง่ายมีสะพานหินโค้งรูปแบบต่างๆถึง11 สะพานที่เชื่อมระหว่างสองฝั่งของลำธารเข้าไว้ด้วยกัน
อันเป็นที่ตั้งของบ้านดินจำนวน 42 หลังที่กระจายตัวอยู่ท่ามกลางเนินเขาและลำธารของหมู่บ้านแห่งนี้เปรียบดั่งภาพวาดจิตรกรรมภูมิทัศน์จีนสุดคลาสสิค
นอกจากนี้ยังมีศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงของบรรพบุรุษตระกูล Zhang ที่ได้มีการอนุรักษ์ไว้อย่างสมบูรณ์เป็นสมบัติของชาติภายใต้การดูแลของรัฐในฐานะวัดเก่าแก่ของบรรพบุรุษที่ยังหลงเหลืออยู่ในประเทศจีนด้านหน้าศาลเจ้ามีเสาหินมังกร24 ต้นที่ถือเป็นกลุ่มเสาหินที่มีจำนวนมากที่สุดและสมบูรณ์ที่สุดในประเทศจีน