ที่แรก อุทยานพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยหรือ อุทยาน ร.๒ ที่เข้าไปแล้วให้ความรู้สึกราวกับว่า หลุดเข้าไปอยู่ในโลกวรรณคดีกันเลยทีเดียว ที่นี่มีทั้งให้เที่ยวชม สถาปัตยกรรมไทย หุ่นปั้นตัวละครในวรรณคดีที่พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์ ขึ้นมาไม่ว่าจะเป็น เรือนไทยหมู่เรือประพาสอุทยาน รูปปั้น ตัวละครในวรรณคดีเรื่อง รามเกียรติ์ สังข์ทอง ไกรทอง รวมถึงพิพิธภัณฑ์ขนมไทย และสวนดอกไม้ไทยขนาดย่อมรองรับนักท่องเที่ยวได้เซลฟี่กับ พรรณไม้ที่ปรากฏในวรรณคดีเรื่องต่างๆอันเป็นพระราชนิพนธ์ของพระองค์ อาทิ ต้นแสง จันทร์ ต้นสร้อยฟ้า ต้นทับทิมหนู บัว เป็นต้น

เด็ดไปกว่านั้น สถานที่แห่งนี้ได้อนุญาตให้เราแปลงโฉมเป็น นางแบบ-นายแบบย้อนยุคพร้อมถ่ายภาพในชุดไทยโบราณได้อีกด้วย.....หลายคนที่ร่วมทริปนี้ฟินกันสุดๆ หลายคนแต่งชุดไทยงามระหงราวกับอยู่ในโลกวรรณคดีจริงๆ ทุกคนถ่ายรูปอย่างสนุกสนานแถมได้โพสต์ภาพสวยงามแข่งกันขึ้นเฟซบุ๊คอย่างไม่รีรอ ดูจากภาพแล้วก็สวยกันจริงๆค่ะ

อีกที่หนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันแถมเป็น 1 ในแหล่งท่องเที่ยวของ 12เมืองห้ามพลาดในโครงการของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเสียด้วย คือ “ค่ายบางกุ้ง”สถานที่ที่ใครๆก็บอกว่า เป็นแหล่ง Unseen Thailand ที่นี่มีแต่ความน่ารักของสัตว์นานาชนิด เช่น ฝูงปลาขนาดใหญ่ ปลารับแขก จะมารอต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่ใต้โป๊ะ มีม้าแคระหรือเจ้าอรัญญากับมะลิ(แอบได้ยินคนเลี้ยงเรียก) เวลาที่นักท่องเที่ยวนำอาหารมาให้ทางเจ้าของคอกที่เลี้ยงก็จะหยอกล้อให้เจ้าอรัญญาและมะลิ ยิ้มก่อนถึงจะได้กินและก็เห็นมันยิ้มได้จริงๆด้วย....ยิ้มแล้วได้กินก็เลยยิ้มกันใหญ่โตทั้งคนให้ คนชม และเจ้าม้าแคระ

นอกจากนี้ยังมี อูฐ อารมณ์ดีที่เห็นนักท่องเที่ยวถือต้นผักบุ้งไม่ได้เลยเค้าจะวิ่งไปมารอกินผักบุ้ง โดยเฉพาะกับเด็กๆแต่ถ้าผู้ใหญ่ใครไม่มีอะไรติดไม้ติดมือมา เจ้าอูฐ เค้าก็จะเมินๆนะคะ เรียกว่าทำเอากลุ่มเราแอบขำกันทั้งกลุ่มกับอากัปกริยาแบบนี้ แต่ก็ดูน่ารักค่ะ รวมถึง กวางน้อย แพะ จระเข้ นกกระจอกเทศ หมีควาย นางอาย นกสวยงาม กระต่าย มากมายจริงๆ

ที่ค่ายบางกุ้งแห่งนี้ยังมีพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ให้พวกเราได้สักการะ รวมถึงได้กราบไหว้ หลวงพ่อนิลมณี ซึ่งอยู่ในโบสถ์ปรกโพธิ์ หรือโบสถ์ในต้นไม้อายุ ราว 200 ปี มีต้นไม้ปกคลุมถึง4 ชนิด ได้แก่ ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร และต้นกร่าง เสียดายที่ได้ภาพไกลไปนิดเนื่องจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแน่นขนัดมากแต่ก็ดีใจนะคะที่เห็นนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเยอะแยะมากมายเศรษฐกิจในพื้นที่จะได้คึกคักตามไปด้วยค่ะ

พอตกค่ำทริป สวี-วี่-วี ดี๊ ดี ที่ อัมพวา คุณปุ๋ยได้แอบจัดเซอร์ไพร้ซ์เล็กๆให้กับเหล่าบรรดานักท่องเที่ยว เธอเรียกงานนี้ว่า “ย้อนเวลา สู่ยุค 60” เก๋ไก๋เลยทีเดียว..ที่เก๋เพราะบรรยากาศในค่ำคืนทำเอาทุกคนฟินสุดๆ เพราะนอกจากเหล่าบรรดานักท่องเที่ยวในทริปได้แปลงโฉมราวกับอยู่ในยุค60 จริงๆแล้ว ยังแอบมีมีมินิคอนเสิร์ต 18 กะรัต ย้อนยุคอีกด้วย ทุกคนได้ฟังเพลงจากทั้งคุณก้อ คุณไก่ และคุณปุ๋ย รวมถึง คุณพืช ภาคิน จากเดอะวอยซ์ มาร้องเพลงทำให้งานนี้มีสีสันมีชีวิตชีวา เพราะว่าทุกคนโยนความเครียด ความเหนื่อยล้า ฯลฯ  ทิ้งที่ไหนสักแห่งแล้วมารวมตัวกันปลดปล่อยอารมณ์สนุกแบบระเบิดเถิดเทิง....เกือบทุกคนบอกว่า เราไม่รู้จักใคร จัดเต็มไปเลย (5555555) และก่อนแยกย้ายกลับเข้านอนมีแมวมองมาสอดส่องมอบตำแหน่งคิงส์แอนด์ควีนส์ของงานให้นักท่องเที่ยวที่แต่งชุดยุค 60 ที่เก๋ไก๋ที่สุด....พอเห็นเจ้าของรางวัลแล้วบอกว่าเธอแซ่บจริงๆค่ะ

ตื่นเช้าก่อนกลับกรุงเทพได้แวะไปเยี่ยมชม บ้านนิทานคำกลอน2 อยู่ริมน้ำท่าคา เป็นบ้านเก่าแก่อายุเกือบ 100 ปีแล้ว เจ้าของบ้านปรับปรุงใหม่ไว้รองรับแขกผู้มาเยือนที่นี่จะมีมุมให้ได้เก็บภาพเก๋ๆตามอัธยาศัย 

ก่อนกลับกรุงเทพฯเลยขอนวดยืดเส้นยืดสายคลายเส้นกับคนนวดที่คุณปุ๋ยเธอจัดมารองรับในทริปนี้โดยเฉพาะ 

คุณปุ๋ยบอกว่าจัดทริป สวี-วี่-วี ดี๊ ดี ที่อัมพวา ไม่มีอะไรมากเพียงแค่อยากหารายได้ไปซื้อเครื่องเฝ้าระวังการเต้นของหัวใจให้ห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ซึ่งวันนี้ขาดแคลนเป็นอย่างมาก ...

ค่ะเที่ยวทั้งทีได้ทั้งบุญได้ทั้งความสุขใจคนถึงร่วมทริปกับเธออย่างอุ่นหนาฝาคั่งขนาดนี้.