ลิเวอร์พูล - มิลาน คู่ชิง ในฝัน ...
PSV - Milan
เกมนี้ พีเอสวี มีงานหนักดั่งเข็นครกขึ้นภูเขา เพราะต้องยิง มิลาน อย่างน้อย 2 ลูก เพื่อเสมอ และ 3 ลูกเพื่อชนะ โดยมีข้อแม้ว่าต้องไม่เสียประตูเลย และพีเอสวีก็ทำได้ครับ ทำได้ใน 2 เงือนไขแรก ทว่า เงื่อนไขหลังที่สำคัญ พวกเขาพลาด
ผมดูเกมนี้ได้แค่ครึ่งเดียวครับ ถึงแม้จะเป็นเกมที่สนุก แต่ก็ทนพิษบาดแผลที่ตาไม่ไหว จำต้องปิดตาเพื่อรักษาบาดแผลแห่งความง่วงไปในช่วงพักครึ่ง
มารู้ทีหลังว่า มีสกอร์เกิดขึ้น อีก 3 ประตู แล้ว อดเสียดายนึกถึงความตื่นเต้นเร้าใจไม่ได้ แต่เอาเถอะ...ก็มันง่วงนี่หว่า
รูปเกมครึ่งแรก เป็นฝ่ายเจ้าบ้านที่คุมเกม ได้ตลอด ซึ่งจะว่าไปแล้วมันก็คล้ายๆ กับเกมนัดแรกที่ ซาน ซีโร่ (แมตช์นั้น ผมหลับตั้งแต่ เกมยังไม่เริ่ม ..เหอๆ) ทว่ามีการเปลี่ยนผู้เล่น ที่สำคัญๆคือ
เอาศูนย์หน้าตัวเป้า-ฮัสเซลลิง-ที่ใหญ่และแข็งแกร่งลงมาเพื่อค้ำยันในแดนหน้า และสามารถเก็บบอล พักบอลได้ ด้วย
และเพียงแค่ น.9 ฮัสเซลลิง ก็ตอบแทนความไว้ใจ และพิสูจน์ให้เห็นว่า กุส ฮิสดิ้ง วางแผนมาถูก
พีเอสวีขึ้นนำได้เร็วตามที่ ตั้งเป้าไว้ จากการทำเกมที่ เร็ว และ จังหวะปิดบัญชี ที่เฉียบขาด ของ ปาร์ค จี ซอง โดยมี ฮัซเซลลิง เป็นตัวพักและพลิกบอลให้
มิลานนัดนี้ วางแผนมารับเต็มที่ จะเห็นได้ว่า ส่งกองกลางตัวรับลงมาถึง 3 คน ที่เพิ่มมาคือ อัมโบรซินี่ แล้วดัน เซดอร์ฟ ขึ้นไปทำเกม คู่กับกาก้า สนับสนุน เชว่า ที่ยืนหอกเดี่ยว
ช่วงแรก พีเอสวี ค่อยๆ นวด มิลาน เรื่อยๆ จนได้ประตูนั่นแหละ มิลาน ถึงเริ่มรู้สึกกดดันและขึ้นเกมมาบ้าง แต่ก็ยังไม่มีโอกาสปิดสกอร์ที่จะแจ้งให้เห็น
หลายครั้งที่ ทีมเยือนต่อบอลบอลพลาดหรือไม่ก็โดน เจ้าถิ่น ตัดบอลได้ตลอด เห็น พิเอสวีเล่น แล้วรู้สึกเนียนตาเหลือเกิน
โดยเฉพาะ เกมทางฝั้งซ้าย ที่มี โสมพลังคู่ ลี "ไอ้กางเกงยีนส์" ยอง เปียว ประสานงานกับ ปาร์ค "ไอ้สวน" จี ซอง ได้เข้าขากันมาก
"ไอ้กางเกงยีนส์" ขึ้นสูงมากในเกมนี้ หลายจังหวะ ที่ขึ้นมาเล่นปีกซ้าย โยกหลบ สับขาหลอก "ไอ้ห้างฯ"คาฟู เสียคนหลายครั้ง
ส่วนไอ้สวนนี้ ไม่ต้องพูดถึง จังหวะได้ประตูก็หมอนี่แหละครับ ปั้นเกมเอง (ไหนว่าไม่พูดถึงไงฟะ)
ยอมรับว่า เพิ่งมีโอกาส เห็น 2 คนนี้ ใน บอลยุโรป ก็ไม่แปลกใจว่า ทำไม ฮิสดิ้ง ถึงหนีบ 2 คนนี้ ตามมาอยู่ด้วย
นานๆ มิลานจะได้บุกขึ้นมาซะที ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไร ก็เขจ้าถิ่นเล่น ของบอลเอง ซะ 66 : 34 เปอร์เซนต์ ซะงั้น
แต่ก็ต้องชมมิลานด้วยครับ ว่าเก๋าเกมมาก ที่เมื่อโดนนำไป แต่ก็ยังรักษาอาการของทีมที่จะเข้าชิงไว้ได้
ฝ่ายพีเอสวี ก็ไม่ได้ตะบี้ตะบันบุกครับ ฮิสดิ้ง คงจำนัดแรกมาเป็นบทเรียนได้ เพราะ เชว่า และ "ไอ้ขนมถุง"กาก้า นั่นเป็นพวก ไว้ใจไม่ได้
และฮิสดิ้งคงพอใจ ในหมกที่ตัวเองวางไว้ คือขึ้นนำเร็ว นำให้หลังจากนั้น ก็เล่นง่ายขึ้น ยังมีเวลอีกเยอะที่จะ ทำได้อีกประตูเพื่อเสมอ
และถ้าหากจะต้องเวลา ฮิสดิ้งก็คงมั่นใจในสภาพความฟิตของทีมตัวเอง เพราะก่อนหน้านี้ ก็ได้พักผู้เล่นตัวจริง ในบอลลีก จึงมีความสดกว่า
ขณะที่ มิลาน ต้องกรำศึกหนัก ทั้ง ในและนอกมาตลอด ผู้เล่นตัวจริง จึงถูกใช้บริการทุกนัด ซึ่งมีผลต่อนัดนี้เป็นอย่างมาก
จะเห็นว่า การเข้าบอล ของ ผู้เล่น มิลานมักจะช้ากว่า พีเอสวี ไปครึ่งก้าวเสมอ และเมื่อสุดท้ายต้องดวลกันถึงต่อเวลา น่าวิตกแทนจริงๆ เพราะสุดสัปดาห์นี้ ก็ต้องปทะแข้งกับม้าลาย ยูเว่
คล้ายกับว่าเป็นแมตช์ชิงแชมป์เซเรีย อา กลายๆ
และแล้วครึ่งแรก ก็จบไปพร้อมกับกับการเข้าสู่พะวังของผม
ตื่นมาอีกที ตอนเช้า ก็มาได้ยิน คุณเอกราชแกพูดถึงเกมคู่นี้พอดี ...
ฟังแล้วรู้สึกว่า มีใครมาเขียนบทหรือป่าวฟะ
นี่มันหนังดราม่า โศกนาฏกรรม(สำหรับพิเอสวี)ชัดๆ
นักแรก ก็เล่นดีกว่า เพียงแต่ว่าเสียประตูไปเพราะบุกเพลินเท่านั้นเอง และถ้าเสียแค่ 1 ประตู นักที่ 2 ก็คงไม่หนักเท่านี้ แต่ดันเสียถึง 2 ในช่วงทดเวลาก่อนจบเกมซะงั้น
มานัดนี้ ก็๋โดนคนเขียนบท-ถ้ามี-เล่นตลอกอีกแล้ว เล่นดีกว่านำไปก่อนถึง 2 ลูก จนสามารถต่อเวลาได้ ทว่า ก็มาเสียประตู จากจังหวะเสียสมาธิง่ายๆอีกแล้ว
ถ้าเป็นทีมอื่นคงท้อแท้-ไม่ท้อเทียม-แล้ว แต่นี่ คือพีเอสวีในร่าง เกาหลีใต้ ที่ใจสู้ตลอด และก็ยิงเพิ่มได้อีก 1 ประตู ทำให้ นำอยู่ 3-1
รวม 2 นัดแล้ว ก็ 4-4 แต่เสีย away goal
ก็เป็นอันว่า ทีมที่เล่นได้ดีกว่าไม่จำเป็นต้องเข้าชนะ(รวม2นัด) เสมอไป เพราะ ฟุตบอลไม่มีคะแนน ให้
มิลานนี่ ถือว่าโคตรบอลจริงๆ ครับ ผมดูเกมครึ่งแรก รู้สึกว่ามันไม่มีอะไรเลย ยังเป็นห่วงว่า "ผีร้าย" ที่แพ้ต่อ คอรุนญ่าจะตามมาหลอกหลอนหรือเปล่า
ยอมรับว่าแอบลุ้น พีเอสวี ครับ เพราะเห็นพวกเขาเล่นได้ดีเหลือเกิน
แต่ว่า ก็ยังคงเป็นอย่างที่สงสัยละครับ ว่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปีนี้ เหมือนมีใครมาเขียนบทเอาไว้
มิลาน กับ ลิเวอร์พูล มิรูปเกมที่คล้ายกันนะครับ คือ เน้นหลังแน่น ค่อยๆ ขึ้นเกม และส่วนใหญ่ จะเป็นฝ่ายที่ครองเกมได้น้อยกว่า
แต่ความแตกต่างคือ มิลาน พิสูจน์แล้วว่าของจริงๆ นักเตะ ก็ระดับโลกทั้งนั้น ย่อมมีประสบการกว่าแน่นอน
แต่ลิเวอร์พูลมีแค่ "ต. กับ จ." ครับ(ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพลงที่ดัง เพื่อนผม มันชอบเอา 2 อวัยวะที่อยู่ตรงข้างกับ มาแทนที่ 2 พยัญชนะ ข้างต้น)
ตัวและใจ จริงๆ ที่เข้ารอบมาถึงขนาดนี้ ก็ต้องถือว่า กองเชียร์ เดอะ ค็อป มีส่วนอย่างมาก (วัดเสียงเชียร์ ได้เกือบ 120 เดซิเบล - เกือบถึงจุดที่ทำให้หูตึงชั่วคราว)
การต้องไปเล่น สนามเป็นกลางที่อิสตันบูล ก็คงต้องตัดตัวช่วยนี้ออกไป
ไม่ว่าผลนัดชิงจะเป็นยังไง เชื่อว่า คู่นี้ จะเป็นคู่ชิงที่สมน้ำสมเนื้อแน่
ดูแค่ชื่อ แล้วรับรองว่า เป็นคู่ชิงในฝันของใครหลายใคร
สุดท้ายก็ต้องดูว่า คนเขียนบท UCL ปีนี้ คือใคร เอล ราฟา หรือ ว่า คาร์โล อันเชล็อตติ...
Create Date : 05 พฤษภาคม 2548 |
|
12 comments |
Last Update : 5 พฤษภาคม 2548 11:56:55 น. |
Counter : 516 Pageviews. |
|
|
ลูกที่อัมโบรโหม่งได้ ลืมตัวกรี๊ดออกมากลางดึกเลยค่ะ
แต่ก็ยอมรับด้วยว่า พีเอสวียอดเยี่มมากจริงๆ