37th./EPL.21: แมนฯยูไนเต็ด 1 - 0 ลิเวอร์พูล
แมนฯยูไนเต็ด 1 - ลิเวอร์พูล 0
สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ประตู : 1-0 ริโอ เฟอร์ดินันด์ นาที 90
ผู้ชม : 67,874 คน
เกมหยุดโลกนัดนี้เจ้าถิ่นแมนฯ ยูไนเต็ด ที่เพิ่งเรียกขวัญจากการไล่ถลุงเบอร์ตัน อัลเบี้ยน ทีมนอกลีกในศึกเอฟเอ คัพ นัดรีเพลย์เมื่อกลางสัปดาห์ ซึ่งนัดนี้แม้เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะเรียกตัวจริงกลับมาหลายคน แต่ก็ขาดไปไม่น้อยเช่นกันทั้ง คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ที่ติดโทษแบน และพอล สโคลส์ ที่มีปัญหาเรื่องสายตา รวมทั้งปาร์ค จี ซอง มิดฟิลด์พลังโสม และอลัน สมิธ ที่ไม่มีชื่อในเกมนี้ ทำให้แดนกลางเป็นจอห์น โอเช กับดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ ที่ลงทำหน้าที่แทน ส่วนปาทริซ เอวร่า แบ็กซ้ายหน้าใหม่ได้ลงเป็นตัวจริงอีกครั้ง
ด้านลิเวอร์พูล ที่ผลงานสุดยอดในช่วง 2 เดือนหลัง นัดนี้ราฟา เบนิเตซ แทบไม่มีปัญหาผู้เล่นตัวหลักเลยโดยขาดเพียงหลุยส์ การ์เซีย ปีกจอมเทคนิคคนเดียวเท่านั้นที่เจ็บ ทำให้สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด โดนโยกไปยืนมิดฟิลด์กราบขวาทิ้งแดนกลางให้โมฮัมเหม็ด ซิสโซโก้ เป็นลูกมือชาบี้ อลอนโซ่ ส่วนแดนหน้าปีเตอร์ เคราช์ ยืนจับคู่กับฌิบริล ซิสเซ่
เกมเปิดฉากมาอย่างเร้าใจด้วยเสียงเชียร์กระหึ่มโรงละครแห่งความฝัน แต่เป็นลิเวอร์พูล ที่ดูจะตั้งต้นได้เร็วกว่า และได้จังหวะทักทายก่อนในนาทีที่ 8 จากจังหวะสวนกลับเร็วของเจอร์ราร์ด ที่ตัดบอลได้กลางสนามก่อนกระชากไปส่องไกลระยะ 20 หลาแต่ออกหลังไป
ถัดมาก็มีจังหวะปะทะกันพอหอมปากหอมคอระหว่างคีแรน ริชาร์ดสัน ที่เข้าไปเสียบโมฮัมเหม็ด ซิสโซโก้ ก่อนจะลุกมาปะทะคารมกันเล็กๆ ทำให้ไมค์ ไรลีย์ ต้องแจกใบเหลืองให้ทั้งคู่เพื่อสงบสติอารมณ์
ผ่านครึ่งชั่วโมงไปเกมทำท่าจะออกอีหรอบเดิมเมื่อต่างก็ไม่สามารถเซ็ตเกมรุกเพื่อเจาะคู่ต่อสู้ได้เลย แม้ว่าแมนฯ ยูไนเต็ด ดูจะน่าฝากความหวังไว้กับรูนี่ย์ ที่เล่นได้ดีและมีส่วนร่วมกับเกมตลอดเวลาก็ตาม
แต่ในนาทีที่ 32 การผ่านบอลที่เฉียบคมของเจอร์ราร์ด ก็เกือบทำให้ซิสเซ่ ทำประตูได้เมื่อเปิดเรียดติดไซด์ก้อยให้หัวหอกน้ำหอมสปีดเข้าถึงเขตโทษแต่จังหวะสุดท้ายดีดโดนไม่เต็มเท้าทำให้พลาดไป
"หงส์แดง" ยังดูมีทีเด็ดให้หวาดเสียวมากกว่าในเกมรุก และมีโอกาสสวยๆอีกหนจากจังหวะประสานงานอันยอดเยี่ยมเริ่มจากซิสโซโก้ ที่งัดบอลให้ซิสเซ่ โหม่งเช็ดต่อให้เคราช์ ได้ง้างเท้าวอลเลย์โล่งๆแต่ดันยิงไปติดบล็อกของบราวน์ ที่ตามมาทิ้งตัวสไลด์เอาไว้ได้ทัน
ช่วงเวลาที่เหลือของครึ่งแรกทีมเยือนเป็นฝ่ายครองเกมได้เหนือกว่า แต่โอกาสลุ้นสุดท้ายก่อนพักครึ่งทางเป็นของรุด ฟาน นิสเตลรอย ที่ได้บอลวางยาวหลุดเข้าไปกวาดตัวยิงด้วยซ้ายแต่เบาและตรงตัวเรน่า ที่เซฟได้ไม่มีปัญหา ทำให้หมด 45 นาทีที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ยังเสมอกันแบบโนสกอร์อยู่
ครึ่งหลังแมนฯ ยูไนเต็ด มีการเปลี่ยนตัวเป็นคนแรกโดยเป็นหลุยส์ ซาฮา ที่ลงมาแทนจอห์น โอเช ทำให้ต้องมีการปรับหมากในแดนกลางเล็กน้อย
เกมผ่านมาครบชั่วโมงทีมเยือนเปลี่ยนแปลงผู้เล่นบ้างโดยราฟา ถอดเอาเคราช์ ออกและให้ "เอล มอโร่" เฟอร์นันโด มอริเอนเตส ลงมาแทน
จากนั้นลิเวอร์พูล กลับพลาดได้ประตูอย่างเหลือเชื่อเมื่อฟินแนน ทุ่มเร็วให้ซิสโซโก้ ตวัดไปหน้าประตูฟาน เดอร์ ซาร์ ชกบอลไม่ดีลูกมาตกที่ซิสเซ่ ได้ตวัดยิงเกือบเข้าอยู่แล้วแต่โดนริโอ มาเคลียร์บนเส้นได้อย่างฉิวเฉียด ก่อนที่คิวล์ จะยิงซ้ำอีกครั้งก็ยังโดนฟาน เดอร์ ซาร์ เซฟได้และจังหวะสุดท้ายซิสเซ่ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าอยู่แล้วก็ยังยิงข้ามคานออกไปอีก
ซิสเซ่ทำท่าประจำตัวหลังจากโยนโอกาสและความเชื่อมันของแฟนๆทิ้งไป
เกมเริ่มเปิดแลกกันอย่างสนุก จังหวะต่อมาเป็นทางแมนฯ ยูไนเต็ด ที่สร้างความหวาดเสียวบ้างเมื่อรูนี่ย์ กระชากบอลมาสวยจากกลางสนามก่อนแทงบอลออกทางขวาให้กิ๊กส์ ได้ปาดเข้ากลางมาแต่จังหวะสุดท้ายเรน่า ยังคว้าบอลไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ก่อนที่ประตูชาวสเปน จะโดดปัดลูกเปิดแต่ตัวไปกระแทกเสาประตูจนเกือบหลุดพังลงมา
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย ราฟา ตัดสินใจถอดซิสเซ่ ที่เริ่มทำประโยชน์ไม่ได้ออกและให้ฟลอร็องต์ ซินาม่า ปงโกลล์ ลงมาสร้างความวูบวาบแทนบ้าง
เจ้าถิ่นบดหนักและมาได้หวาดเสียวแบบสุดๆในช่วงท้ายเกม จากจังหวะหมุนตัวยิงของฟาน นิสเตลรอย หน้ากรอบเขตโทษแต่ตรงตัวเรน่า ตามด้วยลูกยิงไกลสุดมันของรูนี่ย์ ที่เฉียดเสาสองไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปดเท่านั้น
เกมทำท่าจะจบลงด้วยผลเสมออยู่แล้ว แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ "ผีแดง" ก็มาได้ประตูชัยจนได้จากลูกฟรีคิกทางกราบซ้าย กิ๊กส์ เปิดเข้ามาอย่างแม่นยำให้เฟอร์ดินันด์ ทะยานขึ้นโขกเต็มๆหัว เปเป้ เรน่า พุ่งสุดตัวปัดแต่ก็ไม่พ้นเป็นประตู 1-0 สำหรับเจ้าถิ่นและเป็นประตูชัยให้แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายมีชัยในเกมสงครามสีแดงนัดนี้ เก็บไปอีก 3 คะแนนไว้ไล่จี้เชลซี ต่อไปพร้อมหนีห่างลิเวอร์พูล ไปเป็น 4 คะแนน
จังหวะนี้เรียกสติของแฟนหงส์กลับมาสู่ความเป็นจริง
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม/คะแนนความสามารถ
แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 7,แกรี่ เนวิลล์ 7,ริโอ เฟอร์ดินันด์ 8,เวส บราวน์ 7,ปาทริซ เอวร่า 6,ไรอัน กิ๊กส์ 7,ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 6,จอห์น โอเช 5 (หลุยส์ ซาฮา น.45 6) ,คีแรน ริชาร์ดสัน 6,เวย์น รูนี่ย์ 9,รุด ฟาน นิสเตลรอย 6
สำรองไม่ได้ลงสนาม : ทิม โฮเวิร์ด ,เนมันย่า วิดิช ,มิกาเอล ซิลแวสตร์ ,จูเซ็ปเป้ รอสซี่
ใบเหลือง : ริชาร์ดสัน น.18 ,รูนี่ย์ น.88
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ มานูเอล เรน่า 6,สตีฟ ฟินแนน 7,เจมี่ คาร์ราเกอร์ 7,ซามี่ ฮูเปีย 7,ยอห์น อาร์เน่ ริเซ่ 6,สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด 5,โมฮัมเหม็ด ซิสโซโก้ 6 (แยน ครอมแคมป์ น.89 5) ,ชาบี้ อลอนโซ่ 6,แฮร์รี่ คิวล์ 7,ปีเตอร์ เคราช์ 6 (เฟอร์นันโด มอริเอนเตส น.70 6) ,ฌิบริล ซิสเซ่ 6 (ฟลอร็องต์ ซินาม่า ปงโกลล์ น.75 6)
สำรองไม่ได้ลงสนาม : เจอร์ซี่ย์ ดูเด็ค ,ฌิมี่ ตราโอเร่
ใบเหลือง : ซิสโซโก้ น.18 ,อลอนโซ่ น.82 ,เจอร์ราร์ด น.90
ผู้ตัดสิน : ไมค์ ไรลี่ย์
หงส์อาจต้องเปลี่ยนเป้าหมาย ?
*ที่มา : www.soccersuck.com
สรุปผลการแข่งขันพรีเมียร์ชิพ 21/01/06
Everton 1 - 0 Arsenal (Beattie 13) Birmingham 5 - 0 Portsmouth (Jarosik 5,Pennant 37,Upson 55,Forssell pen 90 ,Dunn 90 ) Bolton W. 2 - 0 Man C. (Borgetti 37,Nolan 41) Middlesbrough 2 - 3 Wigan (Hasselbaink 56,Yakubu 66 // Roberts 3,Thompson 29,Mellor 90) Newcastle U. 0 - 1 Blackburn R. (Gamst Pedersen 75 ) Tottenham H. 0 - 0 Aston Villa W.B.A. 0 - 1 Sunderland (Le Tallec 72)
22/01/06
Chelsea 1 - 1 Charlton (Gudjohnsen 19 //Bent 59 ) Man U.1 - 0 Liverpool
(Ferdinand 91)
23/01/06 West Ham U. ? - ? Fulham
***********************
เบื่อหลังเกม เบื้องหลังเกม
"ริโอ"ไม่สนผลเชลซีขอชนะไว้ก่อน กิ๊กส์รับเซอร์ไพรซ์โดนหุบเล่นกลาง เซอร์พอใจชนะเกมสูสี
เนวิลล์อาจโดนเล่นหลังสะใจเย้ยเดอะค็อป
ราฟาเจ็บปวด'หงส์'แพ้นาทีสุดท้าย ราฟาบ่นเปาตัดสินไม่เข้าตา
คะแนนความสามารถศึกเร้ดไฟท์ คลิปการทำประตูคู่อื่นๆ
Create Date : 23 มกราคม 2549 |
Last Update : 23 มกราคม 2549 14:44:27 น. |
|
40 comments
|
Counter : 500 Pageviews. |
|
|
|