บ้านเพรางาย
ยินดีต้อนรับผู้มาเยือนด้วยไมตรีจิต
|
|||||
ได้เวลาปั้นน้ำเป็นตัว เหลืองดอกคูนระย้าย้อยริมถนนหนทางในเมืองอุบลราชธานี ร้อนแดดเดือนเมษาขับไสไล่ส่งให้ฉันต้องวิ่งไปเป็นลูกค้าร้านน้ำแข็งด้วยความสมัครใจเป็นที่สุด นอกจากน้ำแข็งแล้วสินค้าอีกชนิดที่เริ่มออกมาวางแผงให้ตื่นตาคือน้ำแข็งไส แค่มีโต๊ะเล็กๆ วางเครื่องเคราส่วนผสมกับเครื่องทำน้ำแข็งไสก็เริ่มมีลูกค้าจับจ้องเป็นเป้าหมายปลายทางกันแล้ว แม่ของฉันชอบกินน้ำแข็งมาก จะร้อน หนาว หรือฝนตก ก็ต้องให้มีน้ำแข็งมาใส่น้ำให้กินแล้วเย็นชื่นใจ แม่บอกว่ากินแล้วมีแรงดี ทั้งบ้านเหมือนจะมีแต่ฉันคนเดียวที่พยายามเลี่ยงการดื่มน้ำเย็น ทั้งที่ในบ้านก็มีตู้เย็นแค่แช่ถาดน้ำไว้ในช่องแข็งก็จะได้น้ำแข็งพอกิน แต่แม่ก็ชอบให้ซื้อน้ำแข็งจากร้านค้ามาให้ พ่อพยายามที่จะไม่ซื้อน้ำแข็งเข้าบ้าน ด้วยอยากจะให้กินแต่น้ำแข็งที่เราทำกินเองในบ้านมากกว่า สุดท้ายก็ทนรบเร้าและอาการหน้าหงิกหน้างอไม่พอใจที่ไม่ได้น้ำแข็งเข้าบ้านตามสั่งไม่ได้อยู่ดี สมัยยังเล็กบ้านของฉันอยู่ที่ภาคใต้ สมัยนั้นน้ำแข็งยังเป็นสิ่งที่ต้องซื้อหาเข้าบ้าน เพราะตู้เย็นยังไม่ได้มีใช้กันทุกบ้านเรือน อย่าว่าแต่ตู้เย็นเลยไฟฟ้าเองยังไม่ค่อยมีใช้กัน บ้านไหนมีไฟฟ้าใช้ มีโทรทัศน์ดู ต้องมีคนไปขอต่อพ่วงไฟฟ้าใช้ ไปขออาศัยดูโทรทัศน์ด้วย จำได้ว่าสมัยนั้นยังมีรถส่งน้ำแข็งวิ่งเป็นสายผ่านหน้าบ้าน ถ้าเป็นสมัยนี้ก็วิ่งไปส่งตามร้านค้าหรือสถานที่ที่ได้มีการตกลงซื้อขายกันไว้ แต่ตอนนั้นชาวบ้านที่ต้องการน้ำแข็งจะใช้วิธีนำกระติกน้ำแข็งไปวางไว้ข้างถนนและใส่เงินไว้ในกระติกตามจำนวนที่ต้องการซื้อ จำได้ว่าจะใส่ไว้ราวๆ ห้าบาทนี่แหละ กระติกน้ำแข็งที่นำไปวางก็มักจะมีขนาดกลางและขนาดใหญ่เพื่อให้สังเกตเห็นได้ชัดเจนและให้ได้น้ำแข็งพอใช้สำหรับวันนั้น วางกระติกทิ้งไว้ก็ไม่ต้องมีคนเฝ้า ถึงเวลาที่รถส่งน้ำแข็งผ่านเขาก็จะตักใส่ให้ตามนั้น ไม่มีการแอบขโมยเงินหรือขโมยกระติกกัน การซื้อน้ำแข็งแบบนี้เป็นสิ่งที่ชาวบ้านประพฤติกันเป็นปกติทั่วไป จนกระทั่งมีรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งถ่ายภาพกระติกตั้งเรียงรายข้างถนนไปตั้งเป็นคำถามให้พวกดาราตอบว่าเขาตั้งกระติกไว้ทำไมกัน ฉันจึงรู้ว่ามันเป็นเรื่องแปลกสำหรับที่อื่น รถส่งน้ำแข็งที่เห็นก็จะเป็นรถหกล้อที่ต่อกระบะด้านหลังด้วยไม้ บางคันแม้แต่หัวรถก็ยังต่อด้วยไม้อยู่เลย ต่างจากรถส่งน้ำแข็งสมัยนี้ที่มีสภาพเป็นตู้ปิดทึบคล้ายห้องเย็นเคลื่อนที่ซึ่งก็คงเก็บความเย็นได้มากกว่า และดูสะอาดเรียบร้อยกว่ากันมาก น้ำแข็งที่ซื้อกันก็จะมีแค่สองประเภทคือ น้ำแข็งบด กับน้ำแข็งก้อนสี่เหลี่ยมใหญ่ประมาณน้องๆ อิฐบล็อกสมัยนี้แต่ความหนามากกว่า ซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า น้ำแข็งกั๊ก ยังไม่มีน้ำแข็งหลอดเล็ก หลอดใหญ่ หรือน้ำแข็งแบบก้อนสี่เหลี่ยมเล็กๆ อย่างที่เห็นทั่วไปในปัจจุบัน คนที่ซื้อใส่กระติกก็จะซื้อพวกน้ำแข็งบด น้ำแข็งก้อนใหญ่มักจะเป็นพวกร้านค้าเท่านั้นที่จะซื้อไว้ คนไทยมีสำนวนที่ว่า ปั้นน้ำเป็นตัว เมื่อต้องการเปรียบเทียบถึงคนที่พูดจาโกหกเป็นเรื่องเป็นราวทั้งที่ไม่มีเค้าความจริงอยู่เลย เพราะเมื่อพูดถึงการปั้นนั้นวัสดุที่นำมาปั้นจะใช้พวกดินเหนียว ปูน หรือดินน้ำมัน ซึ่งเมื่อปั้นเสร็จแล้วจะสามารถคงสภาพนั้นอยู่ได้ แต่น้ำอุณหภูมิปกตินั้นเป็นของเหลวไม่สามารถจะหยิบจับปั้นให้ขึ้นรูปเป็นรูปร่างต่างๆ ได้ตามใจ การจะปั้นน้ำให้เป็นตัวจึงไม่มีทางเป็นไปได้ นอกจากนั้นสำนวนนี้ก็ยังสะท้อนให้เห็นถึงสภาพภูมิประเทศของเมืองไทยซึ่งเป็นเมืองร้อน การที่จะได้เห็นน้ำแข็งตามธรรมชาตินั้นเป็นไปได้ยากยิ่ง จะมีบ้างก็พวกน้ำค้างแข็งหรือลูกเห็บซึ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่จะพบเห็นได้ทั่วไป และไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะฝีมือมนุษย์ปั้นแต่งมาอยู่ดี เคยมีการเถียงค้านเอาสนุกว่า ทำไมจะปั้นน้ำเป็นตัวไม่ได้ก็ดูตามงานที่เขาจัดสิ มีการแกะสลักน้ำแข็งเป็นรูปหงส์รูปนกสวยงามวางประดับงาน ไหนจะจัดประกวดชิงรางวัลอีกมากมาย แม้แต่ต่างประเทศคนไทยก็ยังไปคว้ารางวัลสร้างชื่อเสียงมาแล้ว อย่าว่าแต่แกะสลักน้ำแข็งเลย เมืองไทยที่ไม่มีหิมะตกยังไปชนะการประกวดปั้นแกะสลักหิมะในต่างประเทศมาอย่างน่างงงวย ด้วยว่าไม่น่าเชี่ยวชาญชำนาญเรื่องพวกนี้ได้เทียบเท่าเจ้าของประเทศเหล่านั้น ซึ่งเป็นการพิสูจน์ยืนยันได้ว่าฝีมือเชิงช่างของชาวไทยสมควรเป็นอย่างยิ่งที่ลูกหลานไทยจะร่วมภาคภูมิและสืบทอดให้ยืนนานต่อไป น้ำแข็งเคยเป็นสินค้าต่างประเทศราคาแพงหายาก คนที่จะซื้อหามากินได้จะต้องเป็นพวกเจ้านาย ขุนนางในราชสำนัก หรือระดับเจ้าสัว สมัยรัชกาลที่สี่ประเทศไทยยังต้องสั่งซื้อน้ำแข็งลงเรือกลไฟมาจากสิงคโปร์ เพราะสมัยนั้นได้มีฝรั่งไปตั้งโรงงานผลิตน้ำแข็งอยู่ที่นั่น จนกระทั่งปี พ.ศ. 2427 จึงมีหลักฐานที่ค้นพบว่ามีการพิมพ์ประกาศโฆษณาจำหน่ายน้ำแข็งแสดงว่าจะต้องมีการตั้งโรงน้ำแข็งในประเทศไทยแล้ว มีเรื่องเล่าว่า เมื่อแรกมีน้ำแข็งในประเทศไทย ชาวบ้านร้านถิ่นต่างไม่เชื่อว่าจะมีน้ำแข็งจริงๆ จนทางราชการต้องนำน้ำแข็งใส่ถาดวางไว้ให้ดูด้วยตาตนเองที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ซึ่งขณะนั้นยังอยู่ที่ตึกศาลาสหทัย และมีคนขอเศษน้ำแข็งเพื่อนำกลับบ้านไปให้คนอื่นได้เห็นอย่างตนเองบ้าง โรงน้ำแข็งของคนไทยที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในปี พ.ศ. 2448 คือ โรงน้ำแข็งนายเลิศ ตั้งอยู่บริเวณสะพานเหล็กล่าง ถนนเจริญกรุง ชาวบ้านนิยมเรียกชื่อโรงน้ำแข็งตามชื่อเจ้าของคือ พระยาภักดีนรเศรษฐ (เลิศ เศรษฐบุตร) ทั้งที่โรงน้ำแข็งแห่งนั้นมีชื่อตั้งไว้ว่า น้ำแข็งสยาม จากแรกเริ่มเดิมทีมีการนำน้ำแข็งมาใช้เพื่อรักษาอุณหภูมิและประกอบอาหารด้วยวิธีการง่ายๆ อย่างเช่น การนำน้ำใส่ภาชนะไปวางไว้กลางแจ้งหรือตามหลังคาบ้าน เพื่อให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง ต่อมาก็เริ่มมีการตัดก้อนน้ำแข็งตามทะเลสาบหรือแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อนำไปจำหน่าย ผู้ที่ประกอบอาชีพขายน้ำแข็งจนร่ำรวยด้วยวิธีนี้คือ เฟรเดอริก ทิวดอร์ (Frederic Tudor) นักธุรกิจชาวอเมริกัน เขาได้ดำเนินการตัดก้อนน้ำแข็งในนิวอิงแลนด์ลงเรือส่งไปขายยังหมู่เกาะแคริบเบียนและหมู่เกาะอินเดียตะวันตก แม้ในช่วงแรกจะยังขาดทุนเพราะเทคโนโลยีในการเก็บรักษาความเย็นยังไม่ดีพอ ทำให้น้ำแข็งละลายไประหว่างทางเป็นจำนวนมาก แต่ต่อมาเขาก็ได้พัฒนาการสร้างที่เก็บน้ำแข็งโดยการใช้ขี้เลื่อยของต้นสนห่อหุ้ม และขยายการส่งน้ำแข็งไปยังประเทศต่างๆ ถึง 53 ประเทศ ต่อมาในภายหลังจึงมีโรงงานอุตสาหกรรมผลิตน้ำแข็งเกิดขึ้น และเทคโนโลยีในการเก็บรักษาความเย็นก็พัฒนาจนก้าวหน้าไปมาก ทำให้ปัจจุบันนี้เราสามารถพบเจอน้ำแข็งได้ทุกแห่งหน จนจากที่เคยเป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ น้ำแข็งได้กลายเป็นสินค้าธรรมดาสามัญในชีวิตประจำวันไปแล้ว เหตุผลหนึ่งที่พ่อลูกไม่ค่อยอยากซื้อน้ำแข็งเข้าบ้าน เพราะน้ำแข็งที่ซื้อจากโรงน้ำแข็งที่จำหน่ายอยู่ในตลาดนั้น มักจะเสี่ยงต่อการปนเปื้อนจากการขนถ่ายสินค้า สมัยก่อนมีคนป่วยจากการบริโภคน้ำแข็งกันมาก เพราะหลายแห่งไม่ได้ใช้น้ำที่สะอาดพอมาทำน้ำแข็ง แต่สูบเอามาจากคูคลองสาธารณะ จนรัฐบาลต้องเข้มงวดกวดขันในการตรวจสอบมาตรฐานของโรงน้ำแข็งอย่างจริงจัง ปัญหาเรื่องน้ำที่ใช้ผลิตจึงแทบจะหมดไป แต่ในด้านการขนส่งน้ำแข็งก็ยังไม่น่าไว้วางใจนัก เพราะคนงานที่ยกแบกขนส่งน้ำแข็งหลายแห่งยังไม่ค่อยดูแลความสะอาดของตนเอง ตลอดจนขาดความใส่ใจและความระมัดระวังในการรักษาความสะอาดของน้ำแข็งที่ตนขนส่ง แค่เห็นพื้นไม้ในโรงขายน้ำแข็งเปียกชื้นอยู่ไม่เคยแห้ง ฉันก็หวาดๆ กับเชื้อโรคที่ชอบอาศัยอยู่ในที่ชื้นแฉะแบบนั้นเหลือเกิน โชคยังดีที่บ้านฉันยังไม่เคยมีใครเจ็บไข้ได้ป่วยโดยมีสาเหตุจากการรับประทานน้ำแข็งเลยสักราย เราจึงยังคงกินน้ำแข็งกันต่อไปแม้จะปะปนด้วยความหวาดระแวงแคลงใจอยู่บ้าง โธ่! ก็ฤดูร้อนจะมีอะไรดับกระหายได้ยอดเยี่ยมยิ่งไปกว่าน้ำแข็งอีกล่ะ ร้านค้าและโรงน้ำแข็งทั้งหลายประจักษ์ความจริงข้อนี้เป็นอย่างดีจากยอดขาย เพราะงั้นก็ปั้นน้ำมาเถอะนะ ขอแค่ช่วยรักษาความสะอาดให้เราได้อุดหนุนกันไปนานๆ เราก็ยินดีจะเป็นลูกค้าผู้ซื่อสัตย์ต่อไป... 6 เมษายน 2561 ศุกร์
น้ำแข็งไสแบบโบราณเกือบทำผมนิ้วขาดไปแล้ว
โดย: ลุงแมว วันที่: 7 เมษายน 2561 เวลา:17:22:33 น.
เคยเห็นน้ำแข็งก้อนใหญ่ ๆ ที่เขาวางกับพื้น เข็นไปเข็นมา
ยังไงทำกินเองก็สะอาดปลอดภัยกว่าค่ะ ขอบคุณที่แวะไปชมดอกบัวดินค่ะ ลองหามาปลูกใหม่สิคะ หน้าฝนจะได้ชมดอกเขาแน่นอนค่ะ โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 7 เมษายน 2561 เวลา:17:50:03 น.
ตตามงานแต่งงานหรืองานเลี้ยงใหญ่ๆในโรงแรม
มักจะมีก้อนน้ำแข็งแกะสลักเป็นรูปต่างๆสวยงาม ยังว่าเค้าเข้าใจทำ ปั้นน้ำเป็นตัวได้เก่งมากๆ น้ำแข็งที่บรรจุถุงที่วางขาย ไม่ค่อยสะอาด หรือไม่สะอาดเลย ทางที่ดี ทำกินเองดีที่สุดค่ะ โดย: mambymam วันที่: 7 เมษายน 2561 เวลา:18:47:51 น.
คิดถึงน้ำแข็งกดเลยค่ะ
ขอบคุณที่ไปเยี่ยมและโหวตให้นะคะ โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 7 เมษายน 2561 เวลา:18:54:23 น.
ขอบคุณที่แวะไปทักทายนะคะ
อ่านแล้วคิดถึงอดีตขึ้นมาทันทีเลย น้ำแข็งกั๊กก้อนใหญ่ ๆ มีแกลบกันละลายด้วย เห็นน้ำแข็งไสแล้วก็ที่ทำแล้ว เปรียบเหมือนบิงซูในสมัยนี้เลยนะคะ อีกอย่างที่ำให้คิดถึงอดีตก็คือน้ำหวานใส่ถุงพลาสติกแช่แข็ง เวลาจะกินก็กัดตูดถุงแล้วดูด อร่อยจริง ๆ ^__^ โดย: เนินน้ำ วันที่: 8 เมษายน 2561 เวลา:9:43:01 น.
เล่าสนุกเห็นภาพเลยค่ะ
ยังมีประวัติน้ำแข็งเสริมได้ความรู้เพิ่มอีก ตามต่างจังหวัดเจ้าของโรงปั้นน้ำเป็นตัว รวยๆทั้งนั้นเลยนะคะ น้ำแข็งมีประโยชน์หลายอย่าง ถึงจะรู้ว่าทำให้กระเพราะอาหารทำงานยากขึ้นก็อดทานไม่ได้ ก็บ้านเราเมืองร้อน ทานเย็นๆแล้วชื่นใจค่ะ โดย: mcayenne94 วันที่: 8 เมษายน 2561 เวลา:22:08:49 น.
คิดถึงน้ำแข็งใส่ ใส่เครื่องหลายๆชนิด ชอบมากค่ะ โดย: newyorknurse วันที่: 11 เมษายน 2561 เวลา:3:37:15 น.
วันนี้ตื่นมาก็เริ่มร้อนๆแล้ว
แวะมาบ้านนี้หาน้ำแข็งซดให้ชื่นๆใจ ไว้ก่อนค่ะ โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 19 เมษายน 2561 เวลา:6:45:02 น.
ทักทายยามวิกาลค่า
แอบเห็นไปทิ้งเม้นท์ไว้ที่บล็อกน้องหนาม ก็เลยตามรอยมาค่ะ นึกว่าอัพบล็อกใหม่แล้วซะอีก อ้าว ยังไม่เลิก "ปั้นน้ำเป็นตัว" อีกเหรอคะ อิอิ หลับฝันดีนะคะ เราหลับไปตื่นหนึ่งแล้วค่ะ โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 21 เมษายน 2561 เวลา:23:34:53 น.
ปอมชอบทานน้ำแข็งค่ะ
ถ้าเกิดเร็วกว่านี้คงลำบากเพราะต้องนำเข้าจากสิงคโปร์ โดย: กาปอมซ่า วันที่: 1 พฤษภาคม 2561 เวลา:13:25:50 น.
|
เพรางาย
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?] คนที่กำลังไล่ตามความฝัน ท่ามกลางความผกผันของวันเวลา Group Blog All Blog
Friends Blog
|
||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |