หมึกสีดำของไผ่สีทอง
ความโศกทั้งหลาย ย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้มีจิตมั่นคง ไม่ประมาท เป็นมุนี ศึกษาในทางปฏิบัติถึงมโนปฏิบัติ เป็นผู้คงที่ ระงับแล้ว มีสติทุกเมื่อ,, การไม่ทําบาปทั้งปวงหนึ่ง การยังกุศลให้ถึงพร้อมหนึง การชําระจิตใจของตนให้ผ่องแผ้วหนึ่ง นี่แลเป้นคําสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
29 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 

ทางสายพระนิพพาน ตอนที่ 7


การปฏิบัติเพื่อพระอนาคามีมรรค
สำหรับวันนี้ ก็จะขออธิบายเรื่องการปฏิบัติถึงการเป็นพระอนาคามีมรรค เป็นการสืบต่อจากวันก่อน ก็เพราะว่าบรรดาท่านพุทธบริษัทจะศึกษาปฏิบัติ หรือว่าเวลาที่น้อมจิตหรือพิจารณาพระกรรมฐานในด้านการปฏิบัติตามแบบฉบับที่เขาปฏิบัติกันมา
ในอันดับแรกต้องทวนต้นไว้เสมอ เพื่อทรงอารมณ์ให้เป็นปกติ ผลแห่งการปฏิบัติที่จะมีผลจริง ๆ นี่เราหมายถึงว่าเอาผลกันจริง ๆ ไม่ใช่สักแต่ว่าทำ นั่นเขาใช้อารมณ์พิจารณาเป็นสำคัญการใช้อารมณ์ภาวนานี่เป็นการยับยั้งจิต ไม่ให้มีอารมณ์ฟุ้งซ่านเท่านั้นเอง ตอนนั้นการยับยั้งจิต ไม่ให้มีอารมณ์ฟุ้งซ่านเป็นอารมณ์ของฌาน เป็นบันไดที่จะก้าวไปสู่วิปัสสนาญาณ การทรงจิตเป็นฌานยังไม่ใช่มรรค ไม่ใช่ผล แต่ทว่าเราก็ทิ้งไม่ได้
นักปฏิบัติต้องประกอบกิจ 3 อย่างพร้อมกัน คือ
อธิศีลสิกขา มีศีลบริสุทธิ์ คำว่า บริสุทธิ์ นี้ไม่ใช่สักแต่ว่าบริสุทธิ์เฉพาะเวลามานั่งภาวนา ต้องบริสุทธิ์ตลอด 24 ชั่วโมง
อธิจิตสิกขา ต้องมีสมาธิทรงตัว มีจิตน้อมอยู่ในด้านของกุศลตลอดเวลา คำว่าสมาธิแปลว่าการตั้งใจ ว่าตั้งใจไว้เฉพาะจุดเดียว คือ อารมณ์ที่เป็นกุศล อารมณ์ที่เป็นกุศลมีมากมายอย่างจะเป็นอะไรก็ช่างตามที่เราต้องการ จุดนั้นเราจะนึกไว้เสมอ
อธิปัญญาสิกขา พิจารณาตามแบบฉบับในระดับของสังโยชน์ที่เราจะพึงตัด แล้วก็ทรงอารมณ์ที่เป็นกุศลจำเป็นที่ต้องเข้าถึงในขณะนั้น
ถ้าอารมณ์ทรงตัวแบบนี้หมายความว่า ขณะใดที่จิตคิดอยู่ในด้านของกุศล ขณะนั้นชื่อว่าจิตของเราทรงศีล ทรงสมาธิแล้วถ้ามีปัญญาพิจารณาความเป็นจริงจากขันธ์ 5 ว่า
ชาติปิ ทุกขา ความเกิดเป็นทุกข์
ชราปิ ทุกขา ความแก่เป็นทุกข์
มรณัมปิ ทุกขัง ความตายเป็นทุกข์
โสกะปริเทวะทุกขะโทมะนัส ความเศร้าโศกเสียใจเป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากของรักของชอบใจเป็นทุกข์ รู้จักว่านับตั้งแต่เกิดมาถึงวันตายไม่มีอะไรเป็นสุข
แล้วทุกข์ตัวนี้มาจากไหน ทุกข์ตัวนี้มาจาก ตัณหา คือความทะยานอยาก จิตติดอยู่ในโลกีย์วิสัย มีอุปาทานเป็นเครื่องยึดมั่นถือมั่นว่า ร่างกายเป็นเรา เป็นของเรา เรามีในร่างกาย ร่างกายมีในเรา หรือว่ามีจิตเรายึดมั่นถือมั่นในร่างกายว่า มันเป็นเราเป็นของเรา ก็เลยลืมความตาย จิตก็ประกอบไปด้วยความชั่วที่เรียกว่า อกุศล คำว่า อกุศลนี่เขาแปลว่าไม่ฉลาด สร้างกรรมที่มันเป็นปัจจัยให้เกิดความเดือดร้อนทั้งเราและบุคคลอื่น อย่างนี้เป็นอกุศล อารมณ์ของเราจะต้องไม่จับอย่างนี้จะต้องทำลายความอยากประเภทนี้เสีย
ใช้ปัญญาพิจารณาหาความเป็นจริงจากขันธ์ 5 ว่าขันธ์ 5 มันเป็นเราจริงรึ หรือว่าเป็นของเรา ถ้ามันเป็นเราจริง เป็นของเราจริง ตั้งแต่วันเกิดจนถึงวันนี้เราเคยคิดอยากจะตายบ้างไหม เคยคิดอยากจะป่วยบ้างไหม คิดอยากจะให้ร่างกายมันร้อนจัดมีบ้างไหม คิดอยากจะให้ร่างกายมันหนาวจัดมีบ้างไหม และคิดบ้างหรือเปล่าว่า เราต้องการคำกระทบกระทั่งจากคำวาจาของบุคคลอื่นที่เป็นที่ไม่ชอบใจ ของเรามีบ้างไหม หรือว่าเราต้องการการกระทำของบุคคลอื่นที่ไม่ถูกใจเรามีบ้างไหม อาการอย่างนี้จิตเราไม่เคยคิดอยากจะได้ แต่ว่ามันมีบ้างไหมล่ะ อาการอย่างนี้มันปรากฏแก่เราบ้างไหม ถ้ามันปรากฏก็แสดงว่า ร่างกายนี่มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
นี่ใช้ปัญญากันแบบย่อ ๆ เรียกว่า ปัญญาเป็นเครื่องพิจารณาเป็นเครื่องตัดตัวเกิด หรือ การตัดตัวทุกข์ ถ้าตัดตัณหาได้ มันก็ตัดทุกข์ได้ ถ้าตัดตัณหาไม่ได้มันก็ตัดตัวทุกข์ไม่ได้ ตัณหาที่มีความสำคัญที่สุดก็คือ อยากเกิด ถ้าขณะใดที่มีการอยากเกิด อยากทรงอยู่ ไม่อยากตาย ขณะนั้นไม่มีทาง ยังต้องเกิดรับทุกข์ต่อไป จนกว่าจะมีปัญญาพิจารณาทราบตามความเป็นจริง เรื่องนี้ขอยกไว้
ทีนี้ก่อนที่เราจะพูดกันถึงพระอนาคามี ย้อนถอยหลังไปอีกนิด ว่าการที่จะทรงอารมณ์เป็นพระโสดาบัน เขาทรงด้วยกรรมฐานอะไรบ้าง กรรมฐานทั้งหมดนี้ไม่ต้องไปนั่งหลับตาก็ได้ให้จิตมันนึกไว้เสมอ ลืมตาอยู่ทรงอารมณ์อยู่ ให้มันนึกไว้เสมอ เวลาทำงานทำการก็ทำไป จิตอยู่ในการงาน เวลาจะพูดเรื่องอะไรที่เป็นสาระก็ให้จิตอยู่ในเรื่องของการพูด หยุดพูด หยุดทำน้อมจิตคิดถึงอารมณ์ต่อไป
บุคคลที่จะเป็นพระโสดาบันตัดสักกายทิฏฐิได้เล็กน้อย นั่นก็คือนึกถึงความตายเป็นอารมณ์ ความเมาในชีวิตในร่างกายยังมีอยู่ แต่ไม่ลืมความตาย ยังรักสวย ยังรักงาม แต่ทว่าก็คิดว่าความสวยความงามนี่ในไม่ช้ามันก็พังสลายตัวไป ก็มีอารมณ์ไม่ประมาทในชีวิต คือว่าการตายคราวนี้จะต้องเกิด ถ้ามันจำจะต้องเกิดจริง ๆ ก็ให้มันเกิดดีกว่านี้ แต่เนื้อแท้จริง ๆ แล้ว เราไม่ต้องการเกิด สิ่งที่เราต้องการคือ พระนิพพาน ถ้าอารมณ์จับพระนิพพาน นึกถึงพระนิพพานอย่างนี้ ท่านเรียกว่า อุปสมานุสสติกรรมฐาน การนึกถึงความตายไว้เป็นปกติ เรียกว่า มรณานุสสติกรรมฐาน
ทีนี้เมื่อจิตจับพระนิพพานแล้ว เราก็ต้องดูต่อไปว่า คนที่จะก้าวไปสู่พระนิพพานเขาใช้อะไรบ้างเป็นเบื้องต้น อันดับแรกก็นึกถึงความดีของพระพุทธเจ้า เรียกว่า พุทธานุสสติกรรมฐาน ยอมรับนับถือคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกว่า ธัมมานุสสติกรรมฐาน ยอมรับคุณสมบัติที่ทรงซึ่งความดีไว้ของพระสงฆ์ เรียกว่า สังฆานุสสติกรรมฐาน และจิตใจของเราก็ตั้งไว้เสมอว่าจะทรงศีลให้บริสุทธิ์ ว่าถ้าศีลของเราไม่บริสุทธิ์เราก็ต้องมีโอกาสไปอบายภูมิ ขึ้นชื่อว่าอบายภูมิทั้ง 4 มีนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน เราไม่ยอมไป เราจะไม่ไปได้ก็เพราะอาศัยมีศีลบริสุทธิ์ มีกำลังใจควบคุมศีลอยู่เป็นปกติ ไม่พลาดจากจิต อย่างนี้ เรียกว่า สีลานุสสติกรรมฐาน
แล้วก็พิจารณาต่อไปว่าศีลจะทรงอยู่ได้ เพราะอาศัยอะไรเป็นเครื่องควบคุม ก็เพราะอาศัยพรหมวิหาร 4 ถ้าเรามีพรหมวิหาร 4 ศีลไม่บกพร่อง สมาธิก็ทรงตัว อย่างนี้ใช้พรหมวิหาร 4 เป็นกรรมฐานก็เรียกว่า พรหมวิหาร 4 ทรงตัว ทีนี้พรหมวิหาร 4 จะทรงตัวได้ดีจริง ๆ อาศัยอะไรเป็นสำคัญ อาศัยหิริและโอตตัปปะ คือ หิริ ความอายต่อความชั่ว โอตตัปปะ เกรงกลัวผลของความชั่วจะให้โทษเป็นทุกข์ อาการอย่างนี้ เมื่อจิตทรงได้อย่างนี้จริง ๆ ก็ชื่อว่าเป็นพระโสดาบัน
นี่ความจริงไม่ต้องไปนั่งหลับตาก็ได้ ให้จิตมันทรงอารมณ์อยู่อย่างนี้เป็นปกติ นั่งหลับตา อ่านตำรา ฟังเทศน์ พอเลิกแล้วจิตคิดอยากจะอิจฉาคนโน้น อยากจะด่าคนนี้ อยากจะว่าคนนั้น อยากจะกลั่นแกล้งคนนี้ อย่างนี้หลับตาไปสักกี่แสนชาติ มันก็ลงอบายภูมิทุกชาติ ไม่เกิดประโยชน์ ประโยชน์ที่จะเกิดจริง ๆ ก็คือ อารมณ์จิตที่ทรงตัว
ทีนี้ถ้าหากว่าจิตจะทำอย่างนี้จะเป็นฌานไหม มันก็ต้องเป็นฌาน ฌานัง เขาแปลว่า การเพ่ง หมายความว่า จิตจับอยู่ในอารมณ์ใดอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วทุกอย่างนี่มันอยู่พร้อม ๆ กัน ไม่ใช่ไล่เบี้ยทีละอย่าง จิตมันทรงตัวอยู่เป็นปกติ อารมณ์จะเป็นขนาดไหนก็ตาม เราจะไม่ยอมละเมิดสิ่งทั้งหมดตามที่กล่าวมา จิตมีสภาพทรงตัว คิดอยู่เสมออย่างนี้เขาเรียกว่า ฌาน ฌานนั่งหลับตานั่นไม่ใช่ฌานจริง มันต้องลืมตา หลับตาลืมตามีสภาวะจิตเสมอกัน ถ้าทำกิจการงานอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ก็ตาม อารมณ์จิตมีความเยือกเย็นตามที่กล่าวมาแล้ว อารมณ์ที่กล่าวมาแล้วนี่เป็นอารมณ์แห่งความเยือกเย็น เมื่อทรงตัวได้อย่างนี้เป็นปกติ ท่านก็เรียกว่าพระโสดาบัน ไม่เห็นจะมีอะไรยาก
คราวนี้สำหรับพระสกิทาคามี มีอารมณ์เช่นเดียวกับพระโสดาบัน ถ้าสกิทาคามีมรรค ก็เพิ่มกำลังรวบรวมกำลังจิตที่เป็นพรหมวิหาร 4 ให้ทรงตัวแข็งกร้าวขึ้น เพราะว่าพระโสดาบันยังมีความรักในเพศ ยังมีความโลภ ยังอยากรวย แต่ไม่ละเมิดศีล ยังมีความโกรธ แต่ฆ่าเขาไม่ได้ เพราะเกรงศีลจะขาด ยังมีความพยาบาทจองล้างจองผลาญ แต่ไม่ทำ ยังมีความหลงใหลใฝ่ฝันในรูปโฉมโนมพรรณ แต่ไม่ลืมความตาย จะเห็นว่าอารมณ์ของพระโสดาบันไม่มีอะไรมาก เป็นชาวบ้านชั้นดี ทีนี้มาพระสกิทาคามี สกิทาคามีมรรคนะยังไม่ผล สกิทาคามีมรรคก้าวขึ้นมาอันดับแรก จิตก็จะทรงพรหมวิหาร 4 เป็นกรณีพิเศษ นอกจากจะโกรธ ไม่ทำอันตรายเขาในด้านพระโสดาบัน กำลังใจสูงขึ้นเป็นอภัยทาน ใครเขาทำให้เราโกรธ เราโกรธ ไม่ใช่ไม่โกรธ ถ้าสกิทาคามียังมีโกรธ และโกรธแล้วก็คิดจองด้วย ยังมีการผูกโกรธเขาไว้ ทีนี้กำลังใจอีกส่วนหนึ่งมันแทรกสูงขึ้นมา คือ พรหมวิหาร 4 เมื่อเวลาใครเขาทำความไม่ดีให้เราโกรธเป็นที่ไม่ถูกใจ โกรธแล้วมีอารมณ์คลายลง มันก็ช้าหน่อยไม่ได้คลายทันที นึกน้อมลงไปอีกทีว่า อ๋อ…คนที่ทำให้เราโกรธนี่น่าสงสาร และคนที่ทำความชั่วนี่ เป็นเหยื่อของอบายภูมิ เขาต้องตกนรก มันแสนจะลำบาก ร้อนก็ร้อน มันร้อนกว่าไฟธรรมดาหลายล้านเท่า ยังมีสรรพาวุธมาสับฟันอีก นี่เขาต้องมีโทษหนัก ทุกขเวทนาหนัก พ้นจากนรกมาเป็นเปรต แสนจะลำบาก นับด้วยพันด้วยหมื่นด้วยแสนชาติ จนกว่าจะพ้นหมื่นแสนกัปนะไม่ใช่ชาติ แล้วต้องมาเป็นอสุรกาย เต็มไปด้วยความหิวโหย ต้องมาเป็นสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งไม่มีใครให้สิทธิ์ใด ๆ ทั้งหมด อาจถูกเขาปล่อยให้อดตายบ้าง ถูกเขาข่มเหงคะเนงร้ายบ้าง ไม่มีกฎหมายเป็นเครื่องควบคุม จิตคิดอยู่ว่าคนที่มีอารมณ์ชั่วอย่างนี้เป็นคนที่น่าสงสาร ปล่อยเขาตบมือไปข้างเดียว ให้เขาชั่วไปฝ่ายเดียว กรรมใดที่เขาทำ ให้เป็นเครื่องเจ็บใจ กระทบกระเทือนใจเราให้อภัย
อย่าลืมว่าไอ้ตอนให้อภัยตรงนี้กว่าจะให้ได้ก็ต้องใช้เวลา สองวัน สามวัน หรือสองชั่วโมง สามชั่วโมง แต่เร็วเข้ามา มันยังมีโกรธ ยังมีพยาบาทแต่ก็มีอารมณ์ให้อภัยทาน ไม่ถือโกรธ ไม่เอาผิดกับเขา ให้อภัยเขา แต่อย่าลืมนะว่า ยังมีความโกรธ ยังมีความพยาบาท นี่เป็นสกิทาคามีมรรคเบื้องต้น
ทีนี้ พระสกิทาคามีมรรคเบื้องปลาย ตามพระบาลีท่านบอกว่า พระสกิทาคามีบรรเทาความโลภ บรรเทาความโกรธ บรรเทาความหลง บรรเทาตรงไหน ทำยังไง
บรรเทาความโลภ เราก็มี จาคานุสสติกรรมฐาน เป็นกำลังใจแทนที่จะโลภอยากได้ กลับเป็นอยากให้เขา การแสวงอาชีพด้วยสัมมาอาชีวะ ท่านไม่กล่าวว่าเป็นความโลภ ได้มาอารมณ์ใจคลายในการติดสมบัติ การหามาเพื่อเลี้ยงตัว เลี้ยงครอบครัว เลี้ยงสมาภรรยา มีความจำเป็นต้องหา การหาด้วยสัมมาอาชีวะ เขาจ้างเราให้เงินเดือนถูกให้เงินเดือนแพงให้ทำความดี ไม่ใช่ความโลภ การค้าขายลงทุนน้อย ได้กำไรมามาก มีฐานะสูงขึ้น แต่ว่าเป็นการค้าเต็มไปด้วยความสุจริต ไม่ใช่เอาของเลวมาบอกเป็นของดี การซื้อขายบอกราคากันตามปกติ เขาพอใจ เขาเอาไป ได้กำไรมากได้กำไรน้อยไม่สำคัญ อย่างนี้ไม่ถือว่าเป็นความโลภ เป็น สัมมาอาชีวะ
ทีนี้สำหรับทรัพย์สินที่ได้มา พระโสดาบันยังเกาะมาก แต่ว่ามาถึงพระสกิทาคามีนึกอยู่เสมอว่าชีวิตอยู่จำเป็นจะต้องใช้จะต้องหา แต่อารมณ์หนึ่งก็คิดว่าไอ้มันกับเราไม่ช้าจะต้องจากกัน ไม่ช้าไม่มันก็เราไปกันข้างหนึ่ง(เออ…อนาคามีวันนี้น่ากลัวไม่ถึง) จิตใจมันก็เพลาจากการยึด ไม่ใช่ว่าเพลาจากการหา หาอยู่ตามปกติ แต่ยึดถือว่ามันเป็นเราเป็นของเรา มันกับเราจะนอนกอดกันอยู่ตลอดเวลา ไม่ตายจากกัน ไม่พรากจากกัน อันนี้ไม่มี คิดไว้เสมอว่า มันกับเราไม่ช้าก็สลาย ต่างคนต่างไป ก็มีกำลังใจคิดด้วยความไม่ประมาท
สำหรับความโกรธ พระสกิทาคามีเคร่งครัดในพรหมวิหาร 4 ในด้านอภัยทาน ถ้ามีอภัยทาน มันบรรเทาลงแล้ว ความโกรธบรรเทาลงไม่ใช่หมด
ด้านความหลงในร่างกายก็พิจารณาแล้วนี่ว่าไอ้ร่างกายนี่มันสวดสดงดงามก็จริง แต่ทว่ามันเต็มไปด้วยความสกปรกโสโครก ไม่มีการทรงตัว ตอนนี้ก็ต้องใช้กายคตานุสติ กับอสุภกรรมฐานมีอารมณ์เข้มแข็งขึ้น
เป็นอันว่าพระสกิทาคามีต้องเพิ่มจาคานุสสติกรรมฐานเข้ามา ในด้านสมถภาวนา เพิ่มพรหมวิหาร 4 ให้มีกำลังสูงขึ้นและก็เพิ่มกายาคตานุสติกับอสุภกรรมฐานเข้ามาอีก เป็นกำลังใจเป็นปกติ จิตก็พร้อมที่จะคิดอยู่ว่า อัตตภาพร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา โลกเป็นของไม่เที่ยงเมื่อไม่เที่ยงมันก็เป็นทุกข์ ในที่สุดมันก็ต้องสลายตัว เราจะไม่นั่งมัวเมาในทรัพย์สินยึดถือว่าเป็นเรา เป็นของเราอยู่เพื่อประโยชน์อะไร แต่ก็ยังเกาะ แต่ก็ปล่อยง่าย ให้ง่าย สงเคราะห์ง่าย ให้อภัยทานง่าย เห็นร่างกายของคนและสัตว์ทั้งหมดเต็มไปด้วยความสกปรก แต่บางครั้งมันก็สวย บางครั้งมันก็เป็นที่ปรารถนา แต่ว่าจิตถอยออกมาห่างได้ง่าย ๆ ยังไม่ถึงกับหมดเลย นี่เป็นวิสัยของพระสกิทาคามีเรียกว่า สกิทาคามีผล
ถ้าจิตทรงได้แบบนี้…..อ้าว เวลามันจะหมดเสียแล้ว เป็นอันว่าเรื่องพระอนาคามีก็เลยยังไม่ต้องพูดกัน แซมไว้สักนิดว่า ถ้าเราปฏิบัติเพื่อความเป็นพระสกิทาคามี นี่ถ้าไต่เต้าขึ้นไปอย่างนี้ละมันไม่ยาก เพราะว่าขึ้นไปทีละขั้น ไปถึงพระอนาคามีเพิ่มอะไร เรามีมาแล้วทั้งหมด
พระอนาคามีสิ่งที่เพิ่มสำคัญที่สุดในด้านสมถภาวนา สำหรับวิปัสสนาภาวนาต้องเป็นไปตามปกติ คือต้องพิจารณาขันธ์ 5 ว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ตามที่กล่าวมา ให้จิตมันทรงตัว เมื่อขันธ์ 5ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมันก็ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ตัวนี้มีกำลังทรงตัวมากขึ้น อารมณ์ที่เพิ่มเข้ามาพิจารณาอีก นั่นก็คือกายคตานุสติกับอสุภกรรมฐาน ตอนนี้ต้องมีอารมณ์ทรงตัว ทรงตัวมากขึ้นกว่าพระสกิทาคามีเพราะเป็นการตัดกามราคะให้เด็ดขาด ควบกับวิปัสสนาญาณแล้วก็ใช้พรหมวิหารและกสิณ4 เคร่งครัดยิ่งขึ้น คำว่าเคร่งนี้ไม่ใช่ว่ามานั่งหลับตาทั้งวันทั้งคืน อย่างนี้ใช้ไม่ได้ หลับตาทั้งคืนทั้งวันอย่างนี้ใช้ไม่ได้ ต้องอารมณ์ปกติมันมีความรู้สึกอยู่ คือ อารมณ์ปกติของกายเห็นว่าร่างกายสกปรก มันเป็นชิ้นเป็นท่อนเหมือนกับส้วมเดินได้แล้วก็การโกรธกัน อาการพยาบาทกันไม่มีประโยชน์อะไร คนเต็มไปด้วยความทุกข์ ไม่ควรจะทำมัน เป็นอันว่าเรื่องพระอนาคามีเอาไว้พรุ่งนี้ เวลาพูดหมดแล้ว
ต่อจากนี้ไปขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายตั้งกายให้ตรง ดำรงจิตให้มั่น กำหนดรู้ลมหายใจ หายใจออก เวลาหายใจเข้ารู้อยู่ว่าหายใจเข้า เวลาหายใจออกรู้อยู่ว่าหายใจออก ใช้คำภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้ยินเสียงสัญญาณบอกหมดเวลา


**********************

ที่มา เวปพลังจิต




 

Create Date : 29 มิถุนายน 2552
33 comments
Last Update : 29 มิถุนายน 2552 12:44:08 น.
Counter : 4016 Pageviews.

 

สวัสดีตอนบ่ายค่ะ คุณไผ่
ตอนที่ 7 แล้วหรือ

ตอนนี้รู้สึกว่าไม่อยากเกิด เพราะเกิดแล้วยังต้องวนเวียนรับทุกข์ในสังสารวัฏอีกต่อไป
พยายามคิดคลอดเวลา ว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา
เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา
แ่ต่ก็ได้เพียงบางขณะเองค่ะ ยังไม่ได้ทุกขณะเลย

ขอโมทนากับคุณไผ่ค่ะ
เจริญในธรรม และบุญรักษานะคะ
มีความสุขกับวันเริ่มต้นทำงานวันแรกค่ะ

ปล.อย่าลืมติดตามนางแก้วแววไว เอ๊ย นางแก้วคู่บารมี ตอนต่อไปนะคะ

 

โดย: พ่อระนาด 29 มิถุนายน 2552 12:47:24 น.  

 



เนื้อหาเข้มข้นมากครับพี่

 

โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) 29 มิถุนายน 2552 14:20:20 น.  

 



สวัสดียามบ่ายค่ะ พี่ไผ่
พูตามมาอ่านทางสายพระนิพพานต่อค่ะ
ยินดีกับสิ่งที่นำมาเผยแนะคะ


 

โดย: พธู 29 มิถุนายน 2552 15:26:13 น.  

 

มาไม่ทันพ่อระนาดอีกและ คิคิ..พี่ไผ่มีแฟนคลับมาแต่หัววันเลย..(อาหารว่างค่ะ..)

border="0"

 

โดย: ตัวp_box 29 มิถุนายน 2552 15:47:29 น.  

 

สนใจออกกำลังกายกันหน่อย...มั้ยคะ..อิ อิ


 

โดย: พรหมญาณี 29 มิถุนายน 2552 15:52:17 น.  

 

มาแบบไม่ต้องเชิญ

วันนี้ คอม ช้ามากเลยค่ะ กวาสายตาไปจ๊ะเอ๋ ทางสายนี้พอดี

อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

 

โดย: Mermaid AI 29 มิถุนายน 2552 20:08:09 น.  

 

อ่านยังไม่จบนะคะ แล้วค่อยมาอ่านต่อค่ะ

ช่วงนี้พยายามหลับไม่ดึกแล้วนะคะ แต่ก็
ยังทำไม่ได้ มีหลายเรื่องให้ต้องสะสาง...

 

โดย: ปลิวตามลม 29 มิถุนายน 2552 21:52:44 น.  

 

ขอบคุณอาหารว่างคะ ยายแวะมาอ่านแล้วคะ
พรุ่งนี้วัดพระ ต้องรีบเข้านอนก่อนนะคะ
อนุโมทนาค่ะ

 

โดย: กัดหมอน (กัดหมอน ) 29 มิถุนายน 2552 22:57:30 น.  

 

ไม่อยากเวียนไหว้ตายเกิดอีกแล้วเหมือนกันค่ะ



เอาหาดสวยๆและยังสะอาด..เพราะเป็นด้านหน้า
ของหมู่บ้านชาวประมงเกาะนาคาใหญ่ จ.ภูเก็ต

 

โดย: เริงฤดีนะ 29 มิถุนายน 2552 23:05:48 น.  

 


เมาคำพูด จึงพลั้งพูดพล่อยสร้างศัตรู
บ้าความคิด จิตจึงหลอนหลอกตนเอง
บ้าความสงบ สติจึงเต็มตื่นเป็นหลักให้ผู้อื่น



เช้าวันอังคารสดใส
ยิ้มรับกับสิ่งดี ๆ นะค่ะคุณไผ่

ทำทุกอย่างด้วยสติ
สุขด้วยใจที่สงบนะค่ะ

 

โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว 30 มิถุนายน 2552 6:29:23 น.  

 





วันพระสวัสดีค่ะ
มีความสุขทั้งกายและใจนะคะ คุณไผ่

 

โดย: พ่อระนาด 30 มิถุนายน 2552 6:53:02 น.  

 


จะพยายามให้ถึงให้ได้คะ

แต่ขอสะสมไปทีละนิดแล้วกัน

 

โดย: บุปผาลีลาวดี 30 มิถุนายน 2552 7:07:53 น.  

 



อรุณสวัสดิ์ค่ะ พี่ไผ่

แค่เรื่องหมากับไก่
ก็ไม่เป็นเรื่องแล้วนะคะ
จะเอาทั้ง หมู กับ กา อีก
พูว่ายิ่งหนักนะนี่ อิอิ
เรื่องต่อไปว่าจะอัพ
เรื่องกฎหมายครอบครัวค่ะ
ดีมั้ย จะได้ใกล้ตัวคนอ่านหน่อย
และจะได้มีประโยชน์มากๆ นะคะ

สุขสันต์วันอังคารค่ะ พี่ไผ่


 

โดย: พธู 30 มิถุนายน 2552 7:27:47 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับพี่

สูงขึ้นไปอีกระดับแล้วนะครับพี่












 

โดย: กะว่าก๋า 30 มิถุนายน 2552 8:17:49 น.  

 

ป้าอิ่มอยากเอาไปฝังในสมองจิงๆค่ะ
ตอนอ่าน ก็มีพลัง
แต่พอออกไป มันหายไปไหนหมดไม่ทราบค่ะ

 

โดย: ฟ้าทลายโจร (ป้าอิ่ม ) 30 มิถุนายน 2552 12:09:06 น.  

 

เอาสีเขียวๆมาฝากเน้อ..พี่ไผ่..สีเขียวทำให้จิตใจสงบเหมาะกับบล็อกนี้เลยค่ะ..
gif" border="0"

 

โดย: ตัวp_box 30 มิถุนายน 2552 12:50:06 น.  

 

 

ซึ้งมากเลยค่ะ ที่ชวนทำบุยด้วยการปฏิบัติธรรม คุณไผ่จะได้อานิสงส์มากมายก่ายกอง ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

 

โดย: Mermaid AI 30 มิถุนายน 2552 16:20:56 น.  

 

สวัสดีตอนเย็นค่ะมาส่งอาหารเย็นก่อนนะค่ะวันนี้วันพระเดี๋ยวจะเข้ามาอ่านอีกทีค่ะ ธรรมะสวัสดีค่ะ

 

โดย: นุ๋ดีค่ะ (kun_isara ) 30 มิถุนายน 2552 18:02:29 น.  

 





ขอเดินทางด้วยคนนะครับพี่ อิอิอิ
มาถึงครึ่งทางแล้ว

 

โดย: กะว่าก๋า 30 มิถุนายน 2552 19:26:58 น.  

 







วันนี้วันพระค่ะ
ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 8
ขอฝากภาษาข้อคิดที่ได้ใจดีจังเลยค่ะ

พ่อเคยสอน
ลำน้ำสายแคบ
แต่น้ำใจแสนกว้าง

.............

แม่เคยสอน
คนบางคนบ้านกว้าง
แต่น้ำใจแสนแคบ

........

จำคำแม่พ่อ
ขอเป็นดั่งสายน้ำ
นำความชุ่มชื้น
สู่ผืนใจแตกระแหงฯ


อนุโมทนาค่ะ..กัลยาณมิตรทุกๆๆคน
ที่แวะเข้าหาด้วยความรู้สึกที่ดี



ไม่เคยมาเลยค่ะบล็อกนี้
เข้มข้นเข้าถึงจริงๆๆๆ

เราก็ได้แต่เป็นที่พักใจเวลาร้อนรุ่มนะค่ะ
ขอบคุณมากนะค่ะ
ทมี่เรียนมาให้ชมบล็อกที่แสนอบอุ่นค่ะ
กัลยาณมิตรที่น่ารัก

 

โดย: catt.&.cattleya.. 30 มิถุนายน 2552 21:00:27 น.  

 


สวัสดีค่าพี่ไผ่....
พานางฟ้าคนสวยมาส่งเข้านอน..ฝันดีนะค๊า
แพมลงชื่อไว้ก่อนค่อยตามอ่านนะคับ




Good Night & Good Night Jupp

★★★`• • mastana …mastana…mastana. • •`★★★
★★★
*♥´¨)



 

โดย: mastana 30 มิถุนายน 2552 23:11:55 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

หลงชาติตระกูล...จึงใส่กรอบขังตัวเองให้คับแคบ
หลงความรู้...จึงวนเวียนอยู่กับหลักการและความคิด


สวัสดีวันสบาย ๆ
วันแรกของเดือนกรกฏาคมค่ะคุณไผ่

 

โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว 1 กรกฎาคม 2552 6:32:11 น.  

 

title=



อรุณสวัสดิ์ วันแรกของเดือนเข้าพรรษานะคะ พี่ไผ่

 

โดย: พ่อระนาด 1 กรกฎาคม 2552 7:21:34 น.  

 

สวัสดีค่ะ
แวะมาอ่าน อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
เมื่อวานไปวัดที่อยู่ไกล้บ้านยาย วันพระหน้าก็คงไปที่
วัดเดิม มีก่อพระเจดีย์ทรายด้วยค่ะ

 

โดย: กัดหมอน (กัดหมอน ) 1 กรกฎาคม 2552 7:31:35 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ยามเช้า จิตใจผ่องใสนะคะ

 

โดย: sawkitty 1 กรกฎาคม 2552 7:32:50 น.  

 

มาส่งเสียงแล้วนะคะพี่ไผ่.วันนี้ตัวพีเหนื่อนแต่เช้า
ทำงานดึก..ง่วงมากๆ..เดี๋ยวมาฟังใหม่นะคะ..

 

โดย: ตัวp_box 1 กรกฎาคม 2552 10:25:13 น.  

 

title=

มาส่งอาหารเที่ยงค่ะ พี่ไผ่

มาสองรอบเลยวันนี้

 

โดย: พ่อระนาด 1 กรกฎาคม 2552 11:21:26 น.  

 

แวะมาทักทายค่ะพี่ไผ่ เอาไว้ความเจริญเข้าถึงน้อง แล้วน้องจะมาตามอ่านนะคะ

 

โดย: tukta (tukta510 ) 1 กรกฎาคม 2552 11:22:16 น.  

 

สวัสดีครับพี่






 

โดย: กะว่าก๋า 1 กรกฎาคม 2552 13:18:38 น.  

 



ธุรกิจของความสุข หากลงทุนด้วยการให้ความสุข
ผลตอบแทนที่ได้รับ ย่อมจะเป็นความสุขเช่นกัน



เข้ามาอ่านเรื่องดีๆค่ะ
และต่อไปคงได้เข้ามาบ่อยๆ เพราะเนื้อบล็อกค่อนข้างตรงใจ
ขออนุญาต แ อ ด บ ล็ อ ก นะคะ
…………………

ที่เข้ามาวันแรกเพราะชอบใจการนำเสนอให้ไดเอ็ทด้วยศีลแปด
สำหรับป้าอายุเกินกว่าจะไดเอ็ทเพื่อลดน้ำหนักแล้วค่ะ
แต่คงเข้ามาเสพเพื่อไดเอ็ทกิเลสเสียมากกว่าค่ะ

รักษาสุขภาพ และมีความสุขกับทุกทุกวันนะคะ


คมคำ : คนที่อยากได้ไปเสียทุกอย่าง
สุดท้ายจะเสียทุกอย่างที่อยู่ในมือ


 

โดย: ร่มไม้เย็น 1 กรกฎาคม 2552 14:27:07 น.  

 

สวัสดีวันพุธค่ะ

วันแรกของเดือนแถมเป็นวันสะบายๆอากาศไม่ร้อน ฝนก็ไม่ตกดีจังค่ะ
รักษาสุขภาพค่ะ

 

โดย: busabap 1 กรกฎาคม 2552 15:41:03 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่
ขอโทษทีนะคะ ไม่ค่อยได้แวะมา
ช่วงนี้ยุ่งๆ มากเลยค่ะ
ขอบคุณมากนะคะที่แวะไปทักทายเสมอ

 

โดย: HastaLaVista 1 กรกฎาคม 2552 16:31:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


หมึกสีดำ
Location :
ขอนแก่น Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add หมึกสีดำ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.