หมึกสีดำของไผ่สีทอง
ความโศกทั้งหลาย ย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้มีจิตมั่นคง ไม่ประมาท เป็นมุนี ศึกษาในทางปฏิบัติถึงมโนปฏิบัติ เป็นผู้คงที่ ระงับแล้ว มีสติทุกเมื่อ,, การไม่ทําบาปทั้งปวงหนึ่ง การยังกุศลให้ถึงพร้อมหนึง การชําระจิตใจของตนให้ผ่องแผ้วหนึ่ง นี่แลเป้นคําสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
3 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
ทางสายพระนิพพาน ตอนที่ 9




การปฏิบัติเพื่อพระอนาคามีมรรค
ตัดกามฉันทะ (ต่อ)

สำหรับวันนี้ก็จะได้พูดถึงพระอนาคามีมรรคต่อไป เมื่อคืนนี้ได้พูดถึงพระอนาคามีมรรค พอเริ่มต้นได้เล็กน้อยก็จบ วันนี้ขอพูดต่อ

สำหรับอนาคามีมรรคนี่ ก็มีอาการฝึกในการตัด กามฉันทะ กับตัด พยาบาท หรือว่า ปฏิฆะ เรียกว่า ตัดความโกรธความพยาบาทให้หมดสิ้นไป ฉะนั้น การเจริญอารมณ์ให้เข้าถึงพระอนาคามีมรรค หรือว่าพระอนาคามีผล ก็จำเป็นต้องรวบรวมกำลังสมาธิจิตให้มีความแก่กล้า มีการทรงตัว มีความเข้มแข็ง และถ้าเราจะกล่าวกันไปว่า ถ้าปฏิบัติมาตามลำดับกว่าจะเข้าถึงพระสกิทาคามี สมาธิมันก็เริ่มเข้มแข็งแล้ว เพราะว่าเราก็ปฏิบัติมาตามลำดับ หมายถึงว่าการที่เป็นพระสกิทาคามีได้นั้นก็ต้องบรรเทาความโลภ บรรเทาความโกรธ บรรเทาความหลง ทีนี้การบรรเทาความโลภ บรรเทาความโกรธ บรรเทาความหลงได้ ก็เรียกว่า ความโลภ ความโกรธ ความหลงยังมีอยู่ แต่เหลือน้อยเต็มที

ทีนี้มาถึงพระอนาคามี ตอนนี้ถ้ายังไม่ถึงพระอนาคามีผล ยังไม่จบ เรียกว่า อนาคามีมรรค แปลว่าการเดินทางเข้าไปถึงพระอนาคามีผล ส่วนสำคัญอันดับแรกเราจะต้องรวบรวมกำลังสมาธิให้หนัก ควบกับอารมณ์ของวิปัสสนาญาณ คือ อริยสัจ นั่นได้แก่พิจารณาร่างกาย เรียกว่า "กายคตานุสติ" พิจารณาดูร่างกาย ประกอบไปด้วยอาการ 32 มี ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ ตับ ไต ไส้ ปอด อุจาระ ปัสสาวะ อาหรใหม่ อาหารเก่า น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง เสมหะ น้ำลาย เป็นต้น พิจารณาดูความเป็นจริง ในด้านสมถภาวนาว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มันสกปรกหรือมันสะอาด ไม่ใช่จะไปนั่งท่อง เกสา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ ตะโจ ทันตา นะขา โลมา เกสา อันนี้มันเป็นตัวทำให้จิตเป็นสมาธิเฉย ๆ ไม่ใช่ตัวตัด กรรมฐานกองนี้ กายคตานุสติก็ดี หรือว่า อนุสติทั้ง 10 ประการก็ดี อสุภกรรมฐานทั้ง 10 ประการก็ดี เป็นกรรมฐานพิจารณา ไม่ใช่มานั่งภาวนาเป็นนกแก้วนกขุนทอง ทำจิตให้ทรงอารมณ์ว่ามันมีสภาพเป็นอย่างนั้นตามความเป็นจริง

คำว่า "ทรงฌาน" ในที่นี้หมายความว่า เห็นว่าร่างกายทั้งหมดมันสกปรก ไอ้ความรู้สึกว่าสกปรกนี่ให้มันทรงตัวอยู่ตลอดเวลา ทั้งเวลาหลับตาพิจารณา เวลาลืมตา เวลาเดินไปเดินมาทำอะไรอยู่ ให้จิตจับอารมณ์นี้จนชิน อารมณ์ไม่คลายไปจากจิต เห็นสัตว์ เห็นคน เห็นวัตถุ ไม่มีอะไรสวย เพราะทุกอย่างมันสกปรกหมด หาสะอาดมิได้ ดอกไม้ที่สะพรั่งอยู่ในป่าหรือในสวน มันมีสีสวยสดงดงามแต่พอจะเข้าไปใกล้ก็รู้ว่ามันมีฝุ่น มีละอองแปดเปื้อนอยู่ด้วย มันสกปรกคนและสัตว์มีสภาวะต่าง ๆ เต็มไปด้วยความสกปรก ตัวสกปรกนี่ไม่ต้องอธิบายมาก เพราะมันรู้อยู่แล้ว ถ้าเราไม่รู้มันก็ระยำเต็มที ไม่ใช่ว่าโง่ ของมันเห็นอยู่กับตัวของเราเอง อะไรบ้างที่เราต้องชำระล้างมัน อะไรบ้างที่เรารังเกียจในร่างกายของเรา ที่มันอยู่ในร่างกายของเรา เราทำไม่รู้ไม่เห็น แต่มันหลั่งไหลออกมาแล้วเรารังเกียจ เช่น อุจจาระ ปัสสาวะ น้ำลาย เหงื่อไคล เป็นต้น หรือว่า น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง ถ้ามันหลั่งไหลออกมา เรารังเกียจว่ามันสกปรก นี่สภาพอย่างนี้เรามองเห็นชัดอยู่แล้ว นอกจากว่าจะเป็นแต่เพียงว่าเราไม่สนใจจึงจะไม่เห็นว่ามันสกปรก

คำว่าสนใจนี่ไม่ได้สนใจในกรณีพิเศษ สนใจให้มีความรู้สึกตามความเป็นจริง ไอ้การแสวงหาของจริงนี่ไม่ต้องใช้ปัญญาอะไรมาก แค่สัญญามันก็ใช้ได้ อุจจารที่ถ่ายออกมามันสะอาดหรือสกปรกก็รู้ ร่างกายทั้งตัวเหงื่อไหลออกมามันสะอาดหรือสกปรกก็รู้ น้ำลายอยู่ในปากอมได้ บ้วนออกมามือไม้กล้าแตะ สะอาดหรือสกปรกก็รู้ ในเมื่อรู้แล้วแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ หรือไม่สนใจ มันก็เป็นวิสัยของสัตว์ในอบายภูมิ เพราะอะไร เพราะไม่หมดกิเลส ไม่หมดตัณหา มีแต่ความทุกข์ตลอดกาล

ทีนี้เรื่องการพิจารณาในกายคตานุสติควบกับอสุภสัญญา อสุภสัญญา หรือ อสุภกรรมฐานนี่มันอันเดียวกัน อสุภสัญญา แปลว่า จำได้ว่ามันสกปรกอยู่ตลอดเวลา ทุกชิ้น ทุกส่วน ทุกตารางเซ็นต์ของร่างกาย ไม่มีจุดไหนที่มีความสะอาด มันมีแต่ความสกปรกโสมมอยู่ตลอดเวลา หาจุดสะอาดจริง ๆ ไม่ได้ อันนี้มันเป็นเนื้อแท้ของร่างกายจริง ๆ นี่นั่งคิด นั่งพิจารณาใคร่ครวญ พิจารณาให้เห็นตามความเป็นจริง ไม่ใช่ไปแกล้งเห็นใช้สัญญา ความจำ มันต้องจำได้ สภาวะที่มันควรจะจำมีเยอะ ไม่ต้องไปนั่งหาไล่เบี้ยมัน มันเป็นของจริง นี่การเจริญกายคตานุสติกับอสุภสัญญาหรือ อสุภกรรมฐานเขาเจริญแบบนี้

ชั่วขณะใดที่รู้สึกตัวอยู่ เรามีความรู้สึกตามความเป็นจริงว่าทุกสิ่งของร่างกายหรือวัตถุทั้งหมดมันสกปรก ให้อารมณ์ทรงอย่างนี้แล้ว เห็นว่าร่างกายเราสกปรก ร่างกายสัตว์สกปรก วัตถุธาตุต่าง ๆ ในโลกไม่มีอะไรสะอาด สกปรกทั้งหมด ลองนั่งนึกดูซิว่าอะไรสะอาด บอกมาสักอย่างสิ มีอะไรบ้างที่มันสะอาด ที่ไม่ต้องเช็ดชำระล้าง มันมีไหม มันไม่มี มันมีแต่สิ่งสกปรกทั้งนั้น

ทีนี้เราต้องการความสะอาดหรือเราต้องการความสกปรก ที่เรามีความรัก เรามีความปรารถนา เรามีความต้องการ เนื้อแท้จริง ๆ เราต้องการของสะอาด หรือว่าต้องการของสกปรก แต่ทว่าเราก็พบกับสิ่งสกปรกเข้า เราต้องการไหม ถ้าอารมณ์จิตของเราต้องการ ก็ประณามมันสักหน่อยได้ไหม ว่า เอ็งอยากเป็นสัตว์นรกหรือยังไง หรืออยากเป็นเปรต หรืออยากเป็นอสุรกาย หรืออยากเป็นสัตว์เดรัจฉาน เพราะว่าอารมณ์อย่างนี้ไม่ใช่อารมณ์ของพระอริยเจ้า เป็นอารมณ์ของสัตว์ในอบายภูมิ มีสัญญาจำได้ คือ ความจำ แต่ว่าไม่สร้างความจำให้เกิด มีตา ทำเหมือนว่าไม่มีตา มีหู ทำเหมือนว่าไม่มีหู มีจิตสำหรับจะคิดจะจำ แต่ว่าไม่รู้จักคิดไม่รู้จักจำ อาการอย่างนี้มันไม่ใช่อาการของคน หรือ ว่าไม่ใช่อาการของเทวดาหรือพรหม หรือว่าไม่ใช่อาการของพระอริยเจ้า มันเป็นอารมณ์หรืออาการของสัตว์นรก หรือว่าเปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน

ถามใจมันว่าพอใจที่จะลงนรกไหม ที่ยังมัวเมาอยู่ในรูปกายของคนและสัตว์ ความมัวเมาอย่างนี้มันเป็นตัณหา เป็นปัจจัยให้เกิดความทุกข์ เป็นปัจจัยให้เกิดอุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น เมื่อยึดมั่นถือมั่นว่าร่างกายเป็นเรา เป็นของเรา ของสกปรกเห็นว่าสะอาด ของไม่สวยเห็นว่าสวย ของที่มีสภาพทรุดโทรมเป็นปกติมองไม่เห็นสภาพตามความเป็นจริง คิดว่ามันทรงตัวอาการอย่างนี้มันเป็นสภาวะของจิตที่จะต้องตกไปในอบายภูมิ เพราะว่าไม่มีความผ่องใสของจิต

ถ้าหลงอยู่ในรูปอย่างนี้ ของเลวเห็นว่าเป็นของดี ของสกปรกเห็นว่าเป็นของสะอาด จิตมันจะเศร้าหมอง จิตเศร้าหมองตายแล้วไปไหน พระพุทธเจ้ากล่าวว่า จิตเต สังกิลกฏเฐ ทุคติ ปาติกังขา เมื่ออารมณ์จิตเศร้าหมอง ตายแล้วก็ไปอบายภูมิ ทำไมจึงว่าเศร้าหมอง เพราะว่าเราคิดว่ามันดีนี่ เวลาใหม่ ๆ มันก็ผ่องใส สดสวยงดงาม แต่ว่าทั้ง ๆ ที่มันผ่องใสอยู่นั่นแหละ มันก็แสดงอาการสกปรกอยู่ตลอดเวลา หาอะไรดีไม่ได้ แต่เราไม่มอง

ที่ไม่ใช้ปัญญาพิจารณาอาศัยอะไรเป็นสำคัญ ความโง่ ไม่ใช่โง่อย่างเดียว บ้าด้วย เพราะว่าคนโง่มันก็พอใช้ปัญญาเป็นเครื่องคิด มีสัญญาเป็นเครื่องจำ คนโง่นี่มันไม่โง่ทั้งหมด มันโง่แต่บางอย่างเท่านั้น แต่สิ่งที่ลี้ลับมีความละเอียดคนโง่อาจจะคิดไม่ถึง แล้วก็ร่างกายของคนเราสกปรก มันเป็นของไม่ยากที่คนโง่พอจะมองเห็นได้ว่าสกปรก แต่ติดใจว่าสะอาดนี่ ไม่ใช่คนโง่ มันเป็นคนบ้า เพราะว่าของสกปรกว่าเป็นของสะอาดนี่ คนโง่เขาไม่พูด คนบ้าเท่านั้นถึงจะพูด ถ้าอารมณ์เรามีความบ้าไร้สติสัมปชัญญะ ไม่มองหาตามความเป็นจริง เราก็จงถามมันว่าไปไหน ใจมันเศร้าหมองมันก็ยอมยึดถือ เวลามันทรุดโทรมเข้ามาจริง เราเสียดาย เสียใจ เวลาจะพัง จะสลายตัว เราเสียดาย เสียใจ ไม่อยากให้มันสลายตัว

ทีนี้กฎธรรมดาของร่างกาย มันมีความเกิดขึ้นมาเป็นเบื้องต้น มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา มีการสลายตัวไปในที่สุด นี่มันเป็นเรื่องธรรมดาของร่างกาย แต่ว่าคนบ้านี่มีอุปาทาน ยึดมั่นว่า ร่างกายมันจะต้องเป็นหนุ่มเป็นสาวอยู่ตลอดเวลา จะต้องไม่มีการทรุดโทรม จะต้องสะอาดตลอดเวลา แต่ความจริงมันสกปรก
ทีนี้มันจะทรงตัวได้ไหม มันก็ทรงไม่ได้ มันเคลื่อนไหวไปหาความเสื่อม ความเสื่อมกลับแก่เข้ามา เกิดไม่สบายใจ ไอ้ที่เราไม่ต้องการให้มันเป็นอย่างนี้ ทำไมถึงเป็นไป เกิดงุ่นง่าน หูฝ้าตาฟาง กำลังไม่ดี ความจำเสื่อม เดือดร้อน เพราะไม่ยอมรับนับถือว่ามันจะแก่ หนัก ๆ เข้า มันแก่ นาน ๆ เข้า อาการชินเกิดขึ้น เอ้าแก่ไม่เป็นไร ขออย่าให้ตายก็แล้วกัน นี่ยังจะถ่วงต่อไปอีก แล้วร่างกายมันจะทรงได้ไหม กฎธรรมดาของมันจะต้องตาย แล้วทำไมจะไปห้ามมัน ห้ามมันก็ห้ามไม่ได้

คนดีหรือว่าคนโง่เขาไม่คิดอย่างนี้ คนที่คิดแบบนี้ก็คนบ้าเท่านั้น คนบ้ากิเลส บ้าตัณหา บ้าอุปาทาน บ้าอกุศล คือ บ้าทำในความที่ไม่ดีหรืออกุศล หรือคิดในสิ่งที่ไม่ดี ไม่ตรงตามความเป็นจริง ที่พูดแบบนี้ก็พูดแบบว่า พระพุทธเจ้าบอกว่า อัตตนา โจทยัตตานัง จงกล่าวโทษโจทก์ความชั่วของตัวไว้เสมอ นี่จำกันไว้นะ อย่าให้มีอะไรมันพลาดเข้ามาอีก นี่พูดกันทั้งปี ภาษิตบทนี้ มองแต่ตัวไม่ต้องมองชาวบ้าน ให้รู้กฎ รู้ระเบียบว่า เราเป็นอะไร เราเป็นสมณะ แปลว่า ผู้สงบ ถ้าจุ้นจ้านมันก็ไม่ใช่สมณะ เป็นสัตว์ในอบายภูมิ เราเป็นพระ แปลว่า ผู้ประเสริฐ จิตเลว วาจาเลว ใจเลว มันก็ไม่ใช่พระ เป็นสัตว์ในนรกโน่น

ทีนี้สติสัมปชัญญะของเรามี พิจารณาหาความจริงว่าไอ้นี่ร่างกายมันสกปรก เป็นสมถะ พอคิดว่านอกจากจะสกปรกแล้ว มันก็ไม่มีการทรงตัว ถ้าเป็นคนก็เลี้ยงไม่ได้ เลี้ยงมันไม่เชื่อง เอาอกเอาใจมันทุกอย่าง มันต้องการเปรี้ยว ต้องการเค็ม ต้องการหวาน ต้องการเย็น ต้องการอุ่น ต้องการเครื่องแต่งตัว สวยสดงดงาม หาให้มันทุกอย่าง อยากจะอยู่บ้านแบบไหน จะนอนแบบไหน จะกินแบบไหน บริหารกายแบบไหน หาให้มันทุกอย่าง ขอไม่ให้มันตาย ขอไม่ให้มันป่วย มันยอมรับนับถือไหม มันเชื่อเราหรือเปล่า ก็เปล่า ไม่มีอะไรที่มันจะเชื่อเรา นี่เป็นอันว่าร่างกายนี่มันเป็นเพื่อนรักของเรา เราก็คบไม่ได้ ต้องเลิกคบมานานแล้ว
ทีนี้ร่างกายนี้ล่ะ เราควรจะคบมันต่อไปไหม มันมีอะไรบ้างในคุณสมบัติ หรือว่า สภาวะของร่างกาย หนึ่ง เห็นว่า สกปรกเป็นปกติ สองเป็นปัจจัยแห่งความทุกข์ ทุกข์ตรงไหน เพราะว่า ต้องเลี้ยงดูตลอดเวลา สาม เลี้ยงแล้วมันก็ไม่จำ ให้มันทรงตัว มันก็ไม่ทรงตัว มันมีการสลายตัวไปในที่สุด

ทีนี้พิจารณาหาความสกปรก จนกระทั่งเกิดนิพพิทาญาณ ต้องทำให้ถึงนะ ไม่ใช่มานั่งฟังกันเฉย ๆ คำว่านิพพิทาญาณ นี่มีความเบื่อหน่าย เห็นว่าร่างกายสกปรก ร่างกายเราร่างกายคนอื่นเหมือนกันหมด อย่าเอาตาไปติดอยู่ที่เครื่องอาภรณ์ อย่าเอาตาไปติดอยู่แค่ผิวหนัง ตามองไปเจอะอาภรณ์เครื่องประดับ ผ้าผ่อนท่อนสไบ ผิวหนัง ใจนึกล้วงเข้าไปถึงร่างกาย มองเข้าไปหาความจริง ว่ามันสะอาดหรือสกปรก ไปเห็นคนเห็นสัตว์ คิดแบบนี้ แล้วก็นึกถึงตัวเองด้วย ว่ามันมีสภาพเป็นยังไง เมื่อจิตใจเห็นว่ามันมีสภาพสกปรกเป็นปกติ เห็นคนเหมือนกับถุงอุจจาระเคลื่อนที่ นี่มันต้องมีอารมณ์อย่างนี้เป็นปกติ ไม่ใช่นั่งภาวนากัน นั่งพิจารณา กินอยู่ เดินอยู่ ยืนอยู่ ทำงานอยู่ มีความรู้สึกอย่างนี้เป็นปกติ ไม่ใช่เอาเวลานั่งหลับตา นั่งหลับตานี่ ถ้าอารมณ์ปกติไม่ตรงตามนี้ หลับตามันก็ไม่ได้อะไร มันหลับส่งเดช ประเดี๋ยวคิดโน่นคิดนี่ พล่านไปหมด มันถึงได้สร้างความยุ่ง สร้างความเดือดร้อน นี่ถ้าดีกันเสียหมด คิดอย่างนี้ทั้งหมด ควบคุมกำลังใจของตนเองทั้งหมด มันไม่ต้องไปบอก ไม่ต้องไปสอนอะไรกัน เพราะมีแต่คนดีทั้งหมด ไอ้ที่เลวนั่นแสดงว่า ไม่มีนิสัยแห่งความเป็นคน มันมีนิสัยเป็นสัตว์นรกอยู่เป็นประจำ

ทีนี้เมื่อคิดจุดนี้แล้ว เราก็นำวิปัสสนาญาณตัวสำคัญเข้ามาใช้ว่า ความอยากมีร่างกาย อยากได้ร่างกายของบุคคลอื่นมาประคับประคอง การทะนุถนอมร่างกาย อยากได้ร่างกายบุคคลอื่นมาประคับประคอง การทะนุถนอมร่างกายนี่มันเป็นปัจจัยของความสุข หรือเป็นปัจจัยของความทุกข์ มันสกปรกด้วย มันทุกข์ด้วยหันเข้าไปจับสักกายทิฏฐิ กายคตาตัวนี้ต้องควบกันเลย ทั้งสมถะและวิปัสสนาต้องควบ

ท่านบอกแล้วนี่ว่า พระอนาคามีต้องมีอธิจิตสิกขา อธิจิตสิกขา คืออารมณ์เป็นฌาน ทรงอารมณ์เห็นสภาวะอย่างนี้ตามความเป็นจริง อยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าเวลานั่งหลับตา เวลานั่งหลับตาไม่ได้ผลอะไร ทรงจิตอยู่ว่าร่างกายคนและสัตว์สกปรก เห็นตามความเป็นจริง ไม่ใช่นึกส่งเดช แล้วก็มาพิจารณาตามสภาวะของวิปัสสนาญาณว่าร่างกายเราก็ดี ร่างกายคนอื่นก็ดี มันสกปรก น่ารังเกียจ รังเกียจน่ะ ไม่ใช่น่ารังเกียจ รังเกียจเสียจริง ๆ อารมณ์กามฉันทะถูกกดลงไปด้วยอำนาจของสมถภาวนา เบื่อหน่ายไม่มีความรู้สึกทางเพศ แต่ระวังตอนนี้ยังไม่ถึงขั้น มันโผล่เข้ามาได้

ทีนี้ก็ประหัตประหารด้วยอำนาจของวิปัสสนาญาณ สักายทิฎฐิ ว่าร่างกายนี้นอกจากสกปรกแล้ว มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในมัน มันไม่มีในเรา มันเป็นแต่เพียงธาตุ 4 คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ที่แสนจะสกปรก แล้วไม่มีการทรงตัว มันมีการเกิดขึ้นในเบื้องต้น มีความเสื่อมไปในท่ามกลาง แล้วก็สลายตัวไปในที่สุด มันเป็นปัจจัยของความทุกข์ ทุกอย่าง ไม่ได้เคยน้อมความสุขมาให้ใจเราเลย เมื่อมีร่างกาย นับแต่วันเกิด ถึงวันตายหาความสุขหนึ่งวินาทีมิได้ มันสร้างสรรค์แต่ความทุกข์อยู่ตลอดเวลา

ฉะนั้น นับแต่บัดนี้เป็นต้นไปเราจะไม่ต้องการร่างกายแบบนี้อีก จะไม่มัวเมาร่างกายอย่างนี้ต่อไป อาการใด ๆ ที่จะพึงเกิดขึ้นกับร่างกาย เราถือว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา เราจะไม่ทำจิตหวาดหวั่นอารมณ์ใด ๆ ทั้งหมดที่จะพึงเกิดกับร่างกาย หรือว่ามากระทบกับอารมณ์ใด ๆ ทั้งหมดที่จะพึงเกิดกับร่างกาย หรือว่ามากระทบกับอารมณ์ใจ ปล่อยไปตามสภาพ เจ็บป่วยรักษาเพื่อเป็นการบรรเทาเวทนา มันหายก็หาย มันจะตายก็ช่าง เป็นเรื่องของมัน

นี่เป็นอันว่าถ้าจิตทรงอาการอย่างนี้ได้ มันจะแก่ก็ช่าง มันจะป่วยก็ช่าง มันจะตายก็ช่าง มันจะเป็นลมเป็นแล้ง มียากินก็กิน ไม่มียากินก็นอนมันเฉย ๆ ช่างมัน ไม่สนใจกับมันอีก อย่างนี้ท่านเรียกว่า สังขารุเปกขาญาณ แล้วทรงอย่างนี้ให้ได้เด็ดขาด โดยไม่มีการกำเริบกลับมาพอใจในรูปโฉมโนมพรรณของเขาและของเราต่อไป อย่างนี้ท่านเรียกว่า พระอนาคามีมรรคเบื้องต้น เป็นพระอนาคามีมรรคเบื้องต้น คือ ตัดกามฉันทะได้ด้วยอาการอย่างนี้ นี่อย่างที่พูดไปแล้วอย่าไปวางทิ้งกันนะ พูดแล้วปฏิบัติกัน อย่าไปรุ่มร่ามเข้า ถ้ารุ่มร่ามเข้า มันจะไม่มีโทษแต่ในปัจจุบันอเวจีเป็นที่ไปสำหรับเรา

ต่อจากนี้ไปขอทุกท่านตั้งกายให้ตรง ดำรงจิตให้มั่น กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ใช้คำภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้ยินสัญญาณบอกหมดเวลา


**********************

ที่มา เวปพลังจิต





Create Date : 03 กรกฎาคม 2552
Last Update : 3 กรกฎาคม 2552 21:09:42 น. 29 comments
Counter : 1422 Pageviews.

 
สวัสดียามค่ำค่ะ พี่ไผ่

ขออนุโมทนาค่ะ
พร้อมกับมาแจ้งว่า จะไปปฏิบัติธรรมหลายวัน
คงไม่ได้เข้ามาทักทายค่ะ
กลับมาแล้วจะเอาบุญมาฝากนะคะ
และก็จะพยายาม ปฏิบัติให้ได้มรรค ได้ผลค่ะ

ฝันดี ราตรีสวัสดิ์นะคะ พี่ไผ่


โดย: พ่อระนาด วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:13:48 น.  

 
มาอนุโมทนาบุญด้วยคนจ้า

ฝันดีราตรีสวัสดิ์นะคะ


โดย: อาลีอา วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:28:35 น.  

 

 


พูมาราตรีสวัสดิ์พี่ไผ่ด้วยอีกคนค่ะ
คุณพระคุ้มครอง ..ฝันดีนะคะ..



โดย: พธู วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:07:52 น.  

 
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ


โดย: Budratsa วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:1:56:08 น.  

 
หลายวันช่วงนี้ยายเวียนหัว ตาลาย และภูมิแพ้เล่นงานแย่ไปเลย
ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ ขอบคุณในบทความดีๆที่นำเสนอค่ะ ให้หลานจงทำดีต่อไป ยายให้กำลังใจ
คนดีอยู่ที่ไหนใครก็ต้องการค่ะ


โดย: กัดหมอน (กัดหมอน ) วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:7:57:03 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่













โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:30:42 น.  

 
ตัดกามฉันทะ กับ พยาบาท นี่ผมถือว่ายากที่สุดสำหรับมนุษย์นะครับ เพราะนี่ถือเป็นสันดานและเป็นธรรมชาติของสัตว์โลกเลยทีเดียว เป็นสันดานดิบที่ติดมากับสัตว์โลก จึงเป็นเรื่องที่ทำยากที่สุด ถ้าใครผ่านตรงนี้ไปได้ผมว่าผ่านฉลุยครับ


โดย: JohnV IP: 125.26.111.143 วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:45:14 น.  

 
ทักทาย - Hi5 กราฟฟิคสำหรับคอมเมนต์


เข้าพรรษา

ทำบุญเผื่อหนูดำด้วยนะ


โดย: หนูดำจำมัย วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:20:44 น.  

 


หวัดดีค่ะพี่ไผ่
เพิ่งจะได้พักจริง ๆ ก็วันนี้แหละค่ะ มินหน่ะ
พี่ไปทำบุญที่ไหนคะ มินยังไม่ได้คิดเลยค่ะ
อนุโมทนาสาธุบุญด้วยนะคะพี่


โดย: มินทิวา วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:24:32 น.  

 
แพทจะไปทำบุญเหมือนกันจ้าพี่ไผ่...แล้วจะแวะไปเที่ยวต่อ คิคิ...



โดย: ตัวp_box วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:29:26 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: พรหมญาณี วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:23:26 น.  

 
พี่โรสมาอนุโมธะนาค่ะ อยากทำได้จังค่ะ ตัดความโกรธ ความพยาบาทเนี่ยะ
พออ่านก็ทำใจได้ตอนอ่านอ่ะนะ แต่พอแป๊บๆ ความทรงจำ มันลืมยากจริงๆน้ออ


ขอบคุณลิงก์ ที่ให้นะคะ

วันเข้าพรรษา จะไป ปล่อยปลาค่ะ แล้วจะเอาบุญมาฝากค่ะ คุณไผ่


ราตรีสวัสดิ์ค่ะ


โดย: พี่โรสค่ะ IP: 124.179.229.203 วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:57:51 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่















โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:13:50 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: พรหมญาณี วันที่: 5 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:09:46 น.  

 


พูมาส่งเข้านอนค่ะ พี่ไผ่



โดย: พธู วันที่: 5 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:19:21 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่













โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:23:14 น.  

 
ตอนที่ ๙ แล้วหรือคะ
ย่างใกล้เข้าพรรษาแล้ว
คุณหมึกสีดำ ....
ถือศีล ๘ ด้วยกันไหมคะ
เป็นเวลา ๓ เดือน
แล้วก็หันมาทานเจ ด้วย

ข้าพเจ้าคิดอยู่ว่าจะกระทำดังกล่าว
ในช่วงเข้าพรรษา ถึงแม้ว่า
ไม่มีโอกาสได้ไปปฏิบัติที่วัด
แต่จะทำที่บ้านแทนนะคะ ..


โดย: บุปผาลีลาวดี วันที่: 6 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:35:56 น.  

 
สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาสาธุค่ะ ขอบคุณที่มาเยี่ยมเช่นกันค่ะ ไม่ค่อยมีโอกาสไปวัดเพราะวัดที่สวิสอยู่ไกลค่ะ เลยทำบ้านให้เป็นวัด คือจะสวดมนต์ไหว้พระ และปฏิบัติธรรมตามแนวหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม (สติปัฏฐาน ๔ )ทุกวันค่ะ


โดย: Budratsa วันที่: 6 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:09:45 น.  

 
แวะเข้ามาอ่านค่ะ
เราอยากเข้าถึงหลักธรรมจังเลยค่ะ

แฮะๆๆแต่เราไม่เคยสงบ
ละโลภ โกรธ หลง ไม่ได้เลย

เรามีหนังสือธรรมะแบบนี้ก็แยอะคะ
แต่ต้องใช้สมาธิมากเลยค่ะในการอ่าน

ช่วงนี้อ่านเข้าใจยากจัง
แวะมาหาความสงบจากบล้อกคุณค่ะ

ขอบคุณมากนะค่ะ


โดย: แคทรียา.. IP: 125.25.38.82 วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:7:39:11 น.  

 
ขอบคุณมากๆนะคะ
ที่ให้คำแนะนำ จ๊ะ
ช่วงนี้ ข้าพเจ้าคิดว่า
จะอัพแต่บล็อคเรื่องธรรมะ
ไปตลอด เหมือนการเล่าประสบการณ์
อะไรต่างๆตลอดช่วงการปฏิบัติธรรมให้ฟังคะ
คุณหมึกสีดำ ขอบคุณมากนะคะสำหรับกำลังใจ
ตอนนี้สิ่งที่ข้าพเจ้าได้พบ ได้ประสบมานั้น
เป็นเกี่ยวกับเรื่องสัจธรรม ล้วนๆคะ
ตอนแรกจากคนที่ไม่เคยเชื่อเรื่องนี้เลย
กลับค่อยๆ เข้าถึงหลักความเชื่อจริงๆทีละนิด

เมื่อวานปวดหัวมาก จีงมานั่งสมาธิ
แล้วก็พิจารณาดูว่ามันเกิดเพราะสิ่งใด
ยาก็ทานไม่หาย อะไรก็ไม่ดีขึ้น
จึงระลึกได้ว่าเป็นเรื่องของกรรมเก่านี่ล่ะคะ
ไอ้ตอนทำ ก็รู้ว่าบาป นัก แต่ยังทำอยู่คะ
ตอนนี้ถือว่าใช้เค้าไปแล้วคะ

ยังมีอีกหนึ่งเรื่องพอดีไปเจอในบล็อคพี่ส้มเค้า
เลยเอาประสบการณ์มาเล่าให้ฟัง
คุณหมึกสีดำ ลองไปอ่านดูนะคะ

... ดูแลสุขภาพด้วยคะ


โดย: บุปผาลีลาวดี วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:19:51 น.  

 


สวัสดีในวันพระอาสาฬหบูชาค่ะ พี่ไผ่

พูเพิ่งกลับจากพาพ่อกับแม่ไปทำบุญค่ะ พี่ไผ่
พูก็เลยขอเอาบุญหนุนนำ ให้พี่ไผ่มีสุขทั้งกายและใจ
พบแต่สิ่งที่ดี ปราศจากโรคภัยมาเบียดเบียนนะคะ





โดย: พธู วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:51:50 น.  

 
พี่หมึกสีดำ จ๋า

ขอเรียนเชิญแวะไปรับ TAG มาทำหน่อยนะคะ


ตามไปอ่านได้ตาม ลิงค์นี้คะ

TAG มือถือ มันไม่ใช่แค่โทรศัพท์


เพื่อสานสัมพันธแห่งมิตรภาพ อิอิ


โดย: บุปผาลีลาวดี วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:19:06 น.  

 
แพทอยู่ต่างจังหวัดค่ะพี่ไผ่..แวะมาส่งความคิดถึงเล็กน้อยแล้วค่อยมาเยี่ยมใหม่นะคะ...


โดย: ตัวp_box วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:19:11 น.  

 



หลายเวลาที่ห่างหาย
ใช่หัวใจที่ห่างเหิน
ด้วยจิตและดวงใจ
ยังใฝ่หามิลืมเลือน

ขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 คือหนึ่งพระ..ในวันนี้ค่ะ

ความโดดเดี่ยว..มักจะเกิดในจิตใจเพราะเราเลือกเอง
ความหวาดกลัวมักจะเกิดในจิตใจเพราะเราเลือกเอง
ความสิ้นหวังมักจะเกิดในจิตใจเพราะเราเลือกเอง
ความสุขมักจะเกิดในจิตใจ..ก็เพราะเราเลือกเอง

วันนี้คือหนึ่งพระที่เรามิลืมเลือนมิตรเช่นคุณ


อนุโมทนา...บุญมายังกัลยาณมิตร..ที่ดีของเราเสมอค่ะ



ความบริสุทธิ์ผุดขึ้นได้ในใจคิด
ความสะอาดเกิดขึ้นได้ในใจหนุน
ความผุดผ่องเกิดขึ้นได้ถ้าใจดี...

ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่จิตใจและการกระทำ
ที่เกิดจากตัวเราเสมอค่ะ




โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:06:57 น.  

 
สวัสดีค่ะ ไม่ได้เข้ามาอ่านแบบละเอียดหลายหน้าแล้ว
วันนี้พอมีเวลาเลยตั้งใจอ่านให้กระจ่าง กับเรื่องการตัด
กามฉันทะ กับตัด พยาบาท...

อ่านแล้ว ทวนซ้ำ คิดตาม... ก็เห็นว่า เป็นสิ่งที่ไม่ง่าย
เลยนะคะในการที่จะตัดให้ขาดสนิท แต่ถ้าทำได้ก็ย่อม
เป็นประโยชน์กับผู้ปฏิบัติเป็นอย่างมาก เพราะหมายถึง
การก้าวเข้าใกล้นิพพานอีกก้าวแล้ว... ..ยิ้ม..

ไม่ต้องตกใจค่ะ ที่เจออัลสนทนาธรรมะด้วยยาวกว่าปกติ
ช่วงนี้อยู่ในเทศกาลเข้าพรรษา เป็นโอกาสอันดีที่จะเวลา
มาพิจารณาธรรม

ขอให้..ธรรมรักษา..คุณหมึกนะคะ ..ยิ้มสดใส..


โดย: ปลิวตามลม วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:14:33 น.  

 
ด้วยกุศลผลบุญที่ป้า ได้ปฏิบัติสำเร็จแล้วในวันนี้

จงดลบันดาลให้เพื่อน-พี่-น้อง-ลูก-หลาน ชาวบล็อกฯ ทุกท่าน
ประสบแต่ความสุข ความเจริญ ด้วยเบญจพิธพร
มีสุขภาพกาย และสุขภาพใจที่เข้มแข็ง...แข็งแรง
คิดทำการสิ่งใดที่เป็นสุจริต ให้สำเร็จสมดังมุ่งหมายทุกประการ
ทำการค้าให้เจริญรุ่งเรือง ร่ำรวย ทั้งที่เป็นกิจการของท่านเอง
และที่เป็นกิจการของคู่ค้าของท่าน

ผู้ใดแสวงหาทางออกจากวัฏฏะสงสาร ขอให้มีดวงตาเห็นธรรม
สำเร็จธรรม ก้าวล่วงสู่แดนนิพพาน สมปรารถนาทุกท่าน....เทอญ

Photobucket

อยากทราบว่า บุญกุศลที่ป้ากระทำในวันนี้มีอะไรบ้าง
ตามไปอ่านได้ที่บ้านป้า...นะคะ


โดย: พรหมญาณี วันที่: 8 กรกฎาคม 2552 เวลา:0:11:27 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ค่ะ
ยายแวะมาอ่านแล้ว อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
พรรษานี้ถวายเทียนพรรษา
วัดหน้าบ้านนี่เอง
และจะประพฤติตน
ให้อยู่ในศีลในธรรมตลอดพรรษาค่ะ


โดย: กัดหมอน (กัดหมอน ) วันที่: 8 กรกฎาคม 2552 เวลา:4:56:33 น.  

 
พี่ไผ่ถือศีลอยู่รึเปล่าคะ...แพทมาเยี่ยมจ้า..ให้พี่ใผ่เอาบุญมาฝากเยอะๆส่วนแพทไปทำบุญแวะเที่ยวด้วยจ้า...



โดย: ตัวp_box วันที่: 8 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:39:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมึกสีดำ
Location :
ขอนแก่น Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add หมึกสีดำ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.