Air SurOundinG mE liKe mY besT frIendS !
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
12 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 

4 เล่มข้างหมอน

บล๊อกนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากคุณรัชชี
เพื่อนบล๊อกที่รู้สึกว่าเป็นกัลยาณมิตรคนหนึ่ง
ในสังคมออนไลน์คุณภาพของผม เธอเขียนเล่าถึงหนังสือแต่ละเล่ม
ที่ได้มากจากงานหนังสือ ทำให้ผมหันมามองข้างหมอนของผม
และริที่จะลองเขียนดูบ้าง เพราะผมเองก็เป็นคนหนึงที่
มีหนังสือเป็นเพื่อนสนิทมานานโข

ผมเองชอบอ่านหนังสือและใช้เวลาอย่างมีความสุขกับการอ่านหนังสือ
พอคเก็ตบุ๊คเล่มเล็ก มาสม่ำเสมอตั้งแต่ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย
ที่มักไปยืนอ่านฟรีในร้านดอกหญ้า ตอนโดดเรียนฟิสิกส์ที่ PEP สาวรีย์ชัย
แต่พอมีกำลังซื้อดันเป็นเมมเบอร์ร้านนายอินทร์ ซะงั้น หุหุ
และเวลาอ่านจะชอบแนว ธรรมะแนวใหม่ ๆ เขียนทันสมัย
หรือไม่ก็แนวประวัติศาสตร์ หรือสารคดีท่องเที่ยว

ผมมักจะซื้อหาหนังสือเล่มโปรดมาบำรุงสมองสม่ำเสมอเพราะว่า
กิจกรรมก่อนนอนที่ดีที่สุดของคนโสดอย่างผมคือการ
หยิบหน้งสือมาอ่านซักสิบกว่าหน้าก่อนที่จะผล็อยหลับไป
ผมมีหนังสือหลาย ๆ เล่ม ไว้เพื่ออ่านสลับไปมา
โดยจะไม่อ่านเล่มใดเล่มหนึ่งให้จบไปก่อนค่อยซื้อมาอีกเล่ม
มันได้ฟิลเหมือนดูละครไงคับ ดูหลาย ๆ ช่อง
แต่ดีกว่าละครโทรทัศน์ก็ตรงที่หนังสือมันวางอยู่ใกล้มือ
จะไม่จบไปก่อนหรือไม่หนีไปก่อนเหมือนตอนเรา
พลาดละครสักตอน

ที่อ่านค้างอยู่ตอนนี้มี 4 เล่ม
เริ่มที่เล่มแรกก่อน ได้มาหลายเดือนแต่อ่านยังไม่จบซะที
เพราะว่าเล่มหลัง ๆ ที่ได้มาเร้าใจกว่ามากมาย

เล่มแรกคือ "ถ้ารู้กูทำไปนานแล้ว"



ผู้เขียนคือ คุณณัฐพบธรรม เป็นวิศวกรจบจากมช.
แล้วก็มาเรียน MBA ที่จุฬา หลังจากนั้นก็ได้ร่ำเรียนกรรมฐานจากสำนักต่าง ๆ รวมทั้งวิชาธรรมกาย ของหลวงปู่สดวัดปากน้ำอีกด้วย

เนื้อหาจะเขียนตามภาษาของคนรุ่นใหม่ที่เข้าใจง่าย กระชับ
อธิบายด้วยภาษาง่ายแต่ลึกซึ้ง มีภาพประกอบที่น่าสนใจ
ชื่อเรื่องจะเป็นคำถามชวนติดตาม เช่น บางคนทำความดี แต่ทำไมยังไม่รวย ?
จุดเด่นของงานเขียนเรื่องนี้อยู่ที่
การเขียนภาพประกอบที่เข้าใจง่าย
อืมม์ ท้ายเล่มเค้ามีการประมวลสถานที่ปฏิบัติธรรมแยกเป็นภูมิภาค
มีเบอร์โทรให้โทรไปสอบถามกันได้อีกด้วย

ผมว่าเค้าเป็นนักเขียนอีกคนหนึ่งที่น่าจะไปได้ไกลกับงานเขียนแนวนี่
จุดเด่นอีกประการคือ การอ้างอิงพระไตรปิฎก แทรกเป็นระยะที่ทำให้งานเขียนน่าเชื่อถือมาก

ผมว่าปัจจุบันงานเขียนแนวนี้มีมากมายเหลือเกิน ต้องเลือกสรรกันหน่อย
แต่อย่างน้อยข้อดีก็คือธรรมะสามารถแทรกซึมเข้าไปถึงคนรุ่นใหม่ได้ง่ายแพร่หลายกว่าเมื่อก่อนมากมาย อืมม์เล่มนี้ไม่แพงคับ ราคา 259.-

เล่มที่ 2 คือ "ขุนช้างขุนแผน ฉบับอ่านใหม่"
ผู้เขียนคือ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ปราชญ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์



ขอย้อนหน่อยว่างานเขียนของคุณชายคึกฤทธิ์ผมได้อ่านแล้วหลายเล่ม
ไม่เคยผิดหวังเลยคับ ได้ความรู้ละเอียดลึกซื้ง เช่น ซูสีไทเฮา กฤษดาภินิหารอันบดบังมิได้ ยิว ฉากญี่ปุ่น สี่แผ่นดิน พม่าเสียเมือง
แต่ที่สนุกและโปรดมากมายคือ
โครงกระดูกในตู้ อันเป็นวีรกรรมของท่านป้าฉวีวาด อันลือลั่นถึงกรุงกัมพูชา !

งานเขียนเรื่องนี้ เป็นการเขียนเชิงวิพากษ์ตั้งแต่ฉากของเรื่อง
และคนที่แต่งเสภา และเล่าเรืองต่อ ๆ กันมา น่าจะเป็นคนที่อยู่ในคุก !!!!
เพราะมีข้อความระหว่างบรรทัดที่สื่อไปถึงได้ เนื้อเรื่องจะเขียนถึงสมัยขุนช้างขุนแผน และลากยาวต่อไปถึงยุคพลายงามลูกชายโน้นแนะ

ใครที่เคยได้ยินได้เรียนเรืองนี้มาบ้างแล้ว สมัยเด็ก ๆ
แล้วยังคาใจ แนะนำให้ไปหามาอ่านเล้ยย ไม่ผิดหวังแน่นอน
เพราะว่าจะทะลุปรุโปร่งเรื่องตัวละคร ความเป็นอยู่ของคนสมัย
อยุธยาตอนปลาย เรียกว่าเกร็ดประวัติศาสตร์ต่าง ๆ จะร้อยเรียงแทรกผ่านตัวอักษร และความบันเทิง อ่านแล้ววางไม่ลงเลย

จุดเด่นเล่มนี้คือการยกบทเสภามาอธิบายเป็นระยะ ๆ ไม่มากเกินไป
จะเห็นความงามของภาษา พร้อมกับความงามจากจินตนาการของฉาก
ต่าง ๆ ที่ส่วนใหญ่จะมีอยู่จริงในปัจจุบัน
อ่านแล้วรู้สึกว่ามันยังคงร่วมสมัยมากกมาย
ทั้งที่เขียนมานานนม แปลกมาก !!!

อืมม์สนนราคา เล่มนี้ก็ 260.- ถ้ามีบัตรส่วนลดก็ถูกลงไปอีกนะ

เล่มที่ 3 คือ "สิ้นแสงฉาน"

เล่มนี้เป็นงานแปลด้วยภาษาที่สวยมากฝีมือชั้นครู ของ มนันยา
แปลมาจาก Twilight over Burma my life as Shan princess



ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่เขียนอิงประวัติศาสตร์
อันเป็นบันทึกของ สุจันทรี (อิงเง่) มหาเทวีผมทอง ชาวออสเตรีย
ของเจ้าฟ้าหลวงแห่งแคว้นสีป่อในรัฐฉานของพม่า
ซึ่งน่าแปลกที่หญิงสาวชาวตะวันตกจะพบรักและกลายเป็นมหาเทวีของเจ้าฟ้าองค์หนึ่งของโลกตะวันออก ในคราวที่ทั้งสองเป็นนักศึกษาด้วยกัน
จึงน่าจะเรียกว่า "ครั้งหนึ่งที่แสนงดงามเมื่อ ตะวันตก มาบรรจบ ตะวันออก"

จุดเด่นของเล่มนี้คือ
สำนวนแปลที่สวยมากของคุณมนันยา และเรืองราวที่เบื้องหลังอันอึมครึม
และความวุ่นวายทางการเมืองของประเทศพม่าที่บ่มเพาะมาตั้งแต่คราวกระโน้นจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีทีท่าว่ามันจะจบลง

จริง ๆ เล่มนี้ผมจดๆ จ้อง ๆ มาหลายหนแระ คราวนี้ตัดสิ้นใจซื้อด้วยประโยคนี้เลยครับ

....ความผันผวนทางการเมือง ด้วยเพลิงอำนาจ ความโลภ ตัณหา ความเห็นแก่ตัว และความทะยานอยากไม่รู้จบของคนกลุ่มหนึ่งพรากเขาไปจากทุกอย่าง ดอกไม้ต่างถิ่นที่เป็นปิ่นปักเกล้าของคนทั้งปวงอย่างเธอจะทำอย่างไร ?

เล่มนี้ยังอ่านไม่จบเล้ย อ่านได้สัก 70 เปอร์เซ็นต์ เพราะหลัง ๆ เพื่อนฝูงมาพักค้างถี่ขึ้น เวลาของการอ่านหนังสือก่อนนอนจึงถูกแทนที่ด้วยการ เม้าท์ 555

อืมม์ เล่มนี้ พิมพ์ครั้งที่ 3 แล้วนะ เหตุผลหนึ่งในการตัดสินใจซื้อหนังสือที่ง่าย ๆ คือดูครั้งที่พิมพ์จะช่วยบอกความนิยม และคุณภาพของหนังสือได้ทางหนึ่ง สนนราคาอยู่ที่ 220.- ผมใช้แสตมป์ส่วนลดลดได้มาโข จ่ายจริงสักประมาณ 150.-

เล่มล่าสุด เล่มที่ 4 มาช้าแต่อ่านจบก่อนวางไม่ลงจริง ๆ ครับ น่าจะอ่านแค่สองคืนก็จบ ดีจนต้องหยิบไปให้พี่อีกคนที่ชอบพอกันอ่านต่อ
จริง ๆ หนังสือหนึ่งเล่มถ้าอ่านคนเดียวมูลค่าก็เท่าราคาปก
ผมจึงมักจะแบ่งปันพรรคพวก คอหนังสือให้ได้อ่านเสมอเพื่อเป็นการเพิ่ม
มูลค่าให้หนังสือ สองเท่า สามเท่าก็สุดแล้วแต่

ชื่อหนังสือคือ "ที่เกิดเหตุ : บันทึก 1 ปีในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้"
เขียนโดย วรพจน์ พันธุ์พงศ์ ซึ่งลงไปใช้ชีวิตคลุกคลีอยู่กับประชาชนทหาร ตำรวจ ชาวบ้าน และโดยเฉพาะอิหม่าม ทั้งสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
หาใช่เพียงการนั่งเขียนภายในห้องสี่เหลืยมไม่

เล่มนี้หนังสือที่ผมสะดุดตาเพราะภาพปกของเด็กหญิงสามคนที่คลุมฮิหญาบพร้อมกับส่งแววตาที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสา...



จริง ๆ แล้วผมเป็นพุทธศาสนิกชนที่เคร่งครัด แต่ชีวิตมักจะต้องเกี่ยวข้องกับเพื่อนพ้องชาวมุสลิมเสมอ ทั้งชีวิตเล้ยนะ ตั้งแต่อ.ที่ปรึกษาโปรเจคป.ตรี
หัวข้อที่สีสป.โทที่เกี่ยวกับภาษาอาหรับ หรือแม้แต่โรงเรียนที่สอนก็คือโรงเรียนสุเหร่าแห่งหนึ่งในเขตบางกะปิ กรุงเทพ ฯ

ผมจึงค่อย ๆ ซึมซัมและเข้าถึงวิถีชีวิตของชาวมุสลิมที่ละนิด
จนเข้าใจว่าในความต่างของมุสลิมกับศาสนาอื่น ๆ
อิสลามคือศาสนาที่แยกไม่ออกจากชีวิตประจำวัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
เป็นอัตลักษณ์ที่มีระเบียบยิ่ง และเข้มแข็งมากที่สุดในบรรดาศาสนาที่ผมเคย
รู้จัก

และแน่นอนครับอัตลักษณ์และความงามของวิถึชีวิตเหล่านี้หาอ่านได้ในเล่ม
ในเล่มจะสะท้อนสองด้านคือ เรื่องที่ชวนหดหู่ของเหยื่อความไม่สงบของไฟใต้ เช่นเรื่องของครูสาวสองคนที่ถูกฆ่าตายหมู่ และเรื่องราวของพระที่ถูกปาดคอคากุฎิ และอีกด้านที่ขาดไม่ได้คือชีวิตของโต๊ะอิหม่ามคนหนึ่งที่ถูกจับขังคุกฟรี ๆ โดยปราศจากความผิดใด ๆ ถึงสิบกว่าวันโดยไม่มีคำอธิบายใด ๆ จากรัฐ...

ความหมายระหว่างบรรทัดของเล่มนี้จะทำให้ผมเข้าใจปัญหาไฟใต้ได้
แต่ไม่มีคำตอบหรอกครับว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง จากใคร และจะจบอย่างไร

อ่านแล้วให้รู้สึกชื่นชมผู้เขียนที่มีความเป็นกลางมาก ไม่มีอคติ เข้าข้างใดข้างหนึ่งนอกจากนี้ยังมีการเขียนถึง วิถีชีวิตของพี่น้องมุสลิม เช่น ชีวิตหนุ่มสาวชาวปอเนาะ การทำสุนัตของเด็กชาย ฯลฯ อันเป็นเรื่องราวที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตที่งดงามของสามจังหวัดชายแดน เป็นความงามท่ามกลางเสียงปืน กลิ่นคาวเลือด และเสียงระเบิด !!!

ข้อสรุปที่ได้จากเล่มนี้คือ ในทุกสังคมมีทั้งคนดีและไม่ดี และคนเราต้องเคารพในความต่าง อ่านแล้วนึกถึงคำว่า "ดอกไม้หลากสี"
ของพ่อใหญ่ชวลิต ที่กำลังตกเป็นจำเลยสังคมอยุ่ในขณะนี้ จริงจริ๊งง 555

จุดเด่นของเล่มมีสองอย่างคือ
อย่างแรกคือการตั้งชื่อเรืองและภาษาง่าย ๆ ที่ใช้ดูน่าติดตามเช่น
ปืนกับปลา กาแฟกับเบียร์ เดือนดาวในคาวเลือดสุนัต บัญชาของพระเจ้า

อีกอย่างคือ ภาพขาวดำประกอบที่เป็นเสน่ห์ของเล่มนี้เป็นฝีมือของ
ธวัชชัย พัฒนาภรณ์ ช่างภาพอิสระ ที่ก้าวพ้นคำว่า "กลัวตาย" มาแล้ว
ภาพแสงเงา ดูมีพลัง และรู้สึกว่าหนึ่งภาพของเค้ามันแทนคำอธิบายได้เป็นร้อยเป็นพันคำจริง ๆ

เล่มนี้ราคาถูกมาเมื่อเทียบกับเนื้อหาในเล่ม
ที่กว่าจะสรรหาข้อมูลมาได้ต้องเสี่ยงชีวิตอยู่ท่ามกลางกระสุนปืน ควันไฟ และลูกระเบิด ราคา แค่ 195.- เท่านั้นเอง





 

Create Date : 12 กรกฎาคม 2553
0 comments
Last Update : 12 กรกฎาคม 2553 11:01:02 น.
Counter : 1294 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Gia Huy - Peeradol
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]




Air SurOundinG mE liKe mY besT frIendS !
แจกฟรีแบ๊คกราว
Friends' blogs
[Add Gia Huy - Peeradol's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.