ในตอนที่แล้วผมได้บอกเล่าประสบการณ์การเจ็บตัวกับหุ้นโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นหุ้นผลิตฟิลม์พลาสติก สำหรับห่ออาหาร โดยการขาดทุนครั้งนั้นผมขาดทุนไปเกิน 1 เท่าตัว (เด้งลง) เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในช่วงภาวะฟื้นตัวจากวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ราวๆ 6 ปีที่แล้ว ซึ่งทำให้ผมเจ็บใจ และต้องกลับไปเลียแผล พร้อมกับตั้งคำถามคำโตๆ ในใจว่า “ทำไม” ทำไมผมจึงขาดทุน และนั่นก็ทำให้ผมเปลี่ยนแนวคิดการลงทุนจากการเก็งกำไร มาเป็นการลงทุนแนวเน้นคุณค่า หรือ Value Investment นั่นเอง

อ่านตอนที่ 1 ได้ที่นี่ครับ "บันทึกการลงทุนตอนที่ 1"

เปลี่ยนแนวคิด ชีวิตเปลี่ยน

เมื่อผมขาดทุนอย่างหนัก ในตอนนั้นเองผมไม่กล้าบอกใคร ไม่กล้าบอกคนรอบข้าง เหมือนอย่างที่คนเล่นหุ้นมักพูดกันว่า “คนตายไม่พูด” หมายความว่า คนที่บาดเจ็บมักจะอยู่เงียบๆ อย่างเจียมตัว ไม่กล้าบอกใคร แต่เวลากำไรคนเรามักจะบอกเพื่อนฝูงว่าเรากำไรเท่านั้นเท่านี้ เพราะธรรมชาติของมนุษย์ต้องการให้คนอื่นยอมรับในตัวเรา

เมื่อผมกลับมาทบทวนว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้ผมต้องบาดเจ็บหนักมากขนาดนั้น แล้วผมก็พบว่า ตอนที่ซื้อหุ้นฟิลม์ตัวนั้นผมซื้อด้วยความโลภ เมื่อความโลภบังตา ทำให้ผมมองไม่ออกว่าราคาหุ้น ณ.ตอนนั้นมันยอดดอยชัดๆ แต่เพราะคิดว่าซื้อแพง ไปขายแพงกว่า สิ่งนั้นเป็นหลุมพรางที่ทำให้ผมต้องเจ็บตัวอย่างไม่ต้องสงสัย

พอเรารู้แล้วว่าสาเหตุที่ทำให้เราเจ็บตัวก็เพราะเราโลภ แต่เราจะแก้ไขตัวเองไม่ให้โลภได้หรือไม่ คำตอบก็คือ เป็นไปได้ยากมากๆ คนเรามักมีความโลภติดตามตัวเสมอ ไม่เฉพาะแต่คนเล่นหุ้นเท่านั้น คนทั่วไปใช้ชีวิตแบบไม่ได้เล่นหุ้นก็มีความโลภ ความโลภเป็นศัตรูเก่าแก่ที่อยู่คู่มนุษย์มาหลายร้อย หลายพันปี มันยากมากๆ ที่จะไม่โลภ ผมจึงคิดใหม่ว่าถ้าเรายังโลภอยู่ แต่ทำยังไงให้เราใช้ความโลภให้เป็นประโยชน์ หรือทำให้มันน้อยลงไป ซึ่งก็พบกับคำตอบในที่สุด

คำตอบก็คือ... เราต้องใช้ความรู้ กับใช้แนวทางที่เป็นเหตุเป็นผลมาลดความโลภ เวลาที่เราโลภอยากได้ อยากซื้อหุ้น เราจะตกอยู่ในภาวะของ “อารมณ์” ล้วนๆ และในภาวะนั้น ความโลภก็ครอบงำจิตใจเราหมดสิ้น ทำให้เราตัดสินใจผิดพลาดอย่างที่ไม่ควรจะเป็น ผมจึงเริ่มศึกษาหาความรู้ และสิ่งที่ดูเป็นเหตุเป็นผลในตอนนั้นมีอยู่สองทางเลือก ได้แก่ การอ่านกราฟติดตามราคาหุ้น และการลงทุนแนวเน้นคุณค่า ผมเลือกอย่างหลัง

การลงทุนแนวเน้นคุณค่า หรือ Value Investment

เมื่อผมเลือกที่จะศึกษาการลงทุนแนวเน้นคุณค่า ผมก็เริ่มหาหนังสือมาอ่าน และหนังสือเล่มแรกๆ ที่ผมอ่านก็คือ “ตีแตก” ของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรกรณ์ เป็นหนังสือที่ผมต้องบอกจากใจเลยครับว่า อ่านแล้ววางไม่ลง เล่มต่อมาที่ผมอ่านเป็นหนังสือภาษาอังกฤษที่อ่านง่ายมากๆ เล่มนั้นคือ How Buffet Does it ที่บอกเล่าแนวคิดการลงทุนของคุณ วอเรนต์ บัฟเฟตต์ เป็นการบอกเล่าแบบเข้าใจง่าย คำศัพท์ในหนังสือก็ใช้คำศัพท์ที่ไม่ยากจนเกินไป ใครที่เป็นมือใหม่ และอยากเริ่มต้นลงทุน แนะนำสองเล่มนี้นะครับ รับรองอ่านง่าย เข้าใจง่ายๆ

เมื่อผมตั้งใจอ่านหนังสือสองเล่มนี้ ผมก็พบกับแนวคิดที่มันเปลี่ยนชีวิตของผม ในอดีตผมเองซื้อหุ้นแบบไม่มีพื้นฐานอะไรเลย ซื้อเพราะอยากซื้อ ตอนซื้อ KBANK ในราคา 60 บาท นั้นเป็นเพราะผมชอบธนาคารสีเขียว และนั่นก็เป็นการซื้อแบบเน้นคุณค่าโดยไม่รู้ตัว โชคดีอย่างหนึ่งของผมคือ ผมอ่านกราฟหุ้นไม่เป็น พยายามทำความเข้าใจก็แล้ว หาหนังสือมาอ่านก็แล้ว มันไม่เข้าหัวผมเอาเสียเลย การซื้อ KBANK ในครั้งนั้นจึงซื้อเพราะความชอบกิจการล้วนๆ และแนวคิดนั้นมันได้ผล เพราะผมสามารถขายทำกำไรไปได้ที่ราคาราว 80 บาทต่อหุ้น

สำหรับประสบการณ์หุ้น 1 เด้งของผม หลังจากที่ผมได้ศึกษาแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่ามันมาจากหุ้น BCP หรือหุ้นบางจาก ตอนนั้นบางจากมีการปรับปรุงระบบการกลั่นน้ำมันใหม่ ทำให้ค่าการกลั่นสูงขึ้นกว่าเดิมมาก ค่าการกลั่นที่สูงขึ้นก็คือ “กำไร” ที่เพิ่มขึ้นในบรรทัดสุดท้ายนั่นเอง หลังจากผมเจ็บตัวจากหุ้นฟิลม์ เงินที่เหลือเพียงน้อยนิดของผมก็นำมาซื้อหุ้น BCP แทบทั้งหมด ผมจำได้ตอนนั้นซื้อไปที่ราคา 13 บาทต่อหุ้น และขายไปตอนราคาขึ้นมากว่าเท่าตัว ทำให้ผมคืนขาดทุนจากหุ้นฟิลม์ที่ลงทุนไปตอนแรกมาได้ทั้งหมด แน่นอนว่าผมดีใจมากๆ และก็คิดแบบเม่าๆ ว่า ผมเก่ง (อีกแล้ว) และนั่นทำให้ผมต้องเจ็บตัวอีกครั้งในการลงทุนครั้งต่อมา ... แต่จะเป็นอย่างไรนั้น ผมจะค่อยๆ ทยอยเล่าให้ฟังในตอนต่อๆ ไป โปรดติดตามนะครับ

หนังสือน่าอ่าน "กำเนิดวีไอ พลิกชีวิตด้วยหุ้น"

หนังสือเล่มนี้ "นายแว่นธรรมดา" เขียนจากชีวิตของคนคนหนึ่งที่เคยต้อง "ตกงาน" และพลิกชีวิตของตัวเองกลับมาได้ด้วยการลงทุนใน "หุ้นวัฏจักร" หลายคนหวาดกลัวหุ้นประเภทนี้ ทำให้ไม่กล้าลงทุน และต้องเสียโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย... เพราะหุ้นวัฏจักรนั้น แท้จริงแล้วถ้าเรารู้วิธีการก็สามารถทำผลตอบแทนได้ "หลายเด้ง" และสร้างความมั่งคั่งให้กับเราได้ไม่ยากครับ... ติดตามตัวอย่างของการ์ตูนในเล่มได้เลยครับ

“มานิต” พนักงานกินเงินเดือนที่ต้องมาตกงานกะทันหัน และจำต้องเปลี่ยนแปลงชีวิต เพื่อให้พ้นจากวิกฤติของตัวเอง ... นั่นคือเรื่องราวเริ่มต้นของหนังสือเล่มนี้ “กำเนิดวีไอ พลิกชีวิตด้วยหุ้น” ที่ผม “นายแว่นธรรมดา” ต้องการถ่ายทอดประสบการณ์ผ่านเรื่องราวของการ์ตูน (ออกแนวดราม่านิดๆ) เพื่อให้คุณผู้อ่านได้เข้าถึงอรรถรสของการลงทุน

บทที่ 1 ทางเลือกของคนตกงาน

บทที่ 2 ชีวิตนอกกรอบ

บทที่ 3 เรื่องเก่าๆ

บทที่ 4 หนึ่งวันในเมืองที่วุ่นวาย

บทที่ 5 รู้จักประเภทหุ้น

บทที่ 6 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

บทที่ 7 หุ้นวัฏจักรขุมทรัพย์การลงทุนที่เปลี่ยนชีวิต

บทที่ 8 หุ้นวัฏจักรมี่กี่แบบ

บทที่ 9 ประสบการณ์เล่นหุ้นจริง

หาอ่านได้แล้วในรูปแบบอีบุ๊กส์นะครับ

[เกี่ยวกับผู้เขียน]

นายแว่นธรรมดา ผู้แต่งหนังสือขายดี  "รวยหุ้นวีไอไม่เสี่ยง" และหนังสือ "ลงทุนคอนโดไม่ยาก" และผู้ก่อตั้งเว็บ //www.naiwaen.com และ //www.topofliving.com ผมขออาสาถ่ายทอดประสบการณ์ด้านการลงทุนในหุ้น และอสังหาริมทรัพย์ให้เพื่อนๆ นักลงทุนทุกท่านได้อ่านแบบเข้าใจง่าย ติดตามกันให้ได้นะครับ

คำเตือน การวิเคราะห์หุ้น การลงทุนรูปแบบต่างๆ และเทคนิคการลงทุนในหุ้นเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร ผู้เขียนบทความไม่รับผิดชอบต่อความเสี่ยง หรือความเสียหายในการลงทุนของผู้รับข้อมูลนะครับ

‪#‎ช่องทางการติดตามข้อมูล‬ ‪#‎นายแว่นธรรมดา‬

สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการติดตามข้อมูล โดยเฉพาะสมาชิกเว็บ www.naiwaen.com ท่านสามารถติดต่อโดยตรงได้ที่ naiwaentammada@gmail.com

หรือเข้าไปติดตามบทความในรูปแบบคลิ๊ปเสียงที่ https://www.youtube.com/channel/UCcQxvgiObaaA2DI3UOqrXZw

เพื่อนๆ ยังสามารถเข้าไปติดตามความเคลื่อนไหวใหม่ล่าสุดที่บล็อกพันทิป //www.bloggang.com/mainblog.php?id=naiwaentammada(ปัจจุบันมียอดเพจวิวกว่า 3.1 ล้านวิว)

หรือยังไม่จุใจท่านยังสามารถเข้าไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกันที่นี่ครับ https://plus.google.com/u/0/118319315169248364407

สำหรับเรื่องราวของอสังหาริมทรัพย์... เพื่อนๆ สามารถเข้าไปหาข้อมูลที่ต้องการได้ที่นี่ www.topofliving.com

และเตรียมพบกับเว็บบอร์ดคุยเรื่องหุ้นเร็วๆ นี้นะครับ

ยินดีต้อนรับทุกท่าน อีโมติคอน grin
สำหรับ "นายแว่นธรรมดา" แล้วเราจะทำให้เพื่อนๆ ทุกท่าน

"มีชีวิตที่ง่าย และดี"

Create Date : 11 มกราคม 2560
Last Update : 11 มกราคม 2560 10:57:52 น.		0 comments
Counter : 1455 Pageviews.
Share Tweet