<<โดยสวัสดิภาพ-Bon Voyage(1)>>
สนามบินวันนั้นคนค่อนข้างหนาแน่น ฉันต้องไปเช็คอินก่อนเครื่องบินขึ้นตั้ง 3 ชั่วโมงเนื่องจากยังคงมีผู้โดยสารตกค้างจากเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิด นับว่าเป็นโชคดีสำหรับฉันเพราะน่านฟ้ายุโรปเพิ่งจะเปิดให้เครื่องบินขึ้นลงได้ก่อนวันที่ฉันจะบินเพียงแค่ 2 วัน แต่พ่อฉันบอกว่าที่คนเยอะ ๆ อย่างนั้นอันที่จริงไม่ใช่ผู้โดยสารตกค้างสักเท่าไหร่หรอก เป็นเพราะญาติมิตรซะมากกว่าครึ่งที่ทำให้สนามบินคราคร่ำ และก็คงจะจริงเพราะลำพังฉันเองคนเดียวก็มีคนมาส่งมากมาย แต่กระนั้นเวลา 3 ชั่วโมงก็ไม่ได้มากมายเพียงพอจะร่ำลาอย่างอ้อยอิ่งกับใครด้วยซ้ำ
ประตู "International flight จุดควบคุมหนังสือเดินทาง กระจกขุ่น ๆ ที่กั้นผู้โดยสารที่จะเดินทางออกจากบรรดาญาติมิตรผู้มาส่ง ฉันโบกมือลาเพื่อนฝูงและครอบครัวที่มาส่งกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาที่ประตูตรงนั้นด้วยรอยยิ้ม เพื่อบอกให้ทุกคนรับรู้ว่าไม่ต้องเป็นห่วงฉัน พอเดินพ้นประตูเข้ามาก็ได้แต่มองทะลุกำแพงกระจกขุ่น ๆ อันนั้นออกไปเห็นหน้าตาใครไม่ค่อยชัดเหมือนก่อนเดินเข้าโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าฉันก็อาลัยอาวรณ์กับการจากลาไม่น้อย และโดยที่ฉันเองก็ต้องรับรู้แล้วว่าจากนี้ไปจะไม่ได้เห็นหน้าใครเหล่านั้นแม้จะชัดหรือไม่ชัดก็ตามอีกเป็นเวลานานทีเดียว
ภาษาฝรั่งเศสของผู้โดยสารฝรั่งเศสตอนเดินขึ้นเครื่อง ทำให้ฉันต้องรับรู้อีกครั้งว่าฉันกำลังเดินเข้าสู่ดินแดนฝรั่งเศสจริง ๆ แล้วนะ ดีที่นั่งไปกับการบินไทย(รักคุณเท่าฟ้า)ก็ตรงที่มันเป็นรอยต่อของความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้คนไทยรู้สึกอบอุ่นดี แม้จะเป็นฝรั่งหัวทองเต็มลำไม่เว้นแม้แต่คนข้าง ๆ ก็เป็นสาวฝรั่งเศสหน้าตาเย็นชา แต่ก็ยังมีเพลงไทยให้ฟัง แอร์ไทยใส่ชุดไทยพูดภาษาไทย นินทากันเป็นภาษาไทย ตัวอักษรไทยบนหน้าจอ อาหารไทยมื้อสุดท้ายให้ได้กิน ให้ได้ปรับตัวปรับใจ ได้ตั้งสติคิดอะไร ๆ ก่อนจะก้าวออกจากเครื่องเพื่อเดินสู่โลกใหม่ด้วยตัวเองอย่างแท้จริง
เราทะยานออกจากกรุงเทพฯเมื่อตอนเที่ยงคืน เวลาบิน 12 ชั่วโมง และมาถึงตอนเช้าที่ 7 นาฬิกาของปารีสเวลา 12 ชั่วโมงบนเครื่องบิน การเดินทางครั้งนี้เป็นการ 'บินหนีดวงอาทิตย์' ฉันเรียกว่างั้น ทำให้เป็นคืนที่ยาวนานที่สุดคืนหนึ่ง ช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นที่แสงสีส้มไล่เลี่ยขอบฟ้ากินเวลาถึง 3 ชั่วโมง เสียดายที่ไม่ได้นั่งริมหน้าต่าง แต่ก็พอจะได้เก็บเกี่ยวช่วงความงามที่เครื่องบินบินขนานไปกับขอบฟ้านั้นไว้ได้
เมื่อกัปตันประกาศเตรียมลงจอด ฟ้าข้างนอกยังสวย เมฆที่ปลายสายตาเป็นสีเลื่อมทองระยิบบอกให้รู้ว่าเป็นเวลาเช้าได้ไม่ทันไรและพระอาทิตย์ยังคงวนเวียนอยู่ไม่ไกลขอบฟ้า ส่องแสงอ่อนบางเพียงพอจะทำให้เห็นเงาราตรีและฟ้ารุ่งอรุณในกรอบหน้าต่างเครื่องบินบานเดียว ริ้วเมฆยาวสุดลูกหูลูกตาเป็นภาพอันโปรดปรานของฉันภาพหนึ่งเมื่อมองจากเครื่องบิน ผนวกกับความรู้สึกตื่นตัวเต็มที่กับการเริ่มต้นใหม่แล้ว ทำให้ยิ่งสวยจับใจ
ฉันถอดนาฬิกาข้อมือออกมาหมุนเข็มสั้นและเข็มยาวทวนหน้าปัดนาฬิกาไปอีก 5 ชั่วโมงหลังจากได้ยินประกาศจากกัปตันถึงเวลาปลายทาง ใครว่าเราย้อนเวลาไม่ได้ ฉันกำลังนั่งเครื่องไทม์แมชชีนย้อนเวลาอยู่เห็น ๆ ค่าตั๋วเครื่องบินเรือนหมื่น ถ้าคิดว่าเป็นการเดินทางจากที่หนึ่งไปยังที่หนึ่งก็ฟังดูแพงไปแต่ถ้าคิดว่าเป็นค่าการดูพระอาทิตย์ขึ้นอย่างอ้อยอิ่งกับค่าเวลาที่ซื้อขึ้นมาได้อีกตั้ง 5 ชั่วโมง ก็ฟังดูคุ้มค่าขึ้นมาทันที
เครื่องบินกำลังลดระดับลงสู่ท่าอากาศยานชาร์ลเดอโกล อุณหภูมิข้างนอก 12 องศาเท่านั้น การผจญภัยครั้งใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว จำได้ว่าครั้งที่กลับจากคูเวตฉันใส่เสื้อสีขาวแขนยาวกับยีนส์สีอ่อน เป็นตัวเดียวกันกับวันนี้ที่ฉันใส่ขึ้นเครื่อง ต่างกันที่รองเท้า กระเป๋าและความรู้สึก ตอนนั้นฉันกลับไปเพื่อสิ้นสุดแต่วันนี้ฉันจากมาเพื่อเร่ิมต้น...
แอร์สาวคนที่เอาน้ำมาให้ฉันหลายรอบแจกเข็มกลัดดอกกล้วยไม้ตามธรรมเนียมก่อนผู้โดยสารจะเดินลงจากเครื่อง ฉันแอบบอกลา 'ประเทศไทย' อยู่ในใจก่อนก้าวออกไปจากเครื่อง ฉันพร้อมแล้วล่ะที่จะเริ่มต้น...แม้มันจะดูเป็นเวลาอีกนานสำหรับวันนี้กว่าจะถึงกำหนดกลับคราวหน้า แต่พอถึงวันนั้นมันจะเป็นเวลาสั้น ๆ เพียงนิดเดียว

*ขอบคุณพ่อ น้องชายและเพื่อนทุกคนที่มาส่งที่สนามบินค่ะ ขอบคุณโทรศัพท์ ข้อความแม้จะไม่ได้มาส่งเองและขอบคุณของขวัญทุกชิ้นด้วยค่ะ...เดินทางถึงโดยสวัสดิภาพแล้ว...
Create Date : 26 เมษายน 2553 |
Last Update : 30 เมษายน 2553 6:16:18 น. |
|
17 comments
|
Counter : 1769 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 26 เมษายน 2553 เวลา:23:48:59 น. |
|
|
|
โดย: cd2lucky วันที่: 27 เมษายน 2553 เวลา:5:37:57 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 เมษายน 2553 เวลา:7:16:17 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 27 เมษายน 2553 เวลา:7:33:53 น. |
|
|
|
โดย: อ้อน IP: 61.7.145.137 วันที่: 28 เมษายน 2553 เวลา:8:03:00 น. |
|
|
|
โดย: narellan วันที่: 28 เมษายน 2553 เวลา:18:44:10 น. |
|
|
|
โดย: settembre วันที่: 28 เมษายน 2553 เวลา:19:27:14 น. |
|
|
|
โดย: กะต่าย IP: 58.9.177.8 วันที่: 28 เมษายน 2553 เวลา:21:02:10 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 เมษายน 2553 เวลา:6:40:01 น. |
|
|
|
โดย: ติ่ง IP: 115.87.14.151 วันที่: 29 เมษายน 2553 เวลา:8:15:54 น. |
|
|
|
โดย: ติ่ง IP: 115.87.14.151 วันที่: 29 เมษายน 2553 เวลา:8:23:41 น. |
|
|
|
โดย: nulaw.m วันที่: 29 เมษายน 2553 เวลา:9:56:14 น. |
|
|
|
โดย: am^^ IP: 58.8.125.155 วันที่: 29 เมษายน 2553 เวลา:15:38:34 น. |
|
|
|
โดย: BeCoffee วันที่: 29 เมษายน 2553 เวลา:21:14:05 น. |
|
|
|
โดย: nikanda วันที่: 30 เมษายน 2553 เวลา:4:46:12 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 เมษายน 2553 เวลา:6:15:43 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ
ยินดีด้วยที่เดินทางกลับได้โดยสวัสดิภาพ
ที่บอกว่านั่งเครื่องบินหนีดวงอาทิตย์แล้ว รับรู้ได้ถึงความทรมานของค่ำคืนเลยครับ คงจะเหมือนกับคืนหนึ่งที่นอนไม่หลับ มันจะรู้สึกเหมือนกับว่าในค่ำคืนนั้นยาวนานกว่าทุก ๆ คืนครับ
อิอิ