<<การปรับตัว-Acclimatisation>>
เป็นเวลาเกือบเดือนผ่านไปแทบจะไม่รู้ตัวที่มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เมืองวิชชี่ ประเทศฝรั่งเศส ยังเรียกว่าเป็นขั้น "เริ่มต้นชีวิต" อยู่ ไม่ถึงกับ "ใช้ชีวิต" ซะทีเดียว เพราะยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องปรับตัว ปรับใจ ปรับร่างกาย ปรับลิ้นรับรส ปรับสภาพเวลา เรียกว่าต้องปรับไปซะหมดทุกอย่าง เพราะทุกสิ่งรอบข้างเปลี่ยนไป ไม่ใช่อะไร ๆ ที่คุ้นเคยและเคยใช้ชีวิตอยู่ทุกวี่วัน
นอกจากจะเรื่องภาษา เรื่องอาหาร เรื่องอากาศ ยังไม่พูดถึงทัศนคติผู้คนที่เป็นปัญหาคลาสสิคสำหรับคนมาอยู่เมืองนอกอยู่แล้ว ยังมีเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆในชีวิตประจำวันที่ดูเหมือนจะไม่สำคัญอะไร แต่คิดไปคิดมาก็เป็นเรื่องใหญ่ไม่น้อย อย่างเช่น น้ำดื่ม รถรา การข้ามถนน ห้องน้ำ พอรวมกันหลายสิ่งเข้าก็กลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมาสำหรับฉันซะอย่างนั้น วันนี้ก็เลยจะหยิบยกปัญหาเล็กน้อยกับการปรับตัวมาเล่าให้ฟังค่ะ

เคยได้ยินมาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่า ฝรั่งเค้าดื่มน้ำก๊อกกันเป็นปกติไม่ต้องกรองน้ำหรือต้มน้ำเหมือนอย่างเรา (หรือว่าของเราก็กินได้ ตามนโยบายรัฐบาล "น้ำประปากินได้" ?!) แต่กระนั้นก็ตามที่ได้ยินมาและถึงขั้นว่าเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องมากินน้ำก๊อกจริง ๆ มันก็ทำใจได้ยากอยู่ มาอาทิตย์แรกจำได้ว่ากินน้ำน้อยมาก ยังไง ๆ ก็ยังได้กลิ่นคลอรีนหรือกลิ่นน้ำประปาอยู่ดี แถมที่ห้องฉันทำกับข้าวไม่ได้(เพราะอยู่กับแฟมิลี่) เวลาจะกินน้ำต้องเดินไปกินในห้องน้ำ รื่นรมย์เสียนี่กระไร!
แต่มาตอนนี้ก็ต้องทำใจ เข้าเมืองคนกินน้ำประปาก็ต้องกินน้ำประปาตาม เริ่มกินได้เป็นปกติ บางทีล้าง ๆ แก้วอยู่เกิดหิวน้ำขึ้นมา ก็เอาน้ำล้างแก้วนั่นแหละกินเข้าไป!! (ปรับตัวเก่งไปนิดไหม!)


เรื่องเล็กน้อยที่ใหญ่สำหรับฉันเรื่องต่อไป ก็คือเรื่องถนน...เป็นที่ทราบกันดีว่ามีไม่กี่ประเทศในโลกที่(อุตริ)ขับรถด้านซ้าย-พวงมาลัยด้านขวาอย่างประเทศไทย ประเทศส่วนใหญ่จะขับด้านขวา-พวงมาลัยก็อยู่ด้านตรงข้าม ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าต้องขับรถแน่ ๆ ระดับนั้นยากเกินไป แต่มันแค่เรื่องง่าย ๆ คือ การข้ามถนน
และก็ต้องสารภาพความโง่ของตัวเองต่อสาธารณะชนตรงนี้อีกอย่างว่า ฉันเป็นคนไม่รู้จักซ้ายขวา! อันนี้เป็นนิสัยติดตัวมาแต่ไหนแต่ไร ใครพูดซ้ายฉันจะคิดว่าขวา ใครพูดขวาฉันจะคิดว่าซ้าย คนสนิทใกล้ชิดฉันจะทราบดี ตอนอยู่เมืองไทยเวลาข้ามถนน ฉันก็จะใช้สัญชาตญาณความคุ้นเคยเอาว่าต้องมองด้านไหนก่อนด้านไหน...แต่มาที่นี่ฉันจะใช้สัญชาตญาณนั้นไม่ได้เสียแล้ว และจะให้บอกตัวเองว่าต้องมองซ้ายก่อนค่อยมองขวาเพราะว่าปกติต้องมองขวาก่อนมองซ้าย แล้วค่อยหันมามองขวาอีกทีแล้วมองซ้ายก่อน!! ไม่...ฉันทำไม่ได้
มาแรก ๆ ฉันเกือบโดนรถชนไปหลายที-ไม่ได้พูดให้เว่อร์-แต่อาศัยว่าที่นี่เป็นเมืองเล็ก ถนนเล็ก คนขับรถไม่เร็วและมีน้ำใจมาก ๆ (จะพูดต่อไป) ก็เลยไม่เคยโดนชนสักที แม้กระทั่งตอนนี้ก็ตาม ก็ยังปรับสัญชาตญาณการข้ามถนนไม่ได้อยู่ดี พอจะข้ามถนนทีไร ต้องมองไปรอบ ๆ ตัว หมุนคอรอบด้าน แม้จะเป็นถนนวิ่งทางเดียวก็ตาม ก็ยังซ้ายทีขวาที ขวาทีซ้ายที ดูเป็นเด็กน้อยข้ามถนนไม่เป็นไปเลยทีเดียว

แต่นับว่ายังดีสำหรับกระเหรี่ยงโง่ ๆ ข้ามถนนไม่เป็นอย่างฉัน นอกจากจะเป็นเมืองเล็ก ถนนเล็กแล้ว คนขับที่นี่ก็ยังมีนำ้ใจมาก ๆ เหมือนว่าถนนหนทางมีไว้สำหรับคนเดินถนน ไม่ใช่สำหรับรถรา เพราะไม่ว่าใครทำทีจะข้ามถนนยังไง รถที่เห็นมาแต่ไกลก็จะเบรคตัวโก่งให้อย่างสุภาพใจดีจนน่าตกกะใจ ตอนแรกก็หลงนึกว่าเราสวย (555) แต่เป็นความใจดีของคนขับรถที่นี่อยู่แล้วต่างหาก เรื่องนี้ก็ต้องระวังอีกอย่างว่าอย่าไปเดินริมขอบถนนแล้วจะทำทีข้ามถนนเด็ดขาด เพราะว่าเดี๋ยวรถจะจอดกันอุตลุตโดยไม่มีใครข้าม
แล้วฉันก็เพิ่งมาคิดขึ้นได้ว่าเคยมีฝรั่งที่มาอยู่เมืองไทยบ่นให้ฟังหลายคนว่า ถนนที่เมืองไทยเป็นถนนสำหรับรถไม่ใช่สำหรับคน รถพร้อมจะชนคนได้เสมอและไม่คิดจะหยุดให้ ตอนนั้นฉันคิดว่าก็มันเป็นเรื่องปกติ ถนนก็สำหรับรถอยู่แล้ว ฉันขับรถเองก็ไม่ค่อยหยุดให้คนข้าม (555) แต่พอมาที่นี่ถึงเข้าใจว่ามันไม่ชินจริง ๆ


อีกเรื่องที่ดูจะไม่ชินเอามาก ๆ แต่ก็พร้อมมาก ๆ ที่จะปฏิบัติตาม เพราะเป็นนิสัยที่ดี นั่นก็คือ การประหยัดทรัพยากร
เวลาจะไปห้าง ไปตลาด ไปซื้อของเล็กน้อย เขาจะไม่มีถุงพลาสติคให้ ถ้าจะเอาถุงด้วยต้องเสียตังค์ซื้อเอง (เห็นว่าบ้านเราก็จะเริ่มนโยบายนี้แล้วเหมือนกัน) แม้จะทราบดีว่าเขาไม่มีถุงให้ แต่มันไม่ชินเอาเสียเลยที่ต้องจดจำว่าต้องพกถุงชอปปิ้งออกจากบ้านทุกครั้ง ครั้งแรก ๆ ก็ลืมเป็นประจำ ถ้าเอากระเป๋าใบใหญ่ไปหน่อยก็ไม่ต้องซื้อถุง มีอยู่หนึ่งครั้งที่ต้องซื้อถุงจากเขา และก็แค่ครั้งนั้นครั้งเดียวเพราะนอกจากจะรู้สึกว่ามันเปลืองและยังมีสายตาที่อาจจะรู้สึกไปเองจากแคชเชียร์เป็นเชิงตำหนิอีกด้วย หลังจากนั้นก็ไม่ลืมที่จะหยิบถุงออกจากบ้านทุกครั้ง
นอกจากเรื่องถุงพลาสติคแล้ว ในห้องน้ำสาธารณะทุกที่ จะมีไฟของแต่ละห้องน้ำให้เปิดและปิดเมื่อใช้และไม่ใช้อยู่เสมอ แรก ๆ ก็ไม่รู้หรอกว่าต้องปิด แต่สังเกตจากคนที่นั่นว่าเขาปิดทุกครั้งเมื่อไม่ใช้จนดูเหมือนเป็นนิสัย เราเองก็ต้องฝึกให้เป็นนิสัยเหมือนกัน เพราะมันเป็นทรัพยากรของโลก ไม่ใช่แค่ของชาติใดชาติหนึ่งเพียงชาติเดียว และก็เป็นเรื่องดีที่ควรรณรงค์ให้มีจิตสำนึกการประหยัดแบบนี้ซะด้วย

เรื่องรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน ฉันเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่เป็นส่วนของการเปลี่ยนวิถีชีวิตได้เลยทีเดียว จนถึงตอนนี้ก็รวบรวมเรื่องปลีกย่อยมาเป็นพอสังเขป อันที่จริงยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังต้องการเวลาอีกพอสมควรกว่าจะลงตัว กว่าจะชิน กว่าจะรับเอาวัฒนธรรมและความแตกต่างมาเป็นการใช้ชีวิตประจำวันได้
วันก่อนเจอเพื่อนคนหนึ่งตั้งคำถามมาในเอ็มเอสเอ็นว่า "ตกหลุมรักวิถีชีวิตหรือยัง"
ฉันยิ้มกับคำถามและตอบไปว่า "ยัง..."
"แต่กำลังพยายาม"
Create Date : 23 พฤษภาคม 2553 |
Last Update : 24 พฤษภาคม 2553 6:08:51 น. |
|
25 comments
|
Counter : 1947 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: JewNid วันที่: 24 พฤษภาคม 2553 เวลา:7:28:27 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:46:40 น. |
|
|
|
โดย: ปลาทองแก้มยุ้ย IP: 125.26.176.182 วันที่: 24 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:47:27 น. |
|
|
|
โดย: dogamania วันที่: 24 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:51:32 น. |
|
|
|
โดย: ติ่ง IP: 124.121.112.236 วันที่: 25 พฤษภาคม 2553 เวลา:1:39:29 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 พฤษภาคม 2553 เวลา:7:02:05 น. |
|
|
|
โดย: Chini วันที่: 25 พฤษภาคม 2553 เวลา:8:24:52 น. |
|
|
|
โดย: Chini วันที่: 25 พฤษภาคม 2553 เวลา:9:05:07 น. |
|
|
|
โดย: กะต่าย IP: 58.9.179.200 วันที่: 25 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:26:48 น. |
|
|
|
โดย: Karz วันที่: 27 พฤษภาคม 2553 เวลา:15:36:52 น. |
|
|
|
โดย: ติ่ง IP: 58.8.57.32 วันที่: 27 พฤษภาคม 2553 เวลา:16:55:30 น. |
|
|
|
โดย: nikanda วันที่: 29 พฤษภาคม 2553 เวลา:6:13:10 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 พฤษภาคม 2553 เวลา:7:13:18 น. |
|
|
|
โดย: ยางมะตอยสีชมพู IP: 124.121.127.72 วันที่: 30 พฤษภาคม 2553 เวลา:9:56:55 น. |
|
|
|
โดย: ฟี่ค่ะ .. Paulo IP: 115.87.214.98 วันที่: 30 พฤษภาคม 2553 เวลา:19:56:04 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 พฤษภาคม 2553 เวลา:6:51:03 น. |
|
|
|
โดย: BeCoffee วันที่: 1 มิถุนายน 2553 เวลา:23:28:21 น. |
|
|
|
โดย: Bananarumba วันที่: 2 มิถุนายน 2553 เวลา:15:02:38 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 มิถุนายน 2553 เวลา:6:24:33 น. |
|
|
|
โดย: do_rae@hotmail.com IP: 110.164.115.199 วันที่: 9 ธันวาคม 2554 เวลา:14:47:53 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ตอนย้ายไปอยู่ไกลบ้านใหม่ๆ สิ่งต่างๆ ที่น้องปอย
เล่ามาก็ต้องมาเจอเหมือนกันหมด เคยได้ยิน เคยได้ฟัง
คนอื่นเล่ามา พอมาเจอกันจริงๆ มันก็เป็นสิ่งใหม่ๆ
ที่เราก็ต้องมาปรับตัวกันเหมือนไม่เคยได้ฟังเรื่องราว
เหล่านั้นมาก่อน .. ชอบค่ะ ท้าทายดี ... และพอเวลามันมีอะไร
ต่างจากเมืองไทยมาก โอ้โห ชอบเลยคะ่ เพราะว่าแนวคิด
ของเค้าบางอย่างมันก็ต้องยอมรับเลยว่าเค้าเห็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ
สำคัญ และทำให้คนเห็นสำคัญตามไปด้วย อย่างเรื่อง
ไปช้อปแล้วต้องพกถุงไปเอง ชอบนี่ล่ะคะ่เพราะถือว่าเราไม่เตรียม
ก็ห้ามบ่นเลยถ้าหากว่าต้องซื้อถุงใหม่ ... หรือว่าไม่ก็เป็น
การทิ้งขวดที่แยกถัง พวกขวดรีไซเคิล คนก็สามัคคีเอามาทิ้งแบบว่า
ไม่ต้องบังคับกันเลยแต่ว่าเค้าอยากทำกันเอง ... แบบนี้ล่ะชอบเลยค่ะ ...
ยังมีอีกหลายอย่างเน๊าะที่จะต้องปรับตัว วเชื่อว่าน้องปอยทำได้ค่ะ
ไม่ยากเกินความพยายามรวมถึงเรื่องของภาษา และการเรียนต่างๆ
สู้ๆ ค่ะ คนเก่งอยู่ที่ไหนก็เก่ง ท้อแต่ว่าแค่มาแป็ปๆ เน๊าะ แล้วก็ต้องสู้กันต่อไป