กราบนมัสการทุกสถานที่ที่ได้ไป ได้มาพบเห็นอีกครั้งระลึกถึงพระพุทธองค์
แม้สรีระสังขารพระองค์จากไปแล้ว แต่พระองค์ไม่ได้จากไปไหน พระองค์อยู่ในทุกแห่งหน
มกุฏพันธนเจดีย์ เป็นสถูปโบราณที่ถูกสร้างขึ้นตรง สถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของ พระพุทธเจ้า
มกุฏพันธนเจดีย์ ได้ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัย พระเจ้าอโศกมหาราช บริเวณด้านตะวันออกของ เมืองกุสินารา หรือปัจจุบันคือ 'ตำบลกาเซีย' รัฐอุตตรประเทศ ตรงบริเวณที่ถวายพระเพลิงพระพุทธ สรีระของพระพุทธเจ้าใน วันอัฏฐมีบูชา เดิมทีบริเวณมกุฏพันธนเจดีย์เป็นเชิงตะกอนไม้จันทร์หอมเพื่อใช้สำหรับถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า ต่อมาพระเจ้าอโศกมหาราชจึงทรงสั่งให้สร้างพระสถูปครอบบริเวณนั้นลง แต่สมัยต่อมาเมืองกุสิรานาถูกรุนรานและพระสถูปองค์นี้ถูกทำลายลงเหลือเพียงแต่ซากปรักหักพัง ภายหลังได้มีการค้นพบเป็นซากพระสถูปขนาดใหญ่ดังที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งต่อมารัฐบาลอินเดียได้เข้ามาบูรณะซ่อมแซมพระสถูปองค์นี้ไว้อย่างดี ถ้าวัดรอบฐานของพระสถูปองค์นี้มีความยาวทั้งหมด 46.14 เมตร ส่วนเส้นผ่าศูนย์กลาง 37.18 เมตร
วันอัฏฐมีบูชา คือวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (หลังเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ 8 วัน) ถือเป็นวันสำคัญในพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง ตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือนวิสาขะ (เดือน 6 ของไทย)
พิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพมีขึ้นในวันที่ 8 หลังจากพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานใต้ต้นสาละในราตรี 15 ค่ำ เดือน 6 โดยพวกเจ้ามัลลกษัตริย์จัดบูชาด้วยของหอม ดอกไม้ และเครื่องดนตรีทุกชนิด ที่มีอยู่ใน เมืองกุสินาราตลอด 7 วัน แล้วให้เจ้ามัลละระดับหัวหน้า 8 คน สรงเกล้า นุ่งห่มผ้าใหม่ อัญเชิญพระสรีระไปทางทิศตะวันออก ของพระนคร เพื่อถวาย พระเพลิง
พวกเจ้ามัลละถามถึงวิธีปฏิบัติพระสรีระกับพระอานนท์เถระ แล้วทำตามคำของพระเถระนั้นคือ ห่อพระสรีระด้วยผ้าใหม่แล้วซับด้วยสำลี แล้วใช้ผ้าใหม่ห่อทับอีก ทำเช่นนี้จนหมดผ้า 500 คู่ แล้วเชิญลงในรางเหล็กที่เติมด้วยน้ำมัน แล้วทำจิตกาธานด้วยดอกไม้จันทน์ และของหอมทุกชนิด
จากนั้นอัญเชิญ พวกเจ้ามัลละระดับหัวหน้า 4 คน สระสรงเกล้า และนุ่งห่มผ้าใหม่ พยายามจุดไฟที่เชิงตะกอน แต่ก็ไม่อาจให้ไฟติดได้ จึงสอบถามสาเหตุ พระอนุรุทธะ พระเถระ แจ้งว่า "เพราะเทวดามีความประสงค์ให้รอพระมหากัสสปะ และภิกษุหมู่ใหญ่ 500 รูป ผู้กำลังเดินทางมาเพื่อถวายบังคมพระบาทเสียก่อน ไฟก็จะลุกไหม้" ก็เทวดา เหล่านั้น เคยเป็นโยมอุปัฏฐากของพระเถระ และพระสาวกผู้ใหญ่มาก่อน จึงไม่ยินดีที่ไม่เห็นพระมหากัสสปะอยู่ในพิธี และเมื่อภิกษุหมู่ 500 รูปโดยมีพระมหากัสสปะเป็นประธานเดินทางมาพร้อมกัน ณ ที่ถวายพระเพลิงแล้ว ไฟจึงลุกโชนขึ้นเองโดยไม่ต้องมีใครจุด
มีโอกาสได้ไปเดินซื้อในตลาดแถวพุทธคยา
ราคาไม่แพงเลย ลายสวยด้วย
แต่ของผู้ชายจะเรียบๆ หนักไปทางสีขาว
ส่าหรีของผู้หยิงจะสวยงามกว่า
ผมเห็นคณะคนไทยซือ้กันเยอะมากครับ
แต่จากที่อ่านในบล้อก
ดูเหมือนคุณเย็นจะซื้อเตรียมมาจากเมืองไทยเลยใช่ไหมครับ
ผมอ่านประวัติหลวงพ่อแล้วก็ทึ่งครับ
ท่านเล่าเรื่อง และมีคำสอนดีดีมากมายจริงๆ
แต่เล่มนี้พิเศษหน่อย
เพราะจัดทำโดยลูกศิษย์ของหลวงพ่อ
รายละเอียดจึงมีเยอะมาก
ทั้งในคำสอนของหลวงพ่อเอง
และในมุมมองของลูกศิษย์ก็น่าสนใจไม่แพ้กันเลยครับ