My first trip to Lord Buddha's Place Day3; 30 Jan 2019 Kesariya Stupa
เมื่อคืนเราขอไปพักที่เมือง ปัตนะ เมืองหลวงของรัฐพิหาร (สมัยโบราณชื่อเมือง ปาฏลีบุตร เป็นเมืองหลวงใหม่ของแคว้นมคธย้ายจากเมือง ราชคฤห์ หลังจากแคว้นมคธ รวมกับวัชชี )
รัฐพิหาร หนึ่งในรัฐยากจนของอินเดีย เมื่อเข้าใกล้เมืองหลวงมีตึกสูงอยู่บ้าง ประชาชนแน่นขนัด การจราจรติดขัดมาก ดูแออัดยัดเยียดไปหมด
ที่จริงแล้วโปรแกรมเดินทางของคณะเราไม่จำเป็นต้องผ่านมายังเมือง ปัตตนะ เพราะวันนี้เราจะชมในเมือง เวสาลี บริษัททัวร์จัดที่พักไว้ในเมืองเวสาลี แต่เมื่อเห็นภาพโรงแรมที่พักที่เวสาลีซึ่งทางทัวร์ส่งให้ดูก่อนการเดินทาง ทั้งเมืองมีโรงแรมเพียงแห่งเดียว เป็นตึกชั้นเดียวขนาดเล็กมองดูคล้ายโรงแรมในสมัยโบราณ จึงขอให้ย้ายมาพักในโรงแรมของเมืองปัตตนะ ซึ่งห่างมาประมาณ 30 กม. รถเลี้ยวเข้า รร เห็นแล้วโล่งใจหน่อย มีแขกของโรงแรมเยอะพอควร นับว่าเป็น รร หนึ่งที่ดีที่สุดในเมืองนี้แล้ว.
เย็นเมื่อวานและเช้าวันนี้ เราต้องเสียเวลาเดินทาง ผ่านเวสาลีเพื่อมาพัก ที่เมือง ปัตตนะ และ เช้านี้เดินทางจาก ปัตตะ เพื่อจะไปเวสาลี ย้อนไปมาอีก
เกสริยาสถูป สถานที่เก็บบาตรของพระพุทธเจ้า เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าประชวร และทรงปลงอายุสังขารที่ปาวาลเจดีย์ เมือง เวสาลี เมืองหลวงของแคว้นวัชชีแล้ว ได้เสด็จมุ่งหน้าเพื่อจะไปปรินิพพานที่เมือง กุสินารา ชาววัชชี มีความโศกเศร้า พากันมาส่งเสด็จ จนถึง ชายแดน วัชชี ด้วยความอาลัยรัก พระพุทธเจ้าทรงประทาน บาตรให้ไว้เป็นที่ระลึก ชาววัชชี จึงนำมาฝังเก็บไว้ ที่ เกสริยาสถูปแห่งนี้ คณะของเรา ไปถึงสถูปพบคณะพระภิกษุสงฆ์ไทยราว 100 รูป จาริกธรรมยาตรา มาพักที่บริเวณสถูปนี้พอดี เป็นการยาตรา ตามรอยเส้นทางเสด็จของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สถูปนี้อยู่ข้างทาง ติดถนนที่จะผ่านไป กุสินารา เราแวะถ่ายภาพเล็กน้อยบริเวณใกล้ปากทางเข้า ไม่ได้เดินเข้าไปใกล้สถูป ซึ่งจะทำให้เสียเวลา (ถ้าเดินเข้าไปนมัสการ ไปกลับ คงใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง ) เพราะเราได้เห็นมาหลายสถูปแล้ว วันนี้เช้าเพิ่งไป วัดป่ามหาวัน ปาวาลเจดีย์มาแล้ว และยังต้องเดินทางต่อไปอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึง กุสินารา
"มหาสถูปแห่งเกสเรีย หรือที่ในปัจจุบันเรียกว่า เกสริยา , เกสเรีย (อังกฤษ : Kesaria, อักษรเทวนาครี : केसरिया) เป็นสถานที่ตั้งของมหาสถูปพบใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดีย สถานที่ประดิษฐานบาตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงประทานแก่ชาววัชชี เมื่อครั้งพุทธกาล เกสเรียอยู่ในเขตพรมแดนของแคว้นวัชชีและมัลละต่อกัน (รัฐพิหาร ในปัจจุบัน)แต่ไม่ใช่สถานที่แสดงกาลามสูตร ดังที่เข้าใจกัน เพราะสถานที่แสดงกาลามสูตรนั้น อยู่ในแคว้นโกศล แต่สถูปเกสเรีย อยู่ในแคว้นวัชชีต่อกันกับพรมแดนแคว้นมัลละ มหาสถูปแห่งเกสเรีย เดิมมหาสถูปแห่งเกสเรียไม่เป็นที่รู้จักและไม่เป็นจุดสำหรับจาริกแสวงบุญของชาวพุทธ แต่หลังจากกองโบราณคดีอินเดียได้ขุดค้นเนินดินใหญ่พบพระมหาสถูปโบราณที่มีความเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 1,400 ฟุต สูงถึง 51 ฟุต (เดิมอาจสูงถึง 70 ฟุต) ซึ่งทำให้มหาสถูปโบราณที่ค้นพบใหม่นี้กลายเป็นมหาสถูปที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย มีลักษณะคล้ายกับเจดีย์ชเวดากองและพระมหาสถูปบุโรพุทโธ ซึ่งทำให้มีผู้สันนิษฐานว่ามหาสถูปแห่งเกสริยานี้เป็นต้นแบบของมหาสถูปทั้งสอง
โดยมหาสถูปแห่งเกสเรียเป็นสถูปเดียวกับที่ปรากฏในบันทึกของพระถังซำจั๋ง ที่เคยจาริกแสวงบุญมายังสถานที่แห่งนี้ ท่านได้กล่าวไว้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของพระมหาสถูปที่ประดิษฐานบาตร ของพระพุทธองค์ที่พระพุทธเจ้าทรงประทานแก่ชาววัชชีเมืองไวสาลี ที่ตามมาส่งเสด็จพระพุทธองค์เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเสด็จไปยังเมืองกุสินารา เพื่อเสด็จดับขันธปรินิพพาน
เกสริยาในปัจจุบันอยู่ห่างจากกุสินาราประมาณ 120 กิโลเมตร ในเขตรัฐพิหาร ระหว่างทางจากเมืองไวสาลีไปยังเมืองกุสินารา" อ้างอิง วิกีพีเดีย "เกสริยาสถูป สถูปดินมีความสูง 104 ฟุต จากลักษณะทางสถาปัตยกรรม เชื่อว่า สร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 200 ถึง 750 ยุค เมารยะ ยุคราชวงศ์กุษานะ เป็นไปได้ที่ อาจจะสร้าง ช่วงศตวรรษที่ 4 โดย พระราชาจักรวรรติ สถูปนี้ ถูกค้นพบ เมื่อ ค.ศ. 1958 ( พ.ศ. 2414) โดยนักโบราณคดีอินเดีย KK Muhammed ระหว่างการขุดค้นโดยรอบสถูป ได้พบโบราณวัตถุที่น่าสนใจหลายสิ่งโดยรอบบริเวณ ได้แก่ เหรียญอิสลาม หัวธนูที่ทำจากทองแดง และ กระเบื้อง อิฐประดับ และ ภาพพระพุทธเจ้าปางมารวิชัย ( Bhoomi Sparsh Mudra) และปางอื่นๆ "
อ้างอิงhttps://en.wikipedia.org/wiki/Kesaria VIDEO
Create Date : 30 เมษายน 2562
21 comments
Last Update : 30 เมษายน 2562 19:47:55 น.
Counter : 1975 Pageviews.
แต่ถ้าไปเพื่อจาริกแสวงบุญ ก็อีกเรื่องหนึ่ง ... ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีบุญวาสนาหรือเปล่านะคะ แหะ ๆ
อักษรเทวนาครี สวยดี ทั้งชื่อและตัวอักษรนะคะ