๑. ระเริงระรื่น ชื่นชีวิต
อยู่เนืองอยู่นิจ ค้นคิดหา
อยากขีดอยากเขียน เวียนวาจา
พจนารถพจนา อวลอารมณ์
๒. ผ่านเรื่องผ่านราว ร้าวรุกเข็ญ
ประดิษฐ์ประเด็น เพียงผสม
เรียงรสเรียงร้อย เช่นช้อยชม
ทับท่วมทับถม คือคมกลอน
๓. มีสุขมีเศร้า คละเคล้าจิต
มีพ่ายมีผิด ท้นทอดถอน
มีซึ้งมีซาบ อาบอาวรณ์
มียอกมีย้อน ออดอ้อนมา
๔. ได้คิดได้เขียน เร่งเรียนรู้
เริ่มชมเริ่มชู พจน์ภาษา
เริ่มต่อเริ่มเติม เพิ่มพรรณนา
รู้คุณรู้ค่า กานท์กวี
๕. หวังจิตหวังใจ สานสืบสาย
ให้พริ้งให้พราย สมศักดิ์ศรี
ภาษาพาสาร ผ่านพาที
ใช่เล่นใช่ลี้ ดุจดังเดิม
๖. ระเริงระรื่น ชื่นชีวิต
อยู่เนืองอยู่นิจ ค้นคิดเสริม
ได้ขีดได้เขียน เพียรเพิ่มเติม
ได้รู้ได้เริ่ม.. อีกอารมณ์ ๚ะ๛
๐ ราชาราชังนั่งนิ่งฟัง
วาทาวาทังสั่งเสียสูญ
เพชฌฆาเพชฌฆาตมาดเมียงมูล
โกรธนูลโกรธเนตรเดือดดูแดง
ดั่งงูดั่งงอดคนคันตี
กริ้วทุกกริ้วทันทีไทแสยง
ให้ปล่อยให้ปละช้างชาญแรง
ซับมันซับมึนแทงทันที
เสนาเสนังแน่นเนาใน
รับองค์รับอรรถใส่เศียรศรี
จัดแจงจัดจับช้างชาญดี
มืดมนมืดมีมันมาไว
มัดองค์มัดอกแอ่นอกครุฑ
แทบหลังแทบหลุดไหล่เลื่อนไหล
นาคงนาคินทร์เชื่องฉับไว
นาโทนาทังใสเสียงเกริ่น
มาแทบมาที่ไทดาบส
ยกงวงยกงาจดจิตรเหิน
กลัวฤทธิ์กลัวแรงราญฤทธิ์เริน
กลับเหินกลับหันหนีหน้าจร
เสนาเสนีนำเพื่อกิจ
กราบทูบกราบไทฤทธิ์รังสร
นรานเรศรู้แรงอ่อน
จึ่งรอนจึงรัดเร่งรีบว่า
ดูราดูหรูองค์อำมาตย์
จงเร่งจงรีบราษฏร์เร็วหา
จงแข็งจงขุดพื้นพสุธา
เปนหลุมเปนเหลี่ยมหนาในกว้าง
จงกองจงก่อเพลิงพลุ่งพลั่ง
รุ่งโรจน์รุ่งเรืองรังสีสว่าง
ผูกมัดผูกมือเท้าทิ้งขว้าง
ให้เพลิงให้ผลาญล่วงลามกาย ฯ
๑-----------------------๑