( 2 ) เสน่ห์เมืองคราคูฟ เมืองหลวงเก่าและมรดกโลกของโปแลนด์ - คราโคว / Krakow / Cracow , Poland

อย่างที่บอกไว้ในตอนที่แล้ว ว่าวันนี้ฟ้าปิด ก็อย่างที่เห็นเลยคะ ครึ้มมาเชียว เสียใจนะเนี่ย รูปถ่ายออกมาต่างกันยังกะฟ้ากับเหว

โชคดีที่พักใกล้ๆปราสาทวาเวล (Wawel Royal Castle) หลังอาหารเช้าก็เดินมาซื้อบัตรเข้าตั้งแต่เปิดให้บริการ มีคนเข้าไปด้านในแล้วบ้างแต่ยังไม่เยอะ จำราคาค่าเข้าไม่ได้แล้วคะ หลังบัตรมีแผ่นที่ให้เดินตามเส้น ด้านในถ่ายรูปไม่ได้ ถ้าพูดตามความรู้สึกของคนไม่มีความรู้ด้านประหวัติศาสตร์และศิลป..คือมันธรรมดานะคะ(ถ้าใครเคยเห็นวาติกันมาแล้วนะ) สวยแบบเรียบๆ

เดินชมด้านในหนึ่งรอบ คิดว่าจะออกด้านหน้า(ตรงทางที่เข้ามา) เลยเดินย้อนและเดินลงไปใต้ดิน ไม่ได้เตรียมเนื้อเตรียมตัว พอลงไปเห็นโรงศพหินอ่อนเรียงกันเป็นตับเลย เราสยิวกิ๊วมากมาย แบบว่า.... โรงศพโบราณทำจากหินอ่อนและใช้ฝีมือของช่างและความหนักของหินปิดฝาโลง ไม่มียาแนวเหมือนสมัยนี้ อิฉ๊านกลัวจะได้กลิ่นมาก (แบบว่า..มันมีประสบกาณ์ที่... เง้อออ ) ถึงแม้จะรู้ว่ามันผ่านมานานเกินกว่าจะมีกลิ่นแล้วก็เถอะ ก็ยังแอบหวั่นไหวไม่ได้ เลยบอกที่รักว่าเดินชมไปเถอะเธอ เดี๊ยนขอไปรอด้านบนเน้อ ม๊ายไหวแล๊น

ปล. (รูปขวาล่าง) พระสันตะปาปาจอร์น ปอลที่สอง ( Giovanni Paolo 2 / พระสันตะปาปา โจวานนี เปาโลที่สอง ) เป็นพระสันตะปาปา พระองค์แรกในรอบ สีร้อยกว่าปี ทีไม่ได้มีเชื้อสายอิตาเลียน









ด้านในโบสถ์ มีทางให้ปีนขึ้นไปบนหอระฆัง มีระฆังใหญ่มาก









วิวจากบนหอระฆัง








สรุปคือไม่ได้ประทับใจอะไรมากๆ แต่มาแล้วก็ต้องดู เยื้องๆกัน(รูปขวา) เป็นพิพิธภัณฑ์เก็บสมบัติของปาปา บัตรร่วมค่าเข้าอยู่แล้ว แต่คนส่วนใหญ่ไม่มาดูกัน ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เดินเข้าไปดูก็มีแค่เรากับที่รักแค่นั้นเอง









พอเดินออกมาจากพิพิธภัณฑ์ คนก็เยอะแล้ว รอเข้าไปดูโบสถ์ พวกเราเดินเล่นอีกสักพักในนี้ ตัดสินใจเดินไปชุมชนชาวยิว ซึ่งนักท่องเที่ยวบางกลุ่มจะไม่มากัน คุณสามีเค้าอยากไปมาก









จากปราสาทวาเวลเดินข้ามถนน









ยิ่งเดินไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งเห็นถึงความแตกต่าง บางตึกค่อนข้างทรุดโทรม









บางตึกก็ได้รับการบุรณะแล้ว ทาสีสดใส (รูปสุดท้าย)ขายของคล้ายๆ 7/11 บ้านเรา มีทุกอย่าง หิหิ









ระหว่างเดินหา ก็หลงๆอยู่ หลงมาถึงแม่น้ำเลย เห็นบรรยากาศของคนท้องถิ่น








ถึงแล้ว ตึกนี้เห็นตามเน็ตบ่อยๆ ด้านนอกไม่ยอมทาสี ณ.ปัจจุบัน เป็นร้านหนังสือ








จะเห็นสัญลักษณ์รูปดาวกระจายอยู่ตามตึกต่างๆ








เดินเข้าซอยนี้ออกซอยโน้น จนเจอทางชี้ไป Kazimierz









ภาพบนผนัง








แถวนี้.. หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง บ้านเรืองส่วนใหญ่ร้างผู้คน จะมีแต่คนยากจน เป็นพื้นที่ไม่ปลอดภัยและมีอันตรายสูง








หลังจากนั่นก็ยังคงปล่อยให้รกร้างเรื่อยมา มีกลายคนพยายามเข้ามาหาสมบัติที่คิดว่าชาวยิวได้ซุกซ่อนไว้








BABELSTEIN จนเดี๋ยวนี้เรายังไม่รู้เลยว่าคืออะไร เห็นตามเน็ตบ่อยๆ








อนุสรณ์ที่อยู่ตรงจัตุรัส








ปัจจุบัน... Kazimierz ใช้เป็นสถานที่จัดงานและเทศกาลต่างๆเกี่ยวกับชาวยิว












Steven Spielberg ได้ทำหนังสั้นเรื่อง Schindler's List ส่วนใหญ่ถ่ายที่ Kazimierz (ถึงแม้ในหนังจะเป็นการจำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มันเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง) ในปี 1993 มามีการพัฒนาควบคู่ไปกับการฟื้นฟูโบราณสถานสำคัญใน kazimierz จนเติบโตเฟื่องฟู มีร้านอาหาร บาร์ ร้านหนังสือและขายของที่ระลึกของชาวยิว








อยากเข้าไปนั่งในร้านนี้ แนวมาก แต่เห็นควันบุหรี่ฟุ้งมาแต่ไกล เลยไม่น้งไม่นั่งมันดีกว่า เสียดายนะเนี่ย








เมนูที่ติดหน้าร้าน








หลังจากเดินที่ Kazimierz จนจุใจแล้ว พวกเราเดินกลับไปที่ใจกลางเมือง ในรูป(ซ้าย)คือแท็กซี่ที่จอดรอผู้โดยสารเป็นจุด ไม่วิ่งโล้ให้เปลืองพลังงานเหมือนบ้านเรา (ขวา)เหมือนการโฆษณา แต่ไม่ใช่ป้ายแล้วเอากาวแปะไว้ตามฝาให้ดูสกปรกบ้านเมือง ชอบไอเดียนี้








ระหว่างเดินผ่านตลาดนัดเล็กๆ เจอเจ้านี่ เราเคยเห็นมาบ้างแล้วแต่ไม่รู้ว่าคืออะไร ซื้อมาลองสองชิ้นเล็กๆ ที่นี่เค้าเรียกว่า Oscypek จริงๆแล้วคือ Goat Cheese นั้นเอง เค้าจะคั้นนมแพะหมักไว้จนได้ที่แล้วเอามาขาย เค็มๆ หยุยๆ กินเปล่าๆแค่สองชิ้นก็เลี้ยนแล้ว (แอบเห็นที่ปิ้งไว้น่าอร่อยกว่าอีก)








เดินมาเรื่อยๆตามถนน Florianska มุ่งมั้นหาร้าน KFC แหม..คนอยู่เมืองไทยก็ไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่ขอบอกว่า KFC ไม่ได้มีทุกประเทศในยุโรป ในอิตาลีหาไม่เจอแน่ๆ แบบว่า..มันอยากสุดๆ ไก่ที่นี่อร่อยกว่าบ้านเรา(ความรู้สึก) ไม่แฉะ แต่ถ้าเทียบกับอาหารพื้นเมือง ราคาก็เอาเรื่องอยู่นะ นั่งพักเลยเขียน postcard ส่งด้วยเลย พรุ่งนี้จะเดินทางกลับแล้วเดี๋ยวจะหาที่ส่งไม่ได้ KFC อยู่แถวๆประตูเมือง Florian Gate (รูปขวาล่าง)คะ









เดินทะลุประตูเมือง Florian Gate (รูปด้านบน) จะเจอป้อมปราการ (Barbakan) อีกจุดหนึ่งที่สำคัญ มีอายุกว่า 600 ปีแล้ว ทำหน้าที่ปกปักษ์รักษาเมืองมาจนบัดนี้ รอบๆเมืองเก่าจะโอบไปด้วยสวนสาธารณะ จะมีคนมานั่งพักผ่อน ออกกำลังกายกัน








ตื่นเช้ามาเช็คเอ้า เมืองคราคูฟก็ยังเปียกปอน หนาวมาก เป็นฤดูร้อนที่หนาวอะไรอย่างนี้ ใครคิดจะมาคราคูฟในฤดูร้อนอย่าคิดว่าจะร้อน เช็คอากาศก่อนเดินทางดีที่สุด





จากเหมืองเกลือวิเอลิคชกา ( Wieliczka Salt Mine ) ขับรถมุ่งตรงมาที่เมืองคราคูฟ (Cracow) ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น พวกเราเช็คอินที่ Hotel Royel อาบน้ำพักเหนื่อยนิดหน่อยก็ตัดสินใจเดินสำรวจรอบเล็ก กะจะถ่ายรูปเท่าที่ถ่ายได้ ดูพยากรณ์อากาศบอกว่าพรุ่งนี้ท้องฟ้าไม่เปิด (แอบเศร้านะเนี่ย)


จากโรงแรมที่พักเดินข้ามถนนไปก็ถึงปราสาทวาเวล (Wawel Royal Castle)









Wawel Royal Castle อยู่บนภูเขาที่ชื่อว่า Wawel Hill หลังจากที่เมืองหลวงของ Poland ถูกย้ายไปตั้งที่ Warsaw ปราสาทแห่งนี้ก็ถูกใช้ให้เป็นค่ายทหาร และกลายเป็นพิพิธภัณฑ์จนถึงทุกวันนี้









ตอนที่เราเดินไปถึงพิพิธภัณฑ์ใกล้ปิดแล้ว เลยคิดว่ามาดูพรุ่งนี้ดีกว่า วันนี้เก็บภาพแบบผ่านๆ









ช่วงเย็นๆวันอากาศดี มีคนมาเดินเล่นกันค่อนข้างเยอะ ครึกครื้น









มหาวิหารคราคอฟ หรือ มหาวิหารวาเวล (Wawel cathedral) มหาวิหารที่มีชื่อเสียงอีกแห่งนี้ ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์ทุกพระองค์ อีกทั้งยังเป็นที่ฝังศพของกษัตริย์ ขุนนาง ผู้นำทางศาสนา ตลอดจนวีรบุรุษที่มีชื่อเสียง

เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเข้าไปดู แต่..ไม่มีภาพด้านในนำเสนอหรอกคะ เค้าห้ามถ่ายรูป (แต่ก็มีคนแอบนะ เพียงแต่ด้านหน้าเค้าจะมีเจ้าหน้าที่เคร่งเชียว ไปด้านหลังกันถ่ายกันไม่อั้นเลย)









ผ่านมหาวิหารฯไป จะมีร้านขายของที่ระลึกและจะเจอลานโล่งๆและปราสาท









ตอนเย็น แสงตก ถ่ายรูปสวย ผู้คนน้อยลงแต่ก็ยังมีคนมีมานั่งเล่นกัน ไม่เงียบเหงา









ลวดลายบนผนัง










ลงจากเนินเขาวาเวล ยังมีเวลา เลยคิดจะเดินเข้าใจกลางเมือง มีแผนที่บอกชัดเจนและเป็นระยะ










จะเห็นรถม้าสวยๆอย่างนี้ทั่วไป นักท่องเที่ยวใช้บริการเยอะ









เห็นโฆษณาร้าน Pod Wawelem Kompania Kuflowa ร้านอาหารที่อยู่ใต้โรงแรมที่เราพัก เป็นการโฆษณาที่ได้รับความสนใจพอควรเลย ใครๆก็ถ่ายรูป ว่าไปร้านนี้ก็เป็นร้านดังของเมืองนี้เหมือนกันนะ









ได้ยินเสียไวโอลินลอยมาก เดินไปหาต้นเสียง เราหยุดฟัง " Canon in d " เวอร์ชั่น violin ซะซึ้งกันไป ชอบบรรยากาศยามเย็นอย่างนี้จริง









The Church of Peter and Paul : โบสถ์สไตล์บาร็อค สร้างระว่าง 1596 - 1619 หน้าตาคล้ายๆ Il Gesu church ที่โรม










มีรถไฟฟ้าให้บริการพาไปชมรอบเมือง เป็นที่นิยมมากๆ ราคาไม่โหด คลิกดู แต่เราไม่ได้ลองขึ้น คุณสามียืนยันว่าจะเดิน








ขนมปัง Obwarzanki มีวางขายทั่วไป เป็นอาหารพื้นเมืองของที่นี่ เห็นคนซื้อกันเยอะ เราเคยชิมจากที่อื่นมาแล้วเลยแค่มองผ่านๆ








ชอบตุ๊กตาที่ตั้งหน้าโรงแรม ไม่รู้ว่าเค้าจะสื่ออะไร แต่หน้าตาไม่สวยอย่างนี้ไม่มีเห็นที่หน้าโรงแรมในเมืองไทยแน่ๆ โรงแรมนี้อยู่ใกล้ Market Square มาก เดินไม่กี่ก้าวก็ถึง








เดินตรงมาเรื่อยๆก็ถึง Market Square คนเยอะ แทบจะชนกัน ร้านกาแฟที่มีโต๊ะตั้งด้านนอกร้านคนก็นั่งกันเยอะเหลือเกิน

" Market Square " หรือ " ตลาดนัดรีเน็ค โกลนี่ " (Rynek Glowny) เป็นจัตุรัสกลางเมือง ล้อมรอบไปด้วยบรรยากาศของบ้านเมืองในยุคกลาง และอาคารที่สำคัญทางประวัติศาสตร์









Adam Mickiewicz Monument : ณ.ตรงนี้ เป็นแหล่งนัดพบหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ แต่คนนั่งกันเยอะ มีวัยรุ่นมาโชว์อะไรต่ออะไรให้ดูเพลินๆ









ทางด้านขวาของ Adam Mickiewicz Monument เป็นโบสถ์เล็กๆชื่อว่า St. wojciech Church ถ่ายรูปสีท้องฟ้าสวยจริง ชอบ










“โบสถ์เซนต์แมรี” (Church of St. Mary) โบสถ์ชื่อดังของคราคูฟ สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 14 เป็นสถาปัตยกรรมแบบกอธิค ภายในโบสถ์มีแท่นบูชายาว 13 เมตร ถือได้ว่าเป็นแท่นบูชาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไม้ของแท่นบูชาแกะสลักเป็นภาพวาระสุดท้ายของ Virgin Mary แวดล้อมด้วยสาวก









ด้านในงดงามมาก สามารถปีนบันไดกว่าสองร้อยขั้นไปชมวิวด้านบน เป็นอีกทีนึงที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงคราคูฟ









ด้านหลังโบสถ์โบสถ์เซนต์แมรี มีโบสถ์เล็กๆอีกหลัง ตอนที่ไปด้านในมีทำพิธีอยู่เลยไม่ได้เข้าไปสำรวจ








เชิดหุ่นหน้าลาน Market Square เราชอบ เค้าทำได้เหมือนดี ยืนดูอยู่ตั้งนาน









ห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปชื่อ " ซูเคียนนีส " (Sukiennice) หรือ The Cloth Hall อยู่ใจกลาง Market Square เป็นตึกที่สำคัญอีกแห่ง ตรงกลางเป็นทางเดินสามารถเดินทะเลระหว่างเหนือกับใต้ มีร้านขายของเรียงกันเป็นแถวยาวติดๆกันซ้ายและขวา เคยเกิดเพลิงไหม่ในปี 1555 และได้รับการบูรณะจากนักออกแบบชาวอิตาลีที่อาศัยอยู่ในเมืองคราคูฟ และต่อมายังได้รับการบูรณะอีกที่จนเสร็จสมบูรณ์ในปี 1879












ด้านในขายของมากมาย









เดินทะลุ ซูเคียนนีส (Sukiennice) ออกมาอีกฝั่ง หันไปถ่ายรูปโบสถ์เซนต์แมรี









เจอร้านอาหารจีนแบบ take away ซื้อมาลอง รสชาติอร่อยกว่าที่อิตาลี ราคาไม่ถูกถ้าเทียบกับอาหารท้องถิ่น (ถ้าเป็นอิตาลีอาหารจีนจะถูกกว่าอาหารท้องถิ่น)









เหนื่อยแล้ว ตัดสินใจเดินกลับโรงแรม เจอโฆษณาเช่าจักรยานระหว่างที่เราสำรวจเมืองและหยุดดูแผนที่ขนาดใหญ่ อยากลองแต่อีกนั่นแหละคุณสามีจะเดิน แอบเซ็งนะเนี่ย





วันนี้เดินชมเมืองพอหอมปากหอมคอ เดินกลับโรงแรมแบบชิลๆ เห็นแดดอย่างนี้ทุ่มกว่าแล้วนะ เที่ยวฤดูร้อนก็ดีไปอย่างนึง(หมายถึงวันมีแดดนะ) พรุ่งนี้ค่อยลุยเมืองคราคูฟอีกวัน หลักๆก็จะไปดูปราสาทวาเวลและมหาวิหารฯด้านใน แห่งชุมชนชาวยิว Kazimierz และเก็บตกเล็กน้อยๆที่เมืองคราคูฟคะ เจอกันบล็อคหน้า








เดินทางกลับบ้านซะที ฝนก็ต๊กตกลงมาเรื่องๆ ดีไปอย่างคืออากาศเย็นไม่ต้องเปิดแอร์ และวิวด้านนอกก็สวยกินใจ จบการเดินทางทริปโปแลนด์ในฤดูร้อนปีนี้ มีโอกาสจะมาใหม่ แบบว่าติดใจ

ปล.ระยะทางอันแสนจะยาวไกล ไม่อยากเหนื่อยมาก พวกเราแวะทานอาหารกลางวันที่เมือง Bautzen - Germany และแวะค้างคืนที่เมืองเล็กๆชื่อว่า Zell im Fichtelgebirge - Germany ก่อนเดินทางกลับบ้าน คลิก





ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน มาเม้น มาทักทายทุกคนคะ ว่างๆจะไปเยี่ยมบ้านนะคะ

( 30 / July / 2010 )

Create Date : 31 สิงหาคม 2553		4 comments
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2553 21:50:53 น.
Counter : 7512 Pageviews.
Share Tweet