Day 2 : โบสถ์ไม้สองแห่งซึ่งได้รับรองเป็นมรดกโลกในเมือง Jawor และเมือง Swidnica - Poland (โปแลนด์)
การเดินทางในวันแรก ผ่านไปด้วยดี กินอิ่มนอนหลับสบายไม่มีปัญหาอะไร วันที่สองของการเดินทาง คือจากเมือง Boleslawiec (ที่ค้างคืนคืนแรก) ไปเมือง Oswiecim รวมเวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงกว่า เราเห็นว่าเป็นระยะเวลาที่ยาวเกิ๊น เลยหาข้อมูล เจอโบสถ์ไม้เก่าแก่สองแห่ง ซึ่งได้รับรองเป็นมรดกโลกทั้งสองแห่ง ในเมือง Jawor และเมือง Swidnica เลยแวะดูถึงเป็นการหยุดพักรถไปในตัวด้วย มาถึงโรงแรมในเมือง Oswiecim ก็ประมาณ 5pm. โน้นแหนะ
ออกเดินทางกันตั้งแต่เช้า ทานอาหารเช้าอิ่มหนำ บอกคุณสามีหาที่จอดรถในใจกลางเมือง Boleslawiec เพื่อแวะตัวเมืองซะหน่อย ไหนๆก็มาแล้ว (ที่พักเมื่อคืนออกมาข้างนอกนิดนึง นึกภาพประมาณกำแพงเมืองเชียงใหม่อะไรงี้คะ) เช้ามากผู้คนไม่เยอะ ส่วนมากเป็นผู้สูงอายุออกมาเดินกัน และแอบมองพวกเราอย่างสงสัย(Eนี้เป็นใครไม่เคยเห็น 55 หาคนเอเชียไม่เจอเลยจริงๆแถวนี้) บางคนก็ยืนมองทะเบียนรถเราแบบจริงจังเลยนะ ฮะนะ..บางที่อยู่อิตาลีเราก็แอบดูทะเบียนที่มาไกลๆ เหมือนกัน แบบ GB(มาได้ไง) FL อะไรพวกนี้
ตึกก็ไม่ค่อยแปลกเท่าไหร่ คงเป็นเพราะไม่ได้ไกลจากเยอรมันนี ทรงตึงก็แนวๆนี้
ที่เห็นแปลก ก็ตรงที่เราหยุดถ่ายอะไรแล้วคนแถวนั้นจะต้องมองตาม... ถ่ายอะไรกันยายนี่ หิหิ
โบสถ์..เราว่าหลังคาสามเหลี่ยมนี่แปลกจากที่เคยเห็นๆ หลังคาสามเหลี่ยมโดนตัด (อธิบายไม่ถูกเหมือนกันแฮะ) และก็จะมีรูปปั้นหุ่นยืนเรียงๆกัน อธิบายมากกว่านี้ไม่ได้จริงๆ ไม่มีความรู้ด้านนี้เลย แต่..ถ้าให้เดาๆคงเป็นพิมพ์นิยมในยุคนั้นๆ
อันนี้มินิมาร์ท เราเดินไปดูราคาของที่ขาย บางอย่างถูกจนน่าตกใจ
ถ่ายคู่กับสัญลักษณ์เมืองนี้ซะหน่อย
อันนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าทำเพื่ออะไร เห็นตั้งๆ กันอยู่หลายที่เลย
ได้เวลาเดินทางต่อไปเมือง Jawor เส้นทางจะผ่านทุ่งข้าว(อะไรสักอย่าง) และถนนที่สองข้างทางมีต้นไม้ (เห็นแล้วก็แอบอิจฉา)
โบสถ์แห่งสันติภาพ ที่ได้รับรองเป็นมรดกโลก หลังแรกคือ The Church of Peace in Jawor ( ดูเพิ่มเติมคลิกตรงนี้คะ ) ที่นี่สร้างความประหลาดนิดหน่อย เราไม่คิดว่าจะเป็นโบสถ์ ลักษณะคล้ายๆบ้านบวกยุ้งข้าวขนาดใหญ่ เป็นครั้งแรกที่เคยเห็นโบสถ์ในลักษณะนี้ ข้างในสวยงาม แต่หลังนี้ควรได้รับการบูรณะมากๆเลย ด้านในดูเหมือนขาดการบำรุงรักษา อยากให้อยู่อย่างนี้ให้ชาวโลกได้เห็น ทำบุญไปนิดหน่อยตามอัธภาพ
นอกจากโบสถ์แล้วเมืองนี้ยังมีหลายอย่างที่น่าสนใจ แต่เราต้องทำเวลาเลยไม่ได้แวะที่อื่นเลย เสียดายเล็กๆ สนใจลองดูในเวปของเมืองนี้ คลิกตรงนี้คะ
จากเมือง Jawor ขับรถต่อมาประมาณอีกครึ่งชั่วโมง ดูโบสถ์หลังที่สอง คือ โบสถ์ไม้สันติภาพ มรดกโลกแห่งเมืองสวิดนิกา , โปแลนด์ ( Church of Peace in Swidnica ) ดูเพิ่มเติมคลิกตรงนี้คะ
ที่นี่ถ้าจะมาควรเช็คเวลาด้วยคะ ฤดูหนาวเค้าเปิดเฉพาะมาเป็นกลุ่ม ลองอ่านบนป้ายคะ
อยากบอกว่า โบสถ์หลังนี้ด้านในสวยมาก อลังฯ ไม่เคยคิดว่าจะมาเจอะมาเจอ ขอบคุณทุกๆ อย่าง (ตามไปดูรูปด้านในโบสถ์ตามลิงค์ที่ให้ด้านบนคะ)
ใช้เวลานั่งในโบสถ์ Church of Peace in Swidnica นานพอสมควร ได้เวลาพวกเราเดินทางต่อไปเมืองออสวีซิม (Oswiecim) ซะที.. ไม่รู้เป็นไงแค่ได้ยินชือมันก็หดหู่แล้ว ในรูปคือถนนสายย่อย เห็นมีต้นไม้ข้างทางอย่างนี้แทบทุกที่เลยทีเดียว
อันนี้คือทางด่วน ไม่มีต้นไม้ ถนนทำดีคะ
ขับรถผ่านเขตอุสาหกรรม สวยงามสะอาดเป็นระเบียบ เห็นร้านหลายอย่างคล้ายๆ เมืองไทย เช่น Tesco , Makro , Auchan , Pizza Hut , KFC ..... หมายมั่นปั้นมือว่าจะหม่ำ KFC ให้ได้ อยากมากมาย (ที่อิตาลีไม่มีขาย อยากกินจะลงแดงแย้ว งุงิ งุงิ)
พวกเราพักกันที่ Hotel Galicja สองคืนเลย เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในทริปโปแลนด์ครั้งนี้ จองก่อนมาหลายเดือนคะ พอใกล้ลองเช็คอีกทีห้องเต็มหมดแล้ว (โชคดีที่พวกเราจองก่อน หิหิ) ประทับใจมากมายทั้งตัวอาคาร ห้อง ความสะอาด ราคา ห้องอาหาร และบริการ ( อวยเกินไปหรือเปล่าเนี๊ย ? ^^ ) ดูรูปสวยๆของโรงแรม และอาหาร คลิกตรงนี้คะ
มาถึงเมืองนี้ ฝนก็ตกตลอดสองวันเลย อากาศหนาวเหน็บมาก โชคดีที่อ่านรายงานพยากรณ์อากาศและเตรียมเสื้อกันหนาวมาด้วยไม่งั้นแย่ ใครจะคิดว่าฤดูร้อนจะหนาวได้ขนาดนี้ บรื๋อ...
เช็คอินเสร็จ พักผ่อน อาบน้ำ คุณสามีตัดสินใจจะขับรถไปดูค่ายกักกันก่อน อยากรู้ว่าอยู่ตรงไหนแน่ๆ เพื่อกะเวลาสำหรับพรุ่งนี้ มีเหตุผลคะ คือค่ายแรกถ้าเลย 10 am. แล้วจะไม่สามารถเข้าไปเดินดุ่มๆเองได้ ต้องไปกับไกด์เท่านั้น เราเห็นแล้วว่า..คนเป็นกลุ่มใหญ่ยัดเข้าไปในอาคารพร้อมๆกันมันไม่ค่อยโสภาเท่าไหร่ เลยตัดสินใจจะเดินกันเองคะ ขับเลยไปถึงค่ายกักกันที่สอง เบอร์คาเนา (Birkenau) ด้วย
ปล.ค่ายแรกออสวีซิม ( Oswiecim ) , ค่ายที่สองเบอร์คาเนา ( Birkenau ) ทั้งสองค่ายอยู่ไม่ไกลกันคะ
วันนี้เข้าไปดูด้านหน้านิดหน่อย เพราะไปถึงก็ใกล้ปิดแล้ว ภาพที่เห็นในวันนี้จะรวบรวมไว้ในบล็อคค่ายกักกันเบียร์เคเนา(Birkenau) ทีเดียวเลย
เส้นทางรถไฟสู่ความตาย แค่เห็นก็แสนจะหดหู่แล้ว น้ำตามมันพลานจะไหล เรื่องราวของสองค่ายนี้จะนำเสนอในบล็อคต่อๆไปคะ
( 27 / July / 2010 )
TOP
Create Date : 15 สิงหาคม 2553 |
|
6 comments |
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2553 21:46:09 น. |
Counter : 1575 Pageviews. |
|
|
|
ยังจำกันได้มั้ยเอ่ย
รูปสวยมากเลยค่ะ ดูเป็นเมืองที่สงบ ร่มรื่น เหมาะกับการพักผ่อนมากๆค่ะ อิจฉาคนแก่ที่อยู่เมืองนี้นะคะ อากาศดีๆ บ้านเมืองสงบร่มรื่น ถ้าได้เดินจูงมือกะคนรู้ใจล่ะก้อ อิ อิ