... Simplicity is Happiness ♥ ...
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2556
 
2 พฤศจิกายน 2556
 
All Blogs
 

ตำนานเจ้าหญิงคางุยะ

ตำนานคนตัดไผ่ หรือ ตำนานเจ้าหญิงคะงุยะ
เป็นตำนานพื้นบ้านของญี่ปุ่น ที่มีมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 10
ที่ถือกันว่าเป็นวรรณกรรมญี่ปุ่นชิ้นที่เก่าแก่ที่สุด
และเป็นตัวอย่างของที่มาของนวนิยายเชิงวิทยาศาสตร์

เรื่องดำเนินไปโดยมีศูนย์กลางคือเด็กหญิงที่ไม่ทราบที่มา
ชื่อ คะงุยะ-ฮิมะ ที่คนตัดไผ่ไปพบเมื่อยังเป็นทารกภายในปล้องไผ่ที่เรืองแสง
กล่าวกันว่าคะงุยะมาจากจันทรประเทศและมีผมที่ "เงาวาวเหมือนทอง"



เนื้อเรื่อง

วันหนึ่งขณะที่เดินอยู่กลางป่า ชายแก่ผู้มีอาชีพตัดไผ่ ชื่อ ตะเกะโตริ โนะ โอะกินะ
มองเห็นปล้องไผ่ที่ส่องแสงเรืองรองเข้า ด้วยความสงสัยก็ไปตัดปล้องไผ่ดู
ก็พบว่าภายในมีเด็กทารกผู้หญิงขนาดเท่าหัวแม่มือนอนอยู่
ตะเกะโตริ โนะ โอะกินะ ดีใจที่ได้พบเด็กน้อยน่ารัก ก็นำทารกกลับไปบ้าน
ไปให้ภรรยาเลี้ยงอย่างลูก และตั้งชื่อให้ว่าคะงุยะ-ฮิเมะ ("เจ้าหญิงแห่งราตรีอันเรืองรอง" )

ตั้งแต่นั้นมาตะเกะโตริ โนะ โอะกินะ ก็พบว่าเมื่อใดที่ตนตัดปล้องไผ่
ก็จะพบก้อนทองก้อนเล็กๆ อยู่ภายในปล้องไผ่ที่ตัด
ไม่นานนักตะเกะโตริ โนะ โอะกินะก็มีฐานะร่ำรวยขึ้นมา
คะงุยะ-ฮิเมะ เอง ก็เติบโตขึ้นมาเป็นสตรีที่มีขนาดปกติและมีความสวยงามเป็นอันมาก

ในระยะแรกตะเกะโตริ โนะ โอะกินะก็พยายามกันไม่ให้ลูกสาวได้พบกับคนแปลกหน้า
แต่ไม่นานนักความสวยงามของคะงุยะก็เป็นที่เลื่องลือจนเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป
จนกระทั่งมีเจ้าชายห้าพระองค์เสด็จมาขอตัวคะงุยะ-ฮิเมะ ต่อ ตะเกะโตริ โนะ โอะกินะ
และทรงพยายามหว่านล้อมให้ตะเกะโตริ โนะ โอะกินะ
ไปบอกให้คะงุยะ-ฮิเมะ เลือกเจ้าชายองค์ใดองค์หนึ่ง จนกระทั่งสำเร็จ

เมื่อทราบว่ามีผู้มาหมายปองคะงุยะ-ฮิเมะ จึงวางแผนกันตนเอง
โดยตั้งข้อทดสอบต่างๆ ที่ยากเกินกว่าที่จะทำให้สำเร็จได้ให้เจ้าชายแต่ละองค์ไปทำ
คะงุยะ-ฮิเมะประกาศว่าจะยอมแต่งงานกับเจ้าชายองค์ใดที่สามารถนำสิ่งที่ตนขอมากลับมาได้

คืนนั้นตะเกะโตริ โนะ โอะกินะก็ทูลเจ้าชายแต่ละพระองค์ถึงสิ่งต่างๆ
ที่คะงุยะ-ฮิเมะขอให้แต่ละองค์ต้องทรงนำกลับมา

เจ้าชายองค์แรกต้องไปทรงนำบาตรหินของพระโคตมพุทธเจ้ามาจากอินเดียกลับมาให้
องค์ที่สองต้องทรงนำกิ่งไม้ประดับอัญมณีจากเกาะเพ็งกลาอิในประเทศจีน
องค์ที่สามต้องทรงไปนำเสื้อคลุมของหนูไฟจากเมืองจีนกลับมาให้
องค์ที่สี่ต้องทรงไปถอดอัญมณีจากคอมังกรมาให้
และองค์ที่ห้าต้องทรงไปหาหอยมีค่าของนกนางแอ่นกลับมา

เมื่อเจ้าชายองค์แรกทรงทราบว่า สิ่งที่ต้องทรงนำกลับมาเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก
พระองค์ก็ทรงนำบาตรอันมีค่ามาให้ แต่เมื่อเห็นว่าบาตรมิได้ส่องแสงเรืองรอง
ตามที่บาตรศักดิ์สิทธิ์ควรจะเป็น คะงุยะ-ฮิเมะ ก็ทราบว่าพระองค์ทรงหลอกลวง

เจ้าชายอีกสองพระองค์ก็ทรงพยายามหลอกลวงเช่นกันแต่ก็ไม่สำเร็จ
เจ้าชายองค์ที่สี่ทรงเลิกพยายามเมื่อทรงประสบกับลมมรสุม
ส่วนเจ้าชายองค์สุดท้ายสิ้นพระชนม์ขณะที่ทรงพยายามที่จะแสวงหาสิ่งที่คะงุยะ-ฮิเมะต้องการมาให้

คะงุยะ-ฮิเมะ กลับไปดวงจันทร์ หลังจากนั้น จักรพรรดิมิคาโดะจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น
ก็เสด็จมาทอดพระเนตรสตรีผู้มีข่าวร่ำลือกันกันนักหนาว่ามีความสวยงาม
เมื่อทรงได้เห็นพระองค์ก็ทรงตกหลุมรักคะงุยะ-ฮิเมะ และทรงขอแต่งงานด้วย
แม้ว่าจะไม่ต้องทรงผ่านการทดสอบเช่นเดียวกับเจ้าชายห้าองค์ก่อนหน้านั้น
แต่คะงุยะ-ฮิเมะก็ยังคงปฏิเสธ โดยทูลว่านางนั้นเป็นสตรีผู้มาจากแดนไกล
ที่ทำให้ไม่สามารถที่จะเข้าไปในพระราชฐานของพระองค์ได้
แต่คะงุยะ-ฮิเมะก็ยังคงดำเนินการติดต่อกับมิคาโดะตลอดมา
และก็ยังคงปฏิเสธคำขอของพระองค์ทุกครั้ง

ระหว่างฤดูร้อนปีนั้น เมื่อใดเห็นพระจันทร์เต็มดวง ตาของคะงุยะ-ฮิเมะก็จะคลอไปด้วยน้ำตา
ทั้งตะเกะโตริ โนะ โอะกินะและภรรยาก็พยายามถามถึงสาเหตุ
แต่คะงุยะ-ฮิเมะก็ไม่สามารถจะบอกได้ว่ามีอะไรผิดปกติ

พฤติกรรมของคะงุยะ-ฮิเมะยิ่งแปลกขึ้น จนกระทั่ง จนในที่สุด ก็ยอมเปิดเผยว่า
นางนั้นมิได้มาจากโลกนี้ และถึงเวลาแล้วจะต้องเดินทางกลับไปยังบ้านเมืองที่อยู่บนดวงจันทร์

บางตำนานก็กล่าวว่าคะงุยะ-ฮิเมะถูกส่งมายังโลกมนุษยชั่วคราว
เพื่อเป็นการลงโทษเพราะไปทำความผิดเข้า
แต่บางตำนานก็ว่าถูกส่งตัวมาซ่อนไว้ในโลก
เพื่อความปลอดภัยระหว่างสงครามที่เกิดขึ้นบนสรวงสวรรค์

เมื่อวันที่จะต้องกลับใกล้เข้ามา จักรพรรดิมิคาโดะก็ทรงส่งทหารมาล้อมบ้าน
เพื่อป้องกันไม่ให้คนจากดวงจันทรมาเอาตัวคะงุยะ-ฮิเมะไปได้
แต่เมื่อทูตจาก "สรวงสวรรค์" มาถึงประตูบ้านของตะเกะโตริ โนะ โอะกินะ
ทหารที่มารักษายามต่างก็ตาบอดกันเพราะความแรงของแสงที่เรืองออกมา
คะงุยะ-ฮิเมะประกาศว่า แม้ว่าตนเองจะมีความรักเพื่อนหลายคนบนมนุษยโลก
แต่ก็จำต้องเดินทางกลับไปยังดวงจันทร ซึ่งเป็นบ้านที่แท้จริงของตนเอง

จากนั้นคะงุยะ-ฮิเมะก็เขียนจดหมายร่ำลาขออภัยต่อตะเกะโตริ โนะ โอะกินะและภรรยา
และ ต่อจักรพรรดิมิคาโดะ และมอบเสื้อคลุมให้บิดามารดาไว้เป็นที่ระลึก
จากนั้นก็เอาผอบยาอายุวัฒนะ แนบไปกับจดหมายให้แก่ทหารยามไปถวายพระจักรพรรดิ
เมื่อยื่นจดหมายให้แล้วและเอาเสื้อคลุมขนนกพาดไหล่เสร็จ คะงุยะ-ฮิเมะก็ลืมความคิดถึง
และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับมนุษยโลกจนหมดสิ้น ขบวนชาวทูตสวรรค์ก็นำคะงุยะ-ฮิเมะ
กลับไปยังดวงจันทร ทิ้งตะเกะโตริ โนะ โอะกินะและภรรยาไว้กับความโศรกเศร้า จนในที่สุดก็ล้มเจ็บ

ฝ่ายทหารยามเมื่อได้รับสาส์นและยาอายุวัฒนะแล้ว
ก็นำกลับไปถวายและทูลรายงานถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อพระจักรพรรดิ
เมื่อพระองค์ก็ทรงอ่านจดหมายแล้วก็ทรงเต็มตื้นไปด้วยความโทมนัส
และตรัสถามข้าราชบริพารว่า "ภูเขาลูกใดที่สูงที่สุด ที่ใกล้สรวงสวรรค์ที่สุด?"
ซึ่งข้าราชบริพารก็ทูลว่าเป็นมหาภูเขาแห่งจังหวัดซุรุกะ

พระองค์ก็มีพระบรมราชโองการให้นำจดหมายของคะงุยะ-ฮิเมะไปยังยอดเขาและเผา
ด้วยความหวังว่าความคิดคำนึงถึงนางของพระองค์จะล่องลอยตามสายควันขึ้นไปถึงคะงุยะ-ฮิเมะได้

นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีพระบรมราชโองการให้เผาผอบยาอายุวัฒนะ
ที่ถ้าผู้ใดได้กินผู้นั้นก็จะเป็นอมตะตามไปด้วย
เพราะไม่มีพระราชประสงค์ที่จะดำรงชีวิตไปตลอดกาลโดยปราศจากคะงุยะ-ฮิเมะ

ตำนานกล่าวต่อไปว่าคำว่า "ฟูจิ" แปลตรงตัวว่า "ภูเขาที่เต็มไปด้วยนักรบ"
มีที่มาจากกองทัพของพระจักรพรรดิเดินขึ้นไปบนภูเขา เพื่อที่จะไปปฏิบัติตามพระบรมราชโองการ

และกล่าวกันว่าควันจากการเผาจดหมายและยาอายุวัฒนะ
ยังคงลอยระล่องขึ้นไปบนสรวงสวรรค์มาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
(ในอดีตภูเขาฟูจิเป็นภูเขาที่คุกรุ่นมากกว่าในปัจจุบัน)



credit : เนื้อหาโดย Spirit of Phoenix




 

Create Date : 02 พฤศจิกายน 2556
0 comments
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2556 19:10:48 น.
Counter : 5242 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ดอกไม้บานริมรั้ว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]






▼ ห้อง SHOP 1 ▼

เสื้อ
แขนกุด สายเดี่ยว
แขนสั้น
แขน 3-5 ส่วน
แขนยาว กันหนาว
-------------------------
กางเกง
กระโปรง
เดรส
รองเท้า
ชุดผ้าไหม ชุดไทยๆ
ผ้าคลุมไหล่ / ผ้าพันคอ / หมวก
ตุ๊กตา

[ วิธีสั่งซื้อ ]
[ อัตราค่าส่ง & ข้อชี้แจง ]

▼ ห้อง SHOP 2 ▼

!! Clearance SALE !!
ล็อต : (A) - (O)


ล็อต : (P)
ล็อต : (Q)
ล็อต : (R)

Friends' blogs
[Add ดอกไม้บานริมรั้ว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.