ในห้องพักของผู้เข้าแข่งขันต่างเงียบสนิทนิ่งอึ้งไปกันหมดเมื่อทุกคนได้เห็นว่าควีนของฝ่ายตนเองได้พ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งอิตเซย์ รีอาส และคนอื่นๆไม่เคยตั้งขอสงสัยในความสามารถของอาเคโนะเลยแม้แต่น้อยในฐานะตัวหมากที่แข็งแกร่งที่สุดคนนึง แต่การที่ต้องออกจากเกมไปชนิดที่ทำอะไรฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เลยนี่มันก็เป็นเรื่องที่ยากจะทำใจรับความจริงได้เหมือนกัน อีกด้านนึงก็มีเสียงเฮลั่นจากฝั่งผู้ชมของทีมไซร็อจที่ทีมของฝ่ายตนคว้าชัยชนะได้มาเป็นรอบแรก ซึ่งเป็นเหมือนกับข้อพิสูจน์ว่าแม้ข้ารับใช้ของฝ่ายเกลมอรี่จะแกร่งแค่ไหน แต่ทีมบารล์ก็ยังพอดวลกันได้เช่นกัน
[เชิญคิงทั้งสองทีมเริ่มทอยเลขใหม่ได้...]
สมาชิกทีมเกลมอรี่ทุกคนนั้นมีฝีมือที่ร้ายกาจอย่างที่สุด เรื่องนี้ทั่วทั้งโลกปีศาจต่างรับรู้กันดี แต่การพ่ายแพ้ของควีนทีมตัวเองก็เหมือนกับเชือกเส้นใหญ่ที่กระตุกทุกคนกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้เหมือนกันว่า 'การต่อสู้' นั้นมีความไม่แน่นอนขนาดไหน ทั้งที่ในเชิงปริมาณพลังเวทแล้ว คุนชาห์ อบาดอน นั้นยังด้อยกว่าอาเคโนะมาก แต่สำหรับสาย 'เทคนิค' แล้ว เรื่องทักษะ ลูกเล่น และการพลิกแพลงนั้นสามารถสร้างปรากฎการณ์และผลลัพธ์ที่เหนือจินตนาการได้เสมอ
[ผลรวม 12 เชิญทั้งสองทีมเลือกผู้เข้าแข่งขันได้!!]
{มาแล้วสินะ ตัวเลข12}
เสียงเฮ ดังสนั่นหวั่นไหวออกมาจากอรรถจันทีมไซร็อจเหมือนกับสิ่งที่เฝ้ารอคอยมานานกำลังเกิดขึ้น "ผลรวม = 12" เพราะนั่นหมายถึงตัวเลขหมากของ ไซร็อจ บารล์-คิงของทีมตนจะสามารถลงสนามได้สักทีเพื่อตอบโต้ทีมเกลมอรี่ที่ทำคะแนนเอาอยู่ฝ่ายเดียวในช่วงแรก และอย่างที่รู้กันไปทั่ว หากจุดแข็งของทีมเกลมอรี่คือ "สุดยอดหมากรับใช้" แล้วจุดแข็งของทีมบารล์ก็คือ "สุดยอดขุนพล" หรือตัวคิงเองนั่นแหละที่จะแข็งแกร่งที่สุดในสมรภูมิ
เหมือนกับขานรับเสียงเชียร์เรียกร้องของฝ่ายตนเอง พอได้ยินประกาศผลตัวเลขปุ๊บ ตัวไซร็อจเองก็ลุกขึ้นยืนทันทีจากที่นั่งฝั่งตรงข้าม เขาถอดเสื้อนอกตัวโตออกให้เห็นชุดรบหนังสีดำรัดรูปแสดงให้เห็นถึงรูปร่างของร่างมหึมาที่ทั้งแข็งแกร่งและสมบูรณ์พร้อมสุดขีดของผู้ชายคนนึงที่จะเป็นไปได้บนโลก และคิงคนนี้ก็กำลังจับจ้องทีมเกลมอรี่อยู่อย่างใกล้ชิดเหมือนพยายามจะเดาถึงคู่ต่อสู้ที่ฝ่ายตนกำลังจะได้พบ
....แต่นั่นก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าไซร็อจจะลงสนามด้วยตัวเอง...
แทนที่ควีนซึ่งตามกฎไม่สามารถลงต่อเนื่องได้ หรือพอนที่เก็บตัวลึกลับมาตลอด
"อิตเซย์คุง.."
[หมั่บ..]
คิบะซางมือลงบนไหล่ของอิตเซย์ที่กำลังนั่งอยู่ ก่อนจะพูดดักคอไว้...
"ฉัน เซโนเวีย กับคุณรอสไวส์จะออกไปรอบนี้เอง"
"...ตามนั้นก็ได้..."
อิตเซย์ตอบกลับแบบแกนๆ ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนนั้นเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี และรู้ว่าคิบะจะไม่เปลี่ยนความตั้งใจโดยเด็ดขาดต่อให้เขาหว่านล้อมยังไงก็ตาม ทั้งนี้... อิตเซย์เองอยากจะออกไปแก้มือให้กับอาเคโนะและตัดสินกับไซร็อจแบบตัวต่อตัวอยู่เช่นกัน
[แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้]
นั่นเพราะฝั่งคิบะและสมาชิกที่เหลือเองก็วางแผนไว้เพื่อช่วงเวลานี้เหมือนกัน และเกมนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของกระแสการต่อสู้ในองค์รวมของเรทเกมรอบนี้ทั้งหมด และยิ่งความสามารถของไซร็อจนั้นไม่ต้องสงสัย หากเกิดสถานการณ์ที่คิงของทั้งสองฝ่ายต้องปะทะกันแบบ 1-1 ขึ้นมาจะเป็นเรื่องอันตรายมากหากรีอาสต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้แบบนั้น เพราะตามกฎของเกมนี้การแข่งสามารถยืดไปได้เรื่อยๆตราบเท่าที่คิงของอีกฝ่ายยังไม่ออกจากสนามไป
[คีย์สำคัญของการต่อสู้คือจะใช้ตัวหมากที่มีอยู่อย่างไรเพื่อทอนกำลังไซร็อจให้ได้มากเพื่อให้เผด็จศึกได้ในท้ายที่สุด]
[และปัจจัยแวดล้อมยังมีตัวแปรมากเกินไปที่จะส่งอิตเซย์ลงตอนนี้]
ทั้งอิตเซย์ และรีอาสเองก็เข้าใจเรื่องนั้นดี หากส่งไพ่ตายอย่างอิตเซย์ลงไปแต่แรกในสภาพที่คิงฝ่ายตรงข้ามพร้อมสุดขีดทุกด้าน โอกาศเอาชนะในรอบท้ายๆจะกลับต่ำลงมากทีเดียวเพราะในระยะยาวไซร็อจสามารถยืนเกมได้ดีกว่า แถมกฎที่ห้ามคนแพ้กลับมาแข่งใหม่จะทำให้ตัวเลือกจำกัดขึ้นมาก นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายต่างมี 'น้ำตาฟีนิกซ์' ซึ่งสามารถฟื้นฟูพลังได้และทั้งสองฝ่ายต่างยังไม่ได้ใช้กันทั้งคู่เลย
คิบะหยิบดาบของตนขึ้นมาคาดเอว เซโนเวียสอดดูรันดัลเข้าไปในฝักเอ็กซคาลิเบอร์ พร้อมรอสไวส์เรียกเกราะของวาคิลลี่ขึ้นมาสวม ดูเหมือนทุกคนจะรู้หน้าที่กันดีแล้วในตอนนี้
"ฉันจะจัดการตัดกำลังของฝ่ายนู่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งเพื่อในรอบของนายและท่านประธานฯตอนหลังด้วย
ชายหนุ่มหน้ามนพูดทั้งรอยยิ้ม
"OK ขอฝากด้วยละกันนะ"
อิตเซย์ไม่พูดอะไรต่อนอกจากพยักหน้าเหมือนรู้กัน
"ยูโตะ รึว่าเธอคิดจะ!?"
จากท่าทางเงียบแปลกๆของทั้งอิตเซย์ และคิบะ ตัวรีอาสเองเหมือนจะสังเกตเห็นความนัยบางอย่าง เลยรีบขัดขึ้นมา
"ใช่ครับ แน่นอนที่สุดว่าผมรู้ตัวดีว่า ยังไงลำพังผมก็ไม่มีทางเอาชนะ 'ไซร็อจ บารล์' ได้เลย....เรื่องนี้ผมตระหนักดีอยู่แล้ว" คิบะพูดขัดรีอาสกลับ "แต่นั่นก็เป็นหน้าที่ของพวกผมไม่ใช่รึครับ? หน้าที่ที่เรียบง่ายมากเลยอย่างการลดกำลังรบของฝ่ายตรงข้ามให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้....ต่อให้มันแลกด้วยร่างของผมนี้ก็เถอะ ผมสัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุด"
แล้วไนท์หนุ่มก็หันกลับมาหาสหายหญิงทั้ง 2 คน
"เซโนเวีย คุณรอสไวส์ งานนี้คงเจ็บตัวหน่อย แต่จะมากลับผมไหมครับ..."
และเหมือนกับไม่ต้องใช้ความคิด คำตอบทั้งคู่ก็พยักหน้าขานกลับมาทันที
"แน่นอน!! อุตส่าห์ได้แรงเชียร์จากทั้งอิตเซย์ กับท่านประธานฯอยู่ข้างหลังขนาดนี้แล้ว แถมฉันยังเข้าใจความรู้สึกของรองประธานฯอาเคโนะเหมือนกัน"
"ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้อีกแล้วนิ? เราต่างรู้ทั้งบทบาท-หน้าที่ในทีมกันว่าใครทำอะไร ไปลองกันเถอะว่าเราจะทุบฝ่ายนู่นให้น่วมได้ขนาดไหน.."
รีอาสยังคงทำหน้าตาลังเล [ถ้าหากอยากให้ชนะได้...]
"ถ้าเป็นอิตเซย์จับคู่กับยูโตะหละ...หรือเป็นกับเซโนเวียก็ได้"
เธอพยายามเสนอทางเลือกอื่น ซึ่งการที่มีไพ่ตายอย่าง 'จักรพรรดิมังกรแดง' ลงสนามด้วยน่าจะทำให้โอกาศชนะมีเพิ่มขึ้นมากกว่าลงแบบกลุ่มย่อยลำพัง 3 คน แต่คิบะเองก็สั่นหัว
"ไม่ได้ครับ ตอนนี้เราไม่อาจยอมให้อิตเซย์ลงได้ เพราะหลังจากการแข่งรอบนี้ เป็นไปได้ที่ 'ควีน' ของฝ่ายตรงข้ามน่าจะลงสนามอีกรอบ ถึงตอนนั้น....อาเชีย"
คิงแห่งทีมเกลมอรี่พูดต่อจากที่คิบะหยุดค้างไว้
"กรณีนั้นจะเหลือเพียงคู่ต่อสู้สองคน และอิตเซย์กลายเป็นไม่มีสิทธิลงแข่งแบบต่อเนื่อง ยูโตะกำลังจะเสนอว่าพอถึงตอนนั้นแล้วให้อาเชียลงสนามแล้วก็ประกาศยอมแพ้ไปทันทีเลยเพื่อคืนสิทธิในการต่อสู้รอบถัดไปให้อิตเซย์สินะ" รีอาสพยายามสรุป "กรณีนี้เนื่องจากเป็นการแข่งรอบเกือบสุดท้าย เราคงไม่จำเป็นต้องใช้ความสามารถฮีลของเธอต่อ.. เท่ากับว่าเราสามารถบังคับทางเลือกที่เหลือของไซร็อจให้เป็นแบบเดียวกับฉันคือ [King+Pawn] vs [King+Pawn] สินะ"
[นั่นหมายความว่าการจัดแบบนี้จะทำให้ผมได้สิทธิในการลงสู้กับทั้งควีนและไซร็อจทั้งคู่สินะ]
อิตเซย์คิด
"ถูกต้องแล้วครับ, อย่างที่ท่านประธานรู้ ตอนนี้เป็นจังหวะตัดสินใจที่สำคัญมาก พวกเราจะต้องทอนกำลังและเปิดโอกาศให้ทุกคนได้เห็นข้อมูลของ 'ไซร็อจ บารล์' มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้"
คิบะยิ้มที่ดูรีอาสจะเข้าใจแผนการเขามากขึ้น
"อ้อ!! ถ้าเป็นไปได้พวกเราก็จัดการหมอนั่นสะตรงนี้เลยด้วยหละ!"
เซโนเวียพูดอย่างฮึกเหิม แต่คิบะทำหน้ายิ้มเฝื่อนๆเหมือนกินยาขมเข้าไปโดยไม่ตั้งใจ
"ถ้าทุกคนตกลงอย่างงั้นก็นะ..."
รีอาสถอนหายใจอีกรอบก่อนพยักหน้ารับ คิบะ เซโนเวีย และรอสไวส์ก็เดินตรงไปยังวงเวทเดินทาง และที่ตรงนั้นอิตเซย์ก็ยืนรอส่งทุกคนอยู่จนกระทั่งคิบะที่เป็นคนสุดท้าย
"ฝากที่เหลือด้วยละกันนะ~"
เขาพูดขณะเดินผ่านอิตเซย์ไป
.
.
.
แสงสว่างเลือนหายพร้อมกับร่างของคิบะ
[ชัวร์, ฝากไว้ที่ฉันได้เลยคู่หู....]
อิตเซย์พูดทิ้งท้ายไว้ให้เช่นนั้น
เมื่อแสงสว่างของเวทมนต์จางหายไป ทั้ง 3 คนก็มาถึงสนามแข่งที่มีสภาพเป็นเหมือนกับทุ่งหญ้าโล่งโดยมีแม่น้ำสายใหญ่ตัดผ่านตรงกลาง โดยอีกฝั่งนึงของแม่น้ำนั้นไซร็อจยืนกอดอกรอคอยอยู่ได้สักครู่นึงแล้ว และเอ่ยปากถาม
"นี่เป็นไอเดียของรีอาสเขารึ?"
.
.
.
[เงียบ]
.
.
ทั้งสามคนไม่มีใครตอบคำถามนี้ แต่ดูเหมือนไซร็อจจะพอใจในปฎิกิริยาที่พวกเขาแสดงออกอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เห็นได้จากรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า
"ดูเหมือนในที่สุดรีอาสเขาก็รู้จักโตขึ้นบ้างเหมือนกันนะ แต่พวกเจ้าไม่มีทางเอาชนะข้าได้หรอกนะ คิดดีแล้วรึที่มาตายกันแบบนี้?"
"พวกเราไม่ตายกันง่ายดายขนาดนั้นหรอก ฉันจะส่งนายไปอยู่หน้า 'จักรพรรดิมังกรแดง' ในสภาพที่ดีที่สุดเลยหละ!"
คิบะสวนคำกลับ
"วาจาโอ้อวดดีมาก!! ฮ่ะฮ่า ดูท่าพวกเจ้าจะจุดไฟในตัวข้าให้ลุกโชนสะแล้วสิ..."
คิงแห่งทีมบารล์ชกสองมือตัวเองเข้าหากันเสียงดัง
แล้วเสียงของกรรมการประจำสนามก็ดังขึ้น
[การแข่งขันรอบที่ 6 เริ่มได้!!]
ทันทีที่สิ้นเสียงนั้นเอง อักขระลวดลายประหลาดก็ปรากฎขึ้นรอบแขนของไซร็อจ กล้ามเนื้อเป็นมัดๆนั้นเกร็งขึ้นจนเห็นเส้นเลือดและวงจรเวทมนต์ที่ทอแสงชัดเจน ภาพที่เห็นนั้นทำเอาทั้ง 3 คนต้องแปลกใจไม่น้อยเพราะไม่เคยเห็นชายคนนี้ใช้พลังอะไรแปลกๆมาก่อนจากเทปบันทึกภาพระหว่างการแข่งขันแบบนี้เลย
"อาคมพวกนี้คือมนตราฉุดรั้งร่างกายของข้าเพื่อไม่ให้ใช้พลังมากเกินไป"
ไซร็อจพูดเหมือนกับรู้ว่ากำลังถูกตั้งคำถามในใจ
"แต่เห็นแก่ความกล้าหาญที่พวกเจ้าแสดงให้เห็น วันนี้เลยขอตอบสนองด้วยพลังที่แท้จริงของข้าให้ดู!!!"
[ฟุ่บ!]
[ซู่มมมมมมม!!]
เกิดเสียงปะทุเล็กน้อยบนอาคมทั่วร่างของคิงผู้นี้ ก่อนที่อักขระเหล่านั้นจะสลายหายไปหมดสิ้นพร้อมกับปลดปล่อยพลังเวทมหาศาลออกมาทั่วบริเวณราวกับมีพายุไซโคลนกำลังโหมพัดไปทุกทิศทางอยู่หลายวินาที แล้วอึดใจต่อมากระแสลมอันเข้มข้นไปด้วยพลังก็ถูกดึงดูดกลับมายังศูนย์กลางราวกับถูกดูดกลับด้วยหลุมดำน้อยๆบนพื้นทั่วร่างไซร็อจ
[ตรูมมมมมมม!!]
พื้นสนามถึงกับสะเทือน แม้ในรอบนี้จะเป็นแค่พื้นดินธรรมดาไม่ใช้หินแข็ง แต่เพียงแค่ลมกรรโชกยังถึงกับเกิดระเบิดฉีกพื้นดินรอบเท้าของไซร็อจเป็นหลุมบ่อราวกับถูกตอกด้วยเสาเข็มนับไม่ถ้วน.... ร่างของเขาเปล่งแสงสีขาวสว่างแบบแปลกประหลาดออกมาจนเจิดจ้า ภาพที่เห็นอย่างอลังการยิ่งใหญ่นั่น ทำให้เสียงเฮในสนามยิ่งดังลั่นขึ้นอีกเมื่อเห็นพลังอำนาจของคิงที่ได้ชื่อว่าเก่งกาจที่สุดในหมู่ปีศาจรุ่นปัจจุบัน
{แสงสีขาวอ่อน....แสงแบบนั้นมัน!}
จากที่นั่งของผู้ชม อิตเซย์มองแบบอึ้งๆเหมือนไม่เชื่อสายตา และเขาก็ได้คำตอบในวินาทีนั้นเองเมื่ออาซาเซลจากที่นั่งแขกรับเชิญลุกขึ้นคว้าไมค์จากพิธีกรสนามด้วยความตื่นเต้น
[.....เฮ้ย! ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย หมอนั่นมันกำลังใช้ [จักระกายา] แถมพลังยังเข้มข้นขนาดที่มองเห็นสว่างจ้าด้วยตาเปล่าแบบนี้มันไม่ธรรมดาแล้ว!!]
แน่นอนว่าไม่ธรรมดาอย่างที่สุด โหมดเซียนเป็นทักษะที่ใช้ได้ยากมากแม้จะมีสายเลือดที่เหมาะสมก็เถอะ ขนาดโคเนโกะจังที่เป็นเผ่าภูติพรายเองยังใช้ได้เพียงเล็กน้อยในการเสริมสมรรถภาพทางร่างกาย หรือประสาทสัมผัสด้านต่างๆ เท่านั้นเอง...ขนาดคุโรกะที่เชี่ยวชาญด้านจักระศาสตร์ยังทำไม่ได้ แต่ไซร็อจเป็นปีศาจสายเลือดแท้แต่กลับทำได้....แถมระดับของเกราะยังสุดยอดขนาดนีอีกด้วย..
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเมื่อเป็นความสามารถที่ขนาดอาซาเซลยังอึ้งมันจะยอดเยี้ยมร้ายกาจขนาดไหน....ในเชิงของการควบคุมจักระปราณในร่างกายของสิ่งมีชีวิตให้โคจรอย่างถูกต้องนั้นสามารถช่วยให้ร่างกายของคนทั่วไปนั้นมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นหลายเท่า ถ้าโคจรพลังเหล่านี้ไปยังประสาทสัมผัสเชิงรับเช่น ตา หู ก็เป็นการขยายความว่องไว ความเร็วในการตอบสนองขึ้นมหาศาล...หากเลือกใช้มันเสริมไปยังแขน/ขา...ร่างกายส่วนนั้นก็จะแกร่งขึ้นเป็นหลายเท่า....ในทางกลับกันหากส่งผ่านปราณนั้นลงไปยังร่างของฝ่ายตรงข้ามก็สามารถเป็นอาวุธโจมตีที่ร้ายกาจและทำลายล้างศัตรูจากภายในอย่างแทบจะไม่มีทางต่อต้าน
และที่ว่านั่นยังเป็นแค่เป็นความสามารถเบื้องต้นด้วยซ้ำ....แต่ตัวไซร็อจกลับไปได้ไกลกว่านั้นเมื่อปราณจักระของเขาเข้มข้น...เข้มข้นแบบมากจนถึงขีดสุด....เข้มข้นชนิดที่ว่าปราณซึ่งควรจะเป็นเพียงแค่ออร่าอันโปร่งใสทั่วไปกลับควบแน่น....ควบแน่นจนกลั่นตัวเป็นหนึ่งในรูปแบบพลังงานบริสุทธิ์และเข้มข้นถึงขนาด 'เรืองแสง' ให้เห็นได้ด้วยตาเปล่าทั่วทั้งร่างกาย.....ความหมายของมันก็คือตอนนี้ร่างของชายคนนี้ถูกยกระดับขึ้นอย่างมหาศาลด้วยพลังปราณที่ปกคลุมแทบทั้งร่าง
และเนื่องจากมันเป็นพลังต้นกำเนิดของชีวิต...พลังที่บริสุทธิ์ขนาดนี้จึงมีจุดเด่นไม่แตกต่างจาก 'ธาตวินาศ' ของทางเกลมอรี่เลยด้วยซ้ำ เพราะ 'จักระกายา' เปรียบได้กับเสื้อผ้าอาภรณ์ที่แข็งแกร่งที่สุดและไม่แพ้ทางต่อธาตใดๆ เช่นนีเดียวกับพลังทำลายของทางเกลมอรี่ที่รุนแรงและทำลายได้ทุกอย่างโดยไม่ถูกลดทอนศักยภาพแม้แต่น้อย..... ด้วยพลังป้องกันระดับนี้ แม้จะเป็นธาตแสงที่ปีศาจแพ้ทางรุนแรงก็แทบไม่มีโอกาศทะลวงผ่านจักระปราณของชายผู้นี้ไปได้เลย
[ไม่น่าเชื่อ! รึว่าไซร็อจเขาไปเรียนรู้เรื่องศาสตร์ยุทธด้านปราณมาด้วยรึครับเนี่ย?]
[ไม่มีทาง! ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้เลยว่าหมอนี่สนใจไปเรียนจักรศาสตร์ (Sennjutsu) กับเขาด้วย]
แม้แต่ผู้แข่งขันอันดับ 1 ของเรทเกมอย่าง 'The Emperor' ซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกันยังแสดงท่าทางประหลาดใจอย่างมากทีเดียวขณะวิพากษ์วิจารณ์ร่วมกับอาซาเซล
[ใช่แล้ว! หมอนั่นไม่เคยเรียนเรื่องพรรค์นั้นหรอก 'เกราะ' ที่หมอนั่นได้มาน่าจะเกิดจากการฝึกฝนศาสตร์การต่อสู้ทั้งหลายนั่นแหละ จะเรียกว่าเจ้านี่มันได้พลังของตนมาแบบที่แตกต่างจากพลังปีศาจทั่วไป....]
[ทีนี้พอเจ้าตัวตั้งเป้าว่าจะเอาเฉพาะเรื่อง 'พละกำลัง' ขึ้นมาอย่างเดียว ประสาทสัมผัสและร่างกายทั้งตัวก็เลยหัดเรียนรู้จักวงจรปราณภายในทุกอย่างตามแบบแผนไปโดยอัตโนมัติ.... อาซาเซล...นายจะพูดก็ได้นะว่าการทีทำได้ถึงขนาดนี้แสดงถึง "พลังชีวิต" ภายในตัวของหมอนั่นมันเจิดจ้าจนกลายเป็นคุณลักษณะ "ทางกายภาพ" จับต้องได้เลยหละ]
ท่านผู้นำของเหล่าเทพตกสวรรค์ยิ่งถึงกับอึ้งเข้าไปอีก....เพราะว่าทุกคนรู้ดีว่าไซร็อจทุ่มเทเรื่องการฝึกฝนขนาดไหน แต่การฝึกฝนธรรมดาๆซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกลายเป็นศาสตร์ขั้นสูงแบบนี้...ไม่ว่าจะคิดแง่มุมไหนก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดา หากจะเรียกว่าฝึก 'ฝนทั่งให้เป็นเข็ม' คงไม่ด้อยกว่ากันเลย
[พร้อมนะทั้งสองคน..]
คิบะพยักหน้าเหมือนเป็นสัญญาณ แต่แม้จะไม่ได้หันกลับไปมอง คิบะเองก็รู้ว่าทุกคนต่างอยู่ในโหมดซีเรียสและเอาจริงสูงสุดทีเดียวเมื่อเห็นพลังอันแท้จริงของคู่ต่อสู้
.
.
.
"ข้าจะไม่สบประมาทคนใดแม้แต่น้อยนิด!! พวกเจ้าเองต่างเป็นนักรบที่กล้าหาญและพร้อมมาประจัญหน้ากับข้าทั้งที่รู้ว่าจะต้องถูกโค่นลง ข้านับถือว่าพวกเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่มาด้วยหัวใจแบบโลเลเด็ดขาด"
.
.
.
[ครืนนนนนนนนน]
เสียงตะโกนสนั่นร้องดังมาจากฝั่งตรงข้าม พร้อมกับแรงกดดันออร่าอย่างมหาศาล หากพูดถึงเฉพาะเรื่องพลัง คิบะสามารถตอบแบบฟันธงได้เลยว่า ไซร็อจนั่นเกินระดับของปีศาจขั้นสูงไปไกลโขเลยทีเดียว
.
.
"ดังนั้น! วันนี้ข้าจะสู้กับพวกเจ้าด้วยจิตใจที่พร้อมว่าจะถูกเจ้าทั้งหลายโค่นลงได้เช่นกัน"
"ทั้งสองอันนี้คือสิ่งที่ข้าขอมอบให้ในฐานะความเคารพต่อศัตรูผู้น่านับถือทั้ง 3 ตรงหน้า!!"
.
.
พอสิ้นคำ ตรงพื้นที่ไซร็อจยืนก็ปรากฎประกายแสงแว้บนึงก่อนที่ตัวของเขาจะหายไปจากแม่น้ำฝั่งตรงข้าม
[หายไปดื้อๆ]
"ฉันไม่ยอมให้เข้ามาง่ายๆหรอกน่า!!!"
"FULL - BURST!!"
รอสไวส์เป็นคนแรกที่รู้ตัวและตอบสนอง..[มันคิดจะปิดระยะเข้าประชิด..]..และพร้อมกับที่เธอพูด วงเวทอาคมนับสิบๆอันก็ปรากฎรอบตัวทั้ง 3 คน คล้ายกับเป็นป้อมปืนรูปทรงกลมทุกทิศทางไว้ ทุกอันหันทิศทางไปดักหน้าจุดที่ไซร็อจน่าจะปรากฎตัว ด้วย [Full Burst/พยุหะระดมยิง] หรือกลไกเวทมนต์ระดับสูงที่สามารถยิงอาคมที่รุนแรงจำนวนมากได้แทบจะพร้อมกันและทันทีนั้นต้องช่วยสกัดกั้นได้ไม่น้อยทีเดียว
"คุณรอสไวส์ อยู่ด้านบน!!"
[แซ๊ด!!] [ครึ้ม!!] [แซ๊ดด!!] [ครึ้มม!] [วี๊ดดดดด] [ซู่มมม!!]
คิบะใช้ดาบของตัวเองชี้ขึ้นเหนือศรีษะ ที่ไซร็อจกระโดดขึ้นอีกก้าวนึงไปอยู่บนท้องฟ้าสูงลิบลิ่ว ซึ่งเหมือนรอสไวส์จะรู้ตัวอยู่แล้วและกระหน่ำสายฝนเวทมนต์ขึ้นไปอย่างไม่ยั้งราวกับปืนต่อต้านอากาศยานทั้งกองร้อยสาดกระสุนใส่พร้อมกันใส่ศัตรูกลางอากาศ
[แคร้ง!] [กริ๊กกก..] [แคร้ง!][แคร้ง!] [กริ๊กกก..]
ระหว่างที่อยู่บนท้องฟ้านั่น คิงผู้ยิ่งใหญ่ยังคงพุ่งเข้าใส่กลางวงโดยไม่ได้เกรงกลัวต่อสารพัดเวทที่พุ่งเข้าใส่แม้แต่น้อย เพียงแค่ 2 มือของเขาก็ปัดป้องเวทโจมตีทั้งหลายจนหมดสิ้น กระสุนนัดแรกถูกปัดไปกระแทกกับเวทมนต์อีกชุดนึงบ้าง ใช้กำปั้นลุ่นๆต่อยทะลวงลูกไฟจนสลายหายไปบ้าง ใช้สันมือสับก้อนน้ำแข็งจนขาดครึ่งบ้าง....จนกระทั่งเขาเกือบจะแลนดิ้งลงสู่พื้นอีกฝั่งนึงได้
"สอยมันเลย! ดูรันดัล!!"
เซโนเวียก็ฉากหลบออกไปด้านข้างพร้อมกับสะบัดดาบปลดปล่อยออร่าศักดิ์สิทธิ์ของดาบวีรชนออกมาทันที
.
.
.
[ตึ่ง!!]
ไซร็อจแลนดิ้งลงสู่พื้นตรงหน้ารอสไวส์ และพื้นดินตรงนั้นก็กลายเป็นหลุมยุบขนาดเบ่อเริ่มเทิ่มในพริบตา
[วี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด....]
[ครี้มมมมมมมม!!]
.
.
เสียงแหลบบาดหูดังสนั่นไปทั่วสนามเมื่อลำแสงสีทองคำรามจากดูรันดัลแหวกอากาศพุ่งเข้าใส่เป้าหมายเป็นรัศมีครึ่งวงกลมผ่าท้องฟ้าจนแยกออกส่งเสียงสั่นสะเทือนไปทั่วราวกับโซนิคบูมของเครื่องบินรบ เข้าใส่ตัวไซร็อจ แต่เขาก็สเต็บตัวเองออกข้างหลบฉากไป แต่เซโนเวียก็ยังกวาดดาบไล่ตามเป้าหมายอย่างไม่ลดละ
"คุณรอส ทิ้งระยะออกมา!"
[Full-Burst!]
[วี๊ดดด!!][วี๊ดดด!!]
คิบะร้องเตือนพร้อมกับพุ่งเข้าชาร์จใส่ ทุกคนรู้ดีว่าจุดอ่อนของสายจอมเวทนั้นมักอยู่ที่ระยะประชิดซึ่งไซร็อจต้องเล็งจุดนี้แน่นอน ซึ่งรอสไวส์เองก็รู้ตัวดีโดยแทบไม่ต้องบอกเพราะเธอบินถอยหลังกรูดรวดเดียวพร้อมกับเปิดวงจรเวทมนต์ออกมาระดมยิงสกัดกั้น
"ฮ่าาาาห์!!!"
[ตูมมมม!] [ตูมมมม!]
แต่อีกฝ่ายกลับไม่หวาดหวั่นแม้แต่น้อย ไซร็อจคำรามก้องทั้งที่อยู่ต่อหน้าลำแสงมรณะที่จัดการทั้งรุคและบิชอพของฝ่ายตนมาก่อน [จักระกายา] ที่ปกคลุมทั่วร่างของเขาสว่างโร่ก่อนพุ่งทยานแซงหน้าลำแสงของดูรันดัลไล่ตามรอสไวส์ไปอย่างไม่สะทกสะท้านต่อกระสุนเวทที่ยิงสวนมาอย่างหนักหน่วง
[โครมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!!]
[อั๊ก!!]
คิบะพยายามเข้ามาประกบรอสไวส์แต่ก็สายไปเสียแล้วเมื่อกำปั้นของไซร็อจปะทะเข้าที่กลางลำตัวของวาคิลี่สาว
[ตูมมมมมมมมมมมม!!]
"อ๊าาาาา"
รอสไวส์ร้องด้วยความเจ็บออกมาได้เพียงคำเดียวก่อนที่แรงมหาศาลนั้นจะส่งเธอลอยละลิ่วไปข้างหลังนับร้อยเมตรพร้อมกับเศษซากของชุดเกราะที่แหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี
"คนที่หนึ่ง!"
.
.
.
ไซร็อจพูดพร้อมกับทอดสายตากลับมามองคิบะและเซโนเวีย...
ปล.ขอเป็นหน่วยกล้าตายแวะมาตีก่อนคนแรก (-_-メ)