The Emperor
จักรพรรดิแห่งศึกเรทเกมโลกปีศาจ Dihauza Belial* กำลังตอบคำถามและให้ความเห็นต่อเหล่าสื่อมวลชนในห้องส่งหลังจากเสร็จสิ้นศึกใหม่ๆ
"มันเป็นแมตช์ที่ดีมาก ทั้งสองทีมต่างต่อสู้ได้ยอดเยี่ยมและสามารถจัดอยู่ในกลุ่มท็อปทีมของศึกเรทเกมระดับ Pro ได้ในทันทีที่เลื่อนชั้นขึ้นมาแน่นอน ข้ารู้สึกได้ถึงการมาของคลื่นลูกใหม่ในการแข่งขันทีเดียว"
หลังจากการสัมภาษณ์ นักข่าวคนนึงยกประเด็นนึงขึ้นมาถามผู้ที่รับตำแหน่งอันดับ 1 ของศึกเรทเกมคนปัจจุบัน
"ถ้าหากไซร็อจ บารล์ สั่งให้พอนของตัวเองจัดการรีอาสเกลมอรี่ตั้งแต่ช่วงต้นเกม ทีมไซร็อจน่าจะได้ชัยชนะง่ายๆไม่ใช่รึครับ?"
ฝ่ายที่ถูกถามถอนหายใจเฮือกใหญ่
"บนเวทีในตอนนั้น ถ้าหากเลือกทำอย่างที่เจ้าว่าแล้วมันจะน่าพอใจกันได้ไงกัน? ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นรวมถึงพวกเราด้วยล้วนอยากเห็นศึกระหว่าง มังกรสวรรค์สีแดง-ราชาปีศาจไม่ใช่รึ? ขนาดเด็กอมมือยังรู้เลย และถ้าศึกนี้ไม่เกิดขึ้นจะมีใครสักคนไหมหละที่พอใจแม้แต่พวกเจ้า?"
นักข่าวทั้งงานต่างเงียบกับคำตอบนั้น...
****************
LION HEART
(หัวใจราชสีห์)
ผม...เฮียวโด อิตเซย์ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้ว และตอนนี้ดูเหมือนจะอยู่ในห้องแปลกๆและจ้องมองฝ้าเพดานที่ไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่
"....ที่นี่คือ?...."
หมุนคอไปสำรวจสภาพรอบๆ และผมก็เข้าใจทันที ตอนนี้ผมกำลังแอ้งแม้งนอนอยู่บนเตียงด้วยผ้าพันแผลหนาเตอะ อันที่จริงอาจจะเกินความจำเป็นไปหน่อยเพราะร่างกายผมตอนนี้มันหมดแรงมากกว่าจะบาดเจ็บ แม้แต่ตอนนี้ผมยังแทบไม่มีกำลังจะขยับตัวเท่าไหร่เลย...เอ...รึว่าเราสลบเหมือดไปหลังจากนั้นกันหว่า?
"ดูเหมือนเจ้าจะตื่นแล้วสินะ"
...น้ำเสียงคุ้นหูนั่น! พอผมหันควับไปฝั่งตรงข้ามก็พบกันหมอนั่น....ไซร็อจที่ถูกห่อตัวเป็นมัมมี่อยู่เตียงถัดไป
"อ้าว! คุณไซร็อจ....นี่เตียงเราสองคนอยู่ติดกันรึเนี่่ย?"
"บังเอิญรึเปล่านะ...แต่คงใช่แหละ ข้าว่าห้องพยาบาลอื่นๆก็คงว่างอยู่ แต่บางทีท่านเซอร์เซคและอาซาเซลคงเจตนาให้เราสองคนได้มาอยู่ห้องเดียวกันเพื่อจะได้มีโอกาศพูดคุยสักพักจนกว่าจะมีเรี่ยวมีเรียงไปทำอะไรกันต่อ.."
[ฮะฮ่าๆ]
ผมหัวเราะ....เอาเถิดท่านทั้งหลายย...ผมไม่คิดจะไปสู้กับนายอีกรอบทั้งๆที่อยู่บนเตียงหรอกหน่า .....ในใจผมคิดแบบนั้นและกำลังจะพูด แต่ไซร็อจพูดออกมาก่อน
"....แสดงว่า ข้าแพ้..."
เขาพูดแบบนั้น
"....แต่มันไม่เลวเลย....บางทีนี่อาจเป็นครั้งแรกเลยด้วยซ้ำที่ข้ายอมรับได้กับความพ่ายแพ้แบบนี้ ข้าไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าช่วงท้ายๆข้าทำอะไรลงไปบ้าง แต่พอรู้สึกตัวอีกทีข้าก็มาอยู่ที่นี่เรียบร้อยแล้ว..."
ไซร็อจเงยหน้าเปรย
"ฉันก็เหมือนกันแหละ.... ว่าตามตรงเลย ความทรงจำฉันเหมือนโดนมูลิเน็คปั่นเป็นโจ้กสะงงไปหมด..."
"งั้นรึอิตเซย์....ข้าจำได้อย่างเดียวเองว่า.....นั่นเป็นศึกกำปั้นที่ดีที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอในชีวิตเลย"
..........แน่นอน....ถึงเจ็บตัวแต่มันรู้สึกสดชื่น...โล่ง...และสบายใจมาก
"คนอย่างข้ายังโดนทุบจนเละ.....แต่ข้าก็ได้อัดเจ้าจนน่วมเหมือนกัน แปลกแฮะ....ข้ากลับอารมณ์ดีซะงั้น~"
เราทั้งคู่นอนยิ้มอยู่บนเตียงทั้งที่เต็มไปด้วยบาดแผล แล้วก็มีชายอีกคนเดินเข้ามา
"ขอรบกวนหน่อยนะ"
คนที่พูดคือชายที่มีผมสีแดงชาด ....ประมุขของเผ่าปีศาจคนปัจจุบัน ..เซอร์เซค ลูซิเฟอร์
"ท่านเซอร์เซค!"
"โย่วว! อิตเซย์คุง ไซร็อจด้วย มันเป็นการต่อสู้ที่งดงามมากจริงๆ เห็นเลยว่าพวกที่อยู่อันดับสูงๆทั้งหลายจะต้องพอใจแน่นอน และยิ่งเห็นการต่อสู้แบบเมื่อกี้ยิ่งรู้สึกว่าชักอยากจะฝากเห็นอนาคตของพวกเจ้าทั้งคู่เหมือนกัน"
ท่านเซอร์เซคนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆและชมเชยเราทั้งสองคน
"เอาหละ ทีนี่..ฉันมีเรื่องอยากจะบอกอิตเซย์หน่อยนึง ไซร็อจ..ขอคุยกับหมอนี่นิดนึงนะ?"
"ข้าไม่ว่าอะไรหรอกท่าน.... ว่าแต่ท่านอยากให้ข้าออกไปข้างนอกก่อนรึเปล่า?"
"อ้อ ไม่ต้องหรอก ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรที่ต้องปิดบังกัน"
แล้วท่านเซอร์เซคก็หันกลับมาพูดกับผมด้วยสีหน้าจริงจัง
"อิตเซย์คุง ฉันจะคุยเรื่อง 'เลื่อนยศ' ให้กับเธอนั่นแหละ"
(เอ๋)
....ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แฮะ ฟังท่านซาตานพูดต่อละกัน....
"พูดให้ชัดๆหน่อย นี่เรากำลังพูดถึงเรื่อง 'แต่งตั้ง' ให้เลื่อนยศเธอเป็นปีศาจระดับสูงกว่าตอนนี้ไง รวมไปถึงคิบะคุงและอาเคโนะคุงด้วย พวกเธอทุกคนต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย รวมไปถึงเหตการณ์ตั้งแต่ตอนที่ประชุมสมัชชากองกำลัง 3 ฝ่ายด้วย แล้วก็ตอนที่กลุ่มราชณิกูลจอมมารเก่าก่อรัฐประหาร แถมยังมีตอนที่ขับไล่ป้องกันเทพเจ้าโลกิ การช่วยเผ่าภูตพรายในเกียวโตกับกองทัพวีรชน และยังมีการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมวันนี้..."
เซอร์เซคร่ายยาว
"จากผลงานของพวกเธอ ไม่น่าแปลกใจนักที่จะได้เลื่อนยศแบบนี้ -ยินดีด้วย- นี่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยนักสำหรับการโปรโมทสามัญชนให้มียศฐาบรรดาศักดิ์ขุนนางในยุคสมัยปัจจุบัน"
องค์ซาตานพูดด้วยสีหน้ายินดี...
"ฮืมมมม......?"
.
.
.
"ด....เดี๋ยวนะท่าน....เลื่อนยศ....ปีศาจชั้นสูง...ขุนนาง....?"
.
.
เฮ้!? นี่ท่านเซอร์เซคไม่ได้หมายถึง 'Promotion' ระหว่างการแข่งเรทเกมแน่นะ?
องค์ราชาปีศาจยิ้มตอบกับท่าทางนั้น
"นั่นเป็นเหมือนการตบรางวัลที่คู่ควรในสิ่งที่เจ้าทำลงไป แม้จะยังมีหลายอย่างที่ขาดอยู่แต่นายก็กำลังจะได้เป็นขุนนางระดับต้นๆ และอนาคตก็อาจจะได้มากกว่านั้นอีก"
ไซร็อจอธิบายเพิ่มเติมให้กับผม ที่ดูจะยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์นั้น
"รับไว้เถอะ เฮียวโด อิตเซย์ เจ้าได้รับสิ่งที่สมควรจะได้ นั่นไม่สำคัญแล้วว่าจะเป็นชาติกำเนิดที่ไหน แต่ตอนนี้เจ้าคือวีรบุรุษคนหนึ่งของโลกปีศาจไปแล้ว"
...ต่อให้นายพูดแบบนั้นก็เถอะน่า..
"เอาหล่ะ!"
ท่านเซอร์เซคตบเข่าลุกขึ้นยืน
"เดี๋ยวจะส่งรายละเอียดและขั้นตอนต่างๆมาให้ทีหลัง อาจจะดูยุ่งยากแต่ข้าก็อยากให้เจ้าผ่านกระบวนการสอบและแต่งตั้งอย่างถูกต้องตามธรรมเนียมซะก่อน เรื่องเวลาและสถานที่นั้นอยู่ระหว่างหารือกันหลายๆคน ตอนนี้ข้าต้องขอตัวก่อนละนะ..."
"อ..ครับ!"
พูดจบ ท่านจอมมารก็ออกจากห้องไป เหลือแค่ผมกับไซร็อจเหมือนเดิม....แต่ความรู้สึกตอนนี้เหมือนกับล่องลอยอยู่ในความฝัน ...เพราะ...เพราะผมจะได้เป็นขุนน้ามขุนนางกับเขาสักที [เย้!] ....มันตรงกับความเพ้อฝันที่ผมเคยตั้งเป้าไว้เลย และก็ไม่เคยคิดด้วยว่าผมจะก้าวหน้ามาได้เร็วขนาดนี้...ว..ว่าแต่ต้องทำยังไงต่อเนี่ย!?
ระหว่างอยู่ท่ามกลางหัวใจที่กำลังลิงโลด ไซร็อจพูดกับผมต่อ
"การแต่งตั้งยศมันก็ดีอยู่ แต่สำหรับตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือรีอาสมากกว่า เจ้าชอบเธอไม่ใช่รึ?"
...หัวข้อถูกเปลี่ยนไปเป็นเรื่องท่านประธานเฉยเลย....เอาเถอะผมก็เข้าใจทันที ก็เล่นพูดโพล่งออกไปกลางงานขนาดนั้นนิ....
"อืมมมมมมม....จริงนั่นแหละ ผมรักเธอ..."
..ไซร็อจยิ้มให้
"งั้นเอางี้ไหม...เจ้าลองไปพูดความรู้สึกนั่นกับเธออีกครั้ง? แต่คราวนี้ไปพูดคุยกันโดยตรง และจริงจังระหว่างสองคน ถึงเจ้าจะเคยแหกปากตะโกนบอกรักไปทั่วโลกเรียบร้อยแล้วก็เถอะ"
..อ...เอ่อ...ก็จริงที่ผมทำอย่างงั้น...ผมหลุดปากออกไปกลางเวทีงานประลองต่อหน้าคนตั้งเยอะ อาจเป็นเพราะกระแส บรรยากาศและอารมณ์ในสนามชักนักไป...ตะ...แต่...ถ้าให้ผมพูดอีกครั้ง พูดกันแบบสองต่อสองแล้วละก็.... แค่คิดก็เริ่มจะรู้สึกตัวสั่นประหม่าอีกทีแล้ว
"ฉ..ฉันพอจะมั่นใจได้ใช่ไหม?"
ผมพูดตะกุกตะกัก
"เอาน่า...ถ้าเจ้าล้มทรุด อกหัก รักคุด ก็มาบ้านข้าได้ ข้าจะเลี้ยงกาแฟสักถ้วยแล้วเป็นศิลาณีนั่งฟังเจ้าให้เอง.."
เขาพูดยิ้มๆ
"คุณไซร็อจ.... ข...ขอบคุณ นะ...ผ...ผม"
{ใจดีเกินไปแล้วนายหนะ...}
ผมคิดแบบนั้นพร้อมๆกับเริ่มร้องไห้ให้กับตัวเอง เราสองคนสู้กันดุเดือดด้วยกำปั้นแห่งลูกผู้ชาย เดิมพันความฝันไว้ด้วยชีวิตและจิตวิญญาณ แต่เราก็เข้าใจกันได้ สักวันนึงนะ...ถ้ามีโอกาศผมจะต้องรับคำเชิญหมอนี่แน่เลย
ระหว่าง
ตะโกนบอกรักคนๆนึงให้คนทั้งโลกฟัง
กับ
บอกรักเบาให้คนๆนั้นฟังคนเดียว
อันไหนยากกว่ากัน
ผลงานสุดยอดเช่นเดิม ขอบคุณคุณครอสมากครับ