BATTLE 2:
ROSSWEISSE (ROOK) & KONEKO (ROOK)
VS
LIBAN CROCELL (KNIGHT) & GANDOMA BALAM (Rook)
ยังไม่ทันที่จะได้ชื่นชมยินดีกับชัยชนะนัดแรกของคิบะเท่าไหร่นัก เกมรอบถัดไปก็เริ่มต้นแทบจะในทันที ทีมเกลมอรี่ออกนำไปก่อน 1 แต้ม และฝ่ายไซร็อจไม่สามารถส่ง เบลูก้า เฟอร์คาสกลับมาลงสนามได้อีกซึ่งจะเป็นข้อเสียเปรียบสำคัญในเกมหลังจากนี้แน่นอน เป็นอย่างที่อจ.อาซาเซล ในฐานะผู้บรรยายเคยให้ความเห็นไว้ [ยิ่งหมากข้ารับใช้แพ้บ่อยเท่าไหร่ คิงของฝ่ายนั้นก็จะมีไพ่ให้เล่นน้อยลงเรื่อยๆ] และตรงนี้จะเป็นการวัดทักษะในการบัญชาการของหัวหน้ากลุ่ม หรือกุนซือของแต่ละทีมได้อย่างแหยบคายทีเดียวว่าจะแก้เกมกันยังไงไม่ต่างกับการแข่งขันลีกฟุตบอลของมนุษย์เลย
[การแข่งขันคู่ที่ 2 คิงแต่ละฝ่ายเปิดเลขของตนได้...]
คิงของทั้งสองฝ่ายเริ่มทอยเต๋าอีกครั้ง รีอาสได้ 6 ส่วนไซร็อจได้ 4 รวมยอด = 10 เป็นเลขชุดสูงที่สามารถเลือกส่งใครลงก็ได้นับตั้งแต่ควีนลงมาทีเดียว ยกเว้นก็แต่ไซร็อจเท่านั้นเอง อิตเซย์มองไปทางรีอาสเหมือนจะตั้งคำถามว่า (ให้ผมลงไหม?) เพราะนี่ยังเป็นช่วงต้นของเกมอยู่ สถานการณ์ยังพลิกผันได้ทุกเวลา หากส่งคนที่เก่งลงไปจะมีโอกาศเก็บแต้มสำรองได้สูงกว่าปกติ
"คุณรอสไวส์ โคเนโกะจัง คราวนี้รบกวนด้วย"
[ท่านประธาน! ส่ง Full-Set เลยแฮะ!?] ผมเองก็ตกใจนิดหน่อย เพราะตำแหน่งของเรือ (Rook) แต่ละคนมีโควต้า = 5 การที่รีอาสส่งทั้งคู่ลงสนาม = 10 เต็มอัตราที่ส่งลงได้เลยนี่แสดงว่าเธอให้ความสำคัญกับแมตช์นี้เยอะทีเดียวเพราะและต้องการเก็บคะแนนช่วงนี้ให้มากที่สุด และในฐานะของตัวหมากที่แข็งแกร่งโดดเด่นด้านพลังป้องกันและโจมตีจะต้องสร้างปัญหาให้กับฝ่ายตรงข้ามได้แน่นอนหากคิดจะชนกันตรงๆ
[คนที่จะชนะ 2 คนนี้พร้อมกันได้ ถ้าไม่ใช่พลังที่เหนือกว่ามาก ก็ต้องเป็นไพ่ตายลับอย่างคาดไม่ถึง...บางทีคุณรีอาสวางแผนจะใช้ 2 คนนี้บังคับตรวจสอบความสามารถของทีมไซร็อจแหง..]
คิบะหาข้อสรุปแบบนั้นให้อิตเซย์
"แน่นอนค่ะ"
"จัดไป..."
หนึ่งสาวงามวาคิลลี่ผมสีเงิน กับรุ่นน้องโลลิผมขาวรับคำสั่งทันควันก่อนจะมุ่งหน้าไปยังประตูเทเลพ็อตสู่สนามประลอง อิตเซย์ที่ดูการถ่ายทอดจากระยะไกลนั่นพึ่งสังเกตตอนที่ทั้งสองคนลงไปถึงสนามแข่งว่าพื้นที่สนามนั้นไม่เหมือนกับตอนที่คิบะสู้รอบแรกแบบลานโล่ง แต่รอบที่สองนี้กลับเสมือนสนามกีฬาในร่มขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยหอคอยผลึกสูงลิบกระจัดกระจายระเกะระกะไปทั่ว (ต้องมาลุ้นสภาพพื้นที่ด้วยรึเนี่ย!? อิตเซย์คิดในใจ)
[ทีมไซร็อจลงสนามแล้ว!]
เสียงผู้บรรยายดังลงมาจากด้านบน พร้อมกับแสดงให้เห็นคนที่ไซร็อจคัดมาสำหรับรอบนี้ ซึ่งมี 2 คนเท่ากันฝ่ายเกลมอรี่ คนแรกคือผู้ชายหนุ่มผมสีบลอนด์หน้าตาดีในชุดเกราะเบาพร้อมดาบยาวบางเฉียบขนาบเอวอยู่ พร้อมกับอีกคนเป็นชายร่างมหึมาสูงล่ำกว่า 3 เมตร ใหญ่ชนิดที่อิตเซย์เชื่อว่าพอจะลงกินเนสบุ๊คได้สบายทีเดียว ซึ่งดูไปแล้วเหมือนกับรูปสลักของยักษ์ไทแทนขนาดมหึมามากกว่าจะเป็นรูปร่างมนุษย์
"'ไนท์' ข้ารับใช้แห่งท่านไซร็อจ ข้าพเจ้านาม 'ลิ'เบิน คอร์เซล' ส่วนสหายท่านนี้คือ 'รุค-แกนโดม่า บาลัมน์' เราทั้งสองจะเป็นคู่ประลองให้กับท่านหญิงทั้งคู่เองครับ.."
ชายหนุ่มผมบลอนด์แนะนำอย่างสุภาพ จนอิตเซย์อดคิดในใจว่าเหล่าข้ารับใช้ของตระกูลนี้เข้มงวดเรื่องมารยาทกันขนาดไหนเนี่ย
.
โคเนโกะทำหน้านิ่วคิ้วขมวดคิดอยู่ครู่นึง จนไม่ได้แนะนำตัวเองกลับตามมารยาท แต่คงไม่ใช่เรื่องสำคัญนักในเมื่อต่างฝ่ายต่างรู้จักกันดีผ่านสื่อ และโฆษกสนามล่วงหน้ากันอยู่แล้ว
.
.
"อืมมมม....คอร์เซล....คอร์เซลที่ว่านี่ใช่ 1 ใน 72 ราชตระกูลในอดีตนิน่า? หมายความว่า ทายาทของตระกูลที่หมดสิ้นไปแล้วรึ?"
เธอพูดขึ้นมาเหมือนนึกถึงวิชาเรียนสมัยก่อน ซึ่งรอสไวส์ก็พยักหน้ารับ "ก็เห็นอยู่กันหลัดๆนี่น่า..."
[การแข่งขันรอบที่สอง]
[เริ่มได้!!]
แต่ไม่ได้มีเวลาให้มาอารัมภบทกันนัก เมื่อโฆษกสนามประกาศเริ่มต้น นักสู้ทั้ง 4 คนก็เข้าโหมดประจัญบานตามสไตล์ของตัวเองทันที พื้นสนามเหมือนกับสั่นสะเทือนเหมือนแรงกดดันของพลังเวท พลังปีศาจ พลังปราณถูกรีดเร้นออกมาพร้อมกันจากรุคทั้ง 3 ตน
"เมี๊ยยยยววววววว!!"
โคเนโกะเริ่มเปิดเกมคนแรกด้วยกระโจนเข้าใส่ราวกับรถยนต์ที่ใส่เกียร์ 5 โดยไม่ผ่านเกียร์ 1-2-3-4 ก่อนสักนิด [ภูติแมวปีศาจ] หรือร่างจริงของเผ่าพันธ์ที่แสนหายากจากสาวน้อยคนนี้ก็เปิดเผยให้คนทั้งสนามได้เห็นจะๆ หูแมวสามเหลี่ยมโผล่ออกจากศรีษะ และหางสีขาวนวลนุ่ม (ชวนให้อิตเซย์ไปจับเสมอๆ) ก็ผลุบออกมาจากใต้มินิเสกิร์ต ร่างกายของเธอเรืองทอแสงสว่างเล็กน้อยจากกระแสปราณที่ไหลเวียนอย่างเข้มข้นไปทั่วร่าง
[จักระกายา~]
คุณสมบัติพิเศษทางจิตที่หากได้ยากในหมู่ปีศาจด้วยกัน และมักพบแค่ในบรรดาเผ่าพันธ์ที่ใกล้ชิดอย่างลึกซึ้งกับเหล่าสัตว์สิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติของโลกเท่านั้น กระแสปราณหรือชีพจรชีวิตที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายและสามารถเร่งเร้าให้ถึงขีดสุดเพื่อเสริมพละกำลังให้กับเจ้าของ ปกป้องภัยอันตรายที่เข้าถึงตัว รับรู้สัมผัสถึงปฎิกิริยาของพลังและ 'กระแสจิต' ของทุกสิ่งที่อยู่รอบข้างราวกับการเชื่อมต่อกับอารยะแห่งโลก
โคเนโกะจังอาจจะพึ่งฝึกฝนได้เพียงขั้นแรกๆของพลังนี้ แต่กระนั้นก็ยังนับเป็นที่ตื่นตาของทุกคนที่นานๆจะได้พบเห็น เผ่าพันธ์ภูตพรายอยู่ดี... และในสภาพนี้ โคเนโกะที่มีพลังปีศาจ สายเลือดภูต บัฟเสริมจากหมาก 'เรือ' อันแข็งแกร่ง และเกราะจิตจักระอันทรงพลัง เมื่อทุกอย่างรวมกันแล้วแทบจะเรียกได้เลยว่าในตอนนี้ค่า status ตัวเธอจะสูงลิบลิ่วเกินปีศาจขั้นสูงไปอักโขทีเดียว
[-ตูมมมมมม!!]
แม้จะไม่เร็วเท่ากับคิบะหรือไนท์คนอื่นๆ แต่ก็ไม่อืดอาดแน่นอน เพียงพริบตาที่สวมเกราะจิตเธอก็เข้าไปประชิดกับ 'บาลัม' ชายร่างยักษ์ตรงหน้าก่อนจะซัดเต็มเหนี่ยวเข้าไปเต็มที่กลางกระหม่อม... แต่ 'รุค' หนึ่งเดียวในสนามฝั่งไซร็อจกลับไม่สะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย
[เฮ้ย! เป็นไปได้ไง? หมัดนั่นต่อให้เป็นฉันในชุดเกราะยังเหนื่อยเลยนะ!]
อิตเซย์คิดในใจ เขารู้ดีว่าโคเนโกะยังไม่ได้ทุ่มกำลังสุดตัว แต่กำปั้นนั้นก็ไม่ใช่หมัดแบบออมมือ แสดงให้เห็นชัดเจนว่า บาลัมผู้เป็น 'รุค' หรือแนวหน้าของไซร็อจทีมนั้นไม่ใช่มีดีแต่ขนาดตัวแน่นอน
[ฟุ่บ! ตูมมมมม!!]
ไม่เพียงแค่ไม่สะทกสะท้าน ในจังหวะเดียวที่หมอนี่ถูกต่อย ชายร่างยักษ์ก็ง้างหมัดชกสวนกลับด้วยความไวปานสายฟ้ากลับไปหาร่างเล็กๆกลางอากาศราวกับหวดลูกเทนนิส โชคดีที่โคเนโกะนั้นสปริงตัวถอยหลังหลบได้ทันแบบฉิวเฉียด แต่พื้นสนามเบื้องล่างถึงกับแหลกกระจายเรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมทั้งสนาม [พลาดครับ พลาด! รุคของทีมเกลมอรี่เกือบโดนเข้าแบบจั๋งหนับเลย] เสียงพิธีกรดังเข้าหูด้วยความตื่นเต้น
"รอสไวส์ !"
"ร-ออยู่แล้ว!! "
โคเนโกะตะโกนเรียกหาคู่หูของตัวเอง ในจังหวะที่บาลัมออกอาวุธใส่ รอสไวส์เองก็ใช้โคเนโกะเป็นแนวกำบังทะยานสวนกลับเข้ามาโดยไม่หวั่นพลังโจมตีอันรุนแรงเหมือนกับเป็นดาบที่สองในการจู่โจม [รูนแห่งข้าฯ] วาคิลลี่สาวแห่งวาฮัลล่าประกาศรูนของตัวเองในระยะประชิดชนิดที่ว่าไม่มีทางเล็งพลาดแน่นอน
[วายุ][อัคคี] [อัศนี] [นที]
โดยไม่มีจังหวะชะงักหรือดีเลย์ในการบริกรรมคาถาแม้แต่น้อย วงเวทอาคมอันซับซ้อนหลากประเภทปรากฎตัวขึ้นเบื้องหลังเธอแบบฉับพลัน
จากสายตาของทุกคนในทีม ในฐานะรุค หมากรับใช้ที่โดดเด่นในพลังโจมตี ป้องกันทางกายภาพ มักจะไม่โดดเด่นด้านเวทมนต์เหมือนกับบิชอพ แต่นั่นไม่ใช่เงื่อนไขสำหรับ 'รอสไวส์' แห่งทีมเกลมอรี่ และเวทโนรุน อันโดดเด่นของเทพเจ้าแห่งวาฮาล่านั่นเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาไปทั่วพิภพในเรื่องความ 'บ้าพลัง' เป็นที่สุด ซึ่งเรื่องนี้อิตเซย์เคยเป็นประจักษ์พยานของ [อาคม] ประเภทนี้มาหลายครั้งแล้วนับตั้งแต่ตอนที่ต่อสู้กับเทพเจ้าโลกิก่อนหน้า
ทั้งรีอาสและอาซาเซลเองก็เคยพูดไว้เหมือนกัน รอสไวส์คือคนที่มาชดเชยตำแหน่งของอิตเซย์ที่ต้องไปเป็นแนวหน้าเมื่อเปิดเกมต่อสู้ ด้วยเกราะเวทที่ทรงพลัง ร่างกายของนักรบเทพวาฮาล่า และบัฟเสริมพลังจากตัวหมาก ...เธอไม่ใช่แค่รถถัง แต่เป็นป้อมปราการหุ้มเกราะที่ติดปืนใหญ่รอบตัวพร้อมจะปูพรมไปทั่วสมรภูมิด้วยอำนาจการยิงอันหนักหน่วง
[Blasting!!]
และไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากสั่งด้วยซ้ำ กระสุนสายลมอันคมกริบก็พุ่งเข้าเฉือดเฉือนทั่วร่างของบาลัม ก่อนจะตามด้วยลูกไฟมหึมากระแทกใส่ ซ้ำยังได้รับการหนุนจากแรงลมก่อนหน้าให้เผาผลาญไปทั่ว ก่อนจำซ้ำด้วยสายฟ้าเส้นโตจนสนามประลองสะเทือนเลือนลั่น และกระสุนน้ำแข็งชุดใหญ่พุ่งเข้าล็อคตัวเป้าหมายไว้ไม่ให้สวนกลับ ภาพอันตระการตาของกระสุนเวทมนต์ที่ระดมยิงเหมือนกับป้อมปืนกลหนักยิงกดหัวฝ่ายตรงข้ามนั้นทำเอาคนดูอึ้งไปทั้งสนาม
.
.
.
[เฮ้ย!! อะไรกันเนี่ย!]
.
.
ทั้งสนามยิ่งอึ้งมากขึ้นไปอึก....เพราะเมื่อควันจางลง รุคแห่งทีมไซร็อจ 'บาลัม' ที่โดนจัดหนักไปชุดใหญ่
หมอนั่นยังยืนนิ่งอย่างกับภูเขาหิน...
"....อืม หมอนี่ท่าทางพลังป้องกันเวทมนต์ก็สูงลิบเชียว ฮ่วย! ทำไมฉันต้องเจอพวกล่ำบึ๊กถึกทึนแบบนี้ตลอดเลยเนี่ย !!"
รอสไวส์โวยวายกับตัวเองด้วยความหงุดหงิด เพราะรูปแบบการต่อสู้กับบาลัมคราวนี้มันชวนให้นึกถึงศึกก่อนหน้ากับกองทัพวีรชน ~ เฮอร์คิวลิส ในเกียวโต วีรบุรุษจากตำนานกรีกที่มีร่างกายแข็งแกร่งทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ ภาพลักษณ์ของตัวเองที่ระดมยิงเวทมนต์มหาศาลเข้าใส่แต่ดันกระเด้งกระดอนสะท้อนไปหมดราวกับเป็นเพียงแค่ลูกปิงปองก็ไม่ปานนั้น ~ภาพนั้นเหมือนจะกลับมาหลอกหลอนเธออีกครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ
[ใช่...เพราะครั้งนั้นเธอก็พ่ายแพ้ เหมือนกับทีมเกลมอรี่คนอื่น]
อิตเซย์คิด
[ครืนนน...]
[ตุ่บบ!]
การต่อสู้เองก็ดำนินไปแบบต่อเนื่อง และอยู่ๆรอสไวส์ก็ทรุดตัวลงราวกับคนถูกจับคุกเข่า พื้นสนามรอบๆสั่นไหวเล็กน้อย และทุกคนหันกลับมาจับตาที่อัศวินหนุ่มของทีมไซร็อจ 'ครอเซล' อีกครั้งนึงเมื่อเห็นดวงตาของเขาเปล่งประกายสีทอง ~ เซคริดเกียร์ ~ อาวุธวิเศษประจำตัวของเขานั่นเอง
"คุณพี่เองเปิดช่องว่างมากไปนะ....."
"...นี่...ความสามารถด้านแรงโน้มถ่วงงั้นรึ!?"
วาคิลี่สาวกัดฟันพูดกับตัวเองท่ามกลางแรงกดดันมหาศาลที่กดทับเธออยู่จนไม่มีสิทธิขยับตัวแม้แต่น้อยจนกลายเป็นเป้านิ่งกลายๆ แต่กระนั้นเธอก็ยังขยับมือตั้งท่าเขียนรูนเวทมนต์หลักของเธอแม้จะในสภาพที่ลำบากไม่น้อย
[กึกก]
เหมือนกับคนรู้ทันกัน, ดาบของครอเซลซึ่งชี้ไปทางรอสไวส์เรืองแสงออกมา และแขนของรอสไวส์ก็ชะงักทันทีด้วยเวทน้ำแข็งที่จากอาวุธนั้น
"ถ้าฉันเข้าใจถูก...นายเองก็เป็นนักดาบเวทมนต์ด้วยสินะ!"
รอสไวส์พูดกับครอเซลทั้งที่ถูกจับแช่แข็งอยู่ ขณะที่ไนท์หนุ่มนั้นย่างก้าวเข้าหาเธอแบบช้าๆ โดยที่ยังคงควงดาบเล่มนั้นชี้ไปยังคู่ต่อสู้โดยไม่ประมาท
"ครอเซล, จอมเวทปีศาจ และก็เป็นมนุษย์เลือดผสมอีกด้วย อย่างที่ท่านทราบนั่นแหละผมเองก็ฝึกฝนเอาดีในสายเพลงดาบมาพอตัว ส่วน 'กราวิตี้ เจล' (ผนึกแรงดึงดูด) นั่นเป็นเซคริดเกียร์ของผมเองแหละครับ..'"
[รอสไวส์ๆๆ .... หมอนั่นเป็นผู้ใช้ความสามารถแรงดึงดูด กับควบคุมแรงโน้มถ่วงนะ]
[เอ่อ.. รู้อยู่แล้วเรื่องนั้น..]
เสียงรีอาสดังรัวเข้ามาในหัวของรอสไวส์ผ่านวงจรสื่อสารที่หัวหน้าทีมสามารถใช้ได้ ซึ่งจะใช้หรือไม่นั้นเป็นสิทธิของแต่ละทีม โดยตัวช่วยเหล่านี้มีขึ้นด้วยความเห็นของผู้จัดการแข่งขันว่าจะทำให้แต่ละทีมแสดงศักยภาพของตน และเห็นความสามารถด้านการกำกับสั่งการ/แก้เกมของแต่ละฝ่ายได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งตรงนี้จะเป็นคะแนนตอนท้ายการแข่งขันได้อีกทางนึงด้วย
[อืม...ฟังนะ ความสามารถนั้นอยู่ที่ดวงตา ดูเหมือนจะเป็นทักษะเฉพาะตัวอย่างนึงด้วย เอาเป็นว่าเจ้าตรงไหนที่โดนหมอนั่นจ้องได้ก็โดนจับกดด้วยแรงมหาศาลได้ตลอด]
[เรื่องของขอบเขตทรรศนะวิสัยสินะ...]
รอสไวส์คิดในใจพร้อมกับชำเลืองไปดูสภาพของฝั่งโคเนโกะบ้าง ซึ่งทางนั้นกำลังพัวพันกับบาลัมแบบดิ้นไม่หลุดโดยที่ทั้งสองฝ่ายต่างแลกหมัดกันอย่างดุเดือด แต่รุคแมวเหมียวก็ทำได้เพียงแค่รอยแผลเบาบางบนร่างกายหนาเตอะ ขณะที่ชายร่างยักษ์เองก็จั่วลมวืดไปมาแบบฉิวเฉียดเกือบทั้งหมดเพราะ 'จักระกายา' ที่อ่านชีพจรปราณของฝ่ายตรงข้ามได้นั้นเหมือนกับเรดาห์แจ้งเตือนล่วงหน้าชั้นเยี่ยมช่วยให้เธอหลบหลีกได้เรื่อยๆ
ถึงอย่างงั้นก็ยังมีช่องโหว่อยู่...
[พลังป้องกันนั้นถาวร แต่การหลบหลีกนั่นไม่ถาวรแน่...ถ้าเป็นแบบนี้โคเนโกะไม่ช้าก็เร็วก็ต้องพลาดท่าเข้าจนได้...]
ซึ่งก็ดูจะเป็นจริงสะด้วย เพราะการโจมตีของบาลัมนั่นเข้ารูปเข้ารอยขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มไล่ต้อนโคเนโกะที่ยังไม่อาจทะลวงเกราะหนาเตอะของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพนัก
รีอาสก็เริ่มพูดกับรุคอีกคนของตนด้วยวงจรเสียงอันเดียวกัน
[โคเนโกะจัง~ หมอนั่นอัดตรงๆไม่เข้าแน่นอน บาลัมมันต้านทานพลังโจมตีได้แทบทุกอย่างเลย]
[อิมมูนทุกอย่างเลยหรอ? เมี๊ยวว~]
[แค่เกือบไง แค่เกือบ!]
[จะบอกก็บอกมา อย่าเล่นตัว...]
[ใช้จักระของโคเนโกะจังนั่นแหละ! แต่เปลี่ยนจากใช้บัฟตัวเองไปเป็นดีบัฟบาลัมนั่นให้ได้แทน แทรกเกราะจิตปราณลงไปทำลายจากภายใน และทอนพลังป้องกันเจ้ายักษ์นั่นด้วย...ถ้าใช้ให้ดี จะลดค่า Def ได้อีกอักโขเลย]
รอสไวส์นึกอะไรออกบางอย่าง....
เธอเริ่มเดินวงจรเวทมนต์ในร่างอีกครั้ง ทั้งๆที่ตัวเองยังขยับแทบไม่ได้
"...รู้แล้ว ฉันเองเคยได้ยินเรื่องเซคริดเกียร์ด้านวิชาเนตรแรงดึงดูดพวกนี้ จากที่ปรึกษาอาซาเซลมาเหมือนกัน และถ้ามันเป็นอะไรที่ต้องพึ่งสายตามันก็ง่ายนิดเดียว!!"
[พรึ่บบบบบ!!]
ลำแสงสว่างจ้าสาดออกจากตัวรอสไวส์ไปหาไนท์ครอเซล ด้วยความเร็วเหลือเชื่อ... ซึ่งมันเป็นการโจมตีที่ฉลาดมาก เพราะพลังโจมตีหรืออาวุธคุณสมบัติธาตที่มีแสงสว่างมากๆ พวกนี้ใช้บดบังสายตาได้อย่างกับระเบิดแสงของทหารเลยทีเดียว เป็นการบังคับให้สายตาฝ่ายตรงข้ามต้องบอดสนิทชั่วคราวแน่นอนแน่นอน...ทว่า
[กริ๊งงง...]
"...ใช่ว่าผมเองจะไม่รู้เรื่องจุดอ่อนของตัวเอง นี่! คิดว่าผมไม่ได้เตรียมอะไรมาป้องกันตัวเองรึยังไง"
ครอเซลพูดพร้อมกับปรากฎกระจกอาคมใสขึ้นมาขวางตรงหน้า มันคือกระจกเงาย้อนทางที่มองทะลุจากฝั่งตนเองได้ นั่นทำให้มันสามารถป้องกันเขาจากอาวุธที่รบกวนสายตาได้อย่างสมบูรณ์แบบทีเดียว
ผู้ชมทั้งสนามฝั่งเกลมอรี่ถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ แม้แต่เพื่อนร่วมทีมคนอื่นก็เถอะ....ถ้าจะมีคนเดียวที่ไม่ตกใจ คนนั้นคือ
.
.
.
รอสไวส์นั่นหละ ที่ตอนนี้กำลังยิ้มกว้างให้กับตัวเธอเองเมื่อเห็นลำแสงนั้นสะท้อนเข้ากับกระจก...
[เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้นกันครับเนี่ย !?]
เสียงโฆษกในสนามถึงกับตกใจเมื่อได้เห็นภาพที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนทั่วไปจะไล่ตามกลยุทธ์การต่อสู้นี้ไม่ทัน เพราะสิ่งที่เกิดคือลำแสงนั่นสะท้อนเข้ากับกระจกอาคมของครอเซล ก่อนจะชิ่งไปยังบาลัมร่างยักษ์ตามมุมที่รอสไวส์เล็งเอาไว้ล่วงหน้า.....ด้วยความที่ชายร่างยักษ์มัวไล่ต้อนโคเนโกะอยู่จึงเป็นไปไม่ได้ที่ร่างมหึมานั้นหลบลำแสงที่รวดเร็วนั้นได้พ้น โดยถ้ามันเป็นเวทมนต์โจมตี...ผลลัพธ์ทีได้ก็คงเป็นความเสียหายเล็กน้อยบนเกราะหนาเตอะของรุคตนนั้น....แต่ผลที่เกิดขึ้นจริงกลับกลายเป็น...
.
.
.
ขณะนี้... บาลัมกำลังถูกครอเซลสหายของตนสะกดนิ่งไว้ด้วยแรงโน้มถ่วงมหาศาล ส่วนรอสไวส์กำลังยืนตั้งหลักเต็มที่ข้างๆ โคเนโกะจัง
[ใช่จริงๆด้วย! ลำแสงนั่นเป็นเวทมนต์เทเลพ็อตสลับตำแหน่งกัน!]
จากสายตาของอิตเซย์เขาสรุปได้ทันที โคเนโกะจังนั่นอาจจะลดทอนพลังป้องกันของบาลัมได้ด้วยการโจมตีปราณของเธอ แต่กระนั้นการจะโค่นลงให้ได้โดยสมบูรณ์ระหว่างรุคด้วยกันนั้นเป็นเรื่องที่ทั้งยาก เสี่ยง และใช้เวลาอย่างยิ่ง ด้วยแผนการของรอสฯ เธอสามารถสลับตำแหน่งออกจากจุดเสียเปรียบได้ และเปิดโอกาศให้กับตัวเองด้วยเวลาหลายวินาทีอันมีค่ายิ่งเพื่อเผด็จศึกจากระยะไกลอันเป็นความเชี่ยวชาญอย่างไม่มีใครเสมอเหมือนในทีมเกลมอรี่
[อ้าว! ดูเหมือนเทคนิคของทีมไซร็อจจะทำเรื่องเข้าตัวเองให้สะแล้วครับงานนี้!!]
เสียงโฆษกสนามดังขึ้นไกลๆ แต่รอสไวส์ก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก... เพียงไม่ถึงวินาทีที่เธอยืนข้างโคเนโกะ วาคิลี่สาวเพ่งมองไปเบื้องหน้าก่อนถามเพื่อนร่วมทีม
"..โคเนโกะซัง! เมื่อกี้โจมตีสำเร็จรึเปล่า?"
"...เรียบวุธไปแล้ว ตอนนี้ปราณจักระน่าจะกำลังสกัดออร่าและพลังต่อต้านเวทฯของนายตัวโตนั่นอยู่~ รับรองว่าตอนนี้ไม่อึดเท่าเดิมแน่นอน!!"
"รับทราบ! งานนี้นายสองคนได้โดนจัดหนักแน่!!"
[FULLL - B-U-R-S-T-TTTTT!!!!]
แม้แต่อิตเซย์ที่ดูอยู่ยังต้องตาค้าง.... เพราะมันตระการตายิ่งกว่าเวทมนต์ชุดแรกที่รอสไวส์ใช้นับร้อยๆเท่าทีเดียวเมื่อวาคิลี่สาวประกาศ 'พยุหะระดมยิง' ครั้งนี้เพราะวงเวทจำนวนนับไม่ถ้วนจากขอบฟ้าด้านนึงไปจรดขอบฟ้าอีกด้าน นั้นถูกร่ายออกมาด้วยความเร็วที่เรียกว่าวัดกันไม่ทัน นับกันไม่ถูก และเพียงวินาทีเดียว สายฝนเวทมนต์นับสิบสาย ร้อยอย่าง พันประเภท หมื่นครั้งก็ระดมยิงถล่มไปด้วยระดับความรุนแรงแต่ละนัดยังเหนือกว่าเวทมนต์ของปีศาจระดับสูงทั่วไปด้วยซ้ำ
[วี๊ดดดดดด........ตูม ตูม บรึมมม ตูมม ตูมมมม]
เสียงหวีดยาวของกระสุนเวทมนต์แหวกผ่านอากาศเข้ามา ก่อนจะกระทบกับพื้นของข้ารับใช้ผู้โชคร้ายทั้งสองคนอย่างถี่ยิบระเบิดเป็นลูกไฟอาคม หลายสิบนัดกระแทกเข้ากับร่างกายทั้งคู่อย่างจัง ซึ่งแม้แต่พลังเวทส่วนที่ไม่โดนเต็มๆก็ยังสร้างความเสียหายได้ไม่น้อยเพราะแต่ละนัดของรูนเวทมนต์ล้วนมีพลังทำลายเป็นบริเวณกว้างไม่น้อย ในพื้นที่แคบๆเช่นสนามประลองซึ่งคนสองคนยืนแทบจะติดกันนั้นย่อมเสียหายหนักอย่างยับเยิน
.
.
.
...โดยอิตเซย์นั้นคิดว่ามิติที่ใช้ในการแข่งขันอาจจะระเบิดเป็นชิ้นๆด้วยซ้ำไปเมื่อเห็นพลังทำลายของรอสไวส์
.
.
.
พอสิ้นเสียงระเบิดและประกายลำแสง พอฝุ่นควันจางลงคนที่นอนราบอยู่กับพื้นคืออัศวินหนุ่ม ครอเซล นั่นเอง... ร่างกายบอบช้ำสาหัสอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เขาก็ยังมีรอยยิ้มกว้างอยู่บนใบหน้า
"ผมบอกคุณพี่สาวแล้วไม่ใช่รึว่า... เธอชอบมีช่องว่างเต็มไปหมดเลย....คนเรามักมีนิสัยเสียอย่างนึงที่จะประมาทเลินเล่อเสมอเมื่อเผลอคิดว่าตนเอาชนะศัตรูได้แล้ว..."
สภาพร่างกายของครอเซลนั่นเรียกได้ว่าย่ำแย่มาก บาดแผลสาหัสทั่วทั้งตัวจนอาจจะตายได้ทุกวินาที แต่ศรีษะ-ดวงตาของเขายังคงสมบูรณ์และเปล่งประกายอยู่
[กึก!]
ร่างของทั้งโคเนโกะและรอสไวส์ชะงักกึกไปทันทีด้วยพลังกลาวิตี้เจลของคลอเซล ซึ่งแม้จะอ่อนแรงมากและทั้งคู่น่าจะสลัดหลุดได้ในเวลาไม่นานนัก แต่ช่วงเวลาที่ว่าก็นานพอที่จะให้บาลัม ซึ่งโชกเลือดไปทั้งตัวพุ่งเข้าใส่และซัดหมัดขวาของตนเข้าใส่โคเนโกะจังที่อยู่ใกล้ที่สุดอย่างจังเบอร์
[ตูมมมมม!!]
[อ้าาาหหห!]
โคเนโกะลอยกลิ้ง เธอถูกโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว และไม่อาจป้องกันได้ด้วย หมัดของบาลัมแม้จะบาดเจ็บแต่ก็ทรงพลังสมกับที่เป็นตำแหน่งรุค ประกายแสงห่อหุ้มร่างของทั้ง 3 คนที่บาดเจ็บก่อนจะค่อยๆสลายไปพร้อมกับร่างนั้นเพื่อส่งตัวกลับไปยังมิติด้านนอกที่มีทีมแพทย์พยาบาลรอรับอยู่
[ศึกรอบที่สอง: คะแนน 2:1 ทีมเกลมอรี่เป็นฝ่ายชนะ!!]
เสียงโฆษกและพิธีกรประกาศซ้ำไปทั่วเวทีพร้อมกับเสียงเฮจากฝั่งอรรถจันทีมเกลมอรี่
.
.
.
ถึงเราจะเสียโคเนโกะจังไป...แต่อย่างน้อยตอนนี้ได้ 2 WIN แล้ว
[ขอบคุณมากทุกคน]
Note:
ตอนนี้ต้องแปล+เรียบเรียงใหม่หมดเหมือนกับแต่งบทใหม่เลยนะเนี่ย เพราะปรับมุขให้เข้ากันหน่อย ถ้าแปลถอดตัวต่อตัวนอกจากเข้าใจยากยังชวนงงอีกต่างหาก ~ใครอ่านแล้วขัดใจขออย่าได้ถือสา~คิดสะว่าเอาความสนุกละกันครับ