หลังจากจบภาระหน้าที่การเป็นผู้บรรยายพิเศษและคอมเมนต์เตอร์ประจำเกม ฉัน, อาซาเซลเองรีบกลับไปที่ห้อง VIP อันที่จริงแล้วผมก็ไม่อยากละจากงานตรงนั้นหรอก แต่พอดีถูกลูกน้องเรียกตัวกลับไปเพราะ 'ท่านผู้นั้น' ได้ปรากฎตัวขึ้นในห้อง VIP ขึ้นมา ห้องพวกนี้เป็นห้องส่วนตัวสำหรับแขกรับเชิญผู้มีเกียรติทั้งหลายก็จริงแต่มันก็มีจำนวนไม่น้อยเลย แถมมีคนใช้อยู่เกือบเต็มอีกด้วยทำให้ต้องเสียเวลาเดินหากันพักนึง ....เท่าที่จำได้ ผู้เฒ่าโอดีนก็อยู่ในห้อง VIP สำหรับเครือ 'วาฮาล่า' ส่วนซุสและโพไซดอนอยู่ด้วยกันในห้อง 'โอลิมปุส' โดยทุกคนต่างอยู่ในห้องตัวเองตามที่ลงทะเบียนกันไว้พร้อมกับเหล่าข้ารับใช้/ผู้คุ้มกันของวงศ์วานตัวเอง
จนกระทั่งมาหยุดหน้าห้องรับรองห้องนึง
.
.
ยังไม่ทันไร 'ท่านผู้นั้น' ก็เปิดประตูออกมาให้ และฉันก็ได้เดินตามเข้าไปพร้อมกับเหล่าผู้คุ้มครองหลายคนอยู่ ทรงผมหยิกหน่อยๆคล้ายรวงผึ้งพร้อมทั้งแวนตากันแดดทรงกลมกับเสื้อฮาวายแถมมีสร้อยทองเส้นโตนั้นยังโดดเด่นสะดุดตาอย่างที่คาดคิด คนที่แต่งกายออกแนวเซอร์ๆหรืออารต์เอาเรื่องซึ่งไม่เข้ากับภาพลักษณ์ของบุคคลที่อยู่ในตำแหน่งสำคัญของโลกเลยสักนิด.....อา....แต่ว่าไปก็ไม่มีสิทธิจะไปว่ากล่าวสักเท่าไหร่แฮะ เพราะตัวฉันเองก็ชอบโดนลูกน้องเฉ่งเรื่องนี้อยู่ออกบ่อย
"ว่ายังไงหละท่านองค์สักกะ* ได้เห็นการแข่งขันเมื่อกี้นี้ไหม?"
(Note: สักกะ = ผู้องอาจเป็นเลิศ)
"โอ๋? เฮะ เฮ้....พี่น้องผองเพื่อนแห่งความยุติธรรมข้า! นั่นเป็นการประลองที่น่าสนใจเอาเรื่อง ยิ่งการที่มีเทวดาปีกดำนั่งข้างๆจอมปีศาจคนปัจจุบันเป็นผู้ชมด้วย ดูดี...ดูทีเดียวเลยสำหรับ 'ลูกศิษย์' ของเจ้าที่ได้ชัยชนะครั้งนี้จริงไหม? ทีมเกลมอรี่ทั้งทีมนั้นเกิดมาตรฐานธรรมดาของเหล่าปีศาจไปอักโขเลย หากปล่อยให้แข่งแบบนี้ เรทเกมระดับทั่วไปของพวกเจ้าคงไม่มีลุ้นชนะสักนิด"
...ตานี่ยังพูดถากถางได้อีกนะ....แต่ก็เหมือนปกตินั่นแหละสำหรับคนที่มีความมั่นใจอย่างเหลือล้น, "องค์พระสักกะ" เทพเจ้าในละดับชั้น Ultimate อันสูงสุดในบรรดาระบบทั้งหลายทั้งปวงบนสากลโลก 'จักรพรรดิเจ้าสวรรค์', 'เทพนักรบ' , 'เจ้าสงคราม', 'ผู้พิฆาตหมู่เทพ' ......สมญานามสารพัดถูกหยิบยกมาขยายผู้ปกครองคนนี้จนจำกันไม่หวาดไม่ไหว....จริงๆก็ไม่ได้ชอบนักหรอกที่จะต้องมาคุยแบบนี้ แต่ที่มาที่นี่ก็เพราะมีเรื่องบางอย่างคาใจอยู่นับตั้งแต่เหตการณ์ในโตเกียวและกองทัพวีรบุรุษก่อนหน้า
"พอดีมีเรื่องบางอย่างที่อยากจะถามท่านอยู่นะ..."
เสียงหัวเราะดังตอบกลับมา
"ฮะฮ่าาาๆๆ ....ว่าเรื่องอะไรหละน้องพี่! เอาเลย~ถ้าเจ้าอยากรู้ ข้าก็ปรีดาที่จะตอบเป็นอย่างยิ่ง..."
.
.
"....เรื่องผู้ครอบครองอาวุธลองกินุสนั่นแหละ ท่านรู้เรื่องของโจโฉมาก่อนหน้าแล้ว, ใช่รึเปล่า?"
ในการข่าวแบบลับๆ ฉันได้รับรายงานจากอิตเซย์มาล่วงหน้าผ่าน ซุน โกคู ที่เป็นข้ารับใช้คนนึงขององค์สักกะนั้นรู้จักโจโฉอยู่ล่วงหน้าแล้ว และถ้าเจ้าลิงนั่นรู้ จะเป็นไปได้ยังไงว่าข้อมูลสำคัญอย่างบุคคลที่ครอบครองหอกศักดิ์สิทธิ์สูงสุดจะไปไม่ถึงชายคนนี้ และน่าจะรู้มานานแล้วด้วยบางทีอาจจะตั้งแต่สมัยที่เหล่าวีรชนยังเป็นเด็กแบเบาะด้วยซ้ำ
"แล้วไงรึ?"
องค์สักกะยิ้มตอบ...แต่ยิ้มของเขาดูมีความหมายหลายอย่าง
"ถ้าเป็นแบบนั้นจริงเจ้าคิดจะทำอะไรหละ?" ผู้ยิ่งใหญ่ในสวรรค์พูดต่อ "รึคิดว่าไม่น่าพอใจที่ข้ารู้แล้วเงียบเชียบงั้นรึ รู้สึกหงุดหงิดที่ข้ารู้จักกับพวกนั้นมาก่อนตั้งแต่เล็กรึเปล่า?.....หรือว่ากังวลที่ข้าไม่ยอมพูดเรื่องนี้แต่เนิ่นๆ.....หรือเป็นเพราะคิดว่าข้ามีแผนการอะไรแอบซ่อนกับพวกนั้น?"
[...หนอย...ปากกล้าสมตัวดีนักนะ!]
อาซาเซลคิดในใจ แต่ในที่สุดก็เปิดเผยโฉมหน้ากันออกมาแล้ว
.
.
"พระอินทร์....!"
เรียกชื่อนั่นออกไปด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ขณะที่องค์สักกะกลับหัวเราะในลำคอ
"ฮะฮ่าฮ่าา! ความจริงจังของเจ้ามันสร้างความสำราญได้เสมอเชียว แค่ฝืนปากเรียกชื่อนั้นออกมาก็นับว่าเจ้ากล้าพอดูแล้ว เอาหน่า...อย่าทำหน้าตาหน้ากลัวแบบนั้นเลยไอ้หนูอาซา~~ ถ้าเจ้าหงุดหงิดปรี๊ดแตกง่ายปานนั้น พระเจ้าแห่งปรโลกอย่างฮาเดสคงเขียนแผนที่อำนาจใหม่ให้พวกเจ้าได้แบบสบายใจเฉิบเลยรู้ป่าว?"
ชายคนนี้รู้ไปกระทั่งถึงตัว 'ฮาเดส' ......เขารู้มากขนาดไหนกันนะ?
องค์สักกะชี้นิ้วมา
"ข้าจะบอกพวกแกเรื่องนึง ไอ้น้อง....จำไว้เลยว่าทุก 'ระบบ' ที่พูดปาวๆว่า 'สันติ' หรือ 'เจรจา' ทั้งหลาย....พวกนั้นนั่นแหละที่จริงๆแล้วสลักหราไว้กลางใจเลยว่า "----ความเชื่อและศรัทธาเรานี่แหละเจ๋งที่สุด-----ระบบอื่นๆนั่นแหละควรจะถูกกวาดทิ้งไป----จำไว้!!" อย่างพวกตาแก่มากเล่ห์โอดีนหรือซุสก็ตาม เจ้าคิดรึว่ามันมาด้วยเจตนาบริสุทธิ์ผุดผ่องแท้จริง....คิดรึว่าพวกนั้นมันโง่จนหลวมตัวมาตกลงปลงใจกันง่ายๆ"
เขาพูดพลางบุ้ยหน้าไปห้องรับรองข้างเคียง
"ยังไงก็ดี มันง่ายกว่าอยู่แล้วที่จะรวบรวมความเชื่อของเหล่ามนุษย์บนโลก ยิ่งเป็นจังหวะที่ 'พระเจ้า' ไม่มีตัวตนเหลือ มันก็เป็นสามัญสำนึกที่ใครๆก็ใช้กันอยู่แล้วว่า 'ศาสนาอื่นมันกาก ของข้านี่แหละดี!!' อาซาเซล...แกลองคิดดูว่ามีพระเจ้าสักกี่องค์ที่ตกต่ำจนน่าใจหายเมื่อสามัญชนผู้ศรัทธาของตนถูกบุกรุก เขตแดนถูกช่วงชิงและเหล่าศาสนิกชนทั้งหลายหันเหจากความเชื่อเดิมไปสู่ศาสนาใหม่.....พระเจ้าที่เคยยิ่งใหญ่สุดท้ายกลายเป็นแค่ 'นิทานปรัมปรา' เช่นนั้น"
.
.
.
"เทพเจ้านะซื่อตรงต่อความโกรธ เกลียด และบาดหมางต่อกันยิ่งกว่ามนุษย์เดินดินเยอะเลย เจ้ารู้รึเปล่า?"
องค์สักกะพูดปิดท้าย
[...เออ ฉันก็รู้ ]
แม้ว่าระบบความเชื่อต่างๆของเทพเจ้าจะสามารถตกลงอยู่ด้วยกันได้ผ่านการเจรจา มีสัญญาและข้อตกลง...แต่มันก็บอกไม่ได้ว่าเบื้องหลังของแต่ละ 'ระบบ' มันมีอะไรแอบซ่อนอยู่บ้าง...ไม่สิ...ถ้าว่ากันตามตรงคือ 'แน่นอน' ที่แต่ละฝ่ายจะเริ่มต้นการเคลื่อนไหวสักอย่างหากเห็นเป็นโอกาศที่ได้เปรียบ ที่แต่ละฝั่งจะช่วงชิงกันไป
.
.
[แต่สถานะอย่างเป็นทางการปัจจุบันมันก็ละทิ้งไม่ได้]
.
.
สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือการรักษา 'สมดุลอำนาจ' ตราบใดที่ต่างฝ่ายต่างมีจุดให้ยืนอยู่อย่างเหมาะสมและรู้ขอบเขตของแต่ละคน พวกเราก็มีสันติภาพได้เพราะไม่มีใครคิดจะทำสงครามที่ขาดทุนอยู่แล้ว แต่เมื่อใดมีฝ่ายเพลี่ยงพล้ำหรือช่องโหว่ให้ฝ่ายตรงข้ามช่วงชิงได้แบบฟรีๆ โลกนั้นจะถึงกาลวิบัติทันที...ดังนั้นถ้าสนธิสัญญาจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
...ดูจากอากัปกิริยาแล้วดูท่านสักกะจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
"ก็ดี...งั้นข้าขอตัวช่วยอื่นจาก 'ข้างนอก' ดีกว่า ออฟิสกับพวกนั่นมันน่ารำคาญขึ้นทุกที.."
[ออฟิสกับคนอื่น? เฮ้~ ท่านสักกะ รึว่าจะหมายถึงเจ้าโจโฉนั่นก็นับเป็นพวก 'ข้างนอก' นั่นด้วย...?]
เจ้าสวรรค์ลุกขึ้นและพูดต่อไปเหมือนกำลังจะขอตัว
"อีกอย่างนะ ฝากบอกเจ้าหนูมังกรแดงนั่นหน่อย 'เจ้าต่อสู้ได้ยอดเยี่ยมมาก..แต่หากเจ้าเป็นภัยคุกคามต่อโลกนี้เมื่อไหร่ ข้าจะกำจัดเจ้าไปทั้งๆวิญญาณอันเร่าร้อนนั่นแหละ.....ผู้ที่จะใช้นาม 'สวรรค์' ได้นั้นมีแค่พวกข้าก็เพียงพอแล้ว"
องค์สักกะจากไปโดยทิ้งคำพูดนั้นไว้
.....สักกะ... ฮาเดส....อืม ดูเหมือนโลกนี่ยังต้องวุ่นวายกันอีกพักสินะ ออฟิส ...อสรพิษสีดำที่ป้อนพลังมหาศาลให้กับกองทัพพวกนั้นเหมือนกับยาเสพติดที่ใครก็ขาดไม่ได้ และผู้ที่หลงละเริงไปกับพลังยิ่งใหญ่ที่ได้มาง่ายๆแบบนี้ย่อมเป็นอันตรายแน่นอน หรือนั่นอาจจะเป็นเป้ามายจริงๆที่จะทำให้โลกนี้สับสนอลหม่านสมกับชื่อ 'กองพลหายนะ' ขึ้นมาจริงๆ
ขอบคุณมากๆครับ เป็นแฟนประจำบล็อกนี้ไปแล้วนะเนี่ยผม ^^