Life1 (ต่อ)
เย็นวันเดียวกันนั้นเอง ที่ห้องชมรมวิจัยสิ่งลึกลับเองก็วุ่นวายนิดหน่อยกับการเตรียมตัวสำหรับงานเทศกาลโรงเรียนที่ใกล้เข้ามาแล้ว ทุกคนต่างถกเถียงกันว่าปีนี้ควรจะทำอะไรอยู่พักใหญ่กว่าจะได้ข้อสรุปออกมาว่าชมรมจะทำเป็น "บ้านลึกลับ" ซึ่งรวมกิจกรรมสารพัดเข้าไว้ด้วยกันทั้งบ้านผีสิง, ห้องทำนายดวงชะตาราศี คาเฟ่มุมพักผ่อนสไตล์ผีสาง แล้วก็นิทรรศกาลย่อยเกี่ยวกับงานวิจัยข่าวลือลึกลับทั้งหลายที่เคยทำกันมา โชคดีตรงที่มีพื้นที่เหลือเฟือในอาคารเรียนเก่าทำให้ไม่วุ่นวายนักในการหาห้องว่างจำนวนมากแบบนี้
ตอนค่ำวันนั้นรีอาสและสมาชิกเกือบทั้งหมดออกไปจัดหาอุปกรณ์สำหรับงานนี้โดยทิ้งให้อิตเซย์และคิบะอยู่เตรียมพื้นที่และตกแต่งอาคารกันลำพังสองคน โดยทั้งคู่คุยกันฆ่าระหว่างงานเรื่องเรทเกมในโลกปีศาจปัจจุบันและเพลยเยอร์ระดับท็อปทั้งหลาย คิบะอธิบายให้ฟังว่าตอนนี้แชมป์คนล่าสุดคือ "ดิฮัวร์ซา เบลเรียล" รั้งตำแหน่งอันดับ 1 ไว้ แถมยังเป็นรัชทายาทของตระกูลเบเรียลคนปัจจุบันอีกต่างหากพร้อมกับสมญานาม "จักรพรรดิ"
ทั้งรีอาสและอาเคโนะศึกษาประวัติของแชมป์คนนี้บ่อยมากเพราะว่าพวกเธอก็ตั้งใจจะเป็นผู้เล่นชั้นแนวหน้าเหมือนกัน
ในเรทเกมปัจจุบันนั้นมีการจัดอันดับเป็นระยะ โดยลำดับตั้งแต่ 20 ขึ้นมานั้นเรียกได้ว่าเป็นทีมที่มีพลังมหาศาลโดดเด่นมาก กลุ่มที่ได้อันดับ 10 ขึ้นมาก็สามารถเรียกได้ว่าเป็น "วีรบุรุษ" ของโลกปีศาจเลย ส่วนกลุ่ม Top5 นั้นขึ้นหิ้งจนแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงลำดับมานานแล้ว โดยอันดับ 2 ตอนนี้คือ "รอด์ยกัน เบลเฟกอร์" อันดับ 3 ชื่อ "เบเดสซ์ เอบาดอร์น" ซึ่ง 3 อันดับนี้จัดได้ว่ามีพลังเทียบเท่ากับ 4 จอมมารโลกปีศาจเลยทีเดียว
"เห็นเขาเรียกกันว่า Ulitimate ในบรรดา Ultimate คลาสด้วยกันเลยหละอิตเซย์" คิบะอธิบาย
"ฟังดูก็คงแบบนั้นแหละ" อิตเซย์รับคำ
[หนทางคงยังอีกยาวไกลอักโขเลยแฮะ ฉัน.... เสียดายเหมือนกันที่กฎการแข่งขันเขาห้ามยศจอมมารลงแข่งด้วย ไม่งั้นคงได้เห็นการจัดอันดับใหม่แบบมโหฬารแหงๆถ้าท่านเซอร์เซคลงมาเล่นเกมนี้เอง] เขาคิดในใจ [แต่แค่ตอนนี้ศึกกับไซรอ์จต้องรอดไปให้ได้ก่อน]
สถานการณ์ปัจจุบันมีการเปลี่ยนไปพอสมควรนับตั้งแต่ที่อิตเซย์เคยประมือกับไซรอจแบบสั้นๆก่อนหน้า ในตอนนั้นปีศาจหนุ่มใหญ่ยอมรับข้อจำกัดทั้งหมดและขอให้ทีมเกลมอรี่สู้ได้อย่างเต็มที่ไม่มียั้งก็จริง ไซรอจเห็นพลังเกือบทั้งหมดของทีมเกลมอรี่มาก่อน ถ้าจะมีสิ่งที่เขาไม่รู้ตัวล่วงหน้าก็คงเป็น ดาบผสานเล่มใหม่ของเซโนเวีย "เอ็กซคาลิเบอร์-ดูรันดัล" ที่ผสานชิ้นส่วนทั้ง 6 เข้าประกอบเป็นฝักดาบกลไกให้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ดูรันดัล กับกระบวนท่าใหม่ของอิตเซย์ "ไทรอาน่า" (ไตรปฎิภาค 3 ประสาน) ที่เขาพึ่งได้มาสดๆร้อนๆจากการต่อสู้กับเหล่าวีรชนที่เกียวโต
อย่างที่ชื่อมันบอกไว้ว่าเป็นพลัง 3 ประสาน
"เวลช์โซนิค บูสไนท์"
"เวลช์ดรากอนิค รุค"
"เวลช์บลาสเตอร์ บิชอพ"
ทุกฟอร์มต่างมีทั้งจุดเด่นและจุดอ่อนในตัว ร่างไนท์นั้นช่วยให้อิตเซย์ได้ความเร็วระดับเทพมาในฉับพลันแต่ต้องแรกด้วยเกราะแทบทั้งหมด ขณะที่ร่างบิชอบนั้นติดตั้งอาวุธปืนลำแสงขนาดใหญ่มหึมาแต่ต้องใช้เวลาในการชาร์จยิงแต่ละครั้ง ส่วนร่างของรุคนั้นให้พลังป้องกันที่สูงลิบพร้อมกับพละกำลังมหาศาลซึ่งต้องสูญเสียความเร็วและความคล่องตัวไปเกือบหมด [ถ้าเปลี่ยนรูปแบบตามสถานการณ์หละ?] อิตเซย์เองลองคิดดูแบบมีเหตผล แต่ว่าหลังจากทดสอบหลายครั้งเขาก็พบว่าทุกครั้งที่เปลี่ยนรูปแบบนั้นอิเซย์ต้องเสียพลังเวทไปพอตัว และการเปลี่ยนแปลงรูปร่างบ่อยๆจะทำให้สิ้นเปลืองมาก
[เฮ้อ]
...ไทรอาน่าโหมด ไม่เหมาะจริงๆถ้าจะใช้สู้กับเกมที่ยืดเยื้อ
.
.
อิตเซย์คิดพลางถอนหายใจ
"เอาน่าอิตเซย์ ไงไม่ลองก็ไม่รู้ ลองฝึกไปเรื่อยๆน่าจะพอเห็นแหละว่าจะใช้ท่าใหม่ๆของนายให้เป็นประโยชน์ยังไงได้มั่ง"
"ขอบใจนะ"
"ว่าแต่เดรคเขาเป็นยังไงมั่งหละ?"
"เดรค? ก็อยู่ในเกียร์นั่นแหละ ทำไมรึ?"
"อืม พอดีช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นนายคุยกับเดรคบ่อยเหมือนเมื่อก่อน"
คิบะพูด
[เฮ้อออออออออออออ] [ข้าเองก็มีเรื่องต้องคิดเยอะนะ โดยเฉพาะเรื่องสมญานามใหม่ของข้าที่กำลังเครียดอยู่ ]
เดรคถอดหายใจยาวออกมาให้ทั้งคู่ได้ยินดังๆ
[ปึ่ง!]
เสียงประตูเปิดออก
"เฮ้! เดรค ฉันได้จิตแพทย์คนใหม่สำหรับนายแล้วนะ"
อาซาเซลเดินเข้ามาพร้อมกับร้องทักเดรค ก่อนแอบกระซิบให้อิตเซย์ฟังว่า เขาเองก็รู้เรื่องนี้เพราะเดรคคุยกับอาซาเซลผ่านอัญมณีมังกรฟาฟเนอร์อยู่บ่อยๆ
"ช่วงนี้เดรคเขาเป็นไรก็ไม่รู้ อยู่ๆก็ร้องไห้ บ้างทีหมอนี่ก็โวยวายเป็นบ้าเป็นหลังทุกทีที่ได้ยินคำพูดพวก "อ็อปไป" "หน้าอก" "หน่มน๊ม" อะไรประมาณนี้แหละ"
[ฮ่ะ!? อาการของหมอนี่หนักหนาขนาดนั้นเชียวรึ!?]
อิตเซย์ก็ถึงกับอึ้งไปเหมือนกันเมื่อได้รู้ความจริงที่คู่หูปิดเงียบไม่พูดจาเรื่องนี้กับอิตเซย์มาตลอด
ดึกวันนั้นหลังจากที่เสร็จงานแล้ว รีอาสบอกกับอิตเซย์ว่า พ่อบ้านของไซร็อจนั้นเข้ามาคุยกับเธอด้วยและจะขอความช่วยเหลืออะไรบางอย่างในวันพรุ่งนี้
***********************************
วันถัดมา อิตเซย์และรีอาสพากันไปที่ดินแดนของตระกูลซิทรีด้วยรถลีมูซีนคันหรู เพื่อไปเยี่ยมคุณแม่ของไซร็อจที่รักษาตัวอยู่แถวนั้น, เท่าที่อิตเซย์ได้ทราบมาก็คือเธออยู่ในอาการโคม่ามาหลายปีแล้วด้วย โดยคุณพ่อบ้านได้อธิบายเพิ่มเติมถึงอดีตของไซร็อจให้ฟังระหว่างที่เดินทางไปพอสังเขป ว่าไซร็อจ บาร์ล เป็นลูกชายของเจ้าตระกูลบาร์ลคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นหนึ่งในราชาปีศาจและยังมีความเกี่ยวดองเป็นพี่ชายกับคุณแม่ของรีอาสด้วย
[อืม ถ้างั้นก็เหมือนญาติห่างๆสินะ //อิตเซย์]
คุณแม่ของไซรอจ "มิซูร่า" นั้นเป็นปีศาจเลือดบริสุทธิ์จากบ้านวาพัลล่า ผู้มีชื่อเสียงและสัญลักษณ์ของราชสีห์, ไซร็อจจึงนับว่าเป็นปีศาจที่ได้รับสายเลือดขั้นสูงมาจากทั้งพ่อและแม่ แต่ทว่าเขากลับไม่สามารถใช้พลังที่สืบทอดทางสายเลือดอย่าง "ธาตวินาศ" ได้อย่างที่ควรจะเป็น และนั้นสร้างความผิดหวังอย่างมากให้กับคนในตระกูลบาร์ลเพราะขนาดคนนอกตระกูลอย่างเซอร์เซค และรีอาสยังสามารถใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม จนนั้นทำให้ไซร็อจถูกขับไล่ออกจากบ้านหลักแถมท่านหญิงมิซูร่าก็ยังถูกดูแคลนและปฎิบัติด้วยอย่างเลวร้ายเพราะไม่อาจให้กำเนิดสายเลือดที่คู่ควรได้
รีอาสเองก็ช่วยอธิบายหลายอย่าง ว่าในช่วงนั้นจัดว่าเป็นวิกฤติย่อยๆครั้งนึงเหมือนกันทีเดียว เพราะทางบ้านวาพัลล่าซึ่งเป็นตระกูลสูงส่งเช่นกันไม่ยอมปล่อยให้มีญาติและทายาทของตนถูกปฎิบัติอย่างไม่สมเกียรติจึงมีการกดดันกันระหว่างผู้ใหญ่ของสองตระกูล ซึ่งตระกูลเกลมอรี่ก็เข้าไปร่วมด้วยเช่นกัน นั้นทำให้พ่อของไซร็อจยอมรับภรรยาของตนกลับบ้านหลักแต่ยืนกรานที่จะปฎิเสธไซร็อจอยู่ดี.......
ดังนั้นท่านหญิงมิซูร่าจึงตัดสินใจไม่กลับบ้านหลักของทั้งสองตระกูลแต่พาไซร็อจวัยเด็กซึ่งกำลังจะถูกจองจำไปอยู่ด้วยกันที่สุดเขตปกครองของตระกูลบาร์ลพร้อมกับข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์จากบ้านวาพัลล่าจำนวนเล็กน้อยเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย
ในสมัยนั้น ไซร็อจมักถูกทอดทิ้งและทำร้ายกลั่นแกล้งมาตลอด เพราะแม้แต่ปีศาจขั้นกลางหรือขั้นต่ำก็ยังสามารถเอาชนะเขาผู้ไม่มีพลังปีศาจหรืออาคมป้องกันตัวได้อย่างง่ายดาย..... เด็กชายได้แต่ซมซานหนีกลับบ้านมาตลอดวัยเด็ก แต่คุณแม่ของเขาเองก็ไม่อยากให้ยอมแพ้, ในฐานะปีศาจชั้นสูงซึ่งควรจะเป็นผู้เก่งกล้า เธอบอกไซร็อจครั้งแล้วครั้งเล่าว่า [ต่อให้เจ้าไร้ซึ่งพลังปีศาจใดๆ แต่ยังมีร่างกายของเจ้า] มิซูร่าให้กำลังใจเขาไม่หยุดยั้งให้ชดเชยสิ่งที่สูญเสียไปด้วยสิ่งอื่นที่แข็งแกร่งกว่าและ "อยู่ในกำมือ" ของตัวเขาเอง
.
.
.
นับแต่นั้นมา
เด็กที่ชื่อ ไซร็อจ บาร์ล ก็แข็งแกร่งขึ้น
แข็งแกร่งด้วยร่างกายของเผ่าปีศาจ และการฝึกฝน
และวันที่เขาสามารถต่อสู้สูสีกับปีศาจระดับกลางได้
ท่านหญิงมิซูร่า ก็ล้มป่วยหนักอย่างกระทันหัน
"นี่คือสาเหตที่ผมอยากเชิญท่านอิตเซย์มาในวันนี้แหละขอรับ.."
พ่อบ้านของไซร็อจพูดอย่างสุภาพ
จากคำวินิจฉัยของแพทย์, อาการป่วยของเธอเป็นหนึ่งในโรคหายากที่นานๆเผ่าปีศาจจะเป็นสักครั้ง โรคที่ทำให้ปีศาจตนนั้นหลับลึก หลับใหลไปตลอดกาลราวกับเจ้าหญิงนิทราและไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีกเลย...ซึ่งเมื่อร่างกายอยู่ในสภาพนั้นนานเข้าก็จะอ่อนแอลงไปเรื่อยๆและตายไปเองโดยที่ไม่มีวิธีการรักษาโรคชนิดนี้ในปัจจุบันเลย คุณพ่อบ้านขอร้องอิตเซย์ให้ใช้ "Billingual" ซึ่งสามารถสนทนากับจิตใจของผู้หญิงได้กับท่านหญิงของตนเอง เพื่อจะมีหวังที่ปลุกสติของเธอกลับมาได้ โดยที่ได้รับอนุญาติจากรีอาสแล้ว
"ไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะทำได้แค่ไหนแต่จะลองดูครับ"
อิตเซย์รับคำ
เขาเรียกบูสเกียร์ออกมาแล้วใช้ความสามารถกับร่างที่เย็นเฉียบของท่านหญิงแห่งวาพัลล่า แต่ก็ไม่มีปฎิกิริยาตอบสนองใดๆแม้แต่น้อย แม้ว่าเขาจะใช้ Boost เพิ่มพลังอีกรอบก็ยังเป็นเช่นเดิม
"หรือว่าพลังของฉันไม่พอเนี่ย"
อิตเซย์สงสัยก่อนตัดสินใจจะเพิ่มพลังให้ถึงขีดสุด
[Welsh Dragon -Balance Breaker!]
เขาในร่างชุดเกราะเต็มยศ ถ่ายทอดพลังทั้งหมดไปยังบูสเกียร์ ก่อนจะใช้พลังนั้นอีกครั้ง
[Bilingual Maximum!]
.
.
.
ก็ยังคง..ไม่มีปฎิกิริยาตอบสนองเช่นเดิม
[แกร็ก....]
"อ้าว!? พวกเจ้ามาทำอะไรกันที่นี้เนี่ย?"
ไซร็อจเดินเข้ามาในห้อง ด้วยท่าทางงงๆ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้เรื่องที่พวกอิตเซย์มาที่นี่
รีอาสจึงต้องรับหน้าที่อธิบายเรื่องที่ได้รับการขอร้องมา และขอโทษที่เล่าเรื่องราวในอดีตของไซร็อจให้อิตเซย์รู้ด้วยเช่นกัน แต่เขาเองก็ทำหน้าเฉยโดยไม่โกรธเคืองอะไร แต่กลับแสดงความขอบคุณต่ออิตเซย์ที่ยอมมา รวมไปถึงบ้านเกลมอรี่และซิทรี่ที่ช่วยเหลือเรื่องต่างๆก่อนหน้านั้น แต่เขาก็ออกตัวไว้ก่อนว่าเรื่องที่ขอบคุณนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับการแข่งเรทเกมที่กำลังจะมาถึงเลยแม้แต่น้อย
"บอกไว้ก่อนนา... ตอนแข่งมันคนละเรื่องกัน, และในเรทเกมนี่ ทีมของข้าจะตั้งใจจะเป็นผู้ชนะให้ได้ด้วย" ไซร็อจยืดอกพูดเสียงดังด้วยรอยยิ้ม "พวกเจ้านะโยนความรู้สึกจุกจิกไม่จำเป็นทั้งหลายทิ้งไปให้หมดซะละกัน ข้าเองก็ไม่ได้ต้องการความสมเพช หรือสงสารอะไรจากฝ่ายตรงข้ามเพื่อให้ยั้งมือกันระหว่างการต่อสู้หรอก....สิ่งที่ข้าต้องการมีอย่างเดียวคือ กองทัพทีมเกลมอรี่ 'ที่เอาจริง' และ 'มาเอาชนะ' เท่านั้น!"
ไซร็อจยังคงพูดต่อไป
"สำหรับข้า, สายเลือดบาร์ลผู้ไม่มี 'ธาตวินาศ' จากสายเลือดของตระกูลแล้ว สิ่งเดียวที่ข้ามีก็คือร่างกายเปล่าๆเช่นนี้แหละ และหนทางเดียวที่ข้ามี ข้าทำ ข้าต้องการ นั่นก็คือการเอาชนะต่อไป ชนะด้วยร่างกายและกำปั้นของผู้ไร้ความสามารถเฉกเช่นตัวข้านี้นั่นแหละ" เขาหัวเราะนิดหน่อย "ก็ยอมรับอยู่ว่ามันออกจะไม่เท่ห์สักนิด แต่อย่างน้อยนี่ก็เป็นความต้องการอย่างบริสุทธิ์ใจในฐานะคนที่จะไปต่อสู้กับผู้เก่งกล้าแบบพวกเจ้าบนสังเวียน!!"
สีหน้าของไซร็อจมีแต่รอยยิ้ม
ไม่มีความเคลือบแคลงสงสัยใดๆเลยบนตัวรีอาสและอิตเซย์
ชายร่างยักษ์ตรงหน้าพูดสิ่งที่เขาต้องการจะพูดออกมาจากใจจริงล้วนๆ
อิตเซย์จ้องเขม็งไปที่ไซร็อจ
"แน่นอน!" อิตเซย์พูดหนักแน่น "ฉันไม่ออมมือหรอก ไม่ยั้งมือแน่นอน ต่อให้นายจะมีประสบการณ์แบบไหนมาในอดีต มันก็จะไม่เกี่ยวอะไรแน่นอนกับสิ่งที่ฉันจะทำ และจะสู้ในเกมครั้งนี้ ไซร็อจ, นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ฉันคิดว่าจะสามารถสู้ได้ด้วยการยั้งมือไว้ไมตรี หรือแลกหมัดกันด้วยความรู้สึกสงสารสมเพชกันแบบครึ่งๆกลางอยู่แล้ว" อิตเซย์กำหมัดแน่นยกขึ้น
"สิ่งที่ฉันจะสู้ไม่ใช่เพื่อนาย....แต่เพื่อความทะเยอทะยานและเป้าหมายของฉันเองนี่แหละ!!"
ชายร่างยักษ์หัวเราะ
"นั่นแหละ เยี่ยม เยี่ยมมาก แค่นี้ก็พอแล้วที่จะทำให้ข้าสบายใจได้" เขายิ้ม "ตามข่าวเหมือนจะได้ยินมาว่าเจ้าได้พลังอะไรใหม่ๆที่เกียวโตเมื่อไม่นานนี้สินะ? ดีทีเดียว...ข้าเองก็อยากเห็นพลังนั่นและความมั่นใจบนดวงตาลุกโชนแบบนี้ของเจ้าจริงๆ รีอาส, อิตเซย์ ข้าเองก็หวังว่าพวกเราจะสู้ศึกครั้งหน้าเพื่อความฝันและความทะเยอทะยานของพวกเราด้วยกันสินะ"
"แน่นอน และฉันจะไม่แพ้ด้วย!"
รีอาสตอบกลับทันควัน
หลังจากนั้น ทั้งคู่ลาก็กล่าวลาพ่อบ้านที่ออกมาส่ง ก่อนจะขึ้นรถลีมูซีนที่ออกมารับกลับไปบ้าน บนรถคันหรูนั้นเองอิตเซย์เองก็นั่งคิดไปถึงเกมที่กำลังจะเกิดขึ้น....จะสู้ยังไง...เกมจะออกมาแบบไหน....และรีอาสกับไซร็อจทั้งคู่.... ระหว่างที่กำลังใช้ความคิดเรื่อยเปื่อยนั่นเอง รีอาสซึ่งเห็นใบหน้าเคร่งขรึมของอิตเซย์เลยทักขึ้นมาแบบยิ้มๆ
".อิตเซย์.... พักนี้เธอชักทำหน้าเหมือนเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาแล้วเหมือนกันนี่หน่า" เธอพูดแบบอายปนเขินเล็กน้อย "เป็นเพราะแบบนี้นี่แหละน้า...ทุกคนก็เลย, ไม่สิ...แม้แต่ฉันก็...."
.
.
"อะ!?" อิตเซย์สะดุ้งจากการใช้ความคิดเพลินๆ หันกลับมาหารีอาส "ท่านประธานพูดอะไรเมื่อกี้รึเปล่าครับ???"
.
.
"เฮ้อออออออออ.....ฮะๆ"
.
.
รีอาสถอดเสียงถอนใจ แต่กลับหัวเราะเหมือนขบขันตัวเอง จากสายตาของอิตเซย์นั้นรู้สึกเหมือนกับเธอเสียใจอะไรอยู่นิดหน่อยเหมือนกัน แต่ยังบอกไม่ได้หรอกว่าเป็นเรื่องอะไร
.
.
ระหว่างนั้นรถยนต์คันหรูพาทั้งคู่วิ่งกลับไปอย่างเงียบสนิทเช่นเดิม
End of Vol.10 Life1