https://kaoim.bloggang.com
Group Blog
 
<<
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
21 กันยายน 2550
 
All Blogs
 

รักอย่างไรไม่ให้เสียการเรียน (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม)

ปุจฉา:
เพื่อนๆ เริ่มมีความรัก บางคนก็เริ่มมีแฟน อยากจะทราบว่าทำอย่างไร ถ้าเราอยากจะมีความรักและเรื่องการเรียนไม่เสียครับ

วิสัชนา:
อ้อ มีความรักและการเรียนไม่เสียด้วย ต้องถามหนูก่อน ความรักคืออะไร แล้วแฟนคืออะไร ถ้าหนูอยู่ในวัยเรียน ควรจะรักด้วยเมตตาปรารถนาดีเท่านั้น แฟนแปลว่าเย็นใจ คบเพื่อนแบบแฟนก็คบเพื่อนแบบเย็นใจ แนะนำวิชาให้เรา แนะแนวทางการเรียน อย่างนี้จะไม่เสียเลย แต่ความรักตัวนี้มันผูกพันเรื่องอะไรรู้ไหม หนูต้องเข้าใจ หนูยังอยู่ในเยาว์วัยนี้ ต้องเข้าใจว่าความรักอันนี้ เหมาะสมกับวัยรุ่นไหม ถ้าอยู่เฉพาะการเรียนจะไม่เสียหาย

ถ้ารักตัวนี้คือปรารถนาดี ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นหญิงก็ตาม จะเป็นชายก็ตาม เขาปรารถนาดีกับเราอย่างไร แบบชู้สาวหรือเปล่า ถ้าปรารถนาดี ให้เราตั้งใจเรียนหนังสือ เขาอาจจะช่วยติววิชาให้เราก็ได้ แนะนำให้เราไปกวดวิชาก็ได้ การเรียนหนูจะไม่เสีย เขารักเราอย่างไร เราต้องดูเหตุผลเขาว่า เขารักเราเพื่อหวังดี หวังดีต้องการให้หนูไปติววิชา ก็ทำให้เกิดมีสติปัญญา แต่ถ้ารักแบบในทางชู้สาว หนูจะเสียการเรียน ขอฝากหนูไว้

ปุจฉา:
แล้วความรักสำหรับวัยรุ่น หลวงตาคิดว่าเป็นเรื่องเสียหายหรือเปล่าคะ

วิสัชนา:
รักดังที่กล่าวมานี้ จะไม่เสีย คือรักสร้างความดีปรารถนาดี ด้วยความเมตตาปรานี อารีเอื้อเฟื้อ ขาดเหลือคอยดูกัน ด้วยสายสัมพันธ์ มนุษย์สัมพันธ์ พระพุทธเจ้าทรงเรียกว่าเมตตา คำว่าเมตตาตัวนี้คือปรารถนาดี จะไม่เสียหาย แต่ถ้ารักกันแบบชู้สาว พูดตามตรง จะเสียหายและการเรียนจะเสียด้วย

ปุจฉา:
หลวงตามีอะไรจะอบรมสั่งสอนพวกเราไหมครับ เกี่ยวกับเรื่องความรักครับ

วิสัชนา:
คนเราเดี๋ยวนี้ขาดหลักธรรม รักกันเห็นแก่ชื่อเสียง รักกันด้วยกามคุณ และทรัพย์สมบัติทั้งนั้น รักด้วยความจริงใจนี่หายากมาก ไม่มีความจริงใจต่อกันเลย รักที่มีความจริงใจต่อกันคือรักที่มีประโยชน์ ความรักตัวนี้คือ ความรักในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า รักด้วยน้ำใจ ก็ขอฝากญาติโยมทั้งหลายด้วย

โปรดรักด้วยความจริงใจ ช่วยเหลือกัน อารีอารอบ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกันเถิด พ่อแม่โปรดช่วยลูก ดูแลลูกให้มากที่สุด ให้เขาได้เรียนหนังสือตลอดไป จนกว่าจะสำเร็จในวิชาการของเขาเหล่านั้น

ปุจฉา:
เคยได้ยินมาที่เขาบอกว่า ความรักทำให้คนตาบอด แต่ธรรมะทำให้เราตาสว่างใช่ไหมคะหลวงตา

วิสัชนา:
ธรรมะ แปลว่า ธรรมชาติ เกิดแสงสว่าง ที่ว่าความรักทำให้ตาบอด ไม่ใช่ ความรักอย่างที่ว่ามันรักแบบชู้สาวเลย แล้วยังไม่ถึงเกณฑ์เวลาเพราะอยู่ในวัยเรียน เราอยู่ในวัยเรียนใช่ไหม วัยรู้ ถ้ารักตาบอดคือวัยร้าย ทั้งรักทั้งแค้น ทั้งแน่นในทรวง ทั้งหึง ทั้งหวง นี่รักอย่างนี้ตาบอดแน่

ถ้าเรามีเมตตาต่อกัน เอื้อเฟื้อต่อกันด้วยความดีแล้ว ตาไม่บอดหรอก ธรรมะทำให้เกิดแสงสว่าง ไม่ใช่มืด หนูฟังนะ อย่าเป็นม้าแหกคอก ช้างปลอกแตก มันจะตาบอดตลอดไป เราเป็นนักเรียนจะเป็นนักศึกษาปริญญาเอกต่อไปในเวลาข้างหน้า จะจอดเรือต้องดูท่า นั่งต้องดูพื้น จอดเรือไม่ดูท่า เรือล่มนะ


ปุจฉา:
คนเรานั้นบางทีก็รักเขามากเหลือเกิน แต่เขาไม่รักเราตอบ เพราะฉะนั้น เมื่อไม่สมหวังจึงเกิดการฆ่ากันยิงกันตายเพราะความรัก ความรักอย่างนั้นถูกต้องไหมครับ

วิสัชนา:
นี่จะออกไตเติ้ลให้ฟัง บางคนมีความรู้ระดับปริญญาโท มาร้องไห้ หลวงพ่อคะ เขาไม่รักหนู อาตมาบอกเขาไม่รักหนู ไม่เป็นไร แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา จำไว้ คนอื่นเยอะแยะไปที่เขารักเรา ทำไมโง่ล่ะ ปริญญาโท ทำไมโง่ โปรดกรุณาไปรักคนที่รักเรา คนที่ไม่รักเราแล้วเราไปรักทำไม ขอเจริญพรอย่างนี้ไปก่อน



ปุจฉา:
มีหลายคู่เลยที่เป็นสามีภรรยากัน หรือที่เป็นคู่รักกัน ทำไมรักๆ ไปถึงได้จืดจางได้ ทำไมความรักจึงมีขึ้นๆ ลงๆ คะ

วิสัชนา:
ความรักขึ้น ๆ ลง ๆ เพราะคนไม่มีหลักความสัมพันธ์ เข้าไม่ถึง ความรักตัวนี้แปลว่าผูกพันความดีมีต่อกันไหม ไม่มีเลย อย่าหาว่าอาตมาเสียดสีเลย คนยุคใหม่สมัยนี้เราช่วยเขาได้มากเขาจะรักเรามาก เราช่วยเขาน้อยเขาจะรักเราน้อย เราหาโอกาสช่วยเขายังไม่ได้ เขาไม่รักเราเลย คนเดี๋ยวนี้เป็นอย่างนั้นแล้ว

เพราะฉะนั้นที่ถามว่าสามีภรรยา มีความรักขึ้นๆ ลงๆ จืดจางไม่เสมอต้นเสมอปลาย เพราะ
๑. เพราะรักในด้านกามคุณ
๒. รักในเรื่องทรัพย์สมบัติพัสถานว่าเขามีเงินมีทองแล้วรักเขา

เขามีกามคุณแล้วรักเขา ขอประทานโทษ จะพูดคำหยาบไปหน่อย แต่ต้องพูด อย่าเป็นคู่นอนกันเลย ขอให้เป็นคู่ทุกข์คู่ยากคู่ลำบากกันเถิด ประเสริฐแล้ว ถึงจะรักกันทน เพราะเดี๋ยวนี้เป็นอย่างไร รักกันด้วยกามคุณ และรักกันด้วยทรัพย์สมบัติเงินทองจึงเป็นความรักจืดจาง ขึ้นๆ ลงๆ

เพราะฉะนั้นจึงขอสรุปว่า คนเราถ้าไม่มีความดีต่อกัน มักจะขึ้นๆ ลงๆ มักรักกันในด้านกามคุณ เป็นคู่นอนไปคืนหนึ่งเท่านั้น หรือ ถ้าคนเรารักที่ความดีมีน้ำใจ มีอัธยาศัย วิสัยทัศน์กว้างไกล โอบอ้อมอารี วจีไพเราะ สงเคราะห์ทุกคน วางตนเป็นกลาง ก็จะไม่เป็นความรักขึ้นๆ ลงๆ จืดจางกันได้


ปุจฉา:

เมื่อพูดถึงเรื่องความรัก ถึงเรื่องครอบครัว สิ่งหนึ่งที่เราอยากจะรู้ก็คือว่า เราจะเลือกคู่ครองของเราอย่างไร เราจะต้องมองปัจจัยอะไรเป็นสำคัญครับ

วิสัชนา:
ขอเจริญพร คนเราเดี๋ยวนี้ การเลือกคู่ครองตามยุคใหม่สมัยใหม่ เขาไม่ค่อยเลือก เจอเช้าได้เย็น เจอเย็นทิ้งเช้า ไม่มีหลักคุณธรรม ไร้เหตุผลมาก เมื่อสมัยก่อนนานมาแล้วนั้น ปู่ย่าตายายเข้าวัดมีหลักธรรม เลือกคู่ครองแสนจะยาก ก็ขอเจริญพรว่า การมีเหย้ามีเรือน จะปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอนก็จริง แต่ต้องมีหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เรียกว่าครองเรือนครองรัก จะเลือกตรงไหน สำหรับคนมีคุณธรรมไม่ไร้คุณภาพ การจะมีครอบครัวนี้แสนจะยาก อันนี้ต้องพูดให้ยาวนิดหนึ่ง เพราะว่าบางคนเลือกไม่ดีเลย เอาแต่ความถูกใจ ความถูกต้องไม่มี คนเราจึงอยู่เย็นเป็นสุขไม่ได้ ในเมื่ออยู่เย็นเป็นสุขไม่ได้แล้ว หย่าร้างกันมากมาย หลากหลายกันด้วยไม่ดี ไร้คุณธรรม

เพราะฉะนั้น การเลือกคู่ของคนโบราณนั้น เอาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามาเป็นหลัก

หลักการเลือกคู่นี้มีอยู่ ๖ ประการ
๑. รูปสวย
๒. รวยทรัพย์
๓. นับวิชา
๔. มีมารยาท
๕. เป็นชาติผู้ดี
๖. มีศีลธรรม

อันนี้เป็นวิชาเลือกคู่ พระพุทธเจ้าเป็นผู้สอน คำว่ารวยทรัพย์ไม่ได้หมายความว่ามีเงินทอง แต่หมายความว่ามีอริยทรัพย์ ทรัพย์ภายใน และมีทรัพย์ภายนอก นี่เขาเรียกรูปสวย รวยทรัพย์ รูปสวย เขาสวยด้วยอะไร สวยด้วยรูปธรรม สวยด้วยนามธรรม สวยนอก สวยใน สวยจิต สวยใจ รวยทรัพย์ คือ อริยทรัพย์ภายในมีไหม คุณสมบัติมีไหม และทรัพย์ภายนอกมีไหม มีวิชาไหม นับวิชาไหม มีวิชาความรู้ดี เป็นชาติผู้ดีไหม มีมารยาท ชาติผู้ดี มีศีลธรรม ๖ ประการ อันนี้เป็นวิธีเลือกคู่แต่ไม่ใช่หมายความว่าไปหาหมอดู

เดี๋ยวนี้ขอเจริญพรเสียใจแทนเหลือเกิน แม่ไม่ดี เอาวันเดือนปีของผู้ชาย เอาวันเดือนปีของผู้หญิง เอาไปดูตรงกันไหม วันได้เดือนถึงเป็นเนื้อคู่กัน แต่งงานกัน ผิดหวังน่าเสียดาย จุดมุ่งหมาย ข้อที่สอง จะดูตรงไหน ขอเจริญพร จิตใจเข้ากันได้ไหม นี่ข้อ ๒ นอกเหนือดูจาก ๖ ข้อ คุ้นเคยกันไหม รู้นิสัยใจคอกันไหม มีความรู้เสมอหน้าเสมอตากันไหม แล้วอัธยาศัย วิสัยทัศน์ กว้างไกลไหม มีมนุษยสัมพันธ์หรือเปล่า และมีเมตตาหรือเปล่า และคนนั้นมีกตัญญูกตเวทิตาธรรมต่อคุณพ่อคุณแม่ไหม ถ้าหากเข้ากันได้ อาตมาคิดว่านั่นแหละเป็นการเลือกคู่ที่ถูกต้อง แล้วการเป็นเนื้อคู่ที่ถูกต้องเป็นข้อต่อไปอีกด้วย
๑. เรือนนอก
๒. เรือนใน

โบราณท่านว่าไว้ เรือนในคืออะไร เรือนในนี่สำคัญ ที่แม่บ้านการเรือน เรือนผม เรือนนอน ๓ เรือนนี้ต้องสะอาดอย่าสกปรก นี่เรือนข้างใน ในบ้าน ในเรือน สร้างอารมณ์ให้ดี ตั้งแต่เช้ามาจนถึงบัดนี้ อารมณ์เปลี่ยนแปลงไปเยอะ ในเรือน ในหัวใจ อย่าหละหลวมเหลาะแหละเหลวไหล เอาตาชั่งขึ้นมาดู เอาตราชูขึ้นมาชั่ง วัดแล้ว วัดเล่า เฝ้าแต่วัด เป็นเรือนในสำคัญมาก

เรือนในคืออะไร คือ จิตใจ จิตใจเป็นธรรมชาติ คิดอ่านอารมณ์ รับรู้อารมณ์ไว้ได้เป็นเวลานานเหมือนเทปบันทึกเสียง ถ้าทำใจให้สบาย ทำใจให้เป็นปกติแล้ว จะเรียกเงินก็ไหลนอง จะเรียกทองก็ไหลมา บ้านนั้นจะมีแต่ความสุข ความเจริญ มีแต่ความอดทนเหมือนบ้านมีเสาเรือนแน่นหนา นี่แหละในหลักของพระพุทธศาสนา มีสติปัญญา ศีลแปลว่าสะอาด สมาธิแปลว่าข้างในมั่นคงถาวร ปัญญาแปลว่าแก้ไขปัญหาได้ ก็ขอเจริญพรอย่างนี้ถูกต้องแล้ว





 

Create Date : 21 กันยายน 2550
1 comments
Last Update : 21 กันยายน 2550 10:38:39 น.
Counter : 1030 Pageviews.

 

 

โดย: printcess of the moon 21 กันยายน 2550 15:36:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


kaoim
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]








Friends' blogs
[Add kaoim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.