https://kaoim.bloggang.com
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
1 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 
เจริญเมตตา

พระจุลนายก (สุชาติ อภิชาโต)พระ

พุทธเจ้าทรงสอนให้เจริญเมตตาอยู่อย่างสม่ำเสมอ
ให้มีความรู้สึกที่ดีต่อคนทุกๆ คน มองเขาเป็นเหมือนเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง
เป็นคนที่เรารักที่เราชอบ ถึงแม้จะไม่รู้จักเขา ก็ขอให้มองเขาแบบนั้นเพราะเมื่อมองเขาแบบนั้นแล้ว เราจะไม่มีความโกรธแค้นอาฆาตพยาบาท

เราจะไม่คิดเบียดเบียนเขา แต่จะมีแต่ความปรารถนาดีกับเขา
อยากให้เขามีความสุข อยากให้เขาพ้นทุกข์

แต่ถ้าไม่ได้เจริญเมตตา ปล่อยให้จิตถูกความมืดบอดครอบงำ เวลาเห็นการกระทำของผู้อื่นที่ไม่ถูกใจ ก็จะเกิดความขุ่นมัวขึ้นมา เกิดความพยาบาทขึ้นมา เกิดความไม่พอใจ ไม่ชอบใจขึ้นมา แล้วก็จะเริ่มคิดร้ายกับเขาขึ้นมา เพราะไม่ได้เจริญเมตตานั่นเอง ถ้าเจริญเมตตาแล้ว เราจะมีแต่ความรู้สึกที่ดีต่อเขา

นอกจากการเจริญเมตตาแล้ว ทรงสอนให้เจริญอุเบกขาควบคู่ไปด้วย คือให้มองว่าสัตว์ทั้งหลายนั้น มีกรรมเป็นของๆ ตน จะดีจะชั่ว ก็เป็นเรื่องของเขา เขาดีเขาก็จะได้รับผลดีของเขา เขาชั่วเขาก็จะต้องได้รับผลชั่วของเขา ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะต้องไปเป็นผู้ตัดสิน เป็นผู้ให้คุณให้โทษกับเขา

เขาดีเดี๋ยวเขาก็ได้รับผลดีไปเอง

เขาชั่วเขาก็ได้รับผลชั่วของเขาไปเอง ยกเว้นเขาเป็นคนที่อยู่ภายใต้การดูแลของเรา เป็นลูกจ้างของเรา ถ้าเขาเป็นคนดี ทำงานมีความขยันหมั่นเพียร มีความซื่อสัตย์สุจริต เราก็ควรให้รางวัลเขา ถ้าเราอยู่ในฐานะที่จะให้เขาได้ ถ้าเขาเป็นคนไม่ดี คนเกียจคร้าน คนทุจริต มีแต่จะคอยลักเล็กขโมยน้อย เราก็จะต้องทำโทษเขา ในเบื้องต้นเราอาจจะเตือนเขาไว้ก่อน ว่า ไม่ควรทำสิ่งเหล่านี้แล้วก็คาดโทษไว้ว่า ถ้าทำต่อไปจะต้องมีการทำโทษ ต้องมีการตัดเงินเดือน ถ้าเป็นโทษร้ายแรง ก็จะต้องให้ออกจากงานไป อย่างนี้ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องทำ

แต่ไม่ได้เป็นการกระทำที่เกิดจากการขาดความเมตตา แต่เกิดจากความจำเป็นที่จะต้องทำอย่างนั้น ถ้ามีความเมตตา มีอุเบกขา เวลาเห็นคนอื่นที่เราไม่มีความเกี่ยวข้องด้วย เขาจะชั่วอย่างไร เขาจะดีอย่างไร ใจของเราจะเป็นปกติ คือจะไม่โกรธแค้น โกรธเคืองกับเขา อยากให้เขาต้องเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ไป เราถือว่าเป็นเรื่องของกรรม เพราะการที่เราไปโกรธแค้นโกรธเคือง ก็เป็นการสร้างความทุกข์ให้กับใจของเราเอง สร้างความร้อนให้กับใจของเรา เป็นความทุกข์อย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นผลที่เกิดจากความมืดบอดนั่นแหละ ขาดปัญญา ขาดธรรมะ ผู้ที่มีธรรมะแล้วย่อมไม่โกรธแค้นโกรธเคืองผู้ใดเลย

แม้ผู้นั้นจะทำสิ่งที่ไม่ดีกับเรา สร้างความทุกข์ทั้งทางกายและทางใจให้กับเรา เราจะไม่อาฆาตพยาบาท เพราะความโกรธความอาฆาตพยาบาทเป็นเหมือนไฟที่จะเผาจิตใจของเราให้มีแต่ความรุ่มร้อน เราถูกเขาทำร้ายทางกายแล้ว ทำไมจึงให้เขาทำร้ายทางใจอีกด้วย

ทางใจนี้เราระงับได้ด้วยธรรมะ ด้วยน้ำของธรรมะ คือต้องยอมรับสภาพความเป็นจริงว่า ตราบใดที่เรายังอยู่ในโลกนี้ เรายังจะต้องรับเคราะห์กรรม ที่เราเคยทำไว้ในอดีต แม้ไม่ใช่เป็นกรรมในชาตินี้ ก็มีกรรมที่เราเคยทำไว้ในอดีตชาติ เราอาจจะจำไม่ได้เท่านั้นเอง แต่เมื่อเกิดเคราะห์กรรมแล้ว ก็ขอให้เราทำใจให้สงบ ทำใจให้เป็นปกติ เป็นอุเบกขา ดังในบทธรรมที่ได้เจริญไว้ว่า

สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน...

เขามีกรรมของเขา เราก็มีกรรมของเรา ในเมื่อวิบากกรรมคือผลของกรรมได้ตามมาถึงแล้ว เราจะไปปฏิเสธวิบากกรรมเหล่านั้นได้อย่างไร เราก็ต้องอดทน ใช้ขันติ ยอมรับกรรมอันนั้นไป แต่เราจะไม่ไปสร้างกรรมอันใหม่ขึ้นมาด้วยการไปตอบโต้ไปทำร้ายเขา อย่างนี้เป็นการสร้างเวรสร้างกรรมให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก เมื่อทำเช่นนี้แล้ว เวรกรรมก็จะไม่มีหมดสิ้น

ดังในพุทธภาษิตที่แสดงไว้ว่า

"เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร เวรไม่ระงับด้วยการจองเวร"




Create Date : 01 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2550 9:29:44 น. 3 comments
Counter : 627 Pageviews.

 



กรรมของใครก็ของใคร
สำหรับตัวเราเอง
ก็ใช้ชีวิตให้ดีที่สุด
ด้วยการไม่เบียนเบียนใครก็พอแล้วค่ะ







โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 1 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:24:28 น.  

 
อโหสิกรรมแก่กันครับ เพื่อลดความทุกข์แก่กันและกัน


โดย: ต่อตระกูล วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:1:15:32 น.  

 
บทความดีครับ


โดย: crimson king วันที่: 28 พฤศจิกายน 2550 เวลา:1:20:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kaoim
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]








Friends' blogs
[Add kaoim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.