เมื่อมีการขยายรังจาก 1 รัง เป็น 2 รัง นางพญาเก่าจะนำผึ้งงานจำนวนย้ายไปสร้างรังใหม่ ส่วนนางพญาตัวใหม่ที่เติบโตจากการเลี้ยงของผึ้งงานด้วยการป้อน น้ำนมผึ้ง จะอยู่ขยายพันธุ์ที่รังเดิม โดยนางพญาเก่าจะวางไข่เพื่อสร้าง ว่าที่นางพญา ขึ้นมาหลายสิบตัว และว่าที่นางพญานี้จะสู้กันจนตาย ซึ่งตัวที่แข็งแรงที่สุดจะได้ครองรังและทำหน้าที่ขยายรังต่อไป
นางพญาใหม่ที่ได้ครองจะบินไปผสมพันธุ์กลางอากาศกับผึ้งตัวผู้นับร้อยตัว และเก็บน้ำเชื้อเหล่านั้นเพื่อวางไข่ไปตลอดชีวิต นางพญาผึ้งจะมีขนาดใหญ่กว่าผึ้งงานถึง 3 เท่า มีอายุยาว 3 ปี ส่วนผึ้งงานซึ่งเป็นตัวเมียจะมีอายุสั้นเพียง 3 เดือน ขณะที่ผึ้งตัวผู้จะตายหลังจากผสมพันธุ์กับนางพญาแล้ว
เหตุผลที่ผึ้งหลวงชอบอาศัยอยู่บนต้นผึ้งนั้น ดร.อรวรรณ อธิบายว่า ด้วยลักษณะของต้นผึ้งที่สูงใหญ่และมีแผ่กิ่งก้านที่ระดับสูงมาก อีกทั้งกิ่งยังแผ่กว้างได้ถึง 20 เมตร เป็นสิ่งที่ผึ้งชอบ เพราะวิวัฒนาการของผึ้งมาคู่กับหมี หมีนั้นปีนต้นไม้ได้สูง ผึ้งจึงต้องหาต้นไม้สูงๆ ที่หมีปีนไม่ไหว
ผึ้งพันธุ์มีปัญหา ตายยกรัง
ดร.อรวรรณ กล่าวว่า จากที่มีการศึกษาพบว่าผึ้งที่อาศัยอยู่บนต้นผึ้งเดียวกันนับร้อย 100 รังนั้นไม่ใช่ญาติพี่น้องกัน ทำให้ผึ้งมีความหลากหลายทางสายพันธุ์ และทำให้พันธุกรรมมีความยั่งยืน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์กำลังหันหลับมาศึกษาวิธีสร้างภูมิคุ้มกันใหแก่ผึ้ง เนื่องจาก ผึ้งพันธุ์ ที่นำมาเลี้ยงผลิตน้ำผึ้งนานนับ 100 ปีนั้น เริ่มมีปัญหา ตายยกรัง
สำหรับผึ้งพันธุ์นั้นมีความหลากหลายทางพันธุกรรมน้อย จึงเกิดการตายยกรัง โดยในยุโรปพบปัญหาผึ้งตายยกรังแล้ว 5-6 ล้านรัง ซึ่งอนาคตจะเกิดขึ้นกับผึ้งเลี้ยงในไทยเพราะมีพันธุ์มาจากแหล่งเดียวกัน ซึ่งมีการคัดพันธุ์เมื่อประมาณ 200 ปีก่อนในยุโรป โดยน้ำผึ้งในตลาดกว่า 80% นั้นได้มาจากผึ้งพันธุ์ สำหรับผึ้งสายพันธุ์ไทยที่ให้น้ำผึ้งนั้นมีอยู่ 4 พันธุ์ คือ ผึ้งหลวง ผึ้งโพรง ผึ้งมิ้ม และผึ้งมิ้มเล็ก ขณะที่ทั่วโลกมีผึ้งทั้งหมด 11 ชนิด
เหลือน้ำผึ้งให้ผึ้งกินบ้าง
พร้อมกันนี้ ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ ยังได้เดินทางไปดูต้นผึ้งในเขตทุ่งนาของชาวบ้านใน อ.สวนผึ้ง ซึ่งเป็นต้นผึ้งที่คาดว่ามีอายุร่วม 100 ปี โดย สกล คุณาพิทักษ์ อายุ 58 ปี ผู้เป็นกำนัน ต.สวนผึ้ง กล่าวว่า เมื่อก่อนใครเจอต้นผึ้งก่อนก็จะได้สิทธิ์จับจองเป็นเจ้าของในการตีรังผึ้ง ซึ่งจะมีการทำทำบันไดปีนขึ้น จากนั้นใช้อุปกรณ์ที่ทำจากเถาวัลย์กวาดตัวผึ้งลงมา และแบ่งเก็บเป็น 2 ช่วง ตัวอ่อนผึ้งจะถูกโยนลงพื้น ส่วนน้ำหวานจะถูกเก็บใส่ปี๊บแล้วค่อยนำลงมา แต่ในอดีตนั้นต้องเข้าไปหาต้นผึ้งและรังผึ้งในป่า ซึ่งบางต้นมีมากถึง 50 รัง
ดร.อรวรรณ กล่าวว่า ตอนนี้มีกลุ่มอนุรักษ์ที่สามารถขยายพันธุ์ต้นผึ้งจากเมล็ดได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากเมล็ดที่เพาะได้นั้นต้องเกิดในปีที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น เป็นเมล็ดในปีที่แล้งจัด หรือเป็นเมล็ดที่เกิดในช่วงไฟป่า ซึ่งเป็นธรรมชาติของต้นไม้ที่จะให้เมล็ดที่แข็งแรงและเจริญเติบโตง่ายเมื่ออยู่ในภาวะมีภัย และตอนนี้ทาง มจธ.ได้เพาะพันธุ์ต้นผึ้งไว้กว่า 100 ต้น โดยปลูกไว้ที่วิทยาเขตราชบุรี
การสูญสิ้นต้นผึ้งและผึ้งหลวง ไม่ได้หมายถึงการหายไปของ 2 สิ่ง แต่หมายถึงล้มเหลวของการรักษาระบบนิเวศ เก็บต้นไม่ได้หมายความว่าจะเก็บไว้ได้ทั้งหมด ถ้าดูแลไม่ดีก็ตาย การดูแลต้นผึ้งนั้นยาก เพราะปัจจัยสำคัญ คือ สิ่งแวดล้อม หากสารพิษ ยาฆ่าแมลง หรือแม้แต่สารเคมีจากขยะชุมชนซึมเข้าราก แปบเดียวก็ยืนต้นตาย ดร.อรวรรณ กล่าว
ดร.อรวรรณ กล่าวว่า การหาน้ำผึ้งป่านั้นเป็นหนึ่งในวิถีชีวิตของชาวบ้าน การห้ามไม่ให้เก็บน้ำผึ้งมาเลยนั้นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืน แต่อยากแนะนำว่าหากจะตีรังผึ้งก็ควรเหลือน้ำผึ้งไว้ประมาณ 30% ให้ผึ้งใช้เป็นทุนในการสร้างรังและขยายพันธุ์ต่อไป เพราะน้ำผึ้งก็เป็นอาหารของผึ้งเช่นกัน อีกทั้งไม่ควรเก็บตัวอ่อนลงมาเพราะขายไม่ได้ราคาอยู่แล้ว และส่วนใหญ่ก็นำไปกินเอง ดังนั้น จึงควรเก็บไว้เพื่อขยายพันธุ์ เพราะหากผึ้งลดลง อนาคตน้ำผึ้งก็จะหาได้ยากขึ้น
ข้อมูลโดย ASTV-ผู้จัดการออนไลน์