<<
กุมภาพันธ์ 2558
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
8 กุมภาพันธ์ 2558

ยืนเป็น...นอนตาย...แปลกดีนะ











กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง

ผม เป็นบุคลากรภายในองค์กรมหัศจรรย์ ที่ทำงานเพื่อให้มนุษย์ทุกคนเข้าถึงความสุขภายใน และเกิดเป็นสันติภาพของโลกโดยมีพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เป็นผู้นำ ส่งแรงขับแห่งความใสเย็นสู่ดวงใจของชาวโลก ผมได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรตั้งแต่ปี พ.ศ.2533 โดยเป็นอุบาสกได้ 17ปีแล้วครับ

ในปี พ.ศ.2526 ขณะเรียนอยู่ระดับ ปวช.ได้มาวัดพระธรรมกายบ่อยครั้ง และช่วงปิดเทอมผมได้มาบวชเป็นภิกษุธรรมทายาทรุ่นที่17 ต่อมาผมเรียนต่อระดับอนุปริญญา ที่สถาบันเทคโนโลยีอาชีวศึกษา วิทยาเขตเทคนิคกรุงเทพฯ คณะวิศวกรรมไฟฟ้า ผมได้เป็นประธานชมรมพุทธศาสตร์ฯ

เมื่อเรียนจบแล้ว เพื่อนโทรศัพท์มาที่บ้านพูดว่า “จบแล้วใช่ไหม ไหนบอกว่าจะเข้าวัด ถ้าเข้าก็เข้าวันนี้นะ ถ้าไม่เข้าก็ไม่ต้องเข้า” ผมจึงจัดกระเป๋าออกจากบ้านมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2532 เมื่อเข้ามาอยู่วัดแล้ว ก็มีรุ่นพี่ท่านหนึ่ง มาชวนเป็นอุบาสกก่อนบวช ซึ่งผมเห็นดีด้วย จากนั้นมา ผมก็ได้ทำหน้าที่มากมาย ที่ผมปลื้มใจ คือ ได้ไปปฏิบัติธรรมที่ดอยสุเทพ-ปุย เป็นเวลา 7เดือน และนั่งสมาธิ(Meditation)ต่อที่อาคารภาวนาอีก 3เดือน แล้วก็มาอยู่ที่แก้วภูธรภาคอีสานดูแล 19จังหวัด ชวนคนที่ จังหวัดนครราชสีมา มาวัดสูงสุดถึง 275คันรถบัส ทั้งได้ทำหน้าที่ชวนคนบริจาคที่ดิน 100ไร่ ที่จังหวัดกาฬสินธุ์

นอกจากนี้ ผมยังได้พบเจอเรื่องราวมากมาย รวมทั้งเรื่องของหลวงปู่ท่านหนึ่ง เมื่อผมได้กราบร่างของท่านในโลงแก้ว ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี ผมอยากรู้ว่า ท่านมีความเป็นมาอย่างไร ผมจึงสอบถามเรื่องราวของท่าน และทราบว่า ก่อนบวช ท่านใช้ชีวิตเป็นตาปะขาว ชาวบ้านไปเจอท่านยืนนิ่งๆอยู่ในป่าลึก เห็นจอมปลวกทำรังถึงหัวเข่า แต่ท่านมีสภาพเหมือนคนตายไปแล้ว ชาวบ้านจึงช่วยกันนำร่างของท่านออกมาจากจอมปลวก เพื่อจะนำร่างมาเผา แต่เมื่อยกร่างของท่านมาวางนอนลง ตัวของท่านกลับค่อยๆอุ่นขึ้น ชาวบ้านเข้าใจว่าฟื้นแล้ว จึงค่อยๆเอาน้ำกรอกใส่ปาก แล้วท่านก็ลุกขึ้นมานั่งได้

ท่านฟื้นขึ้นมาก็พูดว่า “พวกท่านเป็นเหมือนมาร เราจะยืนเป็น มาจับเรานอนตาย”
ชาวบ้านตกใจจึงถามว่า “หมายถึงอะไร”
ท่านบอกว่า “วันพระนี้ จะบรรลุธรรมแล้ว”

ภายหลังท่านได้บวชพระ โดยเจ้าชีวิตองค์สุดท้ายของลาวบวชให้

นอกจากนี้ ผมยังมีประสบการณ์ขุดหา เป็กตาเสือ ที่จังหวัดน่าน ตอนนั้นผมและคณะไปเช่าบ้านอยู่ครึ่งเดือน เพื่อจ้างคนงานไปขุด สำหรับ เป็กตาเสือนี้ เป็นก้อนผลึกสีดินเผาขนาดเท่ากำปั้น มีเปลือกหนากว่าผลไม้ ลักษณะเปลือกหุ้มเป็นตารางคล้ายหลังเต่า ภายในเปลือกหุ้มจะมีแก้วใสแต่แข็งเป็นหินที่มีขนาดเล็กกว่าฟองไข่อยู่ภายใน บางอันเป็นแก้วขุ่น

แต่ก่อนขุดต้องทำพิธีตั้งศาลเพียงตา พร้อมเครื่องเซ่นไหว้ก่อนขุดทุกวัน แล้วจากนั้นก็จะช่วยกันลุยขุดลงไป ขณะที่ขุดลงไปในดินก็จะเจอเป็กตาเสือเรื่อยๆ (คล้ายสายแร่) ขุดลึกถึง 10เมตร ขุดได้มาจำนวนหนึ่ง แต่ก็แปลกที่วันสุดท้ายมีฝนลูกเห็บตกลงมา และนี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมได้พบเจอ จากการทำหน้าที่ด้วยความประทับใจครับ

ยายของผม เป็นคนตาดี หูดี แข็งแรง มีความเป็นอยู่เรียบง่าย เมื่อผมอายุ 5ขวบ ได้มาอยู่กับยาย อยู่กันเพียงสองคน บ้านที่อยู่เป็นบ้านไม้ 2ชั้น ทาด้วยสีน้ำมันสีเข้ม ทำให้ดูทึมๆน่ากลัว ปกติผมกับยายจะอยู่กันเฉพาะชั้นล่างเท่านั้น แต่บางครั้งผมก็จำเป็นต้องขึ้นไปบนบ้านชั้นสองเพียงคนเดียว ซึ่งมีห้องพระหนึ่งห้องกับห้องโล่งๆ ทึมๆ ผมรู้สึกราวกับว่า มีสายตามากมายที่ไม่ใช่คน จ้องมองมา เหมือนอยู่อีกมิติหนึ่งที่น่ากลัวมาก

แม้แต่เพื่อนๆแถวนั้น ไม่มีใครกล้าเข้าไปเล่นในบ้านของผมเลย ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เห็นคน (แต่ไม่ใช่คน) เดินไปมาอยู่ในบ้านบ่อยๆ ต่อมาเมื่อผมเรียนมัธยมต้น ผมเห็นยายทำพิธีถอนตอไม้ที่อยู่ใต้บ้านด้วยหมอมนต์ ยายบอกผมว่า "บ้านหลังนี้ ปลูกบ้านคร่อมตอ เจ้าที่แรง" ผมคิดว่า "บ้านนี้ผีดุ"

ปกติยายจะบูชาข้าวพระทุกวัน หลังจากหุงข้าวเสร็จใหม่ๆ ยายจะตักอาหารทุกอย่างใส่ถ้วย มารวมใส่ถาด วางหน้าหิ้งพระ แล้วยายก็จะสวดมนต์ไหว้พระทุกวัน ตักบาตรทุกเช้า ในเวลากลางวันยายจะทำอาหารแจกเพื่อนบ้าน ใครมีเรื่องทุกข์ร้อนก็มาปรึกษา ยายจึงเป็นที่รักและนับถือของชาวบ้านละแวกนั้น และยายยังเป็นหมอพื้นบ้านที่รักษาโรคด้วยคาถา

แต่เท่าที่ผมจำได้ก็มีอยู่เรื่องหนึ่ง ที่คนป่วยเป็นฝีมาหายาย ยายจะดูฝีที่คนป่วย จากนั้นยายจะเอานิ้วจิ้มปูนแดง (ที่กินกับหมากพลู) แล้วยายก็เดินไปที่เสาบ้าน ไปหยุดยืนที่หน้าเสาด้านหนึ่ง ผมเห็นยายสวดคาถาพร้อมๆกับวนปลายนิ้วที่ทาปูนแดง เป็นวงกลมเล็กๆที่เสาบ้าน สวดคาถาเสร็จ ยายก็จะเอาค้อนตอกที่เสาบ้านในตำแหน่งที่วนปูนเอาไว้ เป็นเคล็ดวิชาว่า ตอกหัวฝีออก ก็ถือว่าเสร็จพิธี วันรุ่งขึ้นคนป่วยมาหายายบอกว่า "ฝีหายแล้ว" เพียงชั่วข้ามคืน

บางครั้งมีคนนิ้วขาดมาหายาย เขาเอานิ้วที่ขาดติดมาด้วย แล้วยายจะเอานิ้วที่ขาดมาต่อกัน จากนั้นยายจะนำผ้าขาวบางที่นึ่งแล้ว มาพันแผล ยายจะสวดคาถาจนจบ ต่อมาแผลก็ค่อยๆหายเป็นปกติ

หากวันใดวันหนึ่งมีฝนตกหนักและลมแรงมาก ยายจะเดินขึ้นไปบนชั้นสอง ตรงระเบียงบ้าน ยายจะสวดคาถา พร้อมกับโบกผ้าขาวม้าไปมาสักครู่หนึ่ง รู้สึกว่าฝนและลมแถวบ้านของยายจะซาลง แต่ไปตกหนักที่อื่น บางครั้งยายมักพูดแปลกๆอย่างเช่น เวลาฝนตกฟ้าคะนอง ยายจะบอกว่า "คนมีฤทธิ์ เขาประลองฤทธิ์กัน" สำหรับคาถาต่างๆ ไม่ทราบว่ายายได้มาอย่างไร แต่ทุกปีจะเห็นยายเตรียมขนมต้มขาว ขนมต้มแดง ดอกไม้ธูปเทียน แล้วยายจะทำพิธีไหว้ครูอยู่คนเดียว ปีละครั้งเสมอมา

บางครั้ง ผมเคยเห็นยายทำพิธีต่ออายุ โดยมีถาดใส่ดอกไม้ ปักเทียนลงไปในถาด แล้วยายจะสวดมนต์ แต่ไม่ทราบว่าสวดอะไร ซึ่งยายก็เชื่อมั่นว่า ทำพิธีนี้ให้ใครแล้วคนนั้นจะอายุยืน ก็เป็นเรื่องที่แปลกอีกเรื่องหนึ่งสำหรับผม ยายเสียชีวิตด้วยโรคชรา เมื่ออายุ 105ปี

คุณพ่อของผม (ผมเรียกว่าเด) เป็นชาวจีนจากไหหลำ ท่านนั่งเรือจากเมืองจีนมาอยู่เมืองไทย พร้อมกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง แต่ในระหว่างที่ตรวจเอกสารคนเข้าเมือง เอกสารเกิดสับเปลี่ยนกับเพื่อน ต่อมาไม่นานเพื่อนของคุณพ่อคนนี้เสียชีวิต ทำให้ท่านต้องใช้ชื่อของเพื่อนจนตลอดชีวิต คุณพ่อชอบไปศาลเจ้า แต่ท่านก็ไม่เคยห้ามคุณแม่ไปวัดทำบุญ ต่างคนต่างไป คุณพ่อเสียชีวิตด้วยโรคชรา เมื่อเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ.2546 รวมสิริอายุได้ 85ปี

คุณแม่ของผม ชอบไปวัดทำบุญ เป็นคนเจ้าระเบียบ ดุ เพราะท่านเคยเป็นครู เมื่อคุณแม่แต่งงานกับคุณพ่อ มีลูกด้วยกัน 7คน ต่อมาคุณแม่ได้ลาออกจากครู มาเปิดร้านขายของชำ ค้าขายดีมากทำให้มีฐานะดี สุขภาพร่างกายก็แข็งแรงดีมาก ปกติคุณแม่จะตักบาตรหน้าบ้านทุกวัน และจะไปรักษาอุโบสถศีลเสมอมาจนทุกวันนี้ ปัจจุบันคุณแม่อายุ 75ปี

คุณป้าของผม เป็นป้าลูกพี่ลูกน้อง ซึ่งคุณพ่อของท่านเป็นน้องชายของคุณตาของผมครับ เดิมคุณป้าของผมชื่อ “สงวน” แต่พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำฯบอกว่า “ชื่อของลูก คือชื่อ ญานี ลูกต้องชื่อ ญานี” จากนั้นมาคุณป้าจึงใช้ชื่อ “ญานี” ที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯตั้งให้ และพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯได้จัดการบวชให้คุณป้า เมื่อปี พ.ศ.2477 บวชชีแล้ว ท่านได้เข้าถึงวิชชาธรรมกาย และเป็นแม่ชีท่านหนึ่งที่ทำวิชชาอยู่ในโรงงานทำวิชชากับพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ในยุคสมัยเดียวกับคุณยายอาจารย์ ต่อมาสุขภาพของท่านทรุดโทรมลงตามอายุขัย เสียชีวิตปี พ.ศ.2519 รวมสิริอายุได้ 61ปี

คำถาม

1.สมัยที่หลวงปู่ (ซึ่งผมได้ไปกราบร่างของท่านที่จังหวัดอุบลราชธานี) เป็นตาปะขาว ท่านยืนนิ่งจนจอมปลวกทำรังถึงหัวเข่านั้น ท่านทำอะไรครับ และที่ท่านบอกว่า “เราจะยืนเป็น มาจับเรานอนตาย” และ “วันพระนี้ จะบรรลุธรรม” หมายความว่าอย่างไรครับ

2.เป็กตาเสือ เป็นกายสิทธิ์ประเภทไหน เหมือนหรือแตกต่างกันกับกายสิทธิ์ที่อยู่ในดวงแก้วหรือกายสิทธิ์ที่เป็นคด และมีอานุภาพต่างกันอย่างไรครับ กายสิทธิ์ที่อยู่ในดวงแก้ว ซึ่งใช้สำหรับทำวิชชามาจากไหน คนที่มีกายสิทธิ์เหล่านี้ในครอบครอง ต้องทำอย่างไรบ้างครับ

3.บุพกรรมใด ผมจึงต้องมาอยู่กับยายตั้งแต่เล็ก ผมเคยเกี่ยวพันมาในอดีตกับท่านอย่างไร บ้านไม้ 2ชั้น มีผีจริงหรือไม่ และความเชื่อที่ว่า “ปลูกบ้านคร่อมตอ เจ้าที่แรง” จนต้องทำพิธีถอนตอไม้ด้วยมนต์ เป็นเรื่องจริงหรือแค่ความเชื่อเท่านั้นครับ

4.ยายรักษาโรคด้วยคาถาให้หายได้ ทั้งโรคฝี โรคอื่นๆ รวมทั้งต่อนิ้วที่ขาดได้ เป็นเพราะเหตุใดครับ และเมื่อฝนตกหนักลมแรง ยายสวดคาถาพร้อมโบกผ้าขาวม้า ทำไมฝนจึงไปตกหนักที่อื่น และที่ยายบอกในบางครั้งที่ฝนตกฟ้าคะนองว่า “คนมีฤทธิ์ เขาประลองฤทธิ์กัน” จริงหรือไม่ครับ แล้วจะทราบได้อย่างไรครับ

5.ยายเคยทำพิธีต่ออายุด้วยมนต์ เป็นวิธีที่ช่วยต่ออายุได้จริงหรือไม่ครับ ทำไมยายจึงมีอายุยืน ยายตายแล้วไปไหนครับ

6.ทำไมครอบครัวเดียวกัน จึงมีนามสกุลไม่เหมือนกัน เช่น คุณพ่อ ใช้นามสกุลเดิม, พี่น้องคนที่1-5 ใช้นามสกุลใหม่, ส่วนคุณแม่, คุณป้า, ตัวผม และน้องชายคนที่7 ใช้นามสกุลเดิมของคุณแม่ เรื่องนี้เกิดจากบุพกรรมใดหรือไม่ครับ

7.วิบากกรรมใด ทำให้คุณพ่อต้องใช้ชื่อของเพื่อนไปจนตลอดชีวิต คุณพ่อตายแล้วไปไหน มีข้อความอะไรฝากบอกมาบ้างหรือไม่ครับ

8.คุณยาย คุณแม่ คุณพ่อ เคยทำบุญกับหมู่คณะมาอย่างไร ในรูปแบบใดครับ

9.ผมกับคุณป้า เคยมีความเกี่ยวพันกันมาอย่างไรในอดีต ทำไมผมจึงได้มาเกิดเป็นญาติกับคุณป้า ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับวิชชาธรรมกาย ทั้ง 2ยุคครับ คุณป้าได้สร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไร บุญใดเป็นปัจจัยให้ท่านได้มีโอกาสทำวิชชาในสมัยของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำฯ คุณป้าเคยอธิษฐานจิตไว้ในการทำวิชชาหรือไม่ครับ ขณะนี้ท่านเป็นอย่างไร ทำอะไรอยู่ครับ

10.บุพกรรมใด ทั้งๆที่ผมรักและศรัทธากับทุกคนในองค์กร แต่ทำไมผมไม่รู้สึกคุ้นเคยกับคนในองค์กรเลย และทำไมผมจึงมักจะถูกเข้าใจผิดว่า เป็นอย่างนั้น...อย่างนี้ เกิดจากวิบากกรรมใดครับ

11.ผมเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไร ในรูปแบบใด มีหน้าที่อะไร ลงมาสร้างบารมีในพุทธันดรที่ผ่านมากี่รอบครับ และผมเคยตั้งความปรารถนาเกี่ยวกับการสร้างบารมีมาอย่างไรครับ หากต้องการสร้างบารมีตั้งแต่เยาว์วัย จะต้องทำอย่างไรครับ

กราบแทบเท้าพระเดชพระคุณหลวงพ่อด้วยความเคารพยิ่ง



ฝันในฝัน




หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที

แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ



1.หลวงปู่ท่านนั้น ตอนที่ท่านเป็นตาปะขาว ท่านยืนนิ่งจนปลวกทำรังถึงหัวเข่านั้น ท่านยืนทำสมาธิตามวิธีแบบฤๅษีชีไพร แต่ไม่ถึงกับมีปลวกมาขึ้น จนทำรังถึงหัวเข่า เป็นแค่คำเล่าลือของชาวบ้านเท่านั้น










ที่ท่านบอกว่า “เราจะยืนเป็น มาจับเรานอนตาย” และ “วันพระนี้ จะบรรลุธรรม” นั้น ท่านหมายถึงว่า ท่านจะบรรลุธรรมแบบผู้สำเร็จ ตามแบบฤๅษีชีไพร แต่มาจับท่านนอน จึงทำให้ใจของท่านหลุดจากสมาธิแบบนั้น







2.เป็กตาเสือ เป็นสิ่งที่มนุษย์ทำขึ้นมา แล้วสร้างนิทานประกอบเท่านั้น ไม่ได้เป็นของกายสิทธิ์ตามคำเล่าลือกัน

ส่วน “กายสิทธิ์” ที่อยู่ในดวงแก้ว หรือในคด ต่างๆนั้น ก็เป็นกายละเอียดที่สำเร็จด้วยอานุภาพของบุญของมนุษย์ในยุคนั้นๆ มีอยู่หลายระดับ ในยุคใดมนุษย์มีศีลมีธรรมมาก กายสิทธิ์นี้ก็จะเกิดขึ้นมาก และผู้ที่จะครอบครองได้ ก็จะต้องมีบุญ


ถ้ามีบุญมาก กายสิทธิ์ที่อยู่ในดวงแก้วและคด ก็จะมีอานุภาพมาก







กายสิทธิ์ที่เอาไว้ทำวิชชา ก็มาจากที่ละเอียดส่งต่อๆกันมาอยู่ในเรือนต่างๆ


เมื่อได้มาครอบครองแล้ว ก็ควร ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ทำใจให้บริสุทธิ์มากๆ กายสิทธิ์ก็จะยิ่งมีอานุภาพ ที่จะช่วยเสริมบารมีให้กับผู้ที่ได้ครอบครอง







3.ลูกต้องมาอยู่กับยายตั้งแต่เล็ก เพราะในอดีต ได้เคยมีบุญร่วมกับท่านมา และเคยเกิดเป็นลูกเป็นหลานของท่านมาหลายชาติแล้ว






บ้านไม้ 2ชั้น ก็มีภุมมเทวาที่อาศัยอยู่ในบ้าน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาจารย์วิทยาธร วิชาไสยเวทของยาย ที่อยู่ช่วยทำความศักดิ์สิทธิ์ให้แก่วิชาไสยเวทของยาย






ความเชื่อที่ว่า “ปลูกบ้าน คร่อมตอไม้ เจ้าที่แรง” จนต้องทำพิธีถอนตอไม้ด้วยมนต์นั้น บางทีก็จริง บางทีก็เป็นความเชื่อ


ที่จริงก็คือ บางทีเป็นที่อยู่ของภูติ หรือภุมมเทวา หรือคนธรรพ์ ประเภทนางไม้, นายไม้ เป็นต้น




4.ยายรักษาโรคให้หายด้วยคาถา รวมทั้งต่อนิ้วที่ขาดได้นั้น ก็เป็นวิชาวิทยาธร ที่ยายสนใจเล่าเรียนมา รักษาคนที่หมดวิบากกรรมพอดี ให้หายได้

แต่บางคนที่มีวิบากกรรมหนักก็ไม่หาย ถ้ากรรมเบาบางลงจึงจะหายได้






ยายสวดมนต์ โบกผ้าไล่ฝนที่ตกลงมาอย่างแรงจนไปตกที่อื่นนั้น ก็ด้วยวิชาไสยเวทของวิทยาธร ซึ่งบางครั้งก็ได้ บางครั้งก็ไม่ได้


ยายบอกว่า “คนมีฤทธิ์เขาประลองฤทธิ์กันตอนฟ้าคะนอง” นั้น ก็เป็นความเชื่อของยายเท่านั้น





5.ยายทำพิธีต่ออายุด้วยมนต์คาถานั้น ก็จะทำได้ในบางคนที่มีกรรมไม่เหมือนกัน เช่น ทำได้กับคนที่กรรมปาณาติบาตยังไม่ส่งผล หรือไม่มีกรรมทางนี้ หรือมีบุญเลี้ยงพระ ถวายยารักษาโรค เป็นต้น






ยายอายุยืน เพราะในอดีตได้บริจาคยารักษาโรคทั้งกับคนทั่วไป และถวายแด่พระภิกษุ สามเณรด้วย มาส่งผล


ยายตายแล้ว ก็ไปเป็นวิทยาธรอยู่ในป่าหิมพานต์ ตอนนี้กำลังอยู่ในหมู่วิทยาธรที่กำลังศึกษาวิชาเพิ่มเติม





6.ครอบครัวเดียวกัน แต่ใช้นามสกุลคนละนามสกุล เช่น คุณพ่อใช้นามสกุลเดิม, พี่น้องคนที่1-5 ใช้นามสกุลใหม่, ส่วนคุณแม่, คุณป้า, ตัวลูกและน้องชายคนที่7 ใช้นามสกุลเดิมของคุณแม่ เพราะบุญในอดีตที่ทำร่วมกันแล้วอธิษฐานให้มาเป็นพี่น้องตระกูลเดียวกัน กับความพึงพอใจในปัจจุบันที่ชอบใช้นามสกุลใดเท่านั้น




7.คุณพ่อต้องใช้ชื่อของเพื่อนไปจนตลอดชีวิต เพราะในอดีต เวลาคุณพ่อจะทำงานอะไร ก็มักชอบปลอมชื่อของคนนั้น...คนนี้ เพื่อประโยชน์ในการเสียภาษีการค้า มาส่งผล







คุณพ่อตายแล้ว ก็ไปเป็นอากาสเทวา มีวิมานเป็นทองขนาดย่อมๆ ได้รับบุญที่อุทิศไปให้แล้ว แต่ยังไม่มาก ก็มีสภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม


ท่านบอกว่า ท่านได้รับบุญที่อุทิศไปให้แล้ว ท่านอยากได้อีก เพราะเห็นผลแห่งบุญแล้ว






8.คุณยาย คุณแม่ คุณพ่อ เคยทำบุญกับหมู่คณะมา โดยเป็นกองเสบียง แต่มีสายบุญไม่มาก ดังนั้นบางชาติก็เจอกัน บางชาติก็ไม่เจอกัน






9.ลูกกับคุณป้ามีความเกี่ยวพันกันในอดีต และชาตินี้ได้มาเป็นญาติกับท่านซึ่งเกี่ยวโยงกับวิชชาธรรมกายทั้ง 2ยุค เพราะมีสายบุญในวิชชาธรรมกายเหมือนกัน โดยในชาตินั้น ตัวลูกและคุณแม่ได้ทำบุญกับหมู่คณะตามที่ท่านชวน บุญที่ทำนี้จึงทำให้มาเป็นญาติกับท่าน







คุณป้าได้สร้างบารมีกับหมู่คณะมา โดยได้ทำวิชชากับพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ มาหลายชาติแล้ว ชาตินี้จึงได้ตามติดพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯมาทำวิชชาต่อ คุณป้าได้อธิษฐานจิตเอาไว้ว่า "ขอให้ได้ตามติด มาทำวิชชาปราบมารกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ"


ขณะนี้ ท่านกำลังทำวิชชากับพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯพร้อมทีมงาน ในวิมานของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ โดยเป็นสมณเทวบุตร




10.ลูกรักและศรัทธากับทุกคนในองค์กร แต่แปลก...กลับไม่รู้สึกคุ้นเคยกับคนในองค์กรเลย เพราะความน้อยใจของลูก ที่เกิดจากการที่หลายคนในหมู่คณะมองลูกในแง่ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงของตัวลูก เพราะความมั่นใจในตัวเองสูงเกินไปในหลายๆ ครั้ง จนทำให้เข้ากับทีมงานไม่ค่อยได้







ตัวลูกมักถูกมองว่า เป็นอย่างนั้น...อย่างนี้ เพราะทิฐิมานะของตัวลูก


ดังนั้น ลูกก็ควรจะลดทิฐิมานะลงมาบ้าง ในระดับที่ทำงานร่วมกับคนอื่นได้ อีกทั้งให้มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ว่าง่าย


ลูกก็จะทำให้ทุกคนที่มีความรักและศรัทธาในตัวลูกอยู่แล้ว เขาก็จะยอมร่วมมือทำงานกับลูก





11.ลูกเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมา โดยพุทธันดรที่ผ่านมา ลูกก็ได้เป็นทหารของพระราชาองค์ที่ออกบวช ได้ออกบวชตามพระราชา เมื่อบวชแล้วก็ทำหน้าที่เผยแผ่จนตลอดชีวิต

มีผลการปฏิบัติธรรมได้เข้าถึงองค์พระใสๆ เอาตัวรอดกลับดุสิตบุรีได้ และได้ลงมาสร้างบารมีทั้ง 2รอบ






พุทธันดรที่ผ่านมา ก็มีอัธยาศัยคล้ายชาตินี้ แต่ไม่มากเท่ากับชาตินี้ ดังนั้นชาตินี้ก็ปรับตัวหน่อย ยอมๆกันบ้าง ก็จะมีความสุข เพราะเดี๋ยวก็ตายจากกันแล้ว


ถ้าอยากมาสร้างบารมีตั้งแต่ยังเยาว์วัย ก็ให้อธิษฐานจิตด้วยใจมั่นในทุกวัน ก็จะสมหวัง




ชาตินี้มาเจอกันแล้ว ก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ในทุกบุญ แล้วอธิษฐานจิต ตามติดไปดุสิตบุรี วงบุญพิเศษ เขตบรมโพธิสัตว์ อย่าได้พลัดกันเลย






ข้อมูลโดย อินเตอร์เน็ต













 

Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2558
4 comments
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2558 7:12:24 น.
Counter : 5247 Pageviews.

 


 

โดย: ญามี่ 8 กุมภาพันธ์ 2558 7:14:47 น.  

 

เติมกำลังใจ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
พรไม้หอม Health Blog ดู Blog
ญามี่ Education Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: ร่มไม้เย็น 16 กุมภาพันธ์ 2558 17:33:25 น.  

 

แล้วก็เติมหัวใจอีกหนึ่งค่ะ


คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ ญามี่ เรียบร้อยแล้วนะคะ

 

โดย: ร่มไม้เย็น 16 กุมภาพันธ์ 2558 17:34:35 น.  

 

รหัสชวนเพื่อน-Line-Mobile รหัสส่วนลด-Line-Mobile

 

โดย: สมาชิกหมายเลข 5149428 28 กุมภาพันธ์ 2562 1:06:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ญามี่
Location :
ภูเก็ต Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 260 คน [?]






อัพบล็อกครั้งแรก ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๑
free counters
who's online
คนพูดน้อยคิดบ่อยแต่ไม่เงียบ
ไร้ระเบียบเคลิ้มครุ่นอณูคุ้นฝัน
ไม่ประวิงหากทิ้งจักลืมวัน
พลัดผ่านพลันหากจากยากฝากคอย...











[Add ญามี่'s blog to your web]