<<
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
18 ตุลาคม 2554

นายกฯเสียใจป้องนวนครไม่ได้สั่งเร่งกู้













น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความเสียใจภายหลัง ไม่สามารถปกป้องนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี จากน้ำท่วมเอาไว้ได้ โดยกล่าวว่า แม้จะมีเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่เอาไว้แล้ว แต่ด้วยน้ำที่มีปริมาณมาก น้ำทะเลหนุนสูง รวมทั้งน้ำฝนที่ตกลงมาทั้งคืน จึงทำให้กระแสน้ำมีความแรงเกินกกว่าแนวคันกั้นน้ำ จะรับไว้ได้

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มีการสั่งการในเรื่องการอพยพประชาชน รวมทั้งการเข้าไปกู้เครื่องจักร ซึ่งในวันนี้ได้ประชุมกับรัฐมนตรีทุกกระทรวง เพื่อให้ได้ภาพรวมในการระดมความช่วยเหลือประชาชนภาคการเกษตรและอุตสาหกรรม โดยมีการเตือนผู้เกี่ยวข้องเข้ามาหารือและรวบรวมข้อมูลอุตสาหกรรมที่ได้รับความเสียหาย

ส่วนกรณีจะประกาศอพยพประชาชนในพื้นที่เขตสายไหม ดอนเมือง และรังสิต หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอประเมินสถานการณ์ที่นวนครก่อน


ประธาน ศปภ. สั่ง นิคมนวนคร ปิดเครื่องจักร อพยพขึ้นที่สูง หลังน้ำไหลบ่าเข้าท่วมแล้ว ร้อยละ 10

พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะ ประธานศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ศปภ.) เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ล่าสุด ได้สั่งการนิคมอุตสาหกรรม นวนคร ปิดเครื่องจักร และอพยพของและคน ขึ้นที่สูงแล้ว เพราะล่าสุด น้ำได้ไหลบ่าลงมาเข้าท่วมประมาณร้อยละ 10 ของพื้นที่ทั้งหมด โดยตอนแรกตนตั้งใจเข้าไปเยี่ยมประชาชนในบริเวณดังกล่าว แต่เข้าพื้นที่ไม่ได้

ทั้งนี้ นิคมอุตสาหกรรมนวนคร ประกอบด้วยบริษัทต่างๆ กว่า190 บริษัท มีพนักงานกว่า 2 แสนคน


น้ำทะลักเข้าแนวคันกั้นน้ำส่วนที่1นิคมนวนคร
พล.อ.วิชา ศิริธรรม ที่ปรึกษาและประธานอนุกรรมการฝ่ายกิจการพิเศษ นิคมอุตสาหกรรมนวนคร กล่าวว่า ขณะนี้ น้ำได้ทะลักบริเวณแนวคันกั้นน้ำ ส่วนที่ 1 เสียหาย ประมาณ 5 เมตร เข้าไปในพื้นที่ และกำลังจะเข้าสู่แนวคันกั้นน้ำในส่วนที่ 2 และหากน้ำเข้าท่วมแนวคันกั้นส่วนที่ 2 ได้ น้ำก็จะทะลัก เข้าที่ นิคมอุตสหกรรมนวนคร ทันที ซึ่งขณะนี้กำลังประสานกับทางเจ้าหน้าที่ทหาร เพื่อขอให้ทำการยกตู้คอนเทนเนอร์ อุดรอยรั่ว พร้อมกับวางแนวคันกั้นน้ำ ในเบื้องต้นต้องการประมาณ 4 ใบ พร้อมกันนี้ ได้สั่งเตรียมให้อพยพประชาชนในนิคมอุตสาหกรรม ออกนอกพื้นที่แล้ว เกรงว่า หากน้ำเข้ามาจะไม่ปลอดภัย

แนวคันกั้นน้ำด้านหลัง นิคมอุตสาหกรรมนวนคร แตก



บริเวณด้านหลังของโรงบำบัดน้ำเสีย ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี คันดินกั้นน้ำได้พังลงมาส่งผลทำให้น้ำไหลทะลักเข้ามาถึงคันดินชั้นที่ 2 เจ้าหน้าที่ทหารและพนักงานโรงงานภายในนิคม ได้พากันย้ายจากแนวคันดินกั้นน้ำหลังวัดพืชนิมิตร มายังบริเวณที่เกิดปัญหา เพื่อช่วยกันอุดรอยรั่ว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารกำลังใช้รถแบคโฮ ทำคันดินเพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันน้ำไหลทะลัก รวมไปถึงพนักงานใน
โรงงาน ต่างช่วยกันอย่างเต็มที่ ท่ามกลางกระแสฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

ศปภ.แถลงนวนครน้ำเพิ่มสูงสั่งอพยพด่วน



นายวิม รุ่งวัฒนจินดา โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ประกาศแจ้งเตือนให้ โรงงานอุตสาหกรรม นิคมนวนคร หยุดเดินเครื่องจักรและให้ประชาชนในพื้น อพยพจากพื้นที่โดยทันที เนื่องจาก ระดับน้ำได้ไหลเข้าท่วมบริเวณดังกล่าว และมีระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยให้ ประชาชนปฏิบัติตามประกาศของ ศปภ. อย่างเคร่งครัด 5 ข้อ คือ ให้โรงงานอุตสาหกรรมหยุดเดินเครื่องจักร ประชาชนอพยพออกจากพื้นที่โดยทันที หน่วยงานราชการ ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ประชาชน และพนักงานโรงงาน ช่วยเหลือตนเอง ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปช่วยเหลือ และให้ประชาชนในพื้นที่ ปฏิบัติตามประกาศของ ศปภ. อย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ มีศูนย์พักพิงชั่วคราว จำนวน 4 จุด ได้แก่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต , วัดพระธรรมกาย , อ.ธัญบุรี และศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ

จนท.เร่งทำคันกั้นน้ำนวนครชั้นที่ 2

ความคืบหน้ากรณีพนังกั้นน้ำบ่อบำบัดน้ำเสียของนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี ขณะนี้การทำพนังกั้นน้ำ ชั้นที่ 2 หน้าบริษัทคูโบต้า ซึ่งพนังกั้นน้ำชั้นที่ 1 และ พนังกั้นน้ำที่ 2 อยู่ห่างกันประมาณ 500 เมตร บริเวณจุดห่างมีระดับน้ำสูงถึงประมาณ 2 เมตรและมีโรงงานที่ยังไม่ได้ปิดทำการอยู่ประมาณ 10 โรงงาน ขณะที่มีพนักงานติดอยู่ภายใน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันอพยพออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนระดับน้ำนอกคันกั้นน้ำในขณะนี้ มีระดับสูงขึ้นกล่าว 50 ซ.ม. และมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่อาสาและพนักงานต่างๆ ช่วยกันเสริมแนวกั้นน้ำอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศในขณะนี้ประชาชนเกิดความอลม่าน หลังน้ำได้ไหลทะลักเข้ามาเป็นครั้งที่ 2 และเจ้าหน้าที่ได้ทำพนังกั้นน้ำเพิ่มขึ้น 2 ชั้นแล้ว


รับสนองพระราชดำริเร่งระบายน้ำ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขสถานการณ์อุทกภัยร่วมประชุมผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เรนส์ กับผู้ว่าราชการ 14 จังหวัดทันทีภายหลังเดินทางกลับจากการเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยขอพระราชทานคำแนะนำแนวทางในการป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า วันนี้เราจำเป็นต้องกั้นแนวกั้นน้ำขอให้ ส.ส.ในพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนโดยเฉพาะพื้นที่ จ.ปทุมธานี ต้องป้องกันน้ำไม่ให้กระทบพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน โดยให้กรมชลประทานเร่งหาแนวทางเร่งระบายน้ำลงสู่ทะเล เร่งรัดขุดคลองโดยเร็ว เรามีความจำเป็นต้องแข่งกับน้ำทะเลหนุนสูง โดยเฉพาะกรมชลฯต้องดูแลการปิดเปิดประตูน้ำให้สัมพันธ์กันให้มีเวรยามตลอด 24 ช.ม. รวมทั้งเร่งระบายคลอดลัดโพธิ์และ พื้นที่อื่นๆทั้งการใช้เรือผลักดันน้ำ ใช้เครื่องสูบน้ำ ทุกจุดต้องทำทั้งหมดในเวลาเดียวกัน ส่วนแม่น้ำท่าจีน ไปดูแนวทางระบายน้ำไปด้วย ขุดลอกคูคลองได้อย่างไรเกิดประสิทธิภาพ ร่วมมือฝ่ายทหารด้วย ทั้งนี้ขอให้ กระทรวงสาธารณสุข เข้าสำรวจป้องกันโรคระบาดด้วยในทุกพื้นที่ประสบภัยด้วย

“ดิฉันรับพระราชทานแนวทางจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ที่ต้องการเร่งระบายน้ำและการเปิดปิดประตูให้สัมพันธ์กัน ซึ่งทุกหน่วยงานพร้อมรับปฏิบัติ พรุ่งนี้ (13 ต.ค.) ดิฉันจะไปสำรวจทั้งหมด การขุดลอกคลอง 7 คลอง เสร็จทันภายใน 14 ตุลาคมนี้ ทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก รวมทั้งการพยากรณ์อากาศระมัดระวังด้วยว่าพายุลูกใหม่ไม่กระทบต่อประเทศไทยแน่ ส่วนการป้องกันนิคมอุตสาหกรรม มีประสบการณ์แล้วอย่าใช้คันดินเท่านั้นต้องใช้อิฐบล็อกทำกำแพงด้วย” : (MCOT.Net)



เรื่องจากอินเตอร์เน็ต











Create Date : 18 ตุลาคม 2554
Last Update : 18 ตุลาคม 2554 1:49:25 น. 28 comments
Counter : 2554 Pageviews.  

 
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงสรุปสถานการณ์น้ำของศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยกรุงเทพมหานครว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ยังถือว่าไม่วิกฤติ แต่ยอมรับว่า ยังคงมีความไม่ปลอดภัย เนื่องจากระดับน้ำในคลองสาม และ คลองหกวา เขตสายไหม มีปริมาณน้ำสูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางกรุงเทพมหานคร ได้สร้างแนวป้องกันวางกระสอบทรายบริเวณคลองหกวาสายล่าง เป็นระยะทาง 6 กิโลเมตร และในวันนี้ จะเร่งเสริมแนวป้องกันเพิ่มขึ้นอีก 1 กิโลเมตร รวมเป็น 7 กิโลเมตร และเพิ่มความสูงอยู่ที่ระดับ 50 เซนติเมตร เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่ เขตสายไหมและดอนเมือง

อย่างไรก็ตาม ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยังคงมีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชน ในกรุงเทพมหานคร ที่รับฟังสถานการณ์น้ำท่วมมากจนเกินไป ซึ่งอาจจะกระทบต่อจิตใจของพี่น้องประชาชนได้



โดย: ญามี่ วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:2:02:31 น.  

 
ชาวบ้าน ชุมชนประตูน้ำพระอินทร์ เตรียมเก็บของ ย้ายออกนอกพื้นที่ เพราะระดับน้ำท่วม เพิ่มสูงขึ้น

สถานการณ์น้ำท่วมล่าสุด บริเวณชุมชนประตูระบายน้ำพระอินทร์ราชา ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ประกอบกับจุดที่น้ำล้นออกจากคลอง กระแสน้ำค่อนข้างเชี่ยวกราก ด้าน นางอมรรัตน์ รอดคู พนักงานโรงงานใน อ.วังน้อย ที่มาเช่าบ้านอาศัยอยู่ในบริเวณชุมชนแห่งนี้ เล่าว่า น้ำได้เอ่อเข้าท่วมชุมชนมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว แต่เมื่อวานที่ผ่านมา ระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วันนี้ จึงตัดสินใจเก็บข้าวของเพื่อเดินทางกลับบ้านที่ จ.ชัยนาท เนื่องจากกังวลว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากนี้ และจะไม่สามารถออกจากชุมชนได้ อย่างไรก็ตาม ประชาชนในชุมชนบางคน ก็ได้ทยอยขนย้ายสิ่งของอพยพแล้ว แต่บางส่วนก็ยังอยู่ เนื่องจากเป็นห่วงบ้านและทรัพย์สิน โดยบอกเพียงว่า ที่นี่เป็นบ้านเกิด ไม่รู้จะอพยพไปอยู่ที่ไหน ทำได้แต่เพียงขนย้ายข้าวของขึ้นไปอยู่บริเวณชั้น 2 ของบ้านเท่านั้น

ขณะเดียวกัน สภาพอากาศล่าสุด บริเวณชุมชนแห่งนี้ เริ่มมืดครึ้ม มีเม็ดฝนมาปกคลุม และหากฝนตกลงมา ระดับน้ำในชุมชนแห่งนี้ ก็จะเพิ่มสูงขึ้น อย่างแน่นนอน



หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ปลื้ม เรือดันน้ำได้ผล แต่ยังต้องการเรือเพิ่ม พร้อมเพิ่มไอเดียสร้างแพช่วยขนของ


นายปลอดประสพ สุรัสวดี หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ศปภ.) กล่าวถึง ความสำเร็จในการใช้เรือผลักดันน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ลงสู่ทะเลว่า การใช้เรือ 1,149 ลำ ได้ผลในระดับหนึ่ง แต่ยังคงต้องการเรือเพิ่มเติมอีกจำนวน 75,000 ลำ เพื่อเร่งรัดการดำเนินการ โดยขอให้ผู้ที่มีเรือเข้าร่วมโครงการโดยเฉพาะพื้นที่ปากอ่าว นอกจากนี้ ตนมีความคิดที่จะสร้างแพ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้ประชาชนผู้ประสบภัย เพื่อใช้ในการขนย้ายสิ่งของ โดยสั่งการให้อธิบดีกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ดำเนินการจัดทำแพขนาดกว้าง 2 เมตร ยาว 2 เมตร ซึ่งคาดว่าช่วงเย็น น่าจะมีความคืบหน้า

ขณะที่สถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานครนั้น ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำไปอีก 1 เดือน จึงขอให้ไม่ประมาทติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ



โดย: ญามี่ วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:2:04:14 น.  

 
ผู้อำนวยการ ศปภ. ย้ำ น้ำไม่ท่วมพื้นที่นวนครแน่นอน ส่วนน้ำท่วมปทุมธานีและนนทบุรี เป็นเพราะน้ำทะเลหนุนสูง

พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ. ย้ำว่า น้ำจะไม่ท่วมพื้นที่นวนครอย่างแน่นอน ส่วนสาเหตุที่น้ำทะลักเข้า จ.ปทุมธานี และส่งผลกระทบต่อ จ.นนทบุรี นั้น เนื่องจากน้ำทะเลหนุนสูงสุดในรอบปี ซึ่งเมื่อวานนี้ เกิดน้ำทะเลหนุนสูงถึง 2.20 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง และในวันนี้จะเป็นอีก 1 วัน ที่น้ำทะเลจะหนุนสูง และหากพ้นภาวะน้ำทะเลหนุนสูงไปได้ เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

ส่วนสาเหตุที่น้ำเอ่อท่วมด้านหลังตลาดไทนั้น เพราะน้ำจาก อ.วังน้อย ผ่านมาที่ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จึงไม่สามารถกั้นน้ำไว้ได้ 100 % เพราะหากกั้นไว้ จะส่งผลให้เขื่อนหรือประตูระบายน้ำพัง ซึ่งจะส่งผลกระทบเสียหายได้ ขณะเดียวกัน ในเวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.อ.ประชา จะลงพื้นที่สำรวจระดับน้ำบริเวณพื้นที่นวนครด้วย


เร่งเสริมกระสอบทรายป้องนวนคร-หลังตลาดไทยังสูง

ปฏิบัติการนำเรือขนาดใหญ่ ผลักดันน้ำลงทะเล ส่งผลระดับน้ำเจ้าพระยา หน้าประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ ลดลงเหลือ 1.78 เมตร จากระดับน้ำทะเล

ที่บริเวณประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นจุดที่มีการนำเรือขนาดใหญ่มาช่วยในการผลักดันน้ำ ให้ไหลผ่านคลองลัดโพธิ์ ออกสู่แม้น้ำเจ้าพระยา และไหลลงสู่ทะเลได้เร็วขึ้น ตามโครงการประชาอาสาผันน้ำลงสู่ทะเล วานนี้ โดยจากการสอบถรามเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานประจำประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ กล่าวว่า ภายหลังจากดำเนินโครงการดังกล่าวนั้น ส่งผลให้ระดับน้ำเจ้าพระยาบริเวณท่าประตูระบายน้ำ ในระดับลดลงอยู่ที่ 1.78 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ลดลงจากเดิมวานนี้ที่ 2.40 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง อัตราการไหลเฉลี่ยของน้ำอยู่ที่ 53.96 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เมื่อวาน 54.37 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระบายน้ำได้ 624 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยเปิดระบายน้ำตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ปกติ ประตูระบายน้ำ คลองลัดโพธิ์นั้น จะมีการระบายน้ำ 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่หลังจากที่มีปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นต้องมีการระบายน้ำเกินกว่าอัตราที่กำหนด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน


ชุมชนปุรนาวาสน้ำลดต่ำกว่าคันกั้นน้ำ

สถานการณ์น้ำ บริเวณชุมชนวัดวัดปุรณาวาส ในเช้าวันนี้ ระดับน้ำลดลงจากเมื่อวาน อยู่ที่ 1.87 ซ.ม. เนื่องจาก เมื่อวานนี้ ไม่มีฝนตกลงมา และได้ปล่อยเรือผลักดันน้ำลงสู่ทะเลแล้ว แต่ก็ได้มีการเตรียมกระสอบทรายสำรองไว้ เผื่อระดับน้ำสูงขึ้น ซึ่งขณะนี้ได้สร้างแนวคันกั้นน้ำไว้สูงถึงช่องกำแพงวัดแล้ว ทั้งนี้ ยังมีการจัดเจ้าหน้าที่คลองเฝ้าระวังตลอด 24 ช.ม. และตรวจสอบความแข็งแรงของแนวกระสอบทรายอีกด้วย



โดย: ญามี่ วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:2:06:17 น.  

 
ระดับน้ำหลังตลาดไทยังท่วมสูง

สถานการณ์น้ำ ย่านตลาดไท จ.ปทุมธานี ขณะนี้ บริเวณด้านหลังของตลาด ซึ่งเป็นโซนตลาดสัตว์เลี้ยง และตลาดต้นไม้ น้ำได้ท่วมสูง ซึ่งถนนบางสายได้ปิดตัวไปแล้ว ส่วนบางสายที่ยังเปิดใช้อยู่ รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้ พ่อค้า แม่ค้าในตลาด กล่าวว่า น้ำเริ่มท่วมตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ซึ่งร้านค้าในแถบนี้ต้องทยอยปิดตัว เกรงว่า น้ำจะเข้าไปในร้านของตน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของตลาด ก็เผยว่า หากภายในวันนี้น้ำยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะทำการตัดไฟในส่วนของด้านหลังตลาดทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ภายในตัวตลาดไทนั้น ยังคงมีการซื้อขายกันอย่างปกติ เนื่องจาก น้ำได้ท่วมเฉพาะบริเวณด้านหลัง ส่วนภายในได้มีการป้องกันไว้แล้ว โดยทางตลาดได้ทำการกั้นสูง 1.50 ซ.ม. ในส่วนของด้านหน้า ก็ได้มีการทำคันกั้นป้องกันไว้แล้วเช่นกัน


น้ำทะลักโรงพักสามโคกเร่งย้ายผู้ต้องหา

พ.ต.อ.สมหมาย นาคสีหมอก ผกก.สภ.สามโคก ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่วิทยุว่า ขณะนี้น้ำได้เพิ่มระดับสูงขึ้น เข้าท่วมพื้นที่ทำงานสูงกว่า 10 ซ.ม. ทำให้ในห้องควบคุมผู้ต้องขังถูกน้ำท่วมไปด้วย จึงได้ประสานไปยังสถานีตำรวจข้างเคียง ให้รับฝากผู้ต้องขัง โดยมี สถานีตำรวจภูธรสวนพริกไทย ที่น้ำยังไม่ท่วม ได้รับฝากผู้ต้องขังไว้ให้ ซึ่งสถานีตำรวจภูธรสามโคก เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ชั้นแรกสูงกว่าพื้นถนนกว่า 1.20 ม. แต่ขณะนี้น้ำได้เข้าท่วมบนพื้นที่ทำงานทุกส่วน ทำให้การเดินทางมาติดต่อราชการ จะต้องใช้เรือพายเท่านั้น


ลำน้ำมูลเพิ่มระดับขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว

ระดับน้ำมูล วัดที่ใต้สะพานเสรีประชาธิปไตย อำเภอเมืองอุบลราชธานี มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น จำนวน 9-10 เซนติเมตร ซึ่งนับเป็นระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ปริมาณน้ำได้ไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่เป็นวงกว้างและกระแสน้ำไหลเชี่ยวแรงมาก โดยกระแสน้ำที่ไหลหลากในขณะนี้ เป็นผลมาจากปริมาณน้ำที่ปล่อยจากเขื่อนอุบลรัตน์และเขื่อนลำปาว น้ำชี ได้ไหลผ่านมาถึงในพื้นที่ รวมทั้งมวลน้ำมูลจากจังหวัดศรีสะเกษและคาดว่าอีกประมาณ 3 วัน มวลน้ำสุดท้าย แม่น้ำมูลที่อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ จะไหลผ่านบริเวณสถานีสะพานเสรีประชาธิปไตย ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้แจ้งเตือนให้ประชาชนได้ขนย้ายสิ่งของไว้ที่สูง และขณะนี้ ยังมีประชาชนที่อาศัยในจุดรองรับการอพยพชั่วคราวในพื้นที่ 3 อำเภอ ร่วม 4,880 ครัวเรือน

อย่างไรก็ตาม จากปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี โดยเฉพาะถนนชยางกูร และถนนกันทรลักษ์ เส้นทางในเขตเทศบาลเมืองวารินชำราบ ที่น้ำท่วมขังสูง เป็นอุปสรรคในการเดินทางสัญจรในบริเวณดังกล่าว

เร่งเสริมแนวกระสอบทรายป้องนวนคร

เจ้าหน้าที่ทหาร จากกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ และกลุ่มแรงงานในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร ยังคงช่วยกันกรอกทรายใส่กระสอบ เพื่อนำไปเสริมคันกั้นน้ำ ทางด้านทิศเหนือและทิศตะวันตกของนิคมอุตสาหกรรม หลังจากพบว่ามีน้ำไหลรั่วซึมในบางจุดของแนวคันกั้นน้ำ โดยเฉพาะที่บริเวณใกล้กับชุมชนวัดพืชนิมิต ที่ตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเสริมคันดินและปักเสาเข็ม เพื่ออุดรอยรั่ว จนขณะนี้สามารถควบคุมไม่ให้น้ำไหลซึมเข้ามาในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมได้แล้ว

เช่นเดียวกับ บริเวณใกล้ทางรถไฟด้านทิศตะวันตกของนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งอยู่ใกล้คลองเปรมประชากร รวมทั้ง บริเวณจุดบำบัดน้ำเสีย ด้านทิศเหนือของนิคมอุตสาหกรรม ที่พนักงานและชาวชุมรอบๆ นิคมอุตสาหกรรมนวนคร กว่า 500 คน ต่างช่วยกันนำกระสอบทรายไปเสริมทำแนวคันกั้นน้ำให้สูงขึ้น หลังจากพบว่า น้ำที่ไหลมาจากทุ่งในเขตอำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีปริมาณเพิ่มขึ้นชั่วโมงละ 1 เซนติเมตร ทำให้ชาวบ้านที่นี่ยังไม่ไว้วางใจสถานการณ์และได้จัดเวรยามออกตรวจตราน้ำตลอดทั้งคืน

ด้าน นายนิพิฐ อรุณวงษ์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการบริษัทนวนคร จำกัด กล่าวว่า ยังมีความหวังที่จะรักษานิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ให้รอดพ้นจากอุทกภัยในครั้งนี้ ด้วยการทุ่มสรรพกำลังทั้งหมด เพื่อปกป้องแหล่งผลิตด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาหารและยาที่สำคัญของประเทศ และต้องดูแลชีวิตคนงานที่นี่ ซึ่งมีอยู่เกือบ 3 แสนคน ซึ่งหากนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้เสียหายไป ก็จะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจของชาติมากพอสมควร

ชุมชนประตูน้ำพระอินทร์ราชา มีระดับน้ำเพิ่มขึ้น
สถานการณ์น้ำท่วมล่าสุด บริเวณชุมชนประตูน้ำพระอินทร์ราชา ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา จากการลงพื้นที่พบว่า ระดับน้ำบริเวณดังกล่าว มีปริมาณเพิ่มขึ้นจากเมื่อวานที่ผ่านมาพอสมควร ด้าน จ.ส.อ.ชูวิทย์ เผื่อกระโทก เจ้าหน้าที่จากศูนย์ทหารม้า ค่ายอดิศร จ.สระบุรี ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดช่วยเหลือประชาชน เปิดเผยว่า ได้นำกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชน บริเวณชุมชนประตูน้ำพระอินทร์ราชา เป็นวันที่ 2 แล้ว ซึ่งระดับน้ำในวันนี้ได้เพิ่มขึ้นจากเมื่อช่วงเย็นวานนี้ ประมาณ 30 ซ.ม. โดยเจ้าหน้าที่ ชุดนี้จะทำหน้าที่ในการอพยพประชาชน และช่วยขนย้ายสิ่งของ รวมไปถึง ช่วยอำนวยความสะดวก ในการเข้าออกชุมชนตลอด 24 ช.ม.

อย่างไรก็ตาม จ.ส.อ.ชูวิทย์ เผยว่า ความเป็นอยู่ของประชาชนในชุมชน ก็ยังเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจาก ระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ประกอบกับ จุดที่น้ำล้นออกจากคลอง กระแสน้ำเชี่ยว เจ้าหน้าที่จึงต้องนำเชือกมาขึง เพื่อให้ประชาชนได้เกาะเดินเข้าออกชุมชนด้วย



โดย: ญามี่ วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:2:08:53 น.  

 
ศูนย์วิจัยความสุขชุมชนสำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผย ผลวิจัยสำรวจเรื่องวิกฤติภัยพิบัติ กับโอกาสที่ดีกับคนไทยว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 80 รู้สึกดี เมื่อเห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ร่วมกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้ชาวบ้านร้อยละ 89.3 คิดว่า เป็นโอกาสที่จะสามารถเปลี่ยนวิกฤติปัญหาให้เป็นโอกาสที่ดี ทำให้คนไทยมีน้ำใจช่วยเหลือกัน

ส่วนประชาชนมีความพึงพอใจหน่วยงานทหารที่ช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมมากที่สุด โดยให้คะแนนความเห็นใจกำลังใจแก่ นายกรัฐมนตรี 9 คะแนนจาก 10 คะแนน และหากหลังน้ำลดพบว่าร้อยละ 82.8 อยากให้สานต่อโครงการพระราชดำริ เช่นโครงการแก้มลิงขุดลอกคูคลองต่อไป โดยร้อยละ 56.8 ให้รัฐบาลอยู่จนครบวาระ


ดุสิตโพลคนเครียดน้ำท่วมจี้ดูของโก่งราคา

สวนดุสิตโพล เผย ผลสำรวจ ปชช. 15 จังหวัด เครียดจากภาวะน้ำท่วม 44.36 % พร้อมจี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ ควบคุมราคาสินค้า เร่งฟื้นฟู 47.72 %


จากวิกฤติน้ำท่วมร้ายแรงที่เกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้ สร้างความสูญเสียให้กับประชาชนในหลายพื้นที่ ของประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ความรุนแรงของเหตุการณ์น้ำท่วมที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้นั้น โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานครที่อาจมีแนวโน้มจะประสบกับปัญหาน้ำท่วมหนักระดับความรุนแรงเทียบเท่ากับ "น้ำท่วม ปี 2538" "สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงได้สำรวจความคิดเห็นจากผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งโดยตรงและโดยอ้อม จากเหตุการณ์น้ำท่วมโดยใช้การโทรศัพท์สัมภาษณ์และลงพื้นที่ในบางส่วนจากตัวแทน 15 จังหวัด ทั่วประเทศ จำนวน 1,634 คน ระหว่างวันที่ 10-15 ตุลาคม 2554 สรุปผลได้ดังนี้

ประชาชน 44.36 % ค่อนข้างเครียดต่อการรับฟังข้อมูข่าวสารน้ำท่วม เพราะกลัวตัวเองจะถูกน้ำท่วมแะลเห็นใจผู้ที่ถูกน้ำท่วมซึ่งถือว่า เป็นเหตุการณ์น้ำท่วมที่รุนแรงของประเทศ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเกี่ยวกับการป้องกันการขายสินค้า อุปโภคและบริโภค เกินราคาช่วงน้ำท่วม ประชาชน 47.72 % จี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ จะต้องมีการตรวจสอบราคาสินค้าอย่างเข้มงวด และให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ดูแลความเรียบร้อย : (INNNEWS)


พิษน้ำท่วม ทำผักในตลาดสดแพงขึ้นเท่าตัว

น้ำท่วมหลายพื้นที่ ทำให้ผักเสียหาย และการขนส่งลำบาก ดันราคาผักในตลาดสด แพงขึ้นเท่าตัว

จากการสำรวจการจำหน่ายสินค้าจำเป็น ในสถานการณ์น้ำท่วมภายในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ย่านลาดพร้าว พบว่า ทางห้างได้มีการนำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยี่ห้อต่างๆ มาจัดวางจำหน่ายแล้ว แต่ยังคงจำกัดปริมาณการซื้อที่ครอบครัวละ 3 ชิ้น เนื่องจากไม่ต้องการให้สินค้าหมดจากชั้นวางเร็วเกินไป จนเกิดความแตกตื่นของประชาชน ในขณะที่สินค้าปลากระป๋อง ก็ได้มีการเตรียมนำมาวางจำหน่วยด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะมีปริมาณไม่เต็มที่ เนื่องจากมีประชาชนเลือกซื้อไปเป็นจำนวนมาก จนของหมดชั้นวางก่อนหน้านี้ ซึ่งจากการสอบถามพนักงานขายทราบว่า ทางห้างได้มีการเพิ่มรอบในการวางสินค้าให้ถี่ขึ้นแล้ว เพื่อให้มีของเพียงพอต่อความต้องการ


ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ ส่งผลต่อแหล่งปลูกผัก ได้รับความเสียหาย จากการสำรวจการจำหน่ายผักสด ในตลาดสะพาน 2 ย่านลาดพร้าว พบว่า ยังคงมีผักสดวางจำหน่าย แต่จากการสอบถามปริมาณผักที่เข้ามาในตลาดน้อยลง เนื่องจากผักได้รับความเสียหายจากปัญหาน้ำท่วม และไม่สามารถขนส่งได้ โดยผักบางชนิดต้องรับมาในราคาสูงเป็นเท่าตัว จากช่วงสถานการณ์ปกติ จึงจำเป็นต้องมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น โดยผักคะน้า จำหน่ายที่กิโลกรัมละ 40 บาท กะหล่ำปลี กิโลกรัมละ 35 บาท กวางตุ้งกิโลกรัมละ 30 บาท แตงกวาเล็กกิโลกรัมละ 20-25 บาท ต้นหอมกิโลกรัมละ 50 บาท และผักชีกิโลกรัมละ 100 บาท ซึ่งผักที่ได้รับความเสียหายส่วนใหญ่จะเป็นผักใบ


4 เขื่อนโคราชล้นเตือนปชช.เฝ้าระวัง

สถานการณ์น้ำภายในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ในพื้นที่ 3 อำเภอของ จ.นครราชสีมา ว่า ทางสำนักชลประทานที่ 8 นครราชสีมา รายงานว่า ล่าสุดขณะนี้ ปริมาณน้ำภายในอ่างเก็บน้ำมีระดับกักเก็บเกินความจุทั้งหมด และยังมีแนวโน้มปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ยังมีฝนตกลงมาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดปริมาณน้ำภายในอ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว ปริมาณน้ำอยู่ที่ 333.36 ล้าน ลบ.ม. จากความจุปกติ 314.49 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 106.00 % ขณะที่ปริมาณน้ำไหลเข้าสู่อ่างเมื่อวานนี้วัดได้ 3.97 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่การพร่องน้ำของอ่างเก็บน้ำอยู่ที่วันละ 1.1 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ซึ่งยังมีแนวโน้มที่ปริมาณน้ำภายในอ่างเก็บน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอีก แต่หลังจากที่ได้มีการเสริมสันบานประตูระบายน้ำฉุกเฉินของอ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้นอีก 1 ม. ทำให้อ่างเก็บน้ำลำตะคองจะยังคงสามารถรองรับน้ำได้เพิ่มขึ้นเป็น 353 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งสามารถรองรับปริมาณน้ำได้อีก 20 ล้าน ลบ.ม.

ขณะที่ทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาทุ่งสัมฤทธิ์ ที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ได้ออกประกาศแจ้งไปยังหน่วยงานราชการ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้นำชุมชน ให้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มติดกับลำน้ำมูล รวม 12 ตำบล ให้เฝ้าระวังภาวะน้ำเอ่อล้นตลิ่งตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากขณะนี้ปริมาณน้ำภายในลำน้ำมูลยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง : (INNNEWS)



โดย: ญามี่ วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:2:10:48 น.  

 
นายกฯปล่อยเรือพันลำดันน้ำลงทะเล

นายกฯปล่อยเรือ 1,149 ลำร่วมโครงการอาสาช่วยกันดันน้ำลงทะเลบรรเทาปัญหาน้ำท่วม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 ต.ค. บริเวณใต้สะพานพระนั่งเกล้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานปล่อยขบวนเรือ 1,149 ลำร่วมโครงการประชาอาสา จัดโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเรือเหล่านี้จะร่วมดันน้ำจากแม่น้ำ 3 สาย ประกอบด้วยแม่น้ำเจ้าพระยา 926 ลำ ใน 50 จุด แม่น้ำบางปะกง 121 ลำใน 13 จุด และแม่น้ำท่าจีน 102 ลำใน 15 จุด ลงสู่ทะเลอ่าวไทย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ นายพิชัย นริพทพันธ์ รมว.พลังงาน และพล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผบ.ทร. ร่วมพิธี ก่อนการปล่อยเรือมีการประกอบพิธีบวงสรวงพระแม่คงคาตามความเชื่อของชาวเรือ รัฐบาลเชื่อว่าจะสามารถดันน้ำเพิ่มได้อีก 50 ล้านลบ.ม.ต่อวินาที

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการเรือผลักดันนำสู่ทะเลเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีที่สุดที่ช่วยระบายน้ำลงสู่ทะเลเร็วขึ้น เป็นการน้อมนำพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เคยดำเนินการเมื่อ 10 ปีที่แล้วมาปฏิบัติ ทั้งนี้ ตนขอบคุณทุกภาคส่วนที่นำเรือมาร่วมผลักดันน้ำสู่ทะเล เชื่อว่าจะบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัยได้

ต่อมา นายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางไปวัดไทรม้าเหนือ ลงเรือตรวจดูดันน้ำและให้กำลังใจผู้ประกอบการที่นำเรือมาร่วมในโครงการดังกล่าว สำหรับระดับน้ำที่ไหลผ่านจาก อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ในวันนี้ (16 ต.ค.) มีปริมาณลดลงเหลือเพียง 3,833 ล้านลบ.ม.ต่อวินาที จากเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ปริมาณน้ำไหลผ่าน 4,084 ล้านลบ.ม.ต่อวินาที ส่วนปริมาณน้ำที่ท่าน้ำปากเกร็ดสูง 3.2 เมตร ที่ท่าน้ำนนทบุรีสูง 2.81เมตร



โดย: ญามี่ วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:2:12:42 น.  

 
ปชป.จวกใช้ช่อง11มั่วหาเสียง

โฆษกปชป.จวกรัฐบาลจัดการปัญหาน้ำท่วมแบบเรียลลิตี้ ให้ลูกพรรคใช้ทีวี 11 มั่วหาเสียง

เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการแก้ปัญหาอุทกภัยน้ำท่วมของรัฐบาลว่า การประเมินสถานการณ์และการให้ข้อมูล รวมถึงการเตรียมระบบเตือนภัยให้กับประชาชน ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาดูเหมือนรัฐบาลไม่ได้ดำเนินการเพื่อประชาชนแต่กลับมุ่งใช้สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 โฆษณาหาเสียงให้ลูกพรรค มีการจัดฉากทำรายการแบบเรียลลิตี้เหมือนกับการทำรายการให้ประชาชนพอใจ ถ้าตนได้ยินไม่ผิดมีการเปิดเพลงบ้านทรายทอง ทำให้สถานการณ์หนักขึ้นไปอีก รัฐบาลควรกล้าพูดความจริงและใช้สื่อของรัฐให้ข้อมูลพูดความจริงไม่ควรใช้เล่นปาหี่เอาคนของพรรคมาออกรายการแล้วพูดไม่รู้เรื่อง สิ่งเหล่านี้สะท้อนความตั้งใจของรัฐบาลถ้ารัฐบาลจริงใจไม่ต้องเอาอดีตพระเอกมาเดินทำรายการเพราะไม่มีประโยชน์

นายชวนนท์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลต้องพูดความจริงถึงการประเมินสถานการณ์ถึงมวลน้ำที่กำลังจะเข้ามาจากทางภาคเหนือ , ควรมีการแจ้งเตือนไปยังชุมชนและนิคมอุตสาหกรรมเพื่อให้มีการเตรียมตัว และรัฐบาลต้องปฎิบัติตามแนวทางสากลให้เกิดประโยชน์กับ ประชาชน การไม่แจ้งเตือนทำให้องค์การค้าของประเทศญี่ปุ่นตำหนิรัฐบาลไทยที่ทำให้โรงงานของประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศเสียหาย การเตรียมตัวเป็นสิ่งสำคัญ อย่าเอาปัญหามาสร้างละครทางการเมืองให้เห็นว่าสถานการณ์ไม่หนักจริงขอให้ใช้เวทีต่างๆ ให้เป็นประโยชน์การเป็นผู้นำต้องเข้มแข็งการร้องไห้ไม่ช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น. : (เดลินิวส์)



โดย: ญามี่ วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:2:14:16 น.  

 
นายกรัฐมนตรี ย้ำ ขอความร่วมมือทหารทุกเหล่าทัพ สำรวจหาผู้ประสบภัยที่ตกค้างในพื้นที่น้ำท่วม พร้อมสั่ง ผู้ว่าฯ เร่งทำความเข้าใจประชาชนกรณีการเลือกพื้นที่ระบายน้ำ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในวันนี้ว่า ได้ร่วมประชุมกับผู้นำทุกเหล่าทัพ รวมทั้งตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ที่ค้างอยู่ภายในพื้นที่น้ำท่วม ซึ่งได้ขอความร่วมมือไปยัง ทหารทุกเหล่าทัพ ให้ลงไปสำรวจพื้นที่ประสบภัยแต่ละจังหวัด เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ภายในบ้าน โดยกองทัพเรือและกองทัพอากาศ จะเข้าไปดูแลและนำมาสู่ศูนย์อพยพของภาครัฐและเอกชน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้ใช้ข้อมูลที่ได้จากการทำสำมะโนประชากรของกระทรวงมหาดไทยเข้ามาช่วยในการค้นหา ซึ่งจะทำให้การค้นหาได้อย่างละเอียด และทราบว่ามีผู้ใดสูญหายไปหรือไม่

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำให้ ผู้ว่าฯ เร่งเจรจาและทำความเข้าใจกับประชาชน ที่ไม่เข้าใจในการเลือกพื้นที่ระบายน้ำของรัฐบาลและได้สร้างผลกระทบในบางจุดด้วย



โดย: ญามี่ วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:2:15:56 น.  

 
นิคมบางปะอินน้ำทะลัก-ปทุมเร่งซ่อมคันกั้นบ้านพร้าว

จ.ปทุมธานี ยังอ่วม น้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่ชั้นในศาลากลางจังหวัดแล้ว ขณะ ผู้ว่าฯ รับ หนักใจ น้ำมาแรงมาก แต่ยัน จะเร่งซ่อมพนังกั้นน้ำที่พังหลายจุด

สำหรับ สถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดที่ จ.ปทุมธานี ล่าสุด เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา น้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ชั้นในทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะตัวเมืองของศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ ตั้งแต่ ถนนพัฒนสัมพันธ์ ตลาดเจริญผล แหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญ ระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทางด้านฝั่งตะวันออก อ.คลองหลวง ยังสามารถควบคุมสถานการณ์น้ำได้

ทางด้าน นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยขณะลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดว่า ยอมรับ หนักใจมาก เนื่องจากน้ำได้ไหลแรงและเร็ว อีกทั้ง ประตูระบายน้ำและพนังกั้นน้ำในหลายจุดนั้น ก็ยังไม่สามารถดำเนินการซ่อมได้ โดยในวันนี้ เจ้าหน้าที่จะพยายามซ่อมประตูระบายน้ำต่อ โดยเฉพาะประตูระบายน้ำคลองบ้านพร้าว อ.สามโคก ที่เมื่อคืนได้หยุดดำเนินการไป เนื่องจาก เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก โดยทางเจ้าหน้าที่ จะดำเนินการต่อในเช้าวันนี้

คันกั้นน้ำบ้านพร้าวเสร็จ70%ซ่อมต่อวันนี้09.00น.
สถานการณ์คันกั้นน้ำคลองบ้านพร้าว ขณะนี้ยังคงดำเนินการซ่อมอยู่ เนื่องจาก กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว ประกอบกับความเหนื่อยล้าของเจ้าหน้าที่ ที่ต้องดำเนินงานมาตลอดทั้งวัน จึงต้องพักการดำเนินงานลง ทำให้กำหนดการแล้วเสร็จต้องเลื่อนออกไปอีก จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่า จะแล้วเสร็จตั้งแต่เมื่อคืน ขณะนี้แล้วเสร็จไปเพียง 70% โดยเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการต่อ ในเวลา 09.00 น.ของวันนี้

อย่างไรก็ตาม จากการสอบ นายชาญ พวงเพ็ชร์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กรมชลประทาน ได้เดินทางมาถึงแล้ว และคาดว่าการดำเนินการร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย จะทำให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า การซ่อมคันกั้นน้ำ คลองบ้านพร้าว จะแล้วเสร็จในวันนี้ อย่างแน่นอน

ไก่ฟาร์มบางปะอินน้ำท่วมตายกว่าล้านตัว

นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้รับรายงานจากปศุสัตว์ จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า ไก่ไข่จากฟาร์มกรรณสูตร ต.บ้านสร้าง อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ตายแล้วกว่า 1,000,000 ตัว จากภาวะน้ำท่วม เนื่องจาก ไม่สามารถขนย้ายออกมาได้ทัน ซึ่งคาดว่าจะส่งกลิ่นเหม็นเน่าและเป็นสาเหตุของโรคติดต่อ ล่าสุด ทาง จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รายงานไปยัง ศปภ. แล้ว และในช่วงเช้าวันนี้ คณะของ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ร่วมกับ นายปรีชา สมบูรณ์ประเสริฐ อธิบดีกรมปศุสัตว์ จะเดินทางโดยเรือ เข้าไปดูสถานที่ ที่ฟาร์มกรรณสูตร เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดย ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้กำชับให้ ปศุสัตว์จังหวัด และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด เร่งแก้ไขภาวะแวดล้อม โดยให้เน้นพื้นที่ในเขตชุมชนเป็นพื้นที่เร่งด่วน

สำหรับการตายของไก่ไข่ที่ฟาร์มกรรณสูตในครั้งนี้ คาดว่า จะใช้สาร E.M. (อี.เอ็ม.) หรือ สารอื่น เพื่อความเหมาะสมในการลดกลิ่นเหม็นของไก่ตาย เนื่องจาก ยังไม่มีวิธีการนำซากไก่ออกมาได้


ทหารเฝ้าระวังแนวกั้นน้ำ 'ไฮเทค' เข้ม

ความคืบหน้า เหตุระเบิดภายในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ล่าสุด จากการตรวจสอบ พบว่า โรงงานดังกล่าวเป็นโรงงานพลาสติก เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและพบว่า สาเหตุเกิดจากความขัดข้องของเครื่องจักร หรือ ไฟฟ้าลัดวงจร และมีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บเล็กน้อย เพียง 3 ราย 1 ในนั้นทราบชื่อคือ นายดนุพล ฤทธิ์เดช เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ขณะนี้ ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลนวนครแล้ว ส่วนสถานการณ์ที่ นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ขณะนี้ ระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การสัญจรเข้าไปด้านใน ต้องใช้เรือเข้าไปอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ของโรงงานต่าง ๆ ทยอยเข้ามาตรวจสอบสภาพความเสียหาย ขณะที่ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ที่ยังคงวางระบบน้ำท่วมอย่างเข้มข้น ขณะนี้ ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร เข้าไปเฝ้าระวังตามแนวคันกั้นน้ำต่าง ๆ ดูแลไม่ให้น้ำทะลักเข้ามาภายในนิคมอุตสาหกรรม


น้ำทะลักสายเอเชียหลายจุด-จราจรอัมพาต

ทางหลวงอยุธยา แจ้งข้อมูล จากสถานการณ์อุทกภัยปัจจุบัน ยังส่งผลให้เส้นทางการจราจรทางบกบางส่วน ถูกน้ำทะลักเข้าท่วม ถนนสายเอเชีย กม.3-4 ขณะนี้ ยังมีน้ำท่วมสูงประมาณครึ่งล้อ ส่วนสายเอเชีย กม.9-10 มีระดับน้ำท่วมสูง 40-50 ซ.ม. รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ แต่หากเป็นรถที่ยกสูง หรือ รถบรรทุก ผ่านได้ แต่ใช้ความเร็วไม่ได้มากนัก และช่วงหน้านิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ยังมีเจ้าหน้าที่เร่งปฏิบัติก่อแนวคันกั้นน้ำ มีรถแบคโฮขนาดใหญ่จอดทั้งสองฝั่งถนน ส่งผลให้การจราจรที่จะมุ่งหน้าเข้าเมืองอยุธยา ติดขัด

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ ได้เปิดช่องทางพิเศษ ให้ผู้ใช้รถเข้ากรุงเทพฯ วิ่งย้อนศรได้ แต่แนะนำให้ผู้ใช้เส้นทาง พยายามหลีกเลี่ยงได้จะดีกว่า แต่หากท่านใดที่ประสงค์จะนำของมาบริจาค อยากให้นำไปไว้ที่ศูนย์กลาง ที่ ศาลากลางจังหวัด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ลำเลียงไปบริจาคจะดีกว่า เนื่องจากเส้นทางในบางจุดมีปัญหา

อย่างไรก็ตาม ถนนสายเอเชีย ช่วงสะพานเดชาติวงศ์ ขณะนี้ยังไม่สามารถผ่านสัญจรได้เช่นกัน เนื่องจาก เจ้าหน้าที่ยังเร่งดำเนินการทำคันกั้นน้ำอย่างต่อเนื่อง


นิคมบางปะอินน้ำทะลัก80ซม.สั่งอพยพแล้ว

สถานการณ์ที่ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน หลังจากเมื่อวานมีร่องรอยความเสียหาย ประมาณ 20 เมตร บริเวณคันกั้นน้ำฝั่งตะวันออก ทำให้มีน้ำไหลทะลักเข้ามา ทางเจ้าหน้าที่ของนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และทหารก็ระดมกำลังอุดรอยรั่วเหลือประมาณ 6 เมตร แต่เนื่องจาก กระแสน้ำที่ไหลแรง ทำให้ไม่สามารถอุดรอยรั่วได้ทั้งหมด ขณะนี้ มีระดับน้ำสูงประมาณ 80 เซนติเมตรแล้ว ทางนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ได้สั่งให้ถอนกำลังบางส่วน และรถที่นำไปซ่อมรอยรั่ว รวมทั้งแจ้งเตือนให้อพยพประชาชน ออกจากพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ส่วนสถานการณ์ที่นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ขณะนี้ ระดับน้ำบริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าที่ 1 ยังคงท่วมสูง และยังมีกระแสน้ำไหลกัดเซาะคันกั้นน้ำอย่างต่อเนื่อง


บางปะอินสูงกว่าเมตรแล้ว-เร่งอพยพคน

นายสมหวัง ถุงสุวรรณ ประธานชมรมผู้บริหารงานนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ถึงสถานการณ์ล่าสุดภายในนิคมฯ ว่า ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ระดับน้ำภายในนิคมฯ ยังเพิ่มสูงต่อเนื่อง จนมาอยู่ในระดับ 1 เมตรแล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากการเกิดรอยรั่วขึ้นประมาณ 3 จุด ที่ไม่สามารถแก้ไข หรืออุดรอยรั่วต่างๆ เหล่านั้นได้แล้ว โดยขณะนี้ได้ประสานงานเจ้าหน้าที่ทหารนำรถ GMC ให้เข้ามาขนย้ายคนงานที่พักพิงภายในนิคมฯ ออก ซึ่งก็ได้ดำเนินการมาจนกระทั่งการเคลื่อนย้ายอพยพคนใกล้จะหมดจากนิคมฯ แล้ว โดยคาดว่าจะสามารถขนย้ายคนออกจากนิคมฯ ได้ทันก่อนที่น้ำจะท่วมสูงมากขึ้นกว่านี้ อย่างไรก็ตามระดับน้ำในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ยังคงเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากช่วงบ่ายที่ผ่านมา


จนท.เร่งอุดรอยรั่วนิคมฯ บางปะอิน

นายทวี นริสศิริกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ถึงสถานการณ์แนวคันกั้นน้ำ บริเวณด้านหลังนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ถูกน้ำเซาะทำให้พังทลายเสียหายหลายเมตร ส่งผลให้น้ำทะลักเข้ามาภายในนิคมฯ ซึ่งขณะนี้กระแสน้ำแรงมาก ทำให้ปฏิบัติการซ่อมแซมเพื่ออุดรอยรั่ว เป็นไปด้วยความยากลำบาก อีกทั้งประสบกับปัญหาพื้นที่จำกัด เนื่องจากคับแคบ ทำให้การปฏิบัติการเป็นไปด้วยความทุลักทุเล ซึ่งเบื้องต้นยอมรับว่ายังไม่แน่ใจว่าจะสามารถอุดรอยรั่วได้แล้วเสร็จภายในคืนนี้หรือไม่ และค่อนข้างเป็นห่วงว่า หากไม่สำเร็จภายในคืนนี้ ก็จะทำให้ระดับน้ำสูงอย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะพยายามเร่งมืออย่างเต็มที่ : (INNNEWS)



โดย: ญามี่ วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:2:17:53 น.  

 
ทางหลวงแนะเส้นทางเลี่ยงน้ำท่วม พร้อมวอนผู้ใช้รถหลีก 73 เส้นทางที่ผ่านไม่ได้ ในพื้นที่ 17 จังหวัด เพื่อความสะดวก-ปลอดภัยในการเดินทาง

วันนี้ (15 ต.ค.) นายวันชัย ภาคลักษณ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยปัจจุบันยังส่งผลให้เส้นทางการจราจรทางบกบางส่วนถูกน้ำทะลักเข้าท่วม จนไม่สามารถใช้สัญจรไปมาตามปกติ ซึ่งจากสรุปรายงานของกรมทางหลวง ณ วันที่ 15 ต.ค. พบว่ามีน้ำท่วมหนักในพื้นที่ 21 จังหวัด จำนวนถนนที่เสียหายรวมกว่า113 สายทาง แบ่งเป็นถนนที่ประชาชนสามารถผ่านไปมาได้จำนวน 50 สายทาง และเป็นถนนที่ประชาชนไม่สามารถผ่านไปมาได้ 73 สายทาง ทั้งนี้ เพื่อให้การเดินทางของผู้ใช้รถใช้ถนนที่จำเป็นต้องสัญจรบนถนนทางหลวงในเขตพื้นที่ประสบอุทกภัยคล่องตัว และปลอดภัยยิ่งขึ้น กรมทางหลวง ขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนหลีกเลี่ยงเส้นทาง 73 สายทางที่ผ่านไม่ได้ ในพื้นที่ 17 จังหวัด เพื่อความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทาง

สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนที่จำเป็นต้องสัญจรบนถนนทางหลวงในเขตพื้นที่ประสบอุทกภัย กรมทางหลวง ขอแนะใช้เส้นทางเลี่ยงน้ำท่วม ดังนี้ ประกอบด้วย1.ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ช่วง กม.51-58 เขต อำเภอวังน้อย ทั้งขาเข้า-ขาออก พบว่ามีน้ำท่วมขังในเส้นทาง โดยเฉพาะ กม.55-57 ระดับน้ำสูง 60 เซนติเมตร ทำให้การจราจรติดขัด ควรแนะนำใช้ทางเลี่ยง ถนนวงแหวนตะวันตก และเส้นทางสายรังสิต-องครักษ์-บ้านนา-นครนายก-สระบุรี และหากจะเดินทางไปภาคเหนือสามารถใช้ทางหลวงหมายเลข 21 ไปสู่ภาคเหนือทางจังหวัดเพชรบูรณ์ได้ และสามารถใช้ทางหลวงหมายเลข 205 เข้า โคกสำโรง-ตากฟ้า และใช้ทางหลวงหมายเลข 11 ไป อำเภอวังทอง และหากจะเดินทางไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 2

หรือผู้ใช้รถใช้ถนนที่จะไปนครราชสีมา ให้ใช้เส้นทางสายฉะเชิงเทรา – กบินทร์บุรี – ปักธงชัย – นครราชสีมา แล้วเดินทางต่อไปยังภาคตะวันออก หรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปตามเส้นทางปกติ 2.ทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเชีย) ขาออก ตำบลหันตรา อำเภอพระนครศรีอยุธยา-อำเภอบางปะหัน ระดับน้ำสูง ยังคงปิดสะพานเดชาติวงศ์ และปิดการจราจรถนนพหลโยธิน ไม่ให้เข้าตัวจังหวัดนครสวรรค์ ขอให้ประชาชนใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ชัยนาท – ตากฟ้า และทางหลวงหมายเลข 11 ตากฟ้า – พิจิตร – พิษณุโลก เพื่อเป็นเส้นทางเลี่ยงในการขึ้น/ลงภาคเหนือแทน

นอกจากนี้ประชาชน ควรหลีกเลี่ยงเส้นทางพหลโยธิน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยให้ไปใช้เส้นทางการเดินทาง ดังนี้ 1. ใช้ทางหลวงหมายเลข 305 รังสิต – นครนายก – สระบุรี เป็นเส้นทางเลี่ยงขึ้น/ล่องภาคเหนือ/ตะวันออกเฉียงเหนือ2. จากเส้นทางวงแหวนตะวันตก - สุพรรณบุรี ให้ใช้เส้นทางนครปฐม - กำแพงแสน – อู่ทอง ถึงจังหวัดสุพรรณบุรี เลี่ยงเมืองอ่างทอง แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเชีย) ไปอำเภอตาคลี – ตากฟ้า – ไพศาลี – หนองบัว – เขาทราย – พิจิตร – วังทอง - พิษณุโลกไปภาคเหนือ

นายวันชัย กล่าวต่ออีกว่า ส่วนในช่วง จ.สุพรรณบุรี - ชัยนาท ยังคงเดินทางไปได้ แต่จากช่วง จ.ชัยนาท – สวนนก - ต่างระดับที่จะออกทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเชีย) ท้องที่ อ.เมือง พบว่ามีผนังกั้นน้ำด้านซ้ายทางชำรุด ที่กม. 290+500 น้ำท่วมสูง 35 ซม.ทำให้รถทุกชนิดผ่านไม่ได้ หากประชาชนจะเดินทางต่อไปยังภาคเหนือ ให้เลี่ยงไปทาง จ.สิงห์บุรี โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเชีย)

ทั้งนี้เพื่อความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางของผู้ใช้รถใช้ถนนที่จำเป็นต้องสัญจรบนถนนทางหลวงในเขตพื้นที่ประสบอุทกภัย ขอให้โปรดใช้ความระมัดระวังในการใช้เส้นทางเพิ่มขึ้นด้วย และให้สอบถามเส้นทางก่อนเดินทางอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือทุกระยะในการเดินทาง สำหรับประชาชนที่ต้องการสอบถามสภาพเส้นทาง การจราจร หรือต้องการความช่วยเหลือ สามารถโทรศัพท์ไปได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง ตลอด 24 ชั่วโมง1586 ตำรวจทางหลวง ตลอด 24 ชั่วโมง1193 สำนักงานประชาสัมพันธ์ กรมทางหลวง 0 2354 6530, 0 2354 6668-76 ต่อ 2014, 2031 ศูนย์บริหารงานอุบัติภัย สำนักบริหารบำรุงทาง 0 2354 6551 ศูนย์บริการข้อมูลทางหลวงพิเศษ 0 2533 6111หน่วยกู้ภัย มอเตอร์เวย์ กรุงเทพ – ชลบุรี (สายใหม่) 0 3857 7852 – 3 หน่วยกู้ภัยวงแหวนรอบนอกด้านตะวันออก (บางปะอิน – บางพลี) 0 2509 6832ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) 1111 กด 5 ส่วนสายด่วนกรมทางหลวงชนบท 1146



โดย: ญามี่ วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:2:19:05 น.  

 
“สุขุมพันธุ์”ห่วงน้ำฝั่งตะวันตกตลบหลังท่วมกรุงเทพฯ พร้อมแนะรัฐบาลแก้ปัญหาน้ำเน่า ในพื้นที่น้ำท่วมนาน

เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วย นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม. นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกทม. และนายสัญญา ชีนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กทม. ร่วมขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ที่กองพล.ม2.รอ. สนามเป้า ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่รอบกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง พร้อมกล่าวยอมรับว่า น้ำในฝั่งธนบุรี คือ คลองมหาสวัสดิ์ เขตทวีวัฒนา รอยต่อกับ จ.นครปฐม มีปริมาณมาก เสี่ยงต่อการทะลักตลบหลังเข้ามาในพื้นที่ กทม. ส่วนทางด้านประตูระบายน้ำหลักหกที่ จ.ปทุมธานี ไม่น่าเป็นห่วง

“กทม. ยังไม่มีพื้นที่ไหนที่น้ำท่วมสูงจนเป็นอุปสรรค หรือต้องประกาศเป็นพื้นที่วิกฤต ผมยอมรับว่าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ.ประกาศให้ 17 เขต กทม. เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน นั้น แท้จริงสภาพพื้นที่ไม่ท่วมจนถึงขั้นทำให้ประชาชนอยู่ในภาวะคอขาดบาดตาย แต่คำว่าภัยพิบัติฉุกเฉิน เป็นภาษากฎหมาย ที่แรงเกินจริงเท่านั้น”ผู้ว่าฯกทม.กล่าวและว่า จากการบินสำรวจที่มีน้ำท่วมขังนั้น พบว่าน้ำเริ่มเน่าเสียแล้ว ตนขอฝากเรื่องไปยังรัฐบาลเพื่อให้แก้ไข



สภาฯเตรียมหักเงินเดือนส.ส.ช่วยน้ำท่วมพร้อมจัดระดมทุนรับบริจาค ทางช่อง 11

เมื่อวันนี้ ( 14 ต.ค.) นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)กิจการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้มีดำริตั้ง“คณะกรรมการสภาร่วมใจช่วยภัยน้ำท่วม” โดยมีประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานฯ พร้อมด้วย พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา โดยจะประชุมนัดแรกในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือถึงแนวทางช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมขอให้ ส.ส. ข้าราชการฝ่ายการเมือง และข้าราชการรัฐสภา เข้ามามีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลือ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัย ในเบื้องต้นจะเป็นรูปแบบการแจ้งความจำนงในการหักเงินเดือน ค่าตอบแทน ส่วนจะหักเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ต้องขึ้นกับที่ประชุม รวมถึงจะจัดตั้งศูนย์รับบริจาคและขอความร่วมมือจาก ส.ส.เป็นรายบุคคลด้วย

นายไพจิต กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ในส่วนของคณะกรรมาธิการ(กมธ.) สามัญประจำสภาผู้แทนราษฎร ทั้ง 35 คณะ ได้หารือร่วมกันถึงแนวทางการช่วยเหลือ รวมถึงให้จัดงานระดมทุน รับบริจาค ทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ในวันที่ 25 หรือ 26 ต.ค.นี้ สำหรับการกระจายหรือแจกจ่ายสิ่งของไปยังผู้ประสบภัยจะอาศัยช่องทางของส.ส.แต่ละพื้นที่เป็นหลัก



โดย: ญามี่ วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:2:21:02 น.  

 
“ปลอดประสพ” ลั่นหวังดีให้ข่าว ไม่สนถูกด่าสบายใจหายเครียดก็เชิญ

เมื่อวันนี้ ( 14 ต.ค.) เวลา 18.00 น. ที่ศปภ. นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวที่ว่าโดนด่าหรือไม่หลังจากให้ข่าวเตือนเร่งอพยพประชาชนในหลายพื้นที่ ว่า มีความสุขและสบายใจ เนื่องจากได้เห็นข้อมูลกับตาว่า ขณะนั้นประตูระบายน้ำคลองบ้านพร้าวขาด ดังนั้นใครจะว่าอย่างไรก็ไม่โกรธ ที่พูดไปเพราะเห็นอันตราย เมื่อตนเห็นเป็นคนแรกก็มาแจ้งให้ทราบ พูดเท่าที่ได้ยินเพื่อให้ชาวบ้านเตรียมตัวเก็บของขึ้นที่สูง

“ผมถูกด่าก็ไม่เป็นไร แต่ก็มีคนส่งเอสเอ็มเอสมาให้กำลังใจผมเช่นกัน ไม่ชอบ อยากด่าก็เชิญ ด่าแล้วสบายใจหายเครียดก็เชิญ ผมรับได้ ยืนยันว่าที่ผมทำหน้าที่เพราะหวังดีที่ทำไปเพราะเห็นคุณค่าชีวิตคน ความจริงถ้าเป็นเมืองนอกเตือนพลาดก็ไม่เป็นไร ดีกว่าปล่อยให้คนตาย” รมว.วิทยาศาสตร์ กล่าว

ด้าน นายกมล บันไดเพชร เลขานุการ รมว.วิทยาศาสตร์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่กับนายปลอดประสพ ไปตรวจสอบการซ่อมประตูระบายน้ำคลองบ้านพร้าว ซ่อมเสร็จไปแล้ว 70 % แต่อีก 30 % คงต้องใช้เวลานาน เนื่องจากน้ำเชี่ยวมาก ปริมาณน้ำที่ไหล 150 คิวบิกเมตรต่อวินาที หรือวันละ12 ล้านคิวบิกเมตร เดิมมีรถแบ๊คโฮเพียง 1 คัน แต่นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำคนรักอุดร ส่งมาให้อีก 2 คัน คาดว่าน่าจะเสร็จในวันที่ 15 ต.ค. ส่วนกรณีการให้ข่าวของรมว.วิทยาศาสตร์ฯเมื่อวันที่ 13 ต.ค.เห็นชาวบ้านพอใจที่บอกเขาก่อน



โดย: ญามี่ วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:2:22:50 น.  

 
นายกฯ เผยมี 56 จังหวัดประสบภัยน้ำท่วม “นครสวรรค์-อยุธยาฯ-ปทุมธานี” รุนแรงที่สุด พร้อมเร่งระบายน้ำลงทะเล 3 ทางคาดประตูระบายน้ำบ้านพร้าวเสร็จวันนี้

เมื่อวันที่ 15 ต.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์ฯคุยกับประชาชน” ว่า อุทกภัยที่เกิดขึ้นครั้งนี้มีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบทั้งสิ้น 56 จังหวัด และมี 10 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ได้แก่ จ.นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี ปทุมธานี ลพบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท อุทัยธานี และฉะเชิงเทรา โดย จ.นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี ได้รับกระทบรุนแรงมากที่สุด โดยสาเหตุเกิดจาก ร่องมรสุม ลมตะวันตกเฉียงใต้ และพายุ ทำให้ปริมาณฝนมีมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้มีการลดปริมาณการปล่อยน้ำจากเขื่อนต่าง ๆ ทางภาคเหนือแล้ว ส่งผลให้ระดับน้ำที่ จ.นครสวรรค์คงที่ ในส่วน จ.พระนครศรีอยุธยามีอาจมีระดับน้ำขยับขึ้นบ้าง เนื่องจากน้ำที่ไหลบ่าจาก จ.นครสวรรค์ลงมา ซึ่งจำเป็นที่จะต้องเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลให้เร็วที่สุด เพื่อผ่อนคลายภาวะความตึงเครียดของประชาชน จ.พระนครศรีอยุธยา

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวต่อว่า สำหรับแผนระบายน้ำของรัฐบาลได้วางหลักใหญ่ในการปกป้องพื้นที่ยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจที่มีผลกระทบต่อประเทศไว้ ส่วนแผนการระบายน้ำมี 3 ช่องทาง ได้แก่ 1.การระบายน้ำจากแม่น้ำลงสู่ทะเล 2.การระบายน้ำจากฝั่งตะวันออก 3.การระบายน้ำจากฝั่งตะวันตก โดยการระบายจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้ใช้เรือผลักดันน้ำกว่า 800 ลำ สำหรับฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาได้มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 216 ตัว ผันน้ำออกทางแม่น้ำนครนายก แม่น้ำบางประกง และคลองที่เชื่อมกับชายฝั่งทะเล และขุดคลอง 7 คลอง ได้แก่ คลองระพีพัฒน์ คลองรังสิต คลองนครเนื่องเขต คลองประเวศบุรีรมย์ คลองลาดกระบัง คลองหนองงูเห่า และคลองจระเข้ใหญ่ ขณะนี้ขุดเสร็จแล้ว 3 คลอง ส่วนฝั่งตะวันตกเร่งระบายน้ำลงคลองที่เชื่อมกับแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีน เพื่อร่นระยะทางของน้ำให้ลงสู่ทะเลให้เร็วที่สุด

ในส่วนพื้นที่ กทม.นายกฯกล่าวต่อว่า ได้สร้างพนังกันน้ำที่คลองหลักหก เมืองเอก จ.ปทุมธานี คลองทวีวัฒนา และเพิ่มความสูงของแนวคันกั้นน้ำแล้ว สำหรับคลองรังสิต 1-8 ได้มีการสั่งการเพิ่มแนวคั้นกันน้ำอีก1แนว ตั้งแต่ช่วงคลองระพีพัฒน์จนถึงประตูน้ำพระอินทร์ ส่วนพื้นที่ด้านตะวันออกของ กทม. ประชาชนไม่ต้องเป็นห่วง เพราะมีแนวคั้นกันน้ำตามโครงการพระราชดำริที่มีความแข็งแรง สำหรับประตูระบายน้ำคลองบ้านพร้าว อ.สามโคก จ.ปทุมธานีนั้น ขณะนี้ได้มีการเร่งซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะเสร็จภายในวันนี้ อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือประชาชนอย่าทำลายพนังกั้นน้ำ เพราะจะทำให้ความเสียหายขยายวงกว้างมากขึ้น

“รัฐบาล ศปภ. และภาคประชาชนต่าง ๆ มีความเป็นห่วงประชาชนทุกจังหวัด เพราะต้องให้แน่ใจว่าประชาชนผู้ประสบภัยได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง ทั้งด้านความปลอดภัยของชีวิตที่รัฐบาลให้ความสำคัญที่สุด โดยได้มีการแบ่งการทำงานเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มหน่วยกู้ภัยที่ติดต่อกับประชาชนที่อยู่ในน้ำ ในการเคลื่อนย้ายมาอยู่ในศูนย์อพยพ และกลุ่มที่ดูแลประชาชนที่ศูนย์อพยพ ที่รัฐบาลต้องแน่ใจว่าการทำงานลงไปทั่วถึงทุกระดับ เพราะทราบว่าประชาชนได้ประสบปัญหาอุทกภัยนานกว่า 3 เดือน ดิฉันและทุกหน่วยงานไม่ได้นิ่งนอนใจมีความเป็นห่วงประชาชน เพราะการดูแลความทุกข์ร้อนความเดือดร้อนของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ การเร่งระบายน้ำลงสู่ทะเลให้เร็วที่สุดนั้นเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเรื่องระดับน้ำต่าง ๆ ให้ทุเลาเร็วที่สุด”นายกฯกล่าว

ส่วนเรื่องการฟื้นฟูและเยียวยาหลังน้ำลดนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า รัฐบาลจะเร่งฟื้นฟูด้านร่างกายจิตใจและทรัพย์สิน อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณธารน้ำใจจากภาคประชาชน ภาคเอกชน และภาครัฐทั้งรูปแบบสิ่งของและเงิน ขณะนี้ ศปภ.ได้รับเงินบริจาครวมกว่า 400 ล้านบาท และมีสิ่งของบริจาคอีกจำนวนมาก โดย ศปภ.จะจัดส่งให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัยอย่างทั่วถึง รวมทั้งขอขอบคุณอาสาสมัครที่มาช่วยเหลือและองค์กรระหว่างประเทศทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ลาว อิสลาเอล เดนมาร์ก และสหรัฐอเมริกา ที่จะจัดส่งเฮลิคอปเตอร์แบบฮอร์กอายที่มีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยค้นหาผู้ประสบภัย ขอให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลรู้ถึงปัญหาและมีการวางแผนแก้ไขปัญหาในระยะยาวอย่างเป็นระบบ เพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาเหล่านี้ไม่ให้เกิดกับประชาชนขึ้นอีก เพราะความสูญเสียครั้งนี้เป็นอุกภัยที่ทำให้ประเทศไทยเกิดความเสียหายครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ การต่อสู้ครั้งนี้เป็นพลังสำคัญที่จะทำให้เราสามารถรวมพลังกายและใจต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคครั้งนี้ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยกัน



นายกฯปูการันตีน้ำไม่ท่วมกรุง

นายกฯปูการันตีน้ำไม่ท่วม กทม.หลังตรวจคันกั้นน้ำหลักหก แก้ต่างแทนผู้ว่าฯอยุธยาไม่ดูแลชาวบ้านเดือดร้อน

เมื่อวันนี้ (14 ต.ค.) เวลา 16.25 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวหลังไปตรวจเยี่ยมแนวคันกั้นน้ำบริเวณหลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี ว่า มั่นใจว่าจะรับสถานการณ์น้ำได้

เพราะหลังจากลงไปดูแนวคลองและสั่งให้เสริมกระสอบทรายให้สูงขึ้นอีก โดยภาพรวมรัฐบาลดูแลประชาชนทุกจังหวัด มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่เจอกับภาวะน้ำท่วม แต่เนื่องจากมีความจำเป็นที่จะทำแนวคันกั้นน้ำ เพื่อป้องกันความเสียหายไม่ได้กระจายไปมากกว่านี้

จึงเป็นที่มาในการขอความร่วมมือประชาชนในการทำคันกั้นน้ำที่ไปตรวจคันกั้นน้ำร่วมกับผู้ว่าฯกทม.เพื่อให้เห็นความมั่นใจ หลังจากไปตรวจแล้วขอให้ความมั่นใจว่าไม่น่าจะมีผลกระทบกับกทม.เพราะวันนี้น้ำไม่ค่อยมาก

แม้แต่สนามบินสุวรรณภูมิ หรือมธ.ศูนย์รังสิต จะได้รับการดูแลอย่างดี ยืนยันว่าการแถลงข่าว ศปภ.เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาด แต่เป็นการรายงานจากข้อมูลที่ได้วิเคราะห์ในเบื้องต้น จึงอยากให้ประชาชนชาว กทม.สบายใจได้ เพราะวันนี้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะในกทม.

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวประชาชนในจ.พระนครศรีอยุธยาไม่พอใจผู้ว่าราชการจังหวัดที่ไม่ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนมาหลายวันแล้ว ว่า ไม่เป็นความจริง ผู้ว่าฯดูแลพื้นที่มาโดยตลอดบางทีต้องขอความเห็นใจผู้ว่าฯด้วยเพราะมีหลายพื้นที่ต้องดูแลและทำงานแก้ไขปัญหามาตลอดหลายเดือน


แจงเสนอข่าวน้ำท่วมกรุงผิดพลาด

ประชาสัมพันธ์แจงข่าวผิดพลาด เหตุจนท.ดึงข้อมูลจากเว็บไซต์

เมื่อวันนี้ ( 14 ต.ค.) เวลา 15.00 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) นายทินรัตน์ สัจจาพิทักษ์ ผอ.สำนักการข่าว กรมประชาสัมพันธ์ ในฐานะเลขานุการศูนย์การประชาสัมพันธ์ ศปภ. กล่าวชี้แจงถึงความผิดพลาดในการทำข่าวประชาสัมพันธ์ เรื่องการออกประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเฉพาะหน้าในกทม. ว่า มาจากการที่ศูนย์ฯเพิ่งเป็นหน่วยงานที่ใหม่เพิ่งตั้งขึ้นมาในวันที่ 14 ต.ค.นี้ และต้องการเสนอข้อมูลข่าวสารให้รวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงไปดึงข้อมูลจากเว็บไซต์กรุงเทพมหานคร(กทม.)ที่ท้ายสุดถึงรู้ว่าเป็นข้อมูลเก่าเมื่อวันที่ 10 ต.ค.

นายทินรัตน์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จากนี้ไปจะไม่ให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ฯไปดึงข้อมูลจากเว็บไซต์อีก แต่จะประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งข้อมูลมายังศูนย์ฯโดยตรง และก่อนจะประชาสัมพันธ์ข่าวสารข้อมูลใดต้องได้รับการอนุมัติจากพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศปภ. กรณีที่เป็นเรื่องฉุกเฉิน เช่น การอพยพผู้คน หรือระดับน้ำขั้นวิกฤต ฯลฯ แต่ถ้าเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไปต้องให้ตนเป็นผู้อนุมัติก่อน.


กรุงเก่าอ่วมเจ๊งแล้ว 9 หมื่นล้าน

“ธีระชัย”คาดนิคมอุตฯอยุธยาล่มทำเสียหายเกิน 9 หมื่นล้านบาท จี้แบงก์รัฐช่วยธุรกิจโดนน้ำท่วม

เมื่อวันนี้ ( 14 ต.ค.) เวลา 16.00 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ว่า ก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรีมีมติให้ทุกกระทรวงปรับลดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2555 ลงร้อยละ 10 หรือประมาณ 8 หมื่นล้านบาทเพื่อนำไปใช้ในการฟื้นฟูโครงการต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม นอกจากนี้จะมีการกู้ยืมเงินจากธนาคารออมสินเพิ่มเติมด้วย ส่วนการจ่ายเงินชดเชยให้ครอบครัวผู้ประสบภัย ครอบครัวละ 5,000 บาทนั้น ได้เร่งดำเนินการทันที โดยไม่ต้องรอน้ำลด สำหรับการจ่ายเงินให้กองทุนหมู่บ้านเอสเอ็มแอล จะส่งเงินให้ ๆ ได้ในเดือน ก.พ.2555 โดยจะใช้เงินจากธนาคารออมสินสำรองจ่ายให้กับกองทุนหมู่บ้านฯไปก่อน

รมว.คลัง กล่าวต่อว่า ส่วนผลกระทบของพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ใน จ.พระนครศรีอยุธยานั้น มีการประเมินกันว่าจะหยุดการผลิตนาน 1 เดือน และทำให้เสียรายได้ประมาณ 8-9 หมื่นล้านบาท แต่ขณะนี้คงไม่ใช่ตัวเลขดังกล่าวแล้ว เพราะมีนิคมอุตสาหกรรมจะประสบปัญหาเพิ่มอีก ทั้งนี้รัฐบาลจะให้สถาบันการเงินของรัฐประชุมหารือกันว่าจะช่วยแก้ปัญหาอย่างไรให้กับผู้ประกอบการโดยเป็นไปอย่างละมุนละม่อม เพราะผู้ประกอบการธุรกิจบางแห่งเป็นลูกหนี้ชั้นดี จึงต้องสร้างความมั่นใจในการเข้ามาลงทุน เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวกระทบต่อความน่าเชื่อถือในการลงทุน จึงต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิดว่าสถาบันการเงินจะมีจิตสำนึกในการช่วยกันแก้ปัญหาได้อย่างไรให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ โดยในเชิงธุรกิจควรมีการโอนอ่อนผ่อนตามกันบ้าง. : (เดลินิวส์)



โดย: ญามี่ วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:2:24:43 น.  

 
ปทุมฯจนท.เร่งกู้ประตูน้ำคลองบ้านพร้าว

นายชาญ พวงเพชร นายก อบจ.ปทุมธานี เปิดเผย ความคืบหน้าการซ่อมประตูระบายน้ำคลองพร้าว อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหาร อบจ. อบต. จนท. อาสาสมัคร และวิศวะอิตัลไทย ระดมเครื่องจักร อุปกรณ์ เร่งดำเนินการบล๊อคประตูระบายน้ำคลองบ้านพร้าวกันอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถดำเนินการซ่อมไปได้แล้วกว่าร้อยละ 60

โดยตลอดทั้งคืนเจ้าหน้าที่จำดำเนินการต่อไปจนถึงช่วงเช้าซึ่งน่าจะใกล้เสร็จสมบูรณ์ ขณะเดียวกันในวันนี้ทางกรมชลประทาน จะนำเครื่องมือและเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยอีกแรงหนึ่งด้วย

แต่การทำงานน่าจะเป็นไปด้วยความยากลำบากมากขึ้น เนื่องจากน้ำที่ไหลจะมีความแรงมากขึ้น เพระพื้นที่แคบลง ส่วนอุปกรณ์ที่ยังขาดแคลนและต้องการอยู่ตอนนี้ คือ แผ่นซิปฮาย

แต่อย่างไรก็ตาม การทำงานในตอนนี้ไม่มีอะไรหนักใจเพราะยังสามารถเดินหน้าทำงานต่อไปได้เร็วมาก ยืนยันว่าจะพยายามแก้ไขปัญหาอย่างสุดความสามารถ เพราะจุดนี้ถือเป็นจุดใหญ่และหากซ่อมไม่ได้ก็จะส่งผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง

ขณะที่บรรยากาศที่ หมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ได้เกิดความโกลาหลขึ้น เมื่อมีประกาศจาก ศปภ. ว่าจะมีน้ำท่วมในพื้นที่ อ.คลองหลวง ทั้ง นวนคร หมู่บ้านไวท์เฮาส์ รวมทั้ง หมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี ในเขต อ.ธัญบุรี ซึ่งหลังจากมีการประกาศดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว ต่างพากันเก็บข้าวของกันอย่างจ้าละหวั่น แต่พอเวลาผ่านไปก็มีการออกประกาศใหม่ว่า ไม่มีน้ำท่วมและระดับน้ำยังอยู่ในการควบคุมได้ ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจที่มีการออกประมั่ว ๆ โดยไม่มีข้อมูลที่ดีพอ

โดย น.ส.วิชชุดา ธงจรเข้ ชาวบ้านไวท์เฮาส์ เทศบาลนครรังสิต เปิดเผยว่า หลังจากที่ ทราบการแถลงตอนแรก คนในหมู่บ้านมีการตื่นตัวกันมากขึ้น และเตรียมขนอพยพก็มี แต่ครอบครัวของตนนั้นที่บ้านได้เตรียมมาเป็นอาทิตย์ โดยพายายออกไปอาศัยที่อื่น และคนในหมู่บ้านส่วนใหญ่อพยพออกไปแล้วก็มี ส่วนใหญ่เป็นคนแก่และเด็ก บางคนที่มีญาติก็ออกไปอยู่บ้านญาติ ส่วนคนที่มีรถ ก็จะนำไปจอดไว้ในที่ปลอดภัย ตามที่มีการจัดสถานที่ไว้ให้

เช่นเดียวกับ นายจตุภูมิ บุญเกิด ชาวบ้าน ม.รัตนโกสินทร์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้ฟังแถลงคนในหมู่บ้าน ก็การมีกระตือรือร้นมากขึ้น คนในหมู่บ้านก็ยกของหนีน้ำ หลังจากที่ได้ฟังการแถลง แต่ก่อนหน้านี้ ก็ได้มีการเตรียมตัวไว้ก่อนอยู่แล้ว

ด้านนายพีรศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังวัดปทุมธานี เผยความคืบหน้าการซ่อมประตูระบายน้ำคลองบ้านพร้าว ว่า จนถึงขณะนี้ สถานการณ์ไม่น่าเป็นห่วงและจะดำเนินการซ่อมให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือประชาชนได้มาก ส่วนกรณีที่ ศปภ. ออกมาแถลงให้ประชาชน อพยพคนออกจากพื้นที่ แต่ภายหลังได้ออกมาแถลงแก้ไข จนสร้างความสับสนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเรื่องดังกล่าวนั้น ผู้ว่าราชการจังวัดปทุมธานี กล่าวว่า ทาง ศปภ. ไม่ได้มีการสอบถามข้อมูลจากทางจังหวัดแต่อย่างใด และไม่ทราบว่าเอาข้อมูลมาจากไหน ซึ่งสื่อมวลชนต้องไปถามว่า ศปภ. เอาข้อมูลมาจากทีใด เพราะตนคงไม่มีอำนาจ หรือ มีสิทธิ์ไปบอก ขณะเดียวกัน ได้ขอให้ประชาชนในพื้นที่ ติดตามสถานการณ์และฟังคำเตือนจากทางจังหวัดและทางเทศบาล ที่ได้มีระบบเตือนภัยของทางจังหวัดอยู่แล้ว รวมถึง ตรวจสอบด้วยตนเอง เนื่องจากเป็นคนในพื้นที่ ย่อมรู้ข้อมูลและประเมินเองได้ว่า ควรย้ายออกจากพื้นที่หรือไม่

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 01.30 น. ที่ผ่านมา ชุดปฏิบัติการอุดช่องขาด บริเวณประตูระบายน้ำบางโฉมศรี ต.ชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ของกรมชลประทาน ได้เดินทางมาถึงแล้วและเตรียมพร้อมปฏิบัติการซ่อมประตูระบายน้ำคลองบ้านพร้าว และจุดอื่น ๆ ที่มีปัญหาแล้ว

ขณะที่นายชาญ พวงเพ็ชร์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยถึงความคืบหน้าล่าสุด ในการซ่อมคันกั้นน้ำ
ประตูระบายน้ำคลองบ้านพร้าว เหลือระยะทางเพียง 20 เมตร ก็จะแล้วเสร็จ โดยที่ผ่านมา จะมีอุปสรรคบ้าง คือฝน
ตกลงหนักมาตอน 03.00 น. เท่านั้น ทำให้ไม่สามารถซ่อมได้ต่อ จึงนำกำลังพลมาพักผ่อน และเร่งทำงานต่อตั้งแต่
06.00 น. แล้ว โดยทุกคนกำลังเร่งซ่อมคันกั้นน้ำอยู่ และยังไม่มีอุปสรรคแต่อย่างใด


นิคมไฮเทควิกฤติ!ยังอุดรอยรั่วไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงาน สถานการณ์ล่าสุด ที่บริเวณนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ต.บ้านหว้า อ.บางประอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ในช่วงเช้าของวันนี้ โดยระบุว่า ระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยระดับสูงมากกว่า 60 ซม.แล้ว ทั้งนี้ เนื่องจากความพยายามอุดรอยรั่วยังไม่สำเร็จ ขณะที่พนักงาน ที่ที่ต้องอยู่เฝ้านิคมอุตสาหกรรมไฮเทคนั้น ยังคงมีอยู่จำนวนหนึ่ง เนื่องจากจำเป็นต้องเฝ้าทรัพย์สินและป้องกันการเข้าไปโจรกรรม แต่ทางผู้ประกอบการเองก็มีแผนในการอพยพพนักงานไว้แล้วเช่นกัน หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือไม่สามารถอยู่ได้ก็จำเป็นต้องอพยพทันที ขณะที่นิคมอุตสาหกรรมบางประอินนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามทำคันดินล้อมรอบไว้ และเสริมให้สูงขึ้นอีกจำนวน 50 ซม.เพื่อป้องกันน้ำไหลทะลักเข้าท่วม

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามปฏิบัติการอุดรอยรั่วบริเวณนิคมอุตสาหกรรมนิคมไฮเทค ต่อในวันนี้ หลังจากเมื่อวานที่ผ่านมา การมีแผนว่าจะนำเฮลิคอปเตอร์ชีนุก ขนาด 2 ใบพัด ยกตู้คอนเทนเนอร์ ไปอุดเป็นแนวคันกั้นน้ำ แต่ภารกิจดังกล่าว ก็จะต้องชะงัก เนื่องจากไม่มีไฟส่องสว่าง และในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ตัดกระแสไฟฟ้า ไม่สามารถประสานรถไฟฟ้าส่องสว่างเข้ามาได้


มทภ.3เตือนให้ปชช.อพยพ-น้ำสูงต่อเนื่อง

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วม จังหวัดนครสวรรค์ ล่าสุด พล.ท.วรรณทิพย์ ว่องไว แม่ทัพภาคที่ 3 ได้แจ้งเตือนไปยังประชาชนชาวจังหวัดนครสวรรค์ ฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นพื้นที่ประสบปัญหาอุทกภัย โดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองให้เก็บสิ่งของขึ้นที่สูงและบ้านชั้นเดียวให้อพยพออกจากพื้นที่ หลังจาก เจ้าหน้าที่ ยังไม่สามารถซ่อมและปิดกั้นพนังกั้นน้ำที่ชำรุดได้ ทั้งนี้ สถานการณ์นั้นถือว่า ยังอยู่ในขั้นวิกฤติ เพราะน้ำจากเจ้าพระยา ได้ไหลทะลักจากสะพานเดชาติวงศ์ สูงกว่า 50 ซ.ม. ส่งผลให้พื้นที่โดยรอบ มีระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ น้ำไหลเข้าบริเวณ 4 แยกสะพานเดชาติวงศ์ ถนนเอเชีย สถานีขนส่งผู้โดยสาร สถานที่ราชการหน่วยงานสำคัญเกือบทั้งหมด นอกจากนี้ หลังจากที่มีการประกาศ ได้มีประชาชนแจ้งขออพยพออกจากพื้นที่จำนวนมาก ล่าสุด บริเวณ ซ.บ้านสวนรีสอร์ท เจ้าหน้าที่ทหารจาก กองทัพภาคที่ 3 ได้เข้าไปช่วยเหลือแล้ว เนื่องจาก น้ำได้ไหลท่วมจนเกือบมิดชั้น 2 ของบ้าน และน้ำไหลเชี่ยวอย่างรุนแรง

อย่างไรก็ตาม สำหรับความเป็นอยู่ในศูนย์อพยพ พบว่า เต็มเกือบทุกศูนย์ โดยมียอดผู้อพยพรวม ๆ กว่า 10,000 คน และคาดว่าตลอดทั้งคืน ก็มีการแจ้งขออพยพกันเพิ่มมากขึ้นอีก ขณะที่ น้ำดื่มยังขาดแคลนอย่างมาก เนื่องจาก ระบบประปาของทางจังหวัดเสียหายทั้งหมดและไม่สามารถผลิตน้ำได้ แม้ในวันนี้ เทศบาลนครสวรรค์ จะเร่งกู้โรงผลิตน้ำ แต่น้ำก็ไหลทะลักเข้าโรงงานไม่สามารถใช้การได้เลย

ส่วนแผนการสำหรับเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ อยู่ระหว่างการประชุมร่วมกันเพื่อวางแผนการทำงาน โดยเบื่องต้นจะต้องมีการตรวจสอบ ดูคนที่ติดอยู่ภายในบ้าน เพื่ออพยพมาอยู่ในที่ปลอดภัย


คาดซ่อมประตูน้ำบ้านพร้าวเสร็จใน2วัน

สถานการณ์น้ำท่วมล่าสุด บริเวณคลองบ้านพร้าว อ.สามโคก จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่และชาวบ้านได้ร่วมมือกันเร่งซ่อมประตูระบายน้ำคลองบ้านพร้าว โดย นายชาญ พวงเพ็ชร์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยความคืบหน้ากับการซ่อมแซมประตูระบายน้ำ ว่า ขณะนี้ได้นำแท่งเหล็กที่ซีสพาย ความยาว 8 เมตร ปักลงไปปิดช่องขาดได้แล้วประมาณ 50 เมตร เหลือเพียง 20 เมตร เท่านั้น การซ่อมประตูระบายน้ำแห่งนี้ก็จะสำเร็จ ซึ่งการทำงานในวันนี้ ก็จะทำอย่างเต็มที่และเต็มความสามารถ เนื่องจากเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ได้มีฝนตกลงมา ก็ทำให้การทำงานต้องชะงักลงไปชั่วคราว

อย่างไรก็ตามเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา นายมนตรี ตันตระกูล วิศวกรใหญ่ด้านควบคุมการก่อสร้างของกรมชลประทาน พร้อมทีมงาน ก็ได้เดินทางมายังประตูระบายน้ำคลองบ้านพร้าว โดย นายมนตรี กล่าวว่า จะจัดหาโป๊ะเรือมาช่วยในการดำเนินงาน เพื่อให้การดำเนินงานของเจ้าหน้าที่รวดเร็วและปลอดภัยมากที่สุด เนื่องจากกระแสน้ำในบริเวณนี้เชี่ยวกราก ต้องวางแผนการทำงานให้รัดกุม และคาดว่าจะต้องใช้เวลาถึง 2 วัน ในการซ่อมประตูระบายน้ำคลองบ้านพร้าว


น้ำทะเลหนุนสูงสุดพรุ่งนี้-กทม.รับมือได้

นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ที่น้ำทะเลจะหนุนสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 2.20-2.30 เมตร ขณะนี้สถานการณ์ถือว่าอยู่ระดับฉุกเฉินปานกลาง ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร ได้เตรียมเจ้าหน้าที่ 5 พันคน ในการเร่งระบายน้ำไว้แล้ว และหากผ่านช่วงวันที่ 15-17 ตุลาคมนี้ ที่น้ำทะเลหนุนสูงไปได้ สถานการณ์จะคลี่คลาย ส่วนที่มีการประกาศพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉินเฉพาะหน้า 17 เขตใน กทม. เป็นเพียงจุดที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษเท่านั้น



โดย: ญามี่ วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:2:27:26 น.  

 
เมื่อวันนี้ ( 14 ต.ค.) นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบการจำหน่ายทรายบริเวณพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ เช่น เขตสายไหม เขตดอนเมือง เขตบางเขน เขตลาดกระบัง

และเขตหนองจอก พบร้านค้าวัสดุก่อสร้างรายใหญ่แห่งหนึ่ง โดยพบว่ามีหลายสาขามีพฤติกรรมค้ากำไรเกินควร ขายทรายบรรจุถุง 20 กก. น้อยกว่าปกติที่บรรจุ 25-30 กก.

และนำมาจำหน่ายในราคาถุงละ 55 บาท ทำเจ้าหน้าที่นำส่งดำเนินคดีตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ตามมาตรา 29 จงใจจำหน่ายราคาสินค้าสูงเกินสมควร มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับแล้ว พร้อมประสานให้กรมสรรพากรตรวจสอบรายได้ร้านค้าวัสดุก่อสร้างแห่งนั้น เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มอีกด้วย

อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จากการตรวจสอบผู้ค้าวัสดุก่อสร้างยังพบหลายร้านค้าไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า จึงดำเนินการเปรียบเทียบปรับเป็น 2 เท่าของอัตราปกติที่มีโทษปรับ 1 หมื่นบาท

และเตือนให้ร้านค้าวัสดุก่อสร้างปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์น้ำท่วม ทั้งนี้ หากมีประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้าและบริการ สามารถแจ้งที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 .



นักเรียนน้ำใจงามมอบเงินช่วยน้ำท่วม

เมื่อวันนี้ (14 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สมาคมผู้นำสตรี จ.อำนาจเจริญ นางพนิดา บุตตะ นายกสมาคมและคณะกรรมการ ได้ออกรับบริจาคสิ่งของจากชาวชุมชนในเขตเทศบาลเมือง ได้ข้าวสารกว่า 5 ตัน โดยเจ้าหน้าที่อาสาสมัครได้ขนย้ายสิ่งของที่ได้รับบริจาคใส่รถบรรทุก เพื่อนำส่งให้เครือข่ายสตรีใน จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นผู้แจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยต่อไป

น.ส.ประภัสสร เห็มวัง นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนเสนานิคม จ.อำนาจเจริญ ได้ชักชวนเพื่อนๆ ที่เป็นเยาวชน เชื้อสายภูไทบ้านนาสะอาด นำเงินจำนวนหนึ่งที่ได้จากการออมวันละ 1 บาทมามอบให้สมาคมสตรี เพื่อบริจาคให้ผู้เดือดร้อนด้วย.



โดย: ญามี่ วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:2:29:51 น.  

 
ศปภ.เฉ่งข่าว 17 เขตกทม.เสี่ยงจมน้ำ

“ผอ.ศปภ.” เฉ่งสั่งเก็บข่าวแจกเตือน 17 เขตกทม.พื้นที่เสี่ยงจมน้ำ เร่งนำเสนอข่าวสร้างความสับสน

เมื่อวันนี้ ( 14 ต.ค.) เวลา 13.30 น.ที่ศปภ.มีตัวแทนทหารผ่านศึกที่พิการจากการปฏิบัติหน้าที่และครอบครัวของผู้เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่เดินทางมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการต่อสู้เพื่อกอบกู้วิกฤติจากภัยธรรมชาติ มีพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผอ.ศปภ. เป็นตัวแทนรับเรื่อง

พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า รัฐบาลขอบคุณและซาบซึ้งใจที่มาให้กำลังใจ และหากมีอะไรที่รัฐบาลจะสนับสนุนจะเรียนให้นายกฯทราบต่อไป

จากนั้นเวลา 14.00 น. พล.ต.อ.ประชา ได้ตรวจเยี่ยมศูนย์ประชาสัมพันธ์ศปภ. เพื่อทำความเข้าใจในการจัดทำและเผยแพร่เอกสารข่าวของศปภ.โดยมีนายทินวัฒน์ สัจจาพิทักษ์ ผอ.สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ ในฐานะเลขานุการศูนย์ประชาสัมพันธ์ ศปภ. รับฟังคำแนะนำ

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ประชา ได้กำชับกับเจ้าหน้าที่ที่จัดทำเอกสารข่าวเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ว่า ข่าวใดเป็นข้อเท็จจริงหรือเป็นข่าวเชิงประชาสัมพันธ์การทำงานของศปภ.หรือการปฏิบัติงานสามารถทำได้ แต่หากเป็นคำสั่งของศปภ. จะต้องผ่านการลงนามจากตนเท่านั้นว่าจะสั่งการให้ใครทำอะไรบ้าง หากเป็นข้อมูลที่ไม่ชัดเจนจะอันตราย เพราะประชาชนบริโภคสื่อตลอดเวลา หรือหากเป็นการแจ้งเตือนที่ทำให้ประชาชนสับสนก็ไม่อยากให้ทำ เวลานี้ไม่มีเวลามาตำหนิหรือทะเลาะต่อว่ากัน คนทำงานย่อมมีผิดบ้างถูกบ้าง อะไรที่พลาดไปแล้วขอให้ลืมและให้อภัยกัน อยากให้เอาเรื่องจริงมาบอกกัน และต้องทำด้วยความระวังรอบคอบ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กทม.ทำหนังสือลงวันที่ 10 ต.ค.ถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)ให้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน โดยศูนย์ประชาสัมพันธ์นำหนังสือดังกล่าวมาแจกสื่อมวลชนด้วย พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า เอกสารดังกล่าวลงนามวันที่ 10 ต.ค.แต่นี่วันที่เท่าไหร่ อย่างไรก็ตามความจริงจะเป็นตัวชี้ว่าอันไหนถูกหรือผิด ถ้ามีอะไรผิดต้องขอโทษประชาชนด้วย

เมื่อถามว่าตกลงจะให้ประชาชนฟังข้อมูลจากกทม.หรือศปภ. พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ต้องฟังทั้งสองส่วน ถ้ากทม.ไม่หารือศปภ.และตัดสินใจอะไรไปกทม.ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าหารือศปภ.ก่อนดำเนินการอะไร จะต้องร่วมกันรับผิดชอบ

จากนั้นพล.ต.อ.ประชา ได้เข้าไปแนะนำและตักเตือนในการจัดทำเอกสารข่าวกับทางผอ.สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ด้วยตัวเอง โดยมีนายสุรนันท์ เวชชาชีวะ สมาชิกบ้านเลขที่ 111 และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายวิม รุ่งวัฒนจินดา มารับฟัง อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.ประชา ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เก็บข่าวเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เรื่องกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ออกประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเฉพาะหน้าในพื้นที่ กทม.ออกไป รวมทั้งสั่งให้เก็บเอกสารบางส่วนออกไปจากศูนย์ประชาสัมพันธ์ทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 14.45 น.ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ศปภ.ได้แจ้งข้อความถึงผู้สื่อข่าวทุกสำนัก เพื่อขอความร่วมมือให้หยุดการเผยแพร่ข่าวศปภ. ฉบับที่ 2 ประจำวันที่ 14 ต.ค. 54 เรื่องกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ออกประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเฉพาะหน้าในพื้นที่กทม. โดยระบุเหตุผลว่าข่าวดังกล่าวเกิดความผิดพลาด : (เดลินิวส์)





โดย: ญามี่ วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:2:31:52 น.  

 


Good Morning

อรุณสวัสดิ์ค่ะ


ขอบคุณ คุณมี่สำหรับข่าวที่นำมาลงค่ะ

ขอภาวนาให้การแก้ปัญหาประสบความสำเร็จ

ขอให้พี่น้องที่ประสบภัยน้ำท่วม

ปลอดภัยทุกๆคน ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนค่ะ






โดย: oranuch_sri วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:5:44:22 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ค่ะ น้องมี่
เรื่องน้ำคงต้องทนไปอีกหนึ่งอาทิตย์
หลังจากนั้น น่าจะดีขึ้น ที่บ้านพี่ทางเดินจมอยู่ใต้น้ำ ต้นไม้ก็จม ไม่รู้จะทำงัย มันเป็นภัยธรรมชาติ เกิดทุกปี เพียงแต่ปีนี้หนักหน่อย ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ

มีความสุขกับวันนี้นะคะ


โดย: mambymam วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:6:46:35 น.  

 
สวัสดีตอนบ่ายค่ะ...

ขอบคุณค่ะ...สำหรับข้อมูล..



โดย: Lika ka วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:13:18:27 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
สวัสดียามเย็นครับ


โดย: ก้อนเงิน วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:17:11:19 น.  

 
ชงช่วยน้ำท่วมบ้านพังรับ6หมื่นบาท
สภาพัฒน์ชง 23 มาตรการ เยียวยาคนไทย ให้เงินช่วยครอบครัวละ 5,000 บาท บ้านพังได้ 6 หมื่นบาท

วันนี้(17 ต.ค.) รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้จัดทำ ข้อเสนอมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยหลังน้ำลด ที่ครอบคลุมทั้งประชาชนทั่วไป, มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร,มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการและมาตรการช่วยเหลือแรงงาน รวมทั้งสิ้น 23 มาตรการ เพื่อเสนอให้คณะกรรมการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟู เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (ด้านเศรษฐกิจ) พิจารณาและมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนต่อไป

ทั้งนี้มาตรการช่วยเหลือประชาชนทั่วไป เช่น การให้เงินช่วยเหลือครัวเรือนละ 5,000 บาท ,ช่วยเหลือค่าเสียหายที่พักอาศัย และทรัพย์สิน เช่น บ้านเสียหายทั้งหลัง จะได้เงินประมาณ 6 หมื่นบาท บ้านเสียหายบางส่วน จ่ายไม่เกิน 4 หมื่นบาท ทรัพย์สินเสียหาย เช่น รถยนต์ จักรยาน เครื่องใช้ไฟฟ้า จ่ายตามความเสียหายจริงไม่เกินครัวเรือนละ 1 หมื่น บาท นอกจากนี้จะมีมาตรการสินเชื่อเพื่อปลูกซ่อมแซม สร้างบ้านใหม่ ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ 5 ปี ผ่านสถาบันการเงินของรัฐ รวมถึงมาตรการทางภาษี ยกเว้นชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา การผ่อนผันชำระหนี้ค่าน้ำค่าไฟ ให้ประชาชนนำค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวหลังภาวะน้ำลดในพื้นที่ถูกน้ำท่วมมาหักภาษีได้ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท ทั้งยังมีมาตรการในการดูแลราคาสินค้าไม่ให้มีการกักตุนสินค้า รวมไปถึงการจัดงานจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษในพื้นที่ประสบภัย เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำสินค้ามาจำหน่ายในขณะเดียวกันผู้บริโภคบริโภคในราคาถูก รวมทั้งดำเนินมารการข้าวถุงธงฟ้า เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยให้กระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณา
ส่วนมาตรการสนับสนุนด้านสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เช่น การจำหน่ายหนี้สูญกรณีเสียชีวิต รัฐบาลรับภาระหนี้แทน ขยายเวลาชำระหนี้เกษตรกร และงดคิดดอกเบี้ยของสหกรณ์/ กลุ่มสหกรณ์ และให้สินเชื่อเพิ่มเติม รายละไม่เกิน 1 แสนบาท รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 3ต่อปี ขณะที่มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ เช่น เร่งรัดให้บริษัทประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทนโดยเร็ว การสนับสนุนมาตรการสินเชื่อและภาษี เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและกลุ่มเอสเอ็มอี ขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ภายใต้มาตรการส่งเสริมการลงทุน สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุน และอยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัย ออกไปอีกไม่เกิน 1 ปี การผ่อนชำระค่าน้ำค่าไฟ ประชาสัมพันธ์เร่งสร้างความเชื่อมั่น

นอกจากนี้ยังมีมาตรการช่วยเหลือแรงงาน เช่น ขยายระยะเวลาหรืองดการนำส่งเงินสบทบกองทุนประกันสังคม ของลูกจ้าง ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการรักษาสภาพการจ้างงานในสถานประกอบการที่ประสบปัญหาน้ำท่วม จัดทำโครงการช่วยเหลือแรงงานและผู้ว่างงานที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ เป็นต้น

ทั้งนี้กระทรวงอุตสาหกรรมได้สรุปผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรรม พบว่า มีโรงงานได้รับผลกระทบประมาณ 1,300 โรง ครอบคลุมพื้นที่ 29 จังหวัด เงินลงทุนรวม 2.21 แสนล้านบาท แรงงาน 2.46 แสนคน พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ นิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดอยุธยา มีเงินลงทุน 5 แห่งรวมทั้งสิ้น 202,000 ล้านบาท ประเมินความเสียหายทางตรง คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาท การส่งออกภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน ส่งผลกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุนอย่างมาก และเริ่มพิจารณาการย้ายฐานการผลิต หากรัฐไม่มีมาตรการดำเนินการป้องกันปัญหา

ส่วนอุตสาหกรรมไฟฟ้า หากสถานการณ์อุทกภัยกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 1 เดือน ผู้ประกอบการจะฟื้นฟูกลับมาผลิตและส่งออกได้ภายใน 6 เดือนซึ่งจะส่งผลกระทบไม่น้อยกว่า 4 แสนล้านบาท แต่หากใช้เวลาเกิน 1 เดือน จะใช้เวลาฟื้นฟูนานถึง 12 เดือน ส่งผลกระทบมูลค่าการส่งออกไม่น้อยกว่า 8 แสนล้านบาท ส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน คาดว่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3-6 เดือน จึงจะเข้าสู่ภาวะปกติ จะส่งผลกระทบมูลค่าการส่งออกประมาณ 30,000-60,000 ล้านบาท.

(เดลินิวส์)


โดย: ญามี่ วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:18:08:34 น.  

 

แวะมาสวัสดีตอนเย็นครับ เอาใจช่วย นายกหญิงครับ




โดย: krittut_48 วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:18:15:53 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณมี่วันนี้กิ่งไม่อยู่บ้านทั้งวัน
เพิ่งวได้เข้าบล็อกค่ะ มาก่านข่าวแล้วสงสารพี่น้องที่ประสบภัยมากเลยค่ะ
ขอส่งใจไปช่วยด้วยค่ะ
หลับฝันดีค่ะคุณมี่



More Tuesday Comments



โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:18:30:30 น.  

 

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ญามี่ Topical Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:18:33:22 น.  

 
เอามาฝากค่ะ เชิญชิมตามสบายค่ะอร่อยมากๆค่ะ


โดย: นกลอนดอน วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:19:05:02 น.  

 


"ขอให้นอนหลับฝันดีน่ะ...
และตื่นขึ้นมาพบเจอแต่เรื่องดีดีครับ"



โดย: krittut_48 วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:21:35:17 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

หายไปเสียสองวัน น้ำที่บ้านท่วมถึงหน้าบ้านแต่ไม่สูงนักยังไม่เข้าบ้านค่ะ ความสูงแค่กระสอบทรายสามชั้นค่ะที่ร้านกาแฟยังห่วงอยู่ค่ะน้ำจะถึงถนนแล้ว ถ้าท่วมถนนแต่ละอำเภอก็จะถูกตัดขาดออกจากกัน ยังลุ้นๆอยู่ค่ะ แต่ก็สร้างผนังกั้นน้ำแล้วค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ ขอบคุณจริงๆ ต้องสู้กันต่อไปค่ะระลึกถึงเสมอค่ะน้องมี่



โดย: เกศสุริยง วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:22:29:38 น.  

 
สวัสดีค่ะ



ทานกลางวันให้อร่อยนะคะ


โดย: ญามี่ วันที่: 19 ตุลาคม 2554 เวลา:12:58:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ญามี่
Location :
ภูเก็ต Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 260 คน [?]






อัพบล็อกครั้งแรก ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๑
free counters
who's online
คนพูดน้อยคิดบ่อยแต่ไม่เงียบ
ไร้ระเบียบเคลิ้มครุ่นอณูคุ้นฝัน
ไม่ประวิงหากทิ้งจักลืมวัน
พลัดผ่านพลันหากจากยากฝากคอย...











[Add ญามี่'s blog to your web]