พึ่งตัวเองไว้ก่อน ดีที่สุด เมื่อถูกชงมาให้ลองไปถามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง จึงรับเอาคำแนะนำนั้นมาปฏิบัติทันที ติดต่อไปที่ พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ รอง ผบช.น. จึงได้รับทราบอีกมุมมองหนึ่งจากผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ว่า ช่วงหลังๆ มานี้ มีเหตุการณ์ลักษณะอย่างนี้เกิดขึ้นหลายครั้งจริงๆ ครับ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) สามารถจับกุมแก๊งทุบกระจกเอาไว้ได้หนึ่งราย หลังพบเห็นว่ามีพฤติกรรมแปลกๆ ขับขี่รถจักรยานยนต์เวียนวน ทำท่าเหมือนพยายามสอดส่องสายตาเข้าสำรวจภายในรถยนต์ บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันปตท. แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรงเข้าตรวจค้น
พบของกลางมากมาย ทั้งกระเป๋าถือผู้หญิงสีแดง กระเป๋าสะพายหนังสีน้ำตาล ภายในบรรจุทรัพย์สินของผู้เคราะห์ร้ายอยู่ สอบสวนจึงทราบว่าคนร้ายทั้ง 2 คนนี้ เพิ่งก่อเหตุทุบกระจกรถยนต์และลักทรัพย์สินภายในรถในย่านลาดพร้าวมาสดๆ ร้อนๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าการรวบตัวคนร้ายแก๊งทุบรถจะทำได้ง่ายๆ เช่นนี้เสมอไป แถมยังค่อนไปในทางยากเสียมากกว่าด้วยซ้ำ รองผู้บัญชาการฯ มานิตย์ ถึงขั้นออกปากเลยว่ามันคือการลักทรัพย์ที่ทำได้ง่ายที่สุดและเฝ้าระวังได้ยากที่สุดแล้ว
อาศัยจังหวะคนไม่มี ก็หาเครื่องมือง่ายๆ มาทุบ บางรายก็ใช้ค้อน ใช้หิน ห่อผ้าหนาๆ แล้วก็มาทุบ เพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังเป็นที่น่าสังเกต เสียงก็จะไม่ดังเพล้ง พอดีกับกระจกรถยนต์ที่ถูกออกแบบมาให้แตกแล้วเป็นเม็ดๆ เกาะตัวกัน เพื่อไม่ให้เศษกระจกทำอันตรายแก่คนนั่งในรถ เพราะฉะนั้น ทุบแล้วมันจะมีใยติดออกมาเป็นแผง ใช้มือกระทุ้งๆ อีกนิดเดียวก็เรียบร้อย ไม่เกิดเสียงดังเหมือนกระจกภายในบ้าน ทำได้ไม่ยาก
คนพวกนี้เขาจะเดินสำรวจก่อน หาไฟฉายหรือมองเข้ามาในรถ ถ้าเห็นว่ามีเอกสาร กระเป๋าถือ หรือถุงอยู่ในรถ เขาก็จะมองไว้ละว่าเดี๋ยวต้องทุบคันนี้ จะเลือกคันที่มีของวางเอาไว้ หลังจากนั้น อาศัยจังหวะที่ไม่มีคน ตำรวจขับรถผ่านไปแล้ว ปฏิบัติการทันทีและใช้เวลาเพียงนิดเดียว ทุบแล้วก็หยิบของในรถผ่านทางกระจก ไม่ได้เปิดประตูรถ เพราะงั้น สัญญาณเตือนภัยก็จะไม่เตือน เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเราๆ ก็เลยป้องกันลำบากครับ คนร้ายก็เลยนิยมใช้วิธีนี้ในการขโมยทรัพย์สิน
เราเลยต้องขอความร่วมมือจากประชาชนด้วยนะครับในการระมัดระวัง ไม่ควรจะเก็บทรัพย์สินเอาไว้ในรถครับ โดยเฉพาะเวลาต้องจอดรถในที่เปลี่ยว เหตุที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นรถที่จอดริมถนนและไกลจากตัวร้าน โอกาสที่จะสอดส่องดูแล ทางร้านก็ดูไม่ถึง ทางตำรวจก็ดูไม่ทัน
ถามว่าจะมีการประกาศพื้นที่จุดเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรมเหล่านี้บ้างหรือไม่? พล.ต.ต.มานิตย์ อ้ำอึ้งเล็กน้อยแล้วตอบว่า เราได้สั่งทางฝ่ายสืบสวนไปแล้วครับให้เพิ่มความเข้มในการสอบมากขึ้น การจับกุมคือการป้องกันที่ดีที่สุด พอจับเขาได้แล้ว เขาจะได้ไม่กลับมาทำอีก แต่ก็ต้องยอมรับว่าคนร้ายที่ก่อคดีแบบนี้มีอีกเยอะครับ เราได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการ ร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ ให้จัด รปภ.ออกมาช่วยตำรวจดูแลไปแล้วด้วยส่วนหนึ่ง เพราะลำพังกำลังตำรวจที่มีอยู่ คงดูแลได้ไม่ทั่วถึง
ส่วนเรื่องการประกาศจุดเสี่ยงนั้นก็เป็นความคิดที่ดีครับ เราเองก็อยากจะให้คำแนะนำกับประชาชนเหมือนกัน ขณะนี้เรามีทีมงานที่จัดตั้งมาเพื่อวิเคราะห์และแก้ไขเรื่องอาชญากรรมคอยลงไปดูปัญหาตรงนี้อยู่ ล่าสุดนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็เพิ่งให้งบประมาณมาครับ เพื่อติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มตามพื้นที่ต่างๆ กำหนดเอาไว้ว่าจะแจกจ่ายให้แต่ละเขต สถานีละ 10 ตัว ก็ขึ้นอยู่กับว่าโรงพักไหน ประชุมกันแล้วว่าจุดไหนคือจุดเสี่ยงในการเกิดอาชญากรรมที่สุดในเขตนั้น ก็เอากล้องไปติดเพิ่มตรงนั้น อาจจะจุดละ 2-3 ตัวบ้าง แล้วแต่ครับ นอกจากนี้เราก็ประสานไปยังร้านค้าภาคเอกชนด้วย ขอร้องให้เขาหันกล้องของเขาส่วนหนึ่งออกมาฝั่งถนน มาส่องหน้าร้านและริมถนนด้วย ก็น่าจะช่วยได้อีกเยอะนะครับ
อีกหนึ่งปัญหาสำหรับคนใช้รถคือ ถูกเจ้าถิ่น รีดไถค่าจอดรถ เกี่ยวกับเรื่องนี้รองผู้บัญชาการบอกเอาไว้ว่า เคยได้รับแจ้งมาบ้างเป็นบางจุดครับ เวลาคนใช้รถจอดรถ ก็จะมีคนเดินไปเดินมาวนรอบรถ เราเองก็มีการกวดขันให้มีการจับกุมอยู่แล้วครับเพราะถือว่าเป็นความผิด แต่ส่วนใหญ่เวลาผู้เสียหายเจออย่างนี้ จะไม่ค่อยเข้ามาแจ้งความกัน บางทีคนที่ต้องจ่ายเงินก็ขี้เกียจรำคาญ เลยทำให้ไม่มีเจ้าทุกข์มาร้องทุกข์ที่สถานี
ฉะนั้น ไม่ว่าจะถูก ทุบรถ หรือ ไถค่าจอด ขอให้แจ้งมาที่ 191 ตลอด 24 ชั่วโมง เรามีถึง 60 คู่สาย ระบบจะแจ้งไปที่ศูนย์รับแจ้งเหตุทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ทางศูนย์ก็จะประสานงานไปยังแต่ละพื้นที่ ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตามไปเร็วอยู่แล้ว ส่วนคนที่ไม่อยากพลาดท่า กลายเป็นผู้เคราะห์ร้ายถูกทุบกระจก-ฉกเอาของมีค่าไปอีกราย รองผู้บัญชาการ มานิตย์ ขอฝากทิ้งท้ายไว้ว่า
คนส่วนใหญ่ที่พลาด เพราะชอบเอากระเป๋าเอกสารวางไว้ในรถ กระเป๋าของคุณสุภาพสตรีที่ดูมีราคาบ้าง หรืออาจจะเป็นซองใส่เงิน เป็นถุงที่มองดูน่าจะใส่ของมีค่าเอาไว้ คนร้ายก็ทุบเอาไป โดยเฉพาะช่วงหลังๆ จะเป็นของประเภทคอมพิวเตอร์, ไอแพด, ไอโฟน ที่ถูกขโมยไปด้วย เพราะบางครั้ง สิ่งเหล่านี้เป็นของที่เราใช้ติดตัว พกไปไหนมาไหนตลอด เราหิ้วไปมาจนลืมไปแล้วว่านี่คือของมีค่า ลืมวางทิ้งไว้ในรถ พอหายถึงได้รู้ว่ามันมีราคา ก็ต้องระมัดระวังให้มากๆ เพราะตอนนี้ยังไม่มีหน่วยงานหรือทางภาครัฐออกมารับผิดชอบในส่วนนี้นะครับ ส่วนตัวร้านเองก็ไม่น่าจะรับผิดชอบอะไรให้เรา เพราะมันเป็นที่จอดริมทาง ที่จอดสาธารณะครับ
อาจจะเริ่มจากวิธีที่อาจารย์จิตติชัย แนะนำไว้ก่อนก็ได้ เอาของไว้ท้ายรถช่วยเซฟได้มากที่สุด อย่างน้อยก็ไม่ล่อตาล่อใจ หรือถ้าเอาจะงัดจริงๆ มันก็ใช้เวลานานกว่าทุบกระจกแน่นอน โดยเฉพาะรถที่ดูดี รุ่นใหม่ๆ หน่อยยิ่งต้องระวัง หัวขโมยต้องประเมินแล้วว่าคนที่ใช้รถแบบนี้ต้องมีเงินแน่ๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามาย้ายของมีค่าไว้กระโปรงหลังรถในจุดที่จอดที่เปลี่ยวๆ นะครับ อันนั้นก็ยังน่ากลัวอยู่ดี ควรจะย้ายซ่อนไว้ตั้งแต่ก่อนออกจากบ้าน หรือย้ายในที่ที่คนพลุกพล่าน และอีกอย่างหนึ่งที่จะช่วยได้คือการทำประกันภัย ถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้นมาจะได้มีคนที่เข้ามาดูแล แก้ไขปัญหาต่างๆ ให้บรรเทาลงไปได้ และถ้าต้องจอดในที่เปลี่ยวจริงๆ ก็ควรจะถามชาวบ้านแถวนั้นก่อนว่าตรงนี้น่ากลัวหรือเปล่า จอดได้ไหม ต้องหัดระวังตัวเอง
ในเมื่อหันหน้าไปทางไหนก็ดูเหมือนจะพึ่งไม่ค่อยได้ ร้านค้าก็มีที่จอดรองรับลูกค้าได้ไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่ก็มีกำลังดูแลประชาชนได้ไม่ทั่วถึง ถ้ารักจะจอดรถตามพื้นที่ริมทาง-จอดค้างบนที่สาธารณะแล้ว คงต้องตั้งสติและ พึ่งตัวเอง ให้มากที่สุด ที่เหลือก็แล้วแต่ว่าจะโชคดีหรือโชคร้าย
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE
โดนัท เหยื่ออีกหนึ่งราย
เข้าแจ้งความ
รวบแก๊งทุบรถย่านลาดพร้าวได้
ข้อมูลโดย ผู้จัดการออนไลน์
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
tuk-tuk@korat Travel Blog ดู Blog
ดรสา Blog about TV ดู Blog
ญามี่ Education Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น