Bloggang.com : Darksingha : ชี้เอกชนเปิดศึกชิงมวลชน ผ่าน ‘โฆษณาเด็กชมโรงไฟฟ้า’

ชี้เอกชนเปิดศึกชิงมวลชน ผ่าน ‘โฆษณาเด็กชมโรงไฟฟ้า’

www.kosanathai.com

ที่มา : เว็บไซต์โฆษณาไทยดอทคอม

เมื่อวันที่ 18 ก.ย.50 มีการแถลงข่าวเรื่อง “ชำแหละเบื้องหลัง การโฆษณาชวนเชื่อทางTV ของโรงไฟฟ้าเอกโก้ “เด็กอนุบาลเยี่ยมชมโรงไฟฟ้า” เพื่อหวังประโยชน์ปูทางสร้างโรงไฟฟ้าใช่หรือไม่ ? สงครามแย่งชิงมวลชน การให้ข้อมูลด้านเดียว เพิ่มความขัดแย้งรุนแรงในพื้นที่”

สายรุ้ง ทองปลอน ผู้จัดการสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค (สอบ.) กล่าวว่า จากกรณีที่บริษัท ผลิตไฟฟ้าจำกัด(มหาชน) หรือ เอกโก้ ได้ทำสปอตหนังโฆษณาทางโทรทัศน์ ซึ่งมีเนื้อเรื่องกล่าวถึง การเข้ามาเยี่ยมชมโรงไฟฟ้าเอกโก้ของเด็กอนุบาลกลุ่มหนึ่ง ซึ่งระหว่างการเยี่ยมโรงไฟฟ้านั้น ระหว่างทางก็ได้พบนกอินทรีย์ทะเล บินอยู่บนท้องฟ้า เมื่อเดินแกมวิ่งต่อไปก็ได้พบลิงแสมฝูงหนึ่ง เกือบ 10 ตัวนอนหลับเกยกันอยู่บนต้นไม้ เมื่อเดินแกมวิ่งต่อไป ก็พบปลาโลมาสีชมพูฝูงหนึ่ง กระโดดน้ำตู้มๆ ดำผุดดำว่าย อยู่หน้าโรงไฟฟ้านั้น เป็นยุทธวิธีส่งเสริมการขาย ซึ่งมีความไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นการให้ข้อมูลด้านเดียว สร้างสงครามแย่งชิงมวลชน และจะยิ่งเพิ่มความขัดแย้งรุนแรงในพื้นที่ต่อไปในอนาคต

สายรุ้ง กล่าวต่อว่า ในขณะนี้อยู่ในช่วงเวลาเริ่มต้นของการอนุมัติแผนกำลังการผลิตไฟฟ้า หรือ พีพีดี 2007 ซึ่งหมายถึงแผนการลงทุนในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดมหึมา ครอบคลุม 15 ปี กับวงเงินลงทุน 2 ล้านล้านบาท พร้อมกับการเปิดขายซองประมูลการสร้างโรงไฟฟ้าโดยเอกชนหรือไอพีพี (IPP) ซึ่งเริ่มในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาและในเดือนต.ค.นี้ ก็จะมีการพิจารณาซองประมูล

ดังนั้น ระหว่าง 3-4 เดือนนี้คือช่วงเวลาที่บริษัทเอกชนที่ซื้อซองประมูลต้องไปหาพื้นที่สร้างโรงไฟฟ้า ต้องทำเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชนเบื้องต้น ต้องมีการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม เราจึงเห็นความเคลื่อนไหวเรื่องการก่อสร้างและการต่อต้านโรงไฟฟ้าในพื้นที่ต่างๆ ของประชาชนที่ไม่เห็นด้วย หรือได้รับผลกระทบอยู่แล้ว เช่น สมุทรสงคราม ,ระยอง , ราชบุรี , สุราษฎ์ธานี ฯลฯ ขณะเดียวกันก็ได้เห็นโฆษณาของ เอกโก้ และ กฟผ. ออกมา เบื้องหลังปรากฏการณ์การใช้สื่อโฆษณานี้จึงเป็นอาวุธสู้รบในการดึงมวลชนของอุตสาหกรรมพลังงาน ซึ่งเป็นอาวุธที่อุตสาหกรรมพลังงานมีฝ่ายเดียว

“ในอนาคตอาจจะเห็นยุทธวิธีส่งเสริมการขายด้วยการโฆษณาแบบนี้ ในการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เพราะโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ มีงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ประมาณอย่างน้อย 600 ล้านบาท”

สายรุ้งกล่าวถึงข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลว่า รัฐต้องสร้างความเป็นธรรมในสังคม ต้องกำกับดูแล ไม่ให้เกิดโฆษณาชวนเชื่อแย่งชิงมวลชนแบบนี้ หรือหากจะอ้างว่าเป็นสิทธิเสรีภาพของเอกชนในการให้ข้อมูลข่าวสาร รัฐต้องสนับสนุนงบประมาณ และเวลาการออกอากาศโฆษณาของข้อมูลของอีกฝ่ายหนึ่ง เช่น ข้อมูลว่าทำไมจึงต้องมีการต่อต้านการคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่ต่างๆ ผลกระทบของโรงไฟฟ้าต่อชุมชน รวมทั้งทางเลือกอื่นที่ไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ แต่สามารถผลิตไฟฟ้าด้วยวิธีอื่นได้ พลังงานทางเลือก พลังงานหมุนเวียน

กนิษส์ พงศ์ทรัพย์ ตัวแทนประชาชนที่คัดค้านโรงไฟฟ้าไออาร์พีซี จ.ระยอง กล่าวว่า ขอประณามการโฆษณาของเอกโก้ เพราะเป็นคนละเรื่องกับข้อมูลในพื้นที่จริงโดยสิ้นเชิง ตอนนี้ชาวบ้านมีแต่ภาพของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีซึ่งสร้างไปแล้วและกำลังมีปัญหาอยู่ในขณะนี้ มีการถมทะเลที่มาบตาพุดและสร้างโรงไฟฟ้าทำให้ชายฝั่งของระยองเสียหาย นี่คือเหตุผลว่าทำไมคนระยองถึงต้องออกมาต่อต้านโรงไฟฟ้า เพราะมันจะยิ่งซ้ำเติมคนที่นั่น

“ชาวบ้านอย่างเรามีแค่สองมือสองเท้าแต่ของเขามีทุนมหาศาล ในพื้นที่ไออาพีซีทำมวลชนโดยการเอาเงินไปลงโรงเรียน แล้วบอกแต่ด้านดีอย่างเดียว มีแคมเปญออกมาคือ ไออาพีซีรักระยอง สิ่งที่ชาวบ้านอึดอัดคือการให้ข้อมูลด้านเดียวโดยไม่เคยพูดว่าจะมีผลกระทบยังไง และไม่ได้มีแค่บริษัทเดียว มีข้อมูลใหม่ด้วยว่าตอนนี้อิตาเลียน-ไทย กำลังปูพรมพื้นที่เพื่อเข้าไปตั้งโรงไฟฟ้า กำลังอยู่ในขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์ เราไม่ต่อต้านการก่อสร้างแต่ต้องการให้ทบทวนพื้นที่ที่จะก่อสร้าง พื้นที่ที่สร้างต้องปลอดภัยต่อชุมชน”

นายฉัตรชัย เชื้อรามัน เครือข่ายตาสัปปะรด กล่าวว่า เป็นการไม่ฉลาดที่รัฐยังใช้วิธีโฆษณาการและให้ข้อมูลด้านเดียวเช่นเดิม ทั้งที่ควรจะถึงยุคที่ต้องมีการให้ข้อมูลความเป็นจริงที่รอบด้าน การโฆษณาชวนเชื่อจะทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นในโครงการพัฒนาของรัฐ และมีแต่จะเป็นการยั่วยุสร้างความแตกแยกกับคนในพื้นที่ อีกทั้งเด็กๆ ในปัจจุบันก็ฉลาด เขารู้ว่าภาพปลาโลมากระโดดแบบนั้นมันโกหก และการโกหกมันจะทำให้เขาไม่เชื่อในวิธีคิดในการปกครองของผู้ใหญ่

ที่มา : ประชาไท วันที่ : 19/9/2550

Create Date : 20 กันยายน 2550

Last Update : 20 กันยายน 2550 13:13:51 น.

0 comments

Counter : 495 Pageviews.