ครบรอบ 6 เดือน...บัตเตอร์เค้ก
มันเริ่มจากเมื่อคุณ K บอกว่าวันอาทิตย์นี้ จะต้องทำงานตั้งแต่สิบโมงถึงหนึ่งทุ่ม แล้วยังจะต้องไปประชุมต่อหลังเลิกงานอีกอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง มันตรงกับวันที่เรามาอยู่ที่นี่ครบ 6 เดือนพอดี แต่ต้องเฝ้าบ้านอยู่คนเดียวววว...เซ็งงงงง
คืนวันเสาร์เลยคิดว่าทำขนมดีกว่า เพิ่งอ่านเกี่ยวกับเค้กเนย โดยเฉพาะบล็อกคุณจั้มจี้ เขียนว่า... "ถ้าใครมาถามผมว่า อยากทำเบเกอรี่ จะเริ่มจากอะไรดี ผมก็ต้องตอบไปว่า ...ต้องเริ่มด้วยบัตเตอร์เค้กสิ ถ้าใครอบบัตเตอร์เค้กพอกินได้ แสดงว่าพลังแห่งขนมอบกำลังเป็นของเค้า may the cake be with you."
ตอนเราเริ่มตีเค้ก เราเริ่มจากตีสปันจ์เค้ก หลังๆก็ลองตีแบบชิฟฟ่อนเค้ก แต่ไม่เคยทำเค้กเนยเลยสักที เพราะมีความคิดว่ามันคงเนื้อหนักแน่น เหม็นเนย อะไรแบบนั้น อ่านที่คุณจั้มจี้ เขียนยังงั้น เลยสงสัยว่าถ้าเราลองทำบัตเตอร์เค้ก มันจะออกมาเป็นไง
แต่...2-3 วันมานี้ คุยกับน้องสาว (แม่บ้านครอว์ฟอร์ด) เรื่องเค้กบ้านสวนกัน สาวว่าทำออกมาแล้วเค้กเบานุ่มมมมมาก
เลยสองจิตสองใจค่ะ นอนคิดมาทั้งคืนก็ตัดสินใจไม่ได้ว่าทำอันไหนดี ระหว่างบัตเตอร์เค้ก กับเค้กบ้านสวน ------
ขนาดเริ่มตวงแป้งเค้กแล้ว ก็ยังรีๆรอๆว่าจะทำเค้กแบบไหนดีหว่า ในที่สุดก็... ตัดสินใจไม่ได้ค่ะ ถึงแม้ในใจจะโอนเอนไปทางบัตเตอร์เค้กก็ตาม
เลยโทรหาน้องสาว (แม่บ้านครอว์ฟอร์ด) ฟังสาวพูด ชักลังเลไปทางเค้กบ้านสวน สาวว่าบัตเตอร์เค้ก มันเนื้อแน่น.. เนยเยอะ.. อบนานนนนแบบว่า 45 นาที
แต่วางหูแล้วเราก็เดินหน้าที่จะทำบัตเตอร์เค้กอยู่ดี
คือแบบว่าเป็นสาวราศีตุลย์ไงคะ ตัดสินใจไม่ค่อยได้ มักจะรีๆรอๆ ลังเล ชอบเอาขึ้นตาชั่ง ชอบถามความเห็นคนรอบข้าง ทั้งที่มีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว คุณ K บ่นประจำค่ะ เธอว่า "Then why do you ask me!!!!????"...ฮ่า ฮ่า
กลับมาเรื่องเค้กค่ะ... เริ่มๆทำเค้กก็บ่ายโมงครึ่งเข้าไปแล้ว บัตเตอร์เค้กวันนี้ใช้สูตรของป้าโพ โดยใช้แนวทางการตีของคุณจั้มจี้ เป็นแนวทางด้วยตลอด ขอขอบคุณทั้งสองท่าน มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
นอกสูตรไปหน่อยนะคะ ขอเพิ่มลูกเกดและเครซิน เพราะชอบให้มีรสเปรี้ยวๆแทรกในเค้กค่ะ
ตีเนยกับน้ำตาลให้ฟู ดูไม่เป็นซักที ยังไงถึงเรียกฟู...คิดว่านี่น่าจะฟูแล้ว
ตีส่วนไข่เสร็จ ต้องข้นเป็นครีม น่าจะเป็นครีมแล้ว...มั้ง
ผสมส่วนแป้งเสร็จ ได้แบบนี้ค่ะ
ใส่ผลไม้แห้ง ..เตรียมอบ
23 นาที
45 นาที ลองเอาไม้จิ้มฟันจิ้มกลางเค้กดู ...เปียกมากกก!!!!!
ชักวิตก ตอนนี้ถึงกับเปิดจิ้มดูทุกๆ 5 นาที
ผ่านไป 1 ชั่วโมงแล้ว ก็ยังเปียกๆ
เอ...เพราะเราอบสองพิมพ์ แล้วมันแย่งความร้อนกันหรือเปล่า หรือเค้กข้างในเรามันจะไม่สุกเอาซะแล้วหรือเปล่า ...อบไรกันนานขนาดนี้
1 ชั่วโมง 11 นาที ชักดีขึ้นค่ะ ...ใจมาขึ้นหน่อย เค้กชักแห้ง... แต่ก็ยังติดไม้จิ้มฟันออกมาเป็นเม็ดเล็กๆ แห้งๆ
อย่ากระนั้นเลย... สาวราศีตุลย์ต้องโทรไปถามน้องสาว (แม่บ้านครอว์ฟอร์ด) ที่ปรึกษาในการทำเค้กวันนี้มาแต่ต้น ต้องขอยืนยันหน่อยว่าเค้กมันอบกันได้นานขนาดนี้จริงๆ
สาวว่าให้อบไปจนกว่าจะไม่มีอะไรติดไม้จิ้มฟัน แล้วยังโทรกลับมาย้ำว่าอย่าเปิดเช็คบ่อยไป เด๊ยวเค้กแข็ง เป็น mission ข้ามรัฐดีจริงๆ ..ขอบคุณจ้า
โอเค...ไม่มีไรติดแล้ว
1 ชั่วโมง กับ 22 นาที!!!! ...โอ้ว!...สุกซะที
คุณจั้มจี้เขียนไว้ว่า ให้รอเค้กเย็นแล้วให้ปิดฝาหุ้มเค้กให้สนิท แล้วนำไปแช่ตู้เย็นช่องฟรีส หรือช่องธรรมดา อย่างต่ำ 6 ชั่วโมง แล้วนำมาตัดทั้งเย็นๆ เพื่อให้ตัดได้เรียบสวย แต่เราอยากรู้อ่ะ ว่าเนื้อเค้กมันออกมาเป็นไง เป็นไตไหม เลยแงะออกจากพิมพ์ตัดดูก่อน....
ผลก็คือ....
เค้กยุ่ยสิคะ! ผลของความใจร้อน
แต่ก็สบายใจแระ เนื้อเค้กดูดี ถ้าแช่เย็นแล้วตัดคงดูดีกว่านี้อีก รสชาติไม่ห่วง สูตรดีๆ รสชาติก็ต้องออกมาดีอยู่แล้ว
อย่ากระนั้นเลย... จับเค้กยัดกลับใส่พิมพ์ใหม่ แล้วปิดฟอยล์ ใส่ตู้เย็นไว้ก่อนค่ะ
เช้าขึ้นมา...ตื่นเต้น รีบลงมาตัดเค้กแต่เช้า ไม่ลืมวิธีแช่มีดในน้ำอุ่นอย่างคุณแม่สามข้าวทำ คราวนี้ไม่ใจร้อนแล้ว เพราะใจเย็นทิ้งเค้กไว้ในตู้เย็นได้ทั้งคืนแล้ว ชงกาแฟเตรียมเลย
เค้กข้างนอกแข็งๆนิดๆ ไม่รู้เพราะทานทั้งที่เพิ่งเอาออกจากตู้เย็นหรือเปล่า หรือเพราะอบนานไป เนื้อดูไม่ละเอียดเนียนเท่าไหร่ แต่รสชาติ...ดีมากค่ะ
คุณ K วิจาร์ณว่า.. "It is a good texture..good taste..excellent for coffee".
March 13, 2011
Create Date : 15 มีนาคม 2554 |
Last Update : 20 ตุลาคม 2556 7:44:35 น. |
|
22 comments
|
Counter : 1410 Pageviews. |
|
|