เสพภาพยนตร์เป็นจานหลัก พักสายตาฟังเจป๊อบเป็นจานรอง ให้อาหารสมองด้วยโดระมะ แปลเนื้อเพลงญี่ปุ่นเป็นงานอดิเรก
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
8 ธันวาคม 2548
 
All Blogs
 

แพกเกจส่งท้ายปี 1 : NANA, เด็กโต๋

เนื่องจากก็เหมือนเคย ๆ ดูหนังมาก แต่ไม่มีเวลาเขียน ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ขอส่งท้ายปีกับหนังสามเรื่องในคราว
เดียวเป็นแพคเกจเหมือนเคย (วันนี้ขี้เกียจ เอาไปสองก่อน)

Nana : ช่องว่างของความฝัน

จำได้ว่าอ่านการ์ตูนครั้งสุดท้ายสมัยเป็นเด็กนักเรียนม.ต้น หลังจากนั้นก็มีตามอ่านแค่ชินจังเรื่องเดียว ซึ่งก็อย่างที่ทราบ ๆ กันว่า ชาติกว่าจะออกมาสักเล่ม แต่หนังเรื่อง Nana ทำให้ผมกลับไปหยิบจับการ์ตูนเรื่องนี้ขึ้นมาอ่าน แถมยังสามารถทำให้ผมอ่านรวด 10 เล่มจบภายในสามสัปดาห์ได้ ซึ่งทำสถิติใหม่ให้กับตัวเอง เพราะปกติเป็นคนไม่ค่อยอ่านหนังสือ (สถิตินี้ ผมเชื่อว่าหลายท่านสามารถทำได้เร็วกว่าเยอะ) แน่นอนหนังมันต้องโดนแน่ ๆ ผมถึงต้องไปหามาอ่าน

สำหรับหนังเรื่อง Nana นี้ดัดแปลงจากหนังสือการ์ตูนเรื่องเดียวกันของ ไอ ยาซาว่า ซึ่งการ์ตูนนั้นถึงตอนนี้ยังไม่จบบริบูรณ์ แต่หนังเลือกที่จะทำถึงเพียงเล่ม 5 เท่านั้น (ตอนนี้ถึงเล่ม 13 ที่ญี่ปุ่น และเล่ม 10 ที่บ้านเรา) ต้องชมว่าผกก.ว่ายังคงรักษาอารมณ์และเนื้อเรื่องเดิมได้ดี อาจมีปรับบทนิดหน่อย และมีฉากเลิฟซีนร้อนแรงน้อยลง ซึ่งเมื่อดู Nana ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์แล้วจะเห็นว่าตัวละครดูมีความเป็นคนมากกว่าในการ์ตูน

เรื่องราวในหนังเกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่อนานะสองคนที่บังเอิญมาเจอกันบนรถไฟที่กำลังจะเข้าไปโตเกียว ทั้งสองมีความมุ่งมั่นที่จะไปตามความฝันของตนเองเหมือนกัน แต่ต่างกันที่นิสัย ตัวละครนานะคนแรก เป็นนักดนตรีแนวพังค์ร็อคที่ห้าวและแข็งแกร่ง แต่ภายในลึก ๆ ก็ยังต้องการความรักความอบอุ่น ส่วนอีกนานะหนึ่งเป็นหญิงสาวที่เชื่อเรื่องโชคชะตา(หรือในหนังให้อีกชื่อหนึ่งว่า ฮาจิ) แม้ว่าภายนอกจะเป็นคนเอาแต่ใจและเพ้อฝัน แต่ภายในแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนและมีจิตใจที่ดีงามทีเดียว แต่แล้วก็มีเหตุให้ทั้งสองต้องมาเช่าอพาร์ตเมนท์อยู่ด้วยกัน

หนังมีประเด็นของความแตกต่างของทั้งนานะและฮาจิ ตั้งแต่จุดประสงค์ของการเข้าเมืองใหญ่ นานะเลิกกับแฟนเพื่อเข้าเมืองมาเล่นดนตรี ฮาจิเข้าเมืองเพื่อจะมาอยู่กับแฟน, นานะเป็นผู้หญิงห้าว ดูดุดัน ส่วนฮาจิดูน่ารัก เอาแต่ใจ, เรนแฟนของนานะต้อนรับนานะเสมอถ้านานะต้องการมาอยู่ด้วย ส่วนโชจิแฟนของฮาจิต้องการให้ฮาจิอยู่ด้วยตนเอง, สำหรับนานะศักดิ์ศรีสำคัญกว่าความรัก ส่วนฮาจิความรักสำคัญที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้ดู ๆ แล้วไม่น่าจะอยู่ด้วยกันได้ แต่ในหนังทั้งสองคนนี้รักกัน

สิ่งที่เชื่อมความสัมพันธ์ของคนทั้งสองได้อย่างเดียวเลยคือ ความดีของคนทั้งสอง นานะมีความแข็งแกร่งซึ่งทำให้ฮาจิเมื่อเจ็บช้ำจากความรักในบางครั้ง นานะก็มีคนที่คอยรองรับเธออยู่ตลอดเวลา ส่วนฮาจิก็มีความอ่อนโยนที่พอจะช่วยนานะในแง่ที่นานะพยายามหลีกหนีความเป็นจริงที่เจ็บปวดกับคนรักในอดีต ทั้งสองเติมเต็มกันได้อย่างไม่น่าเชื่อทีเดียว

ภาพที่ใช้ในหนังนั้นแทบไม่ต่างจากที่หนังสือการ์ตูนเขียนไว้ อีกทั้งเมื่อดูจบเราก็หลงเสน่ห์ของตัวหนังได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งมุขตลกที่คอยหยอดมาเป็นระยะ ๆ ฉากดราม่าที่ค่อย ๆ เข้ามามีบทบาทกับตัวละครทั้งสอง หรือแม้กระทั่งเพลงที่อยู่บนคอนเสริตของวงแบล็กสโตนของนานะ และวงบราสต์วงคู่แข่งของแบล็กสโตน ที่เสริมอารมณ์ของเรื่องได้อย่างไม่น่าเชื่อ


เด็กโต๋ : เด็กเอ๋ยเด็กน้อย

แทบไม่ได้เห็นหนังที่เรียกว่าอินดี้แท้ ๆ เลยในเมืองไทย คือถ้าจะมีก็โคตะระใต้ดิน หมายถึงคนทั่วไปคงไม่มีโอกาสดูในโรง แต่นี่หนังสารคดีที่มีผกก.เป็นถึงผู้หญิงที่สวยที่สุดในประเทศกำกับ แถมยังได้ฉายบนดินกับเขาบ้าง ก็คงจะไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่แท้ ทั้งหาเงินเอง ทำเอง และหาโรงฉายเอง

ประเด็นที่น่าสนใจเห็นจะเป็นการที่ตั้งจุดมุ่งหมายให้กับเด็กนักเรียนของโรงเรียนบนภูเขาที่อยู่ห่างไกลว่า หากสามารถจบหลักสูตรชั้นม.3ได้ จะพาไปเที่ยวทะเล ซึ่งภาพที่คนดูคาดหวังแน่ ๆ ก็คงจะเป็นภาพของเด็กที่ไม่เคยแม้กระทั่งออกมาจากหมู่บ้านและโรงเรียนในชนบทนั้นได้มาเห็นทะเลเป็นครั้งแรกในชีวิต แน่นอนหนังเรื่องนี้มีตรงนี้ แต่ในช่วงเวลาหนึ่งปีการศึกษาที่ผกก.หญิงทั้งสองไปจับภาพนั้น มันมีเรื่องราวของโรงเรียนนี้อยู่ ซึ่งเราก็จะได้เห็นถึงสภาพ ความเป็นอยู่ และการเรียนการสอนของโรงเรียนนี้

คงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเราจะสามารถร้องไห้ให้กับหนังเรื่องนี้ เพราะเรื่องราวระหว่างช่วงหนึ่งปีการศึกษานั้น ผู้ชมจะได้เห็นถึงอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับการดำเนินงานของโรงเรียนแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนต้องเข้าโรงพยาบาล เนื่องจากโรคมะเร็งที่ตนปกปิดไม่บอกใครกำเริบขึ้นมา หรือเรื่องราวของครูที่อยู่โรงเรียนนี้มาสิบกว่าปี มีอันจำเป็นต้องลาออกไป

เนื่องจากความสดใสในวัยเด็กที่หนังถ่ายทอดออกมา ทำให้เราอดนึกย้อนกลับไป ทั้งที่ผมก็เป็นคนเชียงใหม่นะ แต่ไม่นึกว่า โรงเรียนห่างออกจากตัวเมืองไปประมาณไม่กี่ร้อยกิโล เด็ก ๆ ในโรงเรียนช่างดูต่างกันมากนัก เพราะในสังคมเมือง พ่อแม่จะเคี่ยวเข็ญลูกมากมายก่ายกอง ทั้งพาไปกวดวิชา ส่งประกวดนั่นประกวดนี่ โดยเด็กก็เรียนไปโดยไม่รู้ว่าเรียนไปแล้วทำอะไร ในขณะที่เด็กอีกฟากหนึ่งกลับมีชีวิตชีวาและมีความสุขในการเรียนหนังสือ โดยไม่มีเรื่องต่าง ๆ ดังกล่าวเข้ามาทำให้ความรู้สึกไม่ดีที่เกินกว่าเด็กที่จะต้องรับนั้นเข้ามาทำลายความบริสุทธิ์ในชีวิตของเขา

เอาเป็นว่าหนังทำสำเร็จในแง่ของอารมณ์ร่วม ที่ทำให้ผู้ชมได้เห็นถึงชีวิตที่ต่างออกไปจากที่เราสัมผัสกัน อย่างหนึ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้น่าสนใจก็คงจะไม่พ้นชื่อของคุณป๊อปเป็นแน่แท้ อย่างไรก็ขอชมเชยถึงความกล้า และความตั้งใจที่ทำให้หนังลักษณะนี้ออกมา




 

Create Date : 08 ธันวาคม 2548
3 comments
Last Update : 9 ธันวาคม 2548 9:36:39 น.
Counter : 1209 Pageviews.

 

เยี่ยมมากทั้ง 2 เรื่องเลย เป็นหนังที่เราชอบที่สุดในปีนี้เลยล่ะ ทั้งนานะ ที่เราติดตามอ่านตั้งแต่เป็นการ์ตูน และ เด็กโต๋ ที่หลายคนคงรับรู้ความรู้สึกผ่านแผ่นฟิล์ม ที่พี่ป๊อบบรรจงสื่อให้พวกเราได้ดูกัน

ถึงจะต้องถ่อไปดูไกลถึงAPEX มันก็คุ้มนะ คุ้มมากๆ

 

โดย: ++SpY++ 8 ธันวาคม 2548 21:34:49 น.  

 

อยากดูทั้ง ๒ เรื่องเลย แต่อาทิตย์นี้โดนแม่บังคับกลับบ้านอ้ะ (ไม่กลับก็โดนน้อยใจใส่ซะงั้น)

พลาดจากอาทิตย์นี้ไป อาทิตย์หน้าก็ติดทริปอีก

นึกๆ แล้วอยากโดดงานไปดูหนังจริงๆ เลย

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 9 ธันวาคม 2548 10:47:11 น.  

 

เคยได้ยินมาว่า NANA จะทำภาค 2 ออกมาประมาณปี 2007

แล้วก็จะมีเป็น animation และ ละคร ด้วยอ่า..กระแสแรงจริงๆ

 

โดย: .:ryuku:. IP: 58.136.195.60 24 เมษายน 2549 17:19:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Filmism
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Friends' blogs
[Add Filmism's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.