เฉิ่ม มิดไนท์เพลงรัก แล้วหม่ำจะรักนุ่น จนคุณน้ำตาซึม (Spoil) เหตุผลแท้ ๆ ของการตัดสินใจไปดูหนังเรื่องนี้ หาใช่ที่ตัวนักแสดงนำขายดีอย่างคุณหม่ำ จ๊กมก หรือนักแสดงน้องใหม่แต่หน้าเก่าในวงการภาพยนตร์อย่างนุ่น วรนุชเพียงอย่างเดียว แต่มันน่าจะเป็นเรื่องรวม ๆ จากหน้าหนังมากกว่า ทั้งผกก.ที่ผมติดตามงานมาอย่าง คงเดช จาตุรันต์รัศมี ตั้งแต่กำกับสยิวจนถึงมาเขียนบทหนังเดอะเลตเตอร์ และคอนเซ็ปท์ของหนังที่พูดคุยถึงความชอบในแฟชั่นและเพลงเก่า ๆ เสียมากกว่า ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่า ผมไม่เคยได้ดูตัวอย่าง(Trailer) หนังเรื่องนี้ทั้งในโรงนอกโรงเลยด้วยซ้ำ แต่นั่นมันทำให้ผมโชคดีที่ผมสามารถซึมซับความรู้สึกต่าง ๆ ที่ผมจะได้รับจากหนังมากกว่า เรารู้แต่เพียงว่าคุณหม่ำมาเปลี่ยนบทบาทของตัวเองเป็นครั้งแรก แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ผู้สร้างจะเสี่ยงกับหนังมาก เนื่องจากภาพของคุณหม่ำ จะถูกมองเป็นนักแสดงตลกมากกว่า และผู้ชมที่เป็นแฟน ๆ คุณหม่ำจะคาดหวังว่าจะได้ดูคุณหม่ำในบทบาทเดิม ๆ ซึ่งหากใครต้องการดูคุณหม่ำมาดตลกนั้นคงต้องผิดหวังกันไป แต่อย่างไรก็ดี รายได้ของหนังเรื่องนี้กลับสวนทางกับเนื้อหา เนื่องจากรายได้หนังกลับทำเงินไปถีง 30 กว่าล้านบาท ทั้ง ๆ ที่หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังตลก แถมอาจถูกมองเป็นของแข็งสำหรับคนทั่ว ๆ ไป(ทั้ง ๆ ที่มันไม่) ตรงนี้เราคงเดาได้ไม่ยากว่า สาเหตุส่วนหนึ่งคงจะเป็นเพราะแฟน ๆ คุณหม่ำคงอยากตามเข้าไปดูคุณหม่ำอีกนั่นแหละ แต่ผลจะเป็นอย่างไรอันนี้ไม่อาจทราบได้ หนังพูดถึงสมบัติคนขับแท็กซี่กะดึกคนหนึ่ง วันทั้งวันชีวิตของสมบัติจะอยู่แบบเดิม ๆ ทั้งการฟังวิทยุเอเอ็มที่เปิดเพลงลูกกรุงประเภทสุนทราภรณ์ และมีละครวิทยุที่พาฝัน ด้วยอาชีพของเขาที่เขามีรถเป็นเพื่อน มีวิทยุที่คอยแก้เหงา มันก็เหมือนกับคนที่ปิดโลกตัวเองคนหนึ่ง ที่จะมีโลกส่วนตัวที่เขามีความสุข ที่สำคัญ เขาพอใจกับมัน ในขณะที่เพื่อน ๆ ที่ขับแท็กซี่คนอื่น ๆ กลับพยายามไขว่คว้าหาสิ่งใหม่ ๆ ที่คอยแก้เหงาตลอดเวลา กรุงเทพฯคงไม่ต่างจากมหานครอื่น ๆ ในโลก ที่ต้องมีคนหลายกลุ่มหลายอาชีพ คนขับรถแท็กซี่ก็เป็นส่วนหนึ่งนั้นเหมือนกัน สมบัติเองเป็นคนที่คอยรับส่งผู้คนจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตแม้จะสั้นเพียงไม่กี่นาทีที่ผู้คนเหล่านั้นขึ้นมาบนรถของสมบัติมันก็สะท้อนถึงหลายสิ่งหลายอย่างของคนกรุงได้เป็นอย่างดี ชีวิตของสมบัติเริ่มเปลี่ยนไปในวันที่นวลสาวอาบอบนวดที่บังเอิญมาได้ขึ้นรถแท็กซี่คันนี้เมื่อเลิกงาน เธอเหมือนกับตัวแทนของคนกรุงเทพฯอีกคนหนึ่งที่อยู่กับความจอมปลอมของสังคม หากแต่เธอกลับได้มาเจอกับสมบัติผู้ซึ่งกระแสสังคมไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงเขาได้ แม้มันอาจจะไม่ถูกกับรสนิยมเธอมากนัก เธอก็ยังอยากที่จะเรียนรู้ในโลกของเขา จะว่าไปคนทั้งสองคนเป็นเหมือนตัวแทนของคนตัวเล็ก ๆ ในสังคมที่มาเจอกัน คนหนึ่งไม่ได้อยู่บนโลกของความเป็นจริง อีกคนอยู่บนความเป็นจริงอันแสนโหดร้ายและพยายามจะมองหาสิ่งใหม่ให้ชีวิตตน เมื่อนวลพยามเรียนรู้ในตัวสมบัติ สมบัติก็อยากจะเรียนรู้เธอให้มาก เธอเปรียบเหมือนตัวละครอีกตัวหนึ่งที่เข้ามาในโลกของละครวิทยุที่เขาฟังอยู่ ภาพอันมีเสน่ห์ของหนังยุคเก่ามันทำให้เราเห็นถึงโลกส่วนตัวที่เขาพยายามสร้างขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งสองพยายามเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยกัน เมื่อคนสองคนที่เหมือนจะอยู่บนพื้นฐานของโลกคนละโลกแต่เป็นโลกที่เปลี่ยวเหงามาเจอกัน ทำให้เหมือนกับการที่คนสองคนนี้เหมือนจะเติมเต็มกันได้ ความรักมันก่อเกิดจากความสัมพันธ์ทีละเล็กทีละน้อย จนยากที่จะบอกได้ว่านี่เป็นความรักหรือไม่ แต่ทั้งสองก็พอใจที่จะอยู่ด้วยกัน หากแต่ว่าสังคมเมืองมันไม่ได้สวยงามเช่นนั้น เมื่อสมบัติเก็บกระเป๋าเงินที่มีเงินจำนวนไม่น้อยได้ เขากลับเป็นพลเมืองดีที่เอาเงินไปคืนเจ้าของ และเจ้าของเงินก็เป็นคุณลุงใจดีที่ให้เงินจำนวนหนึ่งตอบแทนเป็นน้ำใจในฐานะที่พลเมืองดีอย่างนี้หาได้ยากมากในสังคม แต่แล้วทำดีกลับไม่ได้ดี เพราะหลังจากนั้นเมื่อเขากำลังขับรถไปรับนวลเหมือนที่เขาเคย ๆ ทำมา เขากลับโดนผู้ร้ายจี้เงินเขาไปเสียได้ หนำซ้ำเขาโดนทำร้ายจนไม่สามารถไปรับนวลได้ ฝ่ายนวลเธอก็ไปพบกับเสี่ยที่ถูกใจในร่างกายเธอ เมื่อคืนนี้สมบัติไม่ได้มารับ เธอก็ยอมขึ้นรถไปกับเสี่ยคนนั้น ทั้งที่ตัวเธอหาได้พอใจไม่ ยังไงเสียด้วยความซื่อของสมบัติ เขาก็ยังมารับนวลตามปกติ และเขาก็ไม่ได้แก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้นเมื่อนวลถาม นวลสามารถให้อภัยสมบัติอย่างรวดเร็ว ทั้งที่เธอไม่ได้รับรู้เหตุผลที่ทำให้เขามารับเธอไม่ได้ มันอาจจะไม่ใช่ความเหงา หรือความรัก หรือเหตุผลอะไรเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งอะไรหละที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งสามารถจะให้อภัยผู้ชายคนที่ปล่อยให้เธออยู่กลางดึกคนเดียวได้ มันจำเป็นต้องมีเหตุผลไหมหล่ะ สิ่งที่ทำให้เกิดความขัดแย้งตลอดเวลากับคนสองคนนี้หาใช่เป็นการทะเลาะ การเถียงกัน หรือความไม่ลงรอยกันไม่ แต่เป็นสังคมที่เลวทรามต่างหาก ที่พาให้ชีวิตของคนสองคนไปในทิศทางต่าง ๆ นานา กระแสสังคมทำให้สมบัติต้องมาเจอะเจอกับการถูกบริษัทขายสินค้าผ่อนส่งหลอกเอาเงินก้อนโตไป นวลต้องเจอกับเสี่ยที่ยอมจ่ายเงินเพียงเพื่อหาความสุขจากร่างกายของเธอเท่านั้น นานวันทำให้คนสองคนยิ่งห่างกัน แต่หาใช่ว่าคนสองคนจะไม่ได้คิดถึงกัน สมบัติเหลือสิ่งสุดท้ายในชีวิตก็คงจะเป็นวิทยุ เขามักจะเขียนจดหมายไปหาดีเจที่ไม่เคยอ่านจดหมายเขาออกอากาศเลย แต่สมบัติไม่เคยโกรธเคืองใด ๆ เพราะเขามีความเชื่อมั่นในสิ่งที่เป็นเพื่อนแท้และเพื่อนตายของเขามาตลอด หารู้ไม่ว่าวันที่เขาไปสถานีวิทยุนั้นเขากลับพบความจริงที่เลวร้ายกว่าว่า รายการวิทยุที่เขาฟังทุกวันนั้นเป็นเพียงรายการอัดเทปจอมปลอมรายการหนึ่งเท่านั้น สมบัติหมดสิ้นทุกสิ่งแต่อย่างไรเสียเขาก็ยังคงทำดี เมื่อวันหนึ่งเขาได้กลับมาพบกับคุณลุงใจดีคนนั้นอีกครั้ง คุณลุงใจดียังให้เงินเขาและขอเขาไปส่ง แต่หารู้ไม่ว่าคุณลุงใจดีคนนี้เป็นเกย์และหลอกเขาพาขึ้นเตียงไปเสียได้ เหมือนหนังจะบอกเป็นนัย ๆ กับเราว่า ไม่มีหรอกคนที่ให้เงินกับเราโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ วันนั้นสมบัติคงต้องเหมือนกับมนุษย์ทุกคนที่พยายามเอาตัวรอดแม้ว่าสิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำนั้นเลวร้ายถึงขนาดเขาอาจต้องติดคุกไปชั่วชีวิตเลยก็ได้ เมื่อนวลห่างกับสมบัติ นวลกลับหาที่พึ่งแห่งใหม่คือเสี่ยที่มาใช้บริการเธอสม่ำเสมอ เสี่ยคนนี้สามารถให้เธอได้ทั้งเงิน ได้ทั้งความสบาย ทั้งคอนโดสวยหรู แต่หากเป็นที่พึ่งทางใจได้ไม่ ถึงอย่างไรเธอพยายามหาความสุขที่หายไปโดยการทำสิ่งที่สมบัติเคยทำ กินอย่างที่สมบัติเคยกิน แม้ว่าสมบัติจะไม่ได้อยู่ต่อหน้าเธอก็ตาม ในฐานะเมียเก็บเสี่ย เธอต้องเก็บตัวอยู่เงียบ ๆ เท่านั้น เธอไม่สามารถจะแสดงความสัมพันธ์ใด ๆ กับเสี่ยคนนี้ได้ แม้กระทั่งงานศพของเสี่ยก็ตาม เมื่อวันที่ทั้งสองคนถึงจุดวิกฤตกับความจอมปลอมของสังคม ทำให้สมบัติเอาเงินที่ขโมยมาจากลุงใจดีคนนั้นไปให้กับนวลให้ได้ แม้ว่าจะต้องพังประตูหน้าลิฟต์คอนโดนั้น ทั้ง ๆ ที่เขาก็รู้ว่าหากทำอย่างนั้นเขาต้องติดคุกแน่ แต่เขาก็เลือกที่จะทำมัน โดยที่เขาไม่หวังสิ่งตอบแทน มันเป็นความสุขทางใจสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำให้กับคนที่เขารักได้ สุดท้ายเขาก็ประสบอุบัติเหตุจากการวิ่งหนียามของคอนโดที่นวลพักอยู่ และเขาเหมือนจะต้องจากกับนวลไปชั่วชีวิต อย่างไรเสีย นวลก็ได้รับสิ่งที่เธอตามหามาทั้งชีวิตก็คือความรักแท้ที่สมบัติได้มอบให้ แม้ว่าเธออาจจะไม่ได้มันมาเป็นตัวตนของสมบัติก็ตาม เธอสานฝันของเธอต่อด้วยการเปิดร้านขายชุดแต่งงาน หนังสามารถสรุปการเจอกันอีกครั้งของคนสองคนนี้อย่างลงตัวเมื่อสามารถนำพานวลมาเจอกับสมบัติซึ่งตอนนี้กลายมาเป็นช่างซ่อมเครื่องไฟฟ้า เมื่อเขาเปิดเพลงของสุนทราภรณ์ซึ่งเป็นตัวที่สามารถต่อเชื่อมความรักที่ขาดหายไปของคนสองคนนั้นได้ หนังเรื่องนี้ไม่ได้สรุปสิ่งใด ๆ ทั้งสิ้น แต่มันก็สามารถสะท้อนหลายสิ่งหลายอย่างออกมา ทั้งความรักที่บริสุทธิ์ของคนสองคนที่หาได้ยากในสังคมปัจจุบัน หากหนังไทยเรื่องหนึ่งสามารถบ่งบอกถึงหลายสิ่งหลายอย่างได้มากขนาดนี้ ผมคงจะยกให้เป็นหนังรักแบบไทย ๆ เรื่องหนึ่งที่เป็นบันทึกของสังคมไทยได้อย่างดีทีเดียว Create Date : 07 มิถุนายน 2548 Last Update : 7 มิถุนายน 2548 19:30:28 น. 0 comments Counter : 16971 Pageviews. Share Tweet ชื่อ : Comment :   *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก