เสพภาพยนตร์เป็นจานหลัก พักสายตาฟังเจป๊อบเป็นจานรอง ให้อาหารสมองด้วยโดระมะ แปลเนื้อเพลงญี่ปุ่นเป็นงานอดิเรก
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
18 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
Departures (AKA. おくりびと) เรียบง่าย ลึกซึ้ง...และออสการ์



**แก้ไขเพิ่มเติม 2009/03/19


(เนื่องจากดูหนังมาสด ๆ ร้อน ๆ แล้วเขียนเลย การกลั่นกรองถ้อยคำอาจจะไม่ดีเท่าที่ควร ขอแก้ไขเพิ่มเติมในบางส่วน)


คงต้องกล่าวก่อนว่า แม้จะเฝ้าติดตามชมภาพยนตร์ญี่ปุ่นมาโดยตลอด ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ติดตามความเคลื่อนไหวของวงการหนังญี่ปุ่นเลย แม้กระทั่งหนังเรื่อง Departures หรือ okuribito (おくりびと) ที่สามารถคว้ารางวัลตุ๊กตาทองญี่ปุ่นชนิดเข้าชิงสาขาไหนเป็นอันได้หมด ก็ยังไม่ได้รับรู้อะไรใด ๆ เลยเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ จนกระทั่งหนึ่งคืนก่อนประกาศผลออสการ์ก็ทราบแค่เพียงว่ามีหนังเรื่องนี้เป็น 1 ใน 5 ที่ติดโผเข้าชิงสาขาหนังต่างด้าวยอดเยี่ยม

พอตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น ตอนแรกก็กะว่าจะไปโรงหนังเพื่อจะไปดูหนังอีกเรื่องนึง แต่พอถึงหน้าโรงหนัง(ย่านชินจุกุ)กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่ได้เห็นเหมือนกับเขากำลังฉลองกับความสำเร็จกลาย ๆ ของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่สามารถคว้ารางวัลออสการ์มาได้ ทั้งสื่อทีวีที่ประโคมข่าวกันทั้งวัน ทั้งหน้าโรงหนังเองมีทีวีมาทำข่าว (เพราะหนังเรื่องนี้มีกลับมาฉายใหม่แบบเงียบ ๆ เพื่อต้อนรับเทศกาลออสการ์) ซึ่งก็มารู้อีกทีว่าหนังเรื่องนี้ได้รางวัลก็ตอนนั้นแหละ




เมื่อวานก็มีโอกาสไปที่ชินจุกุอีกรอบ ตอนแรกก็ไม่ได้กะไปดูหนังหรอก แต่หลังจากทำธุระเสร็จเวลาก็ปาไปบ่าย 3 กว่า ๆ รู้สึกขี้เกียจกลับบ้าน และเดินผ่านหน้าร้านดีวีดี ดีวีดีหนังเรื่อง Departures ก็เพิ่งจะวางแผงเป็นวันแรก... ตอนแรกก็สองจิตสองใจว่า จะรอเช่าดีวีดี หรือจะดูในโรงดี (ก่อนหน้านี้เคยเช็ครอบหนังทางเน็ท หลังจากหนังได้ออสการ์ จากเดิมฉายวันละ 2 รอบ เพิ่มเป็น 5 รอบ เต็มวัน) สุดท้ายพอเห็นว่ารอบฉายกำลังลงตัวก็ตัดสินใจได้ว่า ดูโรงละกันเพราะไม่มีอะไรทำ

(สำหรับใครที่พอจะฟังภาษาญี่ปุ่นออกและยังอยู่ในญี่ปุ่นช่วงนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังฉายอยู่เฉพาะโรงหนังในเครือโชจิกุนะครับ)

พร่ามมาเยอะมาก เข้าเรื่องเลยละกัน....


ถ้าลองเปิดหาความหมายของคำว่า okuribito (おくりびと)ในพจนานุกรม ญี่ปุ่น-ไทย ญี่ปุ่น-อังกฤษ หลายเล่มจะไม่มีความหมายของคำ ๆ นี้อยู่ แต่หากลองเปิดพจนานุกรมญี่ปุ่น-ญี่ปุ่นดู จะเจอความหมายที่น่าจะเดาได้คือ คำนี้เป็นคำสมาสระหว่างคำว่า okuri(おくり)ที่แปลว่า "ส่ง" และคำว่า hito (ひと)ที่แปลว่า "คน" ตามความหมายในพจนานุกรมก็จะแปลว่า คนที่ไปส่งอีกคน(ที่จะเดินทาง)

เรื่องราวของหนังกล่าวถึง ไดโกะ (โมโตกิ มาชิฮิโระ) นักเชลโล่คนหนึ่งที่จู่ ๆ วงออเครสต้าที่เขาร่วมวงอยู่นั้นจะยุบวงไปดื้อ ๆ โดยที่เขาเองก็ไม่ได้รับรู้ล่วงหน้า แถมไม่ได้เตรียมตัวหางานใหม่เอาไว้ หลังจากตกงานมาสักพักจึงตัดสินใจพาภรรยามิกะ (ฮิโรสุเอะ เรียวโกะ) กลับไปหาโอกาสใหม่ที่ยามากะตะบ้านเกิดของเขา




เมื่อไดโกะและภรรยาเดินทางถึงบ้านเกิด เขาต้องเริ่มหางานทำ ครั้งนั้นเขาเห็นโฆษณารับสมัครงานในหน้านสพ.เขียนไว้ว่า 旅(tabi) ที่ให้ความหมายว่า "ท่องเที่ยว" เขาจึงคิดว่านี่เป็นบริษัทท่องเที่ยวจึงลองเดินทางไปสมัครดู แต่เมื่อเขาได้สัมภาษณ์งานกับซาซากิ (ยามาซากิ ทซึโตะมุ) เจ้าของร้าน กลายเป็นว่างานของบริษัทนี้คือ 旅立ち(tabidachi) หรือ การเดินทางไปปรโลก ต่างหาก และเขาก็ถูกมัดมือชกให้ทำงานในตำแหน่ง 納棺師(noukanshi) หรือ "คนจัดการศพ"

สำหรับตำแหน่งคนจัดการศพ สิ่งที่เขาต้องทำคือการทำความสะอาดศพ แต่งหน้า และบรรจุศพลงโลงเพื่อพร้อมสำหรับพิธีเผาศพต่อไป ซึ่งแต่ละขั้นตอนในการทำนั้น จะทำต่อหน้าญาติพี่น้องและแขกผู้ร่วมงานทั้งหมด และต้องใช้ความละเอียดอ่อนและระมัดระวัง รวมทั้งยังต้องเป็นไปตามพิธีกรรมตามประเพณีดั้งเดิมอีกด้วย ความที่งานดังกล่าวเป็นงานที่ต้องยุ่งเกี่ยวกับศพโดยตรง (จริง ๆ ก็คล้าย ๆ กับเป็นสัปเหร่อนั่นเอง) แม้ว่าจะมีรายได้ดี แต่ไดโกะก็ไม่กล้าที่จะบอกกับภรรยาโดยตรง รวมไปถึงผู้คนทั่วไปก็คงจะไม่ได้รู้สึกดีกับงานประเภทนี้สักเท่าไหร่นัก

บทความต่อจากนี้จะมีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญในหนัง พิจารณาเอาเองว่าจะอ่านหรือไม่ (ไม่ได้บังคับ)




แรก ๆ ไดโกะเองก็คงไม่ต่างจากคนอื่นที่มีอาการขยะแขยงกับการจัดการกับศพที่มีทั้งสภาพดี และสภาพที่เน่าเฟะไปหมดแล้ว รวมทั้งยังต้องต่อสู้กับจิตใจตนเองที่จะต้องปรับตัวเองให้เข้ากับงานที่เขาไม่เคยคิดแม้จะได้สัมผัสมาก่อน

อย่างไรเสีย นอกจากการต้องเจอกับสิ่งไม่น่าอภิรมย์ทุกวี่ทุกวันแล้ว สิ่งที่เขาจะต้องเห็นเป็นประจำระหว่างพิธีจัดการทำความสะอาดแต่งหน้าศพคือ การต้องเห็นครอบครัวของคนอื่นโศกเศร้ากับความตายของผู้อันเป็นที่รักอยู่ตลอดเวลา จากการเรียนรู้งานจากการเป็นผู้ช่วยเจ้าของร้านในช่วงแรก ๆ ไดโกะก็ค่อย ๆ มองเห็นถึงความงามในงานที่เขากำลังทำอยู่ ว่ามันไม่ใช่แค่การจัดการศพให้เข้าที่เข้าทาง แต่มันเป็นการทำให้ผู้ตายได้อยู่ในสภาพที่สวยงามที่สุด เพื่อให้ญาติพี่น้องในเก็บความทรงจำครั้งสุดท้ายที่สวยงามก่อนจะส่งผู้ตายไปสู่สุขติ

สำหรับการกลับมาใช้ชีวิตในบ้านเกิดของไดโกะ เป็นการกลับมาสู่ความทรงจำเดิม ๆ ในอดีตของเขา ซึ่งหนังแบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่ ประเด็นของครอบครัวเพื่อนบ้านที่ประกอบกิจการร้านอาบน้ำ ซึ่งลูกชายบ้านนี้เป็นเพื่อนเล่นกับไดโกะในวัยเด็ก และปูมหลังในอดีตของไดโกะ ซึ่งเลี้ยงดูโดยแม่ที่เสียชีวิตไปเมื่อ 5 ปีก่อนหลังจากถูกผู้เป็นพ่อทิ้งไปในสมัยที่เขายังเด็กมาก ๆ




ในประเด็นเรื่องเพื่อนบ้านนั้น แน่นอนว่าหลังจากที่เพื่อนในวัยเด็กเขาล่วงรู้ถึงงานที่ไดโกะทำ แน่นอนว่าเขารู้สึกรังเกียจ และไม่อยากคบค้าสมาคมอีกต่อไป รวมไปถึงในขณะเดียวกันนั้นภรรยาเขาหลังจากที่รับรู้ถึงงานของเขา เธอก็หนีกลับบ้านเกิดของตัวเองไประยะหนึ่ง แต่จังหวะก็เป็นใจเสียเหลือเกินที่บังเอิญแม่ของเพื่อนข้างบ้านเกิดมาเสียชีวิตกระทันหัน และภรรยาเขาก็กลับมาขอร้องให้เขาเลิกทำงานนี้หลังจากที่รู้ว่าตัวเองกำลังตั้งท้อง ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง เพื่อนบ้านเขาก็ต้องได้พึ่งบริการจัดการศพของเขา และได้เห็นถึงพิธีกรรมที่ดูจะไม่สำคัญอะไร แต่มันได้สร้างรอยน้ำตาของความทรงจำและการจากลาครั้งสุดท้ายอยู่ไม่น้อย

ในช่วงดังกล่าวของหนัง หนังเองก็ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าตัวละครที่แวดล้อมตัวไดโกะนั้นยอมรับและเข้าใจกับงานของเขาแบบตรง ๆ แต่กลับให้ทุกคนค่อย ๆ เปิดใจยอมรับจากการที่ต้องพบเจอกับประสบการณ์เหล่านั้นด้วยตนเอง





ส่วนประเด็นปูมหลังในอดีตของไดโกะนั้น แน่นอนว่าเขาแทบไม่มีความทรงจำใด ๆ เกี่ยวกับพ่อของเขาเลยนอกจากจะได้รับรู้เพียงสองเรื่อง คือ แรงบันดาลใจในการเป็นนักเชลโล่ของเขา และ เรื่องหินแทนความรู้สึกที่พ่อเขากับเขาเคยได้แลกเปลี่ยนกันในสมัยเด็ก ๆ แน่นอนว่าเขามีความรู้สึกโกรธอยู่ลึก ๆ ที่พ่อเขาทิ้งเขาและแม่ให้อยู่กันอย่างลำพังตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก ๆ แต่กระนั้นเองเขาก็ไม่เคยได้ล่วงรู้สาเหตุที่พ่อเขาทิ้งเขาไป

จนกระทั่ง อยู่ ๆ มีจดหมายมาแจ้งว่าพ่อเขาเพิ่งเสียชีวิต ซึ่งในตอนแรกไดโกะไม่รู้สึกยินดียินร้ายใด ๆ และปฏฺิเสธที่จะไปพบหน้าพ่อเขาเป็นครั้งสุดท้าย แต่ด้วยการขอร้องจากภรรยาเขา และผู้ช่วยเจ้าของร้าน เขาจึงตัดสินใจไปพบหน้าพ่อเขาเป็นครั้งสุดท้าย จนในที่สุดหลังจากที่เขาจัดการกับศพคนอื่นมาเป็นจำนวนมาก วันนี้เขาต้องมาเห็นคนอื่นที่มาจัดการศพพ่อตัวเองแบบไร้ความใส่ใจ เขาเองจึงทนไม่ได้และยอมมาจัดการกับศพของพ่อตัวเอง





ครั้งแรกที่เขามาถึงถิ่นที่พ่อเขาอาศัยอยู่หลังจากทิ้งเขากับแม่ไป ชาวบ้านที่รู้จักกับพ่อเขาก็พูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่า พ่อเขานั้นอยู่ตัวคนเดียวเงียบ ๆ มาตลอด ไดโกะเองตอนแรกก็ไม่ได้ปักใจเชื่อเลยทีเดียว จนกระทั่งระหว่างที่เขาจัดการกับศพของพ่อเขา เขาพบว่าในมือของพ่อเขานั้น กำก้อนหินแทนใจที่เขาและพ่อเคยแลกเปลี่ยนกันในสมัยเด็ก ๆ ตรงนั้นเองที่เขาได้รับรู้ว่าคำพูดที่ชาวบ้านบอกเขานั้นไม่ใช่เรื่องโกหก และเขาก็ได้รับรู้ว่าพ่อเขาแม้จะทิ้งเขาและแม่โดยเขาไม่ได้รู้ถึงสาเหตุ แต่พ่อเขายังคงคิดถึงเขามาโดยตลอด ณ.เวลาที่เขาค่อย ๆ บรรจงจัดการกับศพของผู้เป็นพ่อ เขาจึงสามารถค่อย ๆ วาดความทรงจำเกี่ยวกับพ่อเขาที่ขาดหายไปได้ในที่สุด

จริง ๆ แล้วในหนังญี่ปุ่นเอง การเล่นประเด็นกับความตายดูเหมือนจะมีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ปกติในหนังทั่ว ๆ ไปแล้ว ความตายมักจะจบลงด้วยความเศร้าและความประทับใจแค่ในขณะที่ตัวละครที่สำคัญตัวหนึ่งต้องตายไปเท่านั้น แต่สำหรับหนังญี่ปุ่นประเด็นความตายมักมีนัยยะแอบแฝงที่สวยงามนอกเหนือจากความเศร้าให้แก่คนที่ยังต้องมีชีวิตอยู่ เช่น อากิพูดผ่านเทปเสียงไปยังแฟนของเธอเพื่อให้พบรักครั้งใหม่ที่สวยงามใน Crying out love in the center of the world, การกลับมาอีกครั้งของมิโอะเพื่อจัดการกับความเป็นอยู่ของครอบครัวให้เธอมั่นใจว่าสามีกับลูกจะอยู่ได้หลังจากที่ต้องพลัดพรากกันอีกครั้งใน Be with you, การหาปมอดีตของคนรักผ่านจดหมายใน Love Letter




สำหรับ Departures นั้นในแง่หนึ่งอาจจะมองถึงอาชีพ ๆ หนึ่งซึ่งไม่ค่อยน่าพิสมัยสักเท่าไหร่ แต่มันกลับต้องเห็นเรื่องราวช่วงเวลาสุดท้ายของคนในครอบครัวอื่น ๆ ที่มีทั้งความเศร้าและความประทับใจ รวมไปถึงการเข้าใจชีวิตในท้ายที่สุดของตัวละครที่ต้องมาพบกับประสบการณ์เหล่านั้นด้วยตนเอง และยังทิ้งท้ายด้วยการพร้อมที่จะส่งต่อสิ่งดีงามเหล่านั้นไปยังคนที่รักต่อไป


--------------------------------------------------------------------------------------------


อื่น ๆ สัพเพเหระจากหนังเรื่องนี้...


1. ตอนที่เข้าไปดูหนังเรื่องนี้ พบว่าผู้ชมที่นั่งในแถวเดียวกันนั้น เป็นบรรดาคุณลุงคุณป้า(วัยหลังเกษียณ)แล้วทั้งนั้น อาจเป็นเพราะไม่มีงานทำรึเปล่าไม่ทราบ และระหว่างฉากดราม่าโดยเฉพาะตอนท้ายเรื่องนั้น แอบได้ยินเสียงคุณป้าที่นั่งข้าง ๆ ร้องไห้ซิก ๆ อยู่เป็นระยะ ๆ


2. หนังเรื่องนี้ ประพันธ์ดนตรีโดย ฮิซาอิชิ โจ (ผู้ประพันธ์เพลงให้กับหนังของมิยาซากิ ฮายาโอะแห่งจิบลิสตูดิโอ และหนังของคิทาโน่) ซึ่งแต่เดิมเคยรู้สึกว่าเขาจะแต่งได้แต่โทนนี้เท่านั้นแหละ แต่ตอนนี้ผมขอเปลี่ยนคำพูด และยกให้เป็น จอห์น วิลเลี่ยม แห่งวงการหนังญี่ปุ่น


3. หนังเรื่องนี้สร้างโดย ทีบีเอส (สถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งในญี่ปุ่น) จึงไม่แปลกใจที่เล่นข่าวในทีวีได้ทั้งวัน


4. เป็นครั้งแรกที่เห็นทีบีเอส จับมือกับโชจิกุ เพราะปกติจะจับมือกับโตโฮ และลองคิดไปคิดมาจึงได้ความว่า ถ้าเทียบโตโฮ เป็นสหมงคลฯของญี่ปุ่น คงต้องเทียบโชจิกุเป็นไฟว์สตาร์ของญี่ปุ่น


5. ฮิโรสุเอะ เรื่องนี้เธอโดนลวนลามเยอะไปหน่อย (แต่แค่ฉากเดียว ไม่ถึงนาที) และเธอท้องอีกแล้วในเรื่องนี้..เกี่ยวมั้ยเนี่ย


6. นี่เป็นหนังญี่ปุ่นเรื่องแรกในรอบหลายเดือน(เลยมั้ง) ที่ดูแล้วอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่ามันจะไม่ได้สมบูรณ์ที่สุดขนาดนั้น


7. ขออนุญาตกล่าวอะไรส่วนตัวสักหน่อย เห็นวงการหนังเขาแล้วอิจฉามากกกกก... พอเห็นเขาประสบความสำเร็จเราก็ยินดีไปกับเขาด้วย แล้วก็ได้แต่คิดว่าบ้านเราจะมีโอกาสปักธงหนังไทยในเวทีโลกได้กะเขาไหมเนี่ย คิดเล่น ๆ ว่าถ้ามีหนังแบบเดียวกันแต่ทำฉายบ้านเราเนี่ย จะเกิดอะไร .... หนังเรื่องนี้อาจกระทบกับความมั่นคง เพราะจะทำให้สัปะเหร่อทั่วประเทศไม่พอใจ จะรังเกียจเดียจฉันท์อาชีพนี้ ทำลายความมั่นคงของประเทศ หนังเรื่องนี้อาจจะไม่สามารถฉายได้ ....ฮา(ไม่ออก)


ตัวอย่างหนัง ดูด้านล่างเลย


Free TextEditor


Create Date : 18 มีนาคม 2552
Last Update : 19 มีนาคม 2552 17:17:04 น. 4 comments
Counter : 2859 Pageviews.

 
ขอบคุณครับ สำหรับรีวิวดีๆ

ยอมอ่านสปอยด์จนจบ เพราะคิดว่ากว่าจะหามาดูได้ คงอีกนาน และคิดไม่ผิดจริงๆ หนังใส่รายละเอียดไว้เยอะมาก ทำให้ถึงรู้รายละเอียดแล้ว แต่ไม่เสียอรรถรสในการดูแน่(ขออย่าให้ไอ้กันไปรีเมกให้เสียของเลย)

สำหรับวงการไทย ถ้ายังไม่เห็นความสำคัญของ "บท" คงยังย่ำอยู่กับที่อีกนาน

ผมยังชื่อชมวงการญี่ปุ่น ที่มักจะสร้างหนังหรือละครที่เกี่ยวข้องกับอาชีพในหลายๆอาชีพ ทำให้เราได้เห็นถึงคุณค่า ความยากลำบาก และความภูมิใจในอาชีพนั้นๆ ในขณะที่บ้านเราตัวเอกยังขับรถหรูอยู่บ้านใหญ่อยู่เลย


โดย: no.9 IP: 203.146.251.232 วันที่: 19 มีนาคม 2552 เวลา:11:21:06 น.  

 
เธ‚เธญเธšเธ„เธธเธ“เธชเธณเธซเธฃเธฑเธšเธ‚เน‰เธญเธกเธนเธฅเธ”เธตเธ”เธตเธ™เธฐเธ„เธฐ
เน€เธซเน‡เธ™เธงเนˆเธฒเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡เธ™เธตเน‰เธ„เธ™เธเธตเนˆเธ›เธธเนˆเธ™เนเธฅเน‰เธงเธฃเน‰เธญเธ‡เน„เธซเน‰เน€เธขเธญเธฐเน€เธฅเธข
เน€เธซเน‡เธ™เนเธฅเน‰เธงเธญเธขเธฒเธเธ”เธนเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡เธ™เธตเน‰เธกเธฒเธเน† เธ™เนˆเธฒเธˆเธฐเธชเธ™เธธเธ


โดย: CrispyShrimpTempura IP: 222.123.188.74 วันที่: 23 มีนาคม 2552 เวลา:13:21:11 น.  

 
ขอบคุณค่ะ


โดย: CrispyShrimpTempura IP: 222.123.188.74 วันที่: 23 มีนาคม 2552 เวลา:13:22:34 น.  

 
โห เขาก้าวหน้า พัฒนาหนังกัน จนได้รับรางวัลขนาดนี้
จะรอหนังไทย (จะมีไหมหนอ)
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับรีวิว กับ การวิจารณ์ดีดี


โดย: deer IP: 119.46.63.242 วันที่: 14 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:07:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Filmism
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Friends' blogs
[Add Filmism's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.