เสพภาพยนตร์เป็นจานหลัก พักสายตาฟังเจป๊อบเป็นจานรอง ให้อาหารสมองด้วยโดระมะ แปลเนื้อเพลงญี่ปุ่นเป็นงานอดิเรก
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
12 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 

ปาฏิหารย์ของคนตัวไม่ใหญ่ แต่ใจพองโต I wish (Aka. Kiseki), ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ Hirokazu Kore-eda





ย้อนกลับไปในช่วงชีวิตที่เปิดโลกทัศน์การชมภาพยนตร์ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนังนอกกระแสเริ่มที่จะมีมาฉายในโรงปกติมากขึ้น แต่จำนวนก็ไม่ได้มากมายนัก ส่วนใหญ่บรรดาคอหนังที่รักการชมภาพยนตร์(แท้ ๆ) ก็จะไปหาหนังกันตามแหล่งนั้นแหล่งนี้มาดูกัน ซึ่งช่วงเวลานั้นเองผมก็ได้รู้จักกับหนังที่มีการพูดถึงกันในหมู่คนดูหนังเรื่อง After Life กำกับโดย โคเรเอะดะ ฮิโรคะสุ (ซึ่งสมัยนั้นยังไม่ได้มีชื่อเสียงมากจนถึงวันนี้) และเรื่องนี้ก็นำพามากับความรู้สึกสุดยอดและน่าทึ่งในหลายแง่มุม เช่นหนังใช้วิธีการแบบสารคดีมาเล่าเรื่องเหนือจริง หนังพาเข้าถึงห้วงอารมณ์ของตัวละครโดยไม่มีการพยายามใช้เทคนิคหนังในการแต่งเติมใด ๆ

ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน ปี 2004 มีข่าวจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ในปีที่พี่เจ้ยอภิชาติพงศ์ได้รางวัล Jury Prize เป็นครั้งแรกให้กับประเทศไทยของเรา ซึ่งนอกเหนือจากรางวัลนี้แล้ว ยังมีอีกรางวัลสำคัญซึ่งก็ทำให้ โคเรเอะดะเป็นที่รู้จักในระดับสากล แถมยังส่งให้ ยากิระ ยูยะ ได้รางวัลนักแสดงนำชาย ในขณะที่อายุเพียง 12 ปีจากเรื่อง Nobody Knows ซึ่งด้วยสไตล์หนังที่ยังคงใช้วิธีการเล่าด้วยวิธีการแบบกึ่งสารคดีและดูเสมือนจริงอยู่เช่นเคย

หลังจากนั้น โคเรเอะดะ ก็พยายามไม่ย่ำรอยความสำเร็จเดิมนั้น ด้วยการลองหาประเด็นหรือวิธีการอื่น ๆ กับหนังเรื่องต่อ ๆ มา อย่าง Hana, Still Walking, Air Doll ซึ่งก็ดังที่ประจักษ์สายตาของคนดูหนังหลาย ๆ ท่านในด้านคุณภาพตัวงาน แต่แล้วกับงานล่าสุดก็ทำให้หลาย ๆ คนคงจะงงกันไม่ใช่น้อยกับหน้าหนัง (รวมไปถึงตัวอย่างหนัง) ที่ดูธรรมดาและเหมือนจะเอาใจตลาดเกินไปของหนังเรื่องล่าสุดอย่าง Kiseki (แปลว่า ปาฏิหารย์) หนังมีสปอนเซอร์หลัก ๆ คือ บริษัทการรถไฟของประเทศญี่ปุ่น และดูเหมือนว่าหนังจะทำออกมาเพื่อโปรโมตสายรถไฟใหม่ทางเกาะคิวชูของประเทศญี่ปุ่น

แต่เชื่อหรือไม่ว่า หนังกลับไม่ธรรมดาอย่างที่คิด ตัวหนังพูดถึง โคอิจิ (มาเอะดะ โคกิ) ซึ่งต้องอาศัยอยู่กับแม่ (โอทสึกะ นานะ) และตายายของเขาที่จ. คาโกะชิม่า หลังจากแยกทางกับพ่อ (โอดางิริ โจ) ซึ่งน้องชายเขา ริวโนะสุเกะ (มาเอะดะ โอชิโระ) ต้องแยกมาอาศัยอยู่กับพ่อที่จ. ฟุกุโอกะ ความต้องการลึก ๆ ของโคอิจิ ที่เป็นธีมหลักของเรื่องคือเขาต้องการที่จะให้ครอบครัวของเขาทั้งสี่คนกลับมาอยู่รวมกันอย่างที่เคยเป็น แต่ถึงกระนั้นมันจะเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อปาฏิหารย์เกิดขึ้นเท่านั้น

ความสัมพันธ์ของครอบครัวดังกล่าว ไม่ได้อยู่ในภาวะ ขาดสะบั้น พ่อแม่ของเขาอาจจะแยกทางกันโดยสิ้นเชิง แต่โคอิจิ กับ ริวโนะสุเกะ ยังคงติดต่อหากันผ่านโทรศัพท์มือถืออยู่ตลอดเวลา และยังคงมีการพูดคุยกันระหว่างพ่อ แม่ กับลูกที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเป็นระยะอีกเช่นกัน

ตัวหนังเองพุ่งประเด็นหลัก ๆ ไปยังตัวละครเด็กเป็นหลัก ดังนั้นมุมมองของหนังทั้งหมดที่ถ่ายทอดจะผ่านไปทางโคอิจิ ริวโนะสุเกะ และบรรดาเพื่อน ๆ ของเขาทั้งสองเท่านั้น จะออกมาในรูปแบบที่สดใสตามประสาหนังเด็ก และไม่มีการกล่าวถึงทัศนคติของผู้ใหญ่ที่มีต่อเรื่องราวในเรื่องโดยตรง

พี่น้องสองคนนี้ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเอง โดยที่ยังคงไม่มีวี่แววว่า พ่อแม่ของเขาจะกลับมาคืนดีกันได้ จนกระทั่งวันหนึ่ง โคอิจิ กับเพื่อน ๆ ไปได้ยินเรื่องเล่าขานที่ว่ากันว่า หากเขาไปอธิฐานขอพรตรงที่ขบวนรถไฟชินคันเซ็นสองขบวนของสายคิวชูสวนทางกันเป็นครั้งแรกของวัน ความปรารถนาของเขาจะเป็นจริง พอได้รับรู้เรื่องราวนี้ทำให้ทั้งโคอิจิ และ ริวโนะสุเกะ ต่างชวนเพื่อน ๆ ของเขาเดินทางไปยังจุดหมายนั้น เพื่อขอพรในสิ่งที่แต่ละคนปรารถนากัน

ในกลุ่มเพื่อน ๆ ของโคอิจิ และ ริวโนะสุเกะ แต่ละคนก็มีปมประเด็นในชีวิตแตกต่างกันออกไป ตั้งแต่ประเด็นเล็ก ๆ เช่นอยากจะวิ่งเร็วกว่านี้ อยากจะให้ลูกสุนัขที่เพิ่งตายฟื้นขึ้นมา จนไปถึงเรื่องใหญ่ ๆ อย่างเช่นโตขึ้นอยากจะเป็นนักแสดง

สำหรับตัวหนังเองฉากที่เป็นช่วงชีวิตปกติจะเล่าเรื่องในลักษณะภาพปกติที่เห็นได้จากหนังทั่ว ๆ ไป แต่พอหนังเริ่มจะเข้าถึงประเด็นความต้องการของตัวละคร หรือในฉากต้องการจะเน้นอารมณ์ โคเรเอะดะ กลับนำเสนอภาพในรูปแบบกึ่งสารคดีที่เขาถนัด และส่งผลให้หนังดูเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครจริงเป็นระยะ ๆ และด้วยวิธีดังกล่าวมันก็ยังคงได้ผลกับอารมณ์ของผู้ชมในตอนจบอีกเช่นเคย

ขออนุญาตที่จะไม่เปิดเผยเรื่องราวต่อจากนี้ แต่อยากให้ไปตามกันต่อว่า บรรดาเด็ก ๆ ที่ริอาจทำอะไรเกินตัว ด้วยการหลบหนีพ่อแม่นั่งรถไฟไปที่ไกล ๆ จนกระทั่งถึงที่หมายที่พวกเขาวางไว้ แล้วปาฏิหารย์ที่เขาหวังไว้จะสมหวังหรือไม่ หรือพวกเขาได้เรียนรู้อะไรจากสิ่งที่เกิดขึ้น ตรงนี้ขอแนะนำให้ทุกท่านลองไปชมกันในโรงภาพยนตร์กันเอาเอง

สุดท้ายนี้ ก็ยังต้องขอชมเชยว่า โคเรเอะดะ ยังคงทำหนังเรื่องนี้ด้วยมาตรฐานเดิม แม้ว่าจะไม่ได้โดดเด่นเหมือนกับงานเรื่องก่อน ๆ เพราะหนังมีเนื้อหาผ่อนคลายแบบหนัง Coming of age แต่แฝงแง่คิดเอาไว้มากมาย และขอชมเชยทั้งนักแสดงมือใหม่อย่างบรรดาเด็ก ๆ และนักแสดงอาชีพทั้งหมดที่ร่วมแสดงว่าทำหน้าที่ตนเองได้อย่างดีเยี่ยม (โดยเฉพาะน้องมาซามิ อิอิ)




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2554
4 comments
Last Update : 13 มิถุนายน 2554 22:21:06 น.
Counter : 1763 Pageviews.

 

แนะนำเว็บดูหนังซีรีย์เกาหลีฟรี

 

โดย: koreaserie (loveyoupantip ) 6 สิงหาคม 2554 8:36:28 น.  

 

เป็นแฟนหนังของคุณ โคริเอดะด้วยเช่นกันค่ะ
ที่ชอบมากก็ nobody know ส่วนที่ทยอยดูตอนนี้และคิดว่าต้องดูให้ครบ still walking (เพิ่งดูจบค่ะ) / after lifeก็ดูจบแล้วค่ะ

เรื่องนี้ คงต้องเป็นเรื่องต่อไ ขอบคุณมากนะคะ
หนังเค้าดี เราชอบ ได้แง่คิดและกำลังใจค่ะ

 

โดย: nobuta IP: 202.29.153.10 25 กันยายน 2554 4:52:57 น.  

 

ขอรบกวนสอบถาม หนังเรื่องนี้จะเข้าฉายที่บ้านเรามั้ยคะ
อยากดูโรงใหญ่ ^^

 

โดย: nobuta wo produce 25 กันยายน 2554 5:03:20 น.  

 

ดูมาแล้ว สนุกมาก

 

โดย: คนขับช้า 30 มีนาคม 2555 16:41:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Filmism
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Friends' blogs
[Add Filmism's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.