|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
ทีมหมอ บุกต่อ
จากคืนนั้น คนในอำเภอนี้ที่เป็นอำเภอแคบๆๆเล็กๆๆประชากรเพียงสองหมื่น สามตำบล ไม่กี่หมู่บ้าน ก็ทราบข่าวการมาของมาลาเรีย ข้อมูลการป้องกันตัวนอนในมุ้ง และกินยาป้องกันอาทิตย์ละครั้ง เริ่มถูกบอก ปากต่อปากจนรู้กันไปทั่ว ไม่ว่ารายละเอียดจะแค่ไหนอาการ การรักษา ถูกกระจายไปด้วยความรวดเร็วจากการรีบบอกข้อมูลของฝ่ายส่งเสริมสุขภาพ และฝ่ายป้องกันโรค
ผลหรือครับ
บุคคลที่ไปสร้างสวน ที่อื่น เคยมีไข้หนาวสั่น เคยปวดหัวมากเวลามีไข้ ต่างรีบเร่งมาหาเรา แทนการที่จะคิดไปไกลถึงอีกอำเภอที่มีสถานี ตรวจเชื้อมาลาเรีย งานเจาะเลือด คับคั่งเพิ่มมากอีก
ได้ส่งเจ้าหน้าที่พนักงานอนามัยไปรายงานหน่วยมาลาเรียที่จังหวัดเพื่อขอเบิกแผ่นกระจกเข็มเจาะปลายนิ้ว และน้ำยาย้อมดูเชื้อ พร้อมกับเอาแผ่นหยดเลือดแห้งไปส่งให้จำนวนหนึ่ง จนตรวจแผ่นเลือดนั้นแล้ว หน่วยมาลาเรียจึงยอมเชื้อข่าวหนังสือพิมพ์ ที่มีนักหนังสือพิมพ์ แก่ๆๆที่วิ่งเข้าออกอำเภอนี้อยู่รายงานการระบาดออกมา แล้วเจ้าหน้าที่หน่วยมาลาเรียไม่พอใจ กลัวถูกติหนิว่าทำไมกลับมาระบาดได้อีก
จนเมื่อทราบสาเหตุแห่งที่มา พวกเขาก็สบายใจขึ้นว่าระบาดในป่า ที่จังหวัดและอำเภออื่น การช่วยเหลือก็พุ่งตรงมายังเราอย่างดี มีการส่งหน่วยพ่นยา และจ่ายยาป้องกัน ยารักษา ถูกนำมาให้ยังรงพยาบาลอย่างเต็ม ที่
เจ้าหน้าที่เราได้เห็น อาการของมาลาเรียทุกแบบไม่ว่าจะหนักสุดจนอาเจียนออกเลือดขึ้นสมองจนหมดสติไปเพราะสมองบวม ชัก หรือเพ้อ ไปจน ไข้เว้นเป็นเวลาจนกะถูกว่าพรุ่งนี้เวลาไหนจะไข้
จากประสพการณืที่ผ่านการส่งไปฝึกที่โรงพยาบาลในเครือของ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สมัยการเป็นแพทย์ ฝึกหัด ที่โรงพยาบาล ศรีราชา ที่มีมาลาเรีย จำนวนมากมายมาจาก ชาวสวนอ้อย ไม่ห่างไกลจากโรงพยาบาลมากนัก
ได้พบได้เจอในสภาพต่างๆๆมากมายจนไม่กลัวที่จะต้องลุยแม้บางวันจะอยู่เวร ให้เพื่อนอีกหนึ่งตึก เพราะเพื่อนไม่สบายต้องกลับมารักษา ที่กทม (ป่านนี้คงไปใหญ่โตในกระทรวงสาธารณสุขตรงไหนสักตำแหน่งแล้วละไม่รู้เขาจะจำการไข้คราวนั้นได้ไหม )
และแล้ววันสำคัญก็มาถึงเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ที่เราแปลนที่จะออกพื้นที่ ไปเจาะเลือด สำรวจหาคนเป็นมาลาเรีย (เชื้อมาลาเรียสามารถ หลบในอวัยวะสำคัญ เช่นตับม้ามาได้ จนเมื่อออกมาในกระแสร์เลือดมากๆๆทำให้เม้ดเลือดแดงแตกจึงทำให้เกิดอาการ ไข้ และหนาวสั่น การเจาะเลือดถ้าจะให้พบเชื้อง่ายต้องเลือกเวลาไข้กำลังขึ้นสูงๆๆ)
เราเริ่มที่ตำบลที่มีป่าทึบ เป็นสวนยางสวนกาแฟ วันนั้นคนมารอพบพวกเราเต็มไปหมด เพราะบางคนได้กลับมาจากโรงพยาบาลและทราบมาก่อนแล้วว่าเราจะมาหา ก็หอบลูกจูงหลานรวมทั้งข้าวต้มขนมนมเนยเต็มพิกัดมารอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงาะโรงเรียน ที่ขึ้นชื่อ กับเงาะแขก ที่มีขนสีแดงจัด สวยมากๆๆแต่คนไม่นิยมทานเพราะน้ำมาก กัดกินแล้วเลอะ ไม่แห้งทานสบายแบบผู้ดีเงาะโรงเรียน ทุเรียนก็เช่นกัน หมอนที่ว่าใหญ่ ที่สวนแถวนี้ใหญ่กว่าสวนหลังบ้านที่เมืองนนท์ ก้นซอยบ้านพี่สาวเสียอีก แล้วทุเรียนผู้ดีลุกเล็กๆๆเม็ดเล็กๆๆเนื้อแห้งๆๆ ทุเรียนก้านยาวก็มีรับประทาน
ด้วยสายตาที่เจอะเจอ ของล่อตาล่อใจแบบนั้น ทุกคนรีบเข้าประจำหน้าที่ ตามที่ที่ชาวบ้านมาช่วยจัด ให้ในโรงเรียน เปิดห้องเรียนเป็นฝ่ายๆๆ
เกือบเที่ยงเราก็เร่งจัดการกันเกือบเสร็จ ฝนก็ตกมาแบบไม่ตั้งใจ (เรื่องปกติของหน้าฝนปักษ์ใต้ จะเหมือนประเทศ อังกฤษ ไปไหนควรมีร่มคล้องแขน ทำท่าผู้ดีดีหน่อยๆๆใส่หมวก ) มีเด็กที่มีไข้หนาวสั่น มากคนหนึ่งความโกลาหลก็เกิดขึ้น เด้กอยู่ใก้ลผมน่ารักตัวยังเล็ก ผมทำไปโดยสัญชาตญาณ ถอดเสื้อ ออกห่มให้เด้ก โดยไม่ได้สนใจตัวเองว่าถอดเสื้อผ้าท่ามกลางผู้คนแปลกหน้า แล้วอุ้มกอดเด็กนั้นไว้ปากก็ขอให้เจ้าหน้าที่ไปหาน้ำร้อนใส่ขวดมาสักสองสามขวด แล้วเจ้าหน้าที่พยาบาลก็จัดการเอายาลดไข้มาป้อนเด็ก พักใหญ๋ ก็ได้น้ำร้อนใส่ขวด เอาผ้าห่อมมาแล้ว มาวางไว้จุดสำคัญข้างๆๆตัว เพิ่มความร้อนให้หายหนาว สักพัก อาการเด็กก้ดีขึ้น ผู้ใหญ่บ้านและครูรีบออกปากเรียกพวกเราทานอาหารร่วมกัน เสร็จแล้วก็เก็บของไม่นานฝนหายตก พวกเราก็อำลา เจ้าของสวนเงาะโรงเรียนและสวนทุเรียนหมอนทองกลับ ด้วยความอาลัย ( มีที่ชาวบ้านแอบยัดมาท้ายรถอีกสองสามลูกเงาะหลายกิโล )
เรื่องการถอดเสื้อวันนั้น มาทราบภายหลัง ว่าเกิดผลในแง่จิตวิทยา อย่างมากต่อ ความรู้สึก ของชาวบ้านที่ได้เห็นในวันนั้น แล้วจะเล่าให้ฟัง ว่าทราบเมื่อไร อย่างไร
Create Date : 19 เมษายน 2552 |
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2557 5:01:05 น. |
|
0 comments
|
Counter : 612 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
หมอสัจจะ |
|
|
|
|