..LiFe iS a jOuRnEy..
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
19 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 

: : เยือนถิ่นใหม่ 'บลูมส์บรี' : :



.. บันทึกการเดินทาง อังกฤษ-สกอตแลนด์ ..
.. 23 ตุลาคม - 5 พฤศจิกายน 2553 ..
.. ตอนที่ 2 ..




.. 'บลูมส์บรี' (Bloomsbury) ที่ได้เห็น ..



.. วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม 2553 .. รถแท็กซี่พาเราออกจากแพดดิงตัน ลดเลี้ยวไปตามถนนหนทางในกรุงลอนดอน ผ่านหลายๆ ย่านที่คุ้นตา เช่น แลงคาสเตอร์เกท ถนนออกซฟอร์ด สถานีรถไฟยูสตัน ระหว่างทางมีรถติดนิดหน่อยตามประสาเมืองใหญ่ .. ลอนดอนเป็นมหานครเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมานาน ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นแหล่งวัฒนธรรม อารยธรรมของชาติมหาอำนาจ แม้ว่ายุคนี้จะไม่มีเรื่องลัทธิล่าอาณานิคมแล้ว แต่อาณาจักรบริเทนใหญ่ก็ยังมีศักยภาพในตัวเองอยู่ไม่น้อย ขนาดชาติต่างๆ ในยุโรปเขารวมตัวกันใช้เงินสกุลเดียวทั่วยุโรป แต่อังกฤษก็ยังเชื่อมั่นในเงินปอนด์ของตัวเองอยู่ดี ..

.. ครึ่งชั่วโมงกว่าๆ รถแท็กซี่เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาจนมาโผล่ที่ถนนกาวเวอร์ เห็นแว้บๆ ว่าผ่านมาทางสวนสาธารณะรีเจนท์ส ซึ่งอยู่ในรหัสไปรษณีย์ NW1 แสดงว่าย่านนี้ก็คงจะเป็นอาณาบริเวณที่ต่อเนื่องจากเขตแคมเดน (Camden) .. รอบๆ ถนนนี้มีตึกใหญ่เรียงรายล้อมรอบ เห็นแล้วใจแป้วอยู่เหมือนกัน เพราะไม่คุ้นกับย่านนี้เลย .. เหมือนเวลาเราไปไหน เจอถิ่นแปลกๆ ที่ไม่คุ้นตาแล้วอดไม่ได้ที่จะหวาดหวั่นไว้ก่อน .. แต่ก็น่าแปลกที่เราไม่ได้รู้สึกเหงาหรือเศร้าเลย คงเป็นเพราะเรามีความมุ่งมั่นในภารกิจที่ตั้งใจไว้อย่างแน่วแน่แล้ว คือจะต้องมาเก็บภาพให้ได้มากที่สุด ให้ครบถ้วนทุกแห่งมากที่สุด ก็เลยไม่มีเวลาที่จะคิดเหงา ..

.. ชมวิวตึกที่กระหนาบซ้ายขวาเพลินๆ คุณคนขับหันมาถามอีกทีว่า เลขที่ของโรงแรมเป็นนัมเบอร์อะไร .. เราบอก เบอร์ 75 ถนนนี้เป็นวันเวย์เสียด้วย ถ้าผ่านเลยไป ต้องย้อนกลับไปอีกเป็นกิโล .. มองไล่ไปตามนัมเบอร์บนตึก .. อ้าว เจอแล้ว .. หุ หุ .. โรงแรมก็เป็นลักษณะตึกแถวติดถนนใหญ่ธรรมดาๆ นี่เอง ไม่ได้มีประตูทางเข้าอะไรเป็นทางการ .. แท็กซี่จอดชิดขวา (เพราะวันเวย์) คนขับช่วยขนกระเป๋าลงมาวางไว้ริมถนนหน้าโรงแรม .. ค่าแท็กซี่จากแพดดิงตันมาถึงบลูมส์บรี ไม่ถูกไม่แพง ประมาณยี่สิบปอนด์รวมค่าทิป .. อือม์ มาประเทศพัฒนาแล้วก็อย่างนี้แหละ ไปไหนๆ ทำไรที่มีการให้บริการ ผู้เจริญแล้วก็มักจะต้องใจกว้างพอที่จะแถมเศษเงินเศษเหรียญให้ผู้บริการ เล็กๆ น้อยๆ พอเป็นสินน้ำใจ ไม่ต้องถึงกับกำหนดเป๊ะๆ เป็นเปอร์เซนต์แบบในบางประเทศก็บุญโขแล้วละ ..




.. รูปซ้าย .. ถนนกาวเวอร์ มีต้นเมเปิลร่มรื่นทั้งสองฟากฝั่ง แต่ยังไม่ค่อยเปลี่ยนสี ..
.. รูปขวา .. ตึกเรียนของมหาวิทยาลัยลอนดอน เขียนว่า ANATOMY ชวนให้ขะหยองดีพิลึก ..


.. เขต 'บลูมส์บรี' (Bloomsbury) เป็นย่านรุ่มรวยวัฒนธรรมมาแต่โบราณของกรุงลอนดอน อยู่เกือบในใจกลางเมือง ล้อมรอบด้วยถนนยูสตัน ถนนท็อตเนิ่มคอร์ท ถนนเกรย์ส อินน์ และถนนไฮ โฮลเบิร์น นับเป็นย่านวิชาการและเป็นทางการเอามากๆ .. เราเคยได้ยินชื่อย่านนี้มาก่อน แต่ไม่เคยมา นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็น มีแต่อาคารสถานศึกษา ที่ทำงาน โรงพยาบาล .. มีนักปราชญ์ นักวิชาการ นักวิจัยเป็นพลเมืองหลักที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้ สรุปก็คือไม่ใช่ย่านร้านค้าและถิ่นที่พักอาศัยของผู้คน ดูไม่ค่อยอบอุ่น มีชีวิตชีวา แต่ก็ไม่ถึงกับน่ากลัว ..

.. เหตุที่เราจองโรงแรมในย่านนี้ ก็เพราะมองๆ หาในอินเตอร์เน็ตแล้วก็พยายามหาย่านที่ไม่แย่เกินไปนัก (หมายถึงสิ่งแวดล้อม ผู้คน ร้านค้า) ราคาพอไหว (คืนละ 75 ปอนด์ รวมอาหารเช้าและฟรีอินเตอร์เน็ต) .. แรกๆ ก็อยากไปอยู่ถิ่นเก่าคือ 'แฮมสเตด' แต่ติดว่าเราจะต้องเตรียมเดินทางไกลขึ้นเหนือไปสกอตแลนด์ ถ้าไปอยู่ถึงนู่น (รหัสไปรษณีย์ NW3) เวลาเดินทางไปสถานีรถไฟก็จะตะแบงไปหน่อย สุดท้ายก็มาลงเอยที่ WC1 ก่อนจองก็ปรึกษาน้องที่เขาเคยอยู่ที่นี่ เขาไม่รู้จักโรงแรมนี้ แต่ดูจากแผนที่แล้ว ก็ดูเป็นย่านการศึกษา มีมหาวิทยาลัยลอนดอน มีพิพิธภัณฑ์บริทิชอยู่ในย่านนี้ ก็น่าจะใช้ได้อยู่ละ ..




.. รูปซ้าย ป้ายนิยามอาณาบริเวณ 'บลูมส์บรี' ..
.. รูปขวา ใกล้ๆ โรงแรมมีตึกราม โบสถ์ เจดีย์ ประมาณนี้ละ ..




.. รูปซ้าย หนึ่งในไอคอนของความเป็น 'บลูมส์บรี' โบสถ์ชื่อว่า Church of Christ the King อยู่ในจัตุรัสกอร์ดอน (Gordon Square) ..
.. รูปขวา จัตุรัสกอร์ดอน มีผู้คนเดินเล่นประปราย มีชุดเก้าอี้วางบนถนนเสียด้วย..



.. เพิ่งเก้าโมงกว่าๆ เอง เรามาถึงโรงแรมเร็วเกินไป เวลาเช็คอินคือบ่ายสองโมง เราหอบกระเป๋าเข้าไปในโรงแรมแล้วละ เจอคุณแขกเป็นรีเซ็ปชั่น (บ้านนี้เมืองนี้มีแต่แขกๆๆๆ .. อ้อ .. ตอนนี้มียุโรปตะวันออกเยอะขึ้นมาก แต่พวกหลังนี้จะไปรับจ๊อบพวกบลูคอลลาร์มากกว่า แขกเลยเลื่อนชั้นเป็นไวท์คอลลาร์) คุณแขกบอกว่า ตอนนี้ห้องยังไม่พร้อม ให้มาใหม่ตอนบ่ายสอง แต่เอาของฝากไว้ได้ .. เราก็เลยเอากระเป๋าใบใหญ่ฝากไว้ก่อน แล้วหยิบกล้องใส่เป้ออกไปเดินสำรวจบ้านเมืองเสียหน่อย ก่อนจะไปก็ถามทิศทางคุณแขกเสียก่อน ได้ความว่าเดินย้อนขึ้นไปทางต้นถนนกาวเวอร์ ใกล้ๆ กันนี้มีสถานีรถไฟใต้ดิน 'ยูสตันสแควร์' (ซึ่งเมื่อเดินไปใกล้แล้วได้เห็นว่า ปิดซ่อมอะไรก็ไม่รู้เฉพาะเสาร์อาทิตย์นี้ที่เราอยู่ลอนดอน .. กรรม ..) หรือเลยไปอีกสักร้อยเมตรก็จะเป็นสถานีใหญ่มีทั้งรถไฟธรรมดาและรถไฟใต้ดิน 'ยูสตัน' .. นี่แหละวิธีสามัญของการสัญจรไปไหนมาไหนในลอนดอน เดินขึ้นเดินลงในท่อใต้ดินนี่ละสะดวกที่สุด รถไม่ติด ราคาไม่แพง ..

.. เราออกเดินไปเส้นทางที่คุณแขกบอก เดินไปชมตึกไป (ไม่มีนกไม่มีไม้ให้ชม) ดูๆ แล้วน่าจะเป็นตึกเก่าโบร่ำโบราณสมัยหลายร้อยปีก่อน ดูเหมือนน่ากลัว แต่บรรยากาศก็ดูขรึมขลังดี เพราะเป็นโบสถ์เก่าบ้าง อาคารเรียนบ้าง หอประชุมบ้าง มีนักศึกษาหรือครูบาอาจารย์เดินไปมาประปราย เพราะย่านนี้เป็นบริเวณวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยลอนดอนที่เรียกว่า University Collge London ที่เก่าแก่เป็นอันดับสามรองจากออกซฟอร์ดและเคมบริดจ์ ..




.. รูปซ้าย .. ป้ายสำแดงตำแหน่งแห่งที่ซึ่งนักปราชญ์ "ชาร์ลส ดาร์วิน เคยอยู่ที่นี่เมื่อหลายร้อยปีก่อน ..
.. รูปขวา .. อาคารแรกของมหาวิทยาลัยลอนดอน วิทยาเขต UCL เป็นสถาปัตยกรรมแบบกรีก ..



.. บนถนนกาวเวอร์ เยื้องๆ กับโรงแรมที่เราพัก มีร้านหนังสือใหญ่ "วอเทอร์สโตนส์" ที่ถือว่าเป็น Academic branch ซึ่งน่าจะหมายถึงเป็นสาขาที่อยู่ในย่านสถาบันการศึกษา ฉะนั้นหนังสือที่มีอยู่ในร้านก็จะมีหนังสือวิชาการเยอะหน่อย แต่ก็มีหนังสือนานาสารพันประเภทด้วย .. เราชอบร้านหนังสือสาขานี้มาก ดูรูปลักษณ์ภายนอกก็ประทับใจที่เป็นตึกเก่าสวยงามอลังการ ดูก็รู้ว่าเป็นโบราณสถานที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ในร้านก็มีตั้งสองสามชั้น ชั้นใต้ดินก็มี หนังสือมีมากมายหลายประเภท จัดไว้เป็นหมวดหมู่อย่างมีระเบียบ และมีมากมายให้เลือกจนพอใจ เข้าไปเดินแป๊บเดียว เราได้หนังสือกึ่งวิชาการเรื่องธรรมชาติวืยามาเล่มนึง หนังสือเกี่ยวกับดอกกุหลาบ (ลดครึ่งราคา) มาเล่มนึง แล้วก็หนังสือแนวบันทึกชีวิตในชนบทมาเล่มนึง โดยปกติร้านหนังสือในต่างแดนก็คงคล้ายๆ บ้านเรา คือมีโปรโมชั่น ลดราคาอะไรอยู่เนืองๆ เพื่อเป็นการระบายสต๊อกสินค้า บางทีก็ไม่ใช่หนังสือเก่าเก็บก้นกรุอะไร นึกอยากจะลดเล่มไหนก็แปะป้ายลดราคากันเป็นเล่มๆ ไปเลย .. สบายคนซื้ออ่ะซิ ..

.. เราเดินอย่างเพลิดเพลินใจในร้านหนังสือของโปรด พื้นร้านเป็นไม้แบบโบราณแน่เลย เดินแล้วดังเอี้ยดๆ ไปพลาง ต้องค่อยๆ เดินเบาๆ อย่างเกรงใจ .. ลงลิฟท์ไปชั้นใต้ดิน มีแผนกเครื่องเขียนอยู่ใต้ดินด้วย ได้แฟ้มบางๆ ใส่เอกสารมาอันนึง เห็นปากการูปเข็มฉีดยาด้วย ว่าจะซื้อมาฝากลูกแต่พอเป็น Made in China แล้วก็เลยไม่กล้าหยิบมา (กลัวถูกหัวเราะเยาะ) แต่ก็นั่นแหละนะ ยุคนี้สมัยนี้ จะหาอะไรที่เป็น Made in UK คงจะยากเย็นเต็มที เป็นประเด็นเรื่องเกี่ยวกับค่าแรงนั้นเอง เป็นที่ยอมรับกันว่าค่าแรงในประเทศจีนน่าจะคุ้มต้นทุนราคาสินค้าที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการจัดส่งวัตถุดิบมาจากที่ใดในโลก ส่งไปประกอบหรือผลิตที่เมืองจีนก็คุ้มทุกงาน ..

.. แบกหนังสือตัวเอียงออกมาจากร้านหนังสือ ยืนเก้ๆ กังๆ ในสายลมเย็น .. เฮ่ออออ .. อากาศมันข่างเย็นสบายชื่นใจจริงๆ อย่างนี้เดินเท่าไหร่ก็ไม่เหนื่อย (ถ้าไม่ต้องแบกของหนักเท่ากระสอบข้าวสารด้วยอ่ะนะ) .. จากตรงนี้ เลยไปหน่อยก็จะเป็นบริทิช มิวเซียม .. พิพิธภัณฑ์คู่บ้านคู่เมืองของลอนดอน เราเคยไปครั้งเดียวนานมาแล้ว ครั้งนี้ก็ไม่มีเวลาไปอีกเช่นเคย ..




.. รูปซ้าย .. ร้านหนังสือ 'วอเทอร์สโตนส์' สาขาถนนกาวเวอร์ ตึกสวยอลังการ ..
.. รูปขวา .. ตึกเก่าสีแดงบนถนนสายนี้เหมือนกัน ..




.. รูปซ้าย .. มีป้ายรถเมล์ตรงข้ามโรงแรม เราใช้วิธีจำเบอร์แล้วหาขึ้นเอากลางทางบ้างเหมือนกัน ผิดมั่งถูกมั่งเดินไกลเป็นกิโล ..
.. รูปขวา .. รถส่งหนังสือพิมพ์ยามเช้า สีสันและรูปทรงสะดุดตาดีจัง ..



.. ตอนแรกว่าจะจับรถไฟใต้ดินไปถ่ายรูปย่าน 'แฮมสเตด' แต่ดูเวลาแล้ว เราอยากรีบกลับมาเช็คอินโรงแรมตอนบ่ายสองให้ทัน ประกอบกับเพิ่งลงมาจากเครื่องเมื่อเช้านี้เอง ชักเพลียๆ เหมือนกัน ก็เลยเปลี่ยนใจ ขอเดินสำรวจถ่ายรูปในละแวกนี้แทน เห็นมีตึกสวยๆ ไม่น้อยเลย แล้วก็ตั้งใจว่าจะไปจัดการเรื่องตั๋วรถไฟ จองที่นั่งเสียให้เรียบร้อย และซื้อเสบียงของกินของใช้ตุนไว้เผื่อกินเป็นอาหารเย็นด้วย ..​ มาคนเดียวกินไรก็ได้ .. เราชอบซื้อผัก ซื้อไก่ ซื้อน้ำส้มมานั่งกินแบบง่ายๆ ..




.. ผู้คนที่เดินไปมาละแวกบลูมส์บรี ดูหน่วยก้านแล้วก็ไม่น่าสะพรึงกลัวสักเท่าไหร่ ..


.. ใกล้บ่ายสอง เราเดินกลับมาเช็คอิน ซึ่งก็ไม่มีพิธีรีตองมากมาย เซ็นชื่อในใบลงทะเบียน จ่ายตังค์ค่าที่พักสองคืนร้อยห้าสิบปอนด์ .. อัตรานี้ถือว่าปานกลางค่อนข้างถูกแล้วละ เราว่า .. เพราะโรงแรมที่เพื่อนคนนึงแนะนำ อยู่แถวเซาธ์ เคนซิงตัน คืนละร้อยกว่าปอนด์แน่ะ แต่สำหรับเราก็โอเคแล้วละ ห้องเล็กหน่อย แต่ก็พออยู่ได้ มีอาหารเช้าแบบอังกฤษให้ด้วย มีทั้งของร้อนของเย็น ผลไม้ ซีรีล ..




.. รูปซ้าย หน้าโรงแรมคาเวนดิช เป็นส่วนหนึ่งของตึกใหญ่ยาวพรืดไปตามถนนกาวเวอร์ ..
.. รูปขวา เปิดประตูเข้าไปในโรงแรม ดูเข้าท่าดีเหมือนกัน สว่างไสว แต่ไม่กว้างขวางหรอก ..



.. คุณแขกรีเซ็ปชั่นจัดให้เราพักห้องชั้นสามนู่น ต้องไต่กระไดสูงปรี๊ดขึ้นไป แถมต้องแบกกระเป๋าสองสามใบทุลักทุเลขึ้นไปด้วย ทางขึ้นก็แสนจะแคบ ต้องขึ้นๆ ลงๆ สามรอบ ลิ้นห้อยเลย .. โรงแรมระดับต่ำกว่าร้อยปอนด์นี่ไม่มีหรอกเบลล์บงเบลล์บอย ต้องช่วยตัวเองกันงี้ละ .. สภาพภายในโรงแรมก็สะอาดสะอ้านใช้ได้ หน้าห้องเห็นมีเราท์เตอร์สำหรับไวไฟอินเตอร์เน็ต แต่พอเปิดคอมฯ ต่อเน็ตก็ต่อไม่ยักกะได้แฮะ ไหนโม้ว่าไวไฟทั่วทั้งโรงแรม เราต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงหลายรอบเจรจากับคุณแขก จนในที่สุดก็ยอมแพ้ หอบคอมฯ ลงไปใช้ที่ล็อบบี้ข้างล่างนั่นละ เน็ตก็เร็วปรู๊ดปร๊าดดีใช้ได้ ระหว่างนั้นก็เห็นมีแขกเข้ามาเช็คอินมั่ง เข้ามาบ่นมั่ง (ว่าห้องเล็กกระจิ๋วหลิว .. เราแอบขำ) หน้าตาแขกที่มาพักก็ดูโอเค ไม่ถึงกับเป็นพวกคนจรหมอนหมิ่นสักเท่าไหร่ .. ค่อยเบาใจหน่อย ..

.. ห้าโมงกว่า มองออกไปนอกหน้าต่าง ฟ้ามืดตึ๊ดตื๋อเลย ตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงนี่เวลากลางวันจะน้อยลงๆ สว่างช้าและมืดเร็ว เป็นธรรมดาของประเทศในซึกโลกเหนือ การมาเที่ยวในฤดูกาลเช่นนี้ก็เลยออกจะขาดทุนไปสักหน่อย ถ้าจะให้กำไรก็ต้องมาในฤดูร้อน ฟ้าจะสว่างโร่ตั้งแต่ตีห้าแน่ะ กว่าจะมืดก็สองสามทุ่ม ..

.. หกโมงกว่าแล้ว เรากลับขึ้นไปที่ห้อง ดูทีวีนิดหน่อยแล้วก็เขียนบันทึก จดบัญชีค่าใช้จ่ายประจำวัน ยังไม่จัดของอะไรมากเพราะเราจะอยู่ลอนดอนอีกวันคือวันอาทิตย์รุ่งขึ้น ก่อนที่จะจากลาเมืองใหญ่ไปสกอตแลนด์ในวันจันทร์ นอนไม่ดึกเท่าไหร่หรอก สามทุ่มกว่าก็ง่วงแล้ว ตะลอนมาทั้งวันแล้วก็แบกของยิ่งกว่ากุลีจับกัง .. แฮ่กกกกก .. คร่อก .. ฟี้ ..




.. รูปซ้าย .. เข้ามาในส่วนที่เป็นคล้ายๆ ล็อบบี้เล็กๆ ตรงนี้ละที่เราอาศัยมานั่งใช้เน็ต เพราะในห้องนอนเน็ตไวไฟต่อไม่ติดเลย ..
.. รูปขวา .. คุณแขกหน้าดำแต่ใจดีที่ช่วยจัดการเรื่องซิมอังกฤษให้โทรศัพท์เรา และยังช่วยซ่อมปลั๊กสามตาสองตาให้เราด้วย ..




.. รูปซ้าย .. ห้องเดี่ยวกระจิ๋วหลิวของโรงแรม คืนละเจ็ดสิบห้าปอนด์ เตียงยันผนังพอดี ใครตัวสูงก็แย่หน่อย ..
.. รูปขวา .. อาหารเช้าแบบ Full English Breakfast นับว่าใช้ได้ทีเดียว มีอาหารร้อน มีซีรีล มีผลไม้
นับว่าคุ้มค่าเงินที่จ่าย (เมื่อเทียบกับโรงแรมอีกแห่งที่เรามาพัก 3 วันสุดท้ายก่อนกลับ) ..




.. แผนที่แสดงบริเวณเขต 'บลูมส์บรี' .. ลูกศรเหลืองๆ ที่จิ้มไว้คือตรงที่โรงแรมเราน่าจะตั้งอยู่ ..



.. ตอนต่อไป .. เยี่ยมถิ่นเก่า 'แฮมสเตด' ..




 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2553
13 comments
Last Update : 12 ธันวาคม 2553 1:38:31 น.
Counter : 1778 Pageviews.

 

 

โดย: MaFiaVza 19 พฤศจิกายน 2553 0:31:06 น.  

 

อ๊ะ มาช้าไม่ได้เจิมค่ะ :-(

 

โดย: แปะโฮ่ง (prunelle la belle femme ) 19 พฤศจิกายน 2553 5:01:22 น.  

 

น่าเที่ยวจังเลยค่ะ ตึกทุกตึกเหมือนเป็นปราสาททุกตึกเลย

 

โดย: pierceFB 19 พฤศจิกายน 2553 5:18:34 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับพี่แดง

อ่านบล้อกดูรูป
แล้วนึกถึงหนังแนวโรดมูวี่เลยครับพี่
แบบว่าเดินทางไปค้นหาคำตอบอะไรบางสิ่งในใจน่ะครับ




 

โดย: กะว่าก๋า 19 พฤศจิกายน 2553 7:08:50 น.  

 

เอ่อ ปี้มารูนเจ้า ที่เพิ่งไปมานี้อินเดียหรือว่าลอนดอนคะ 555 แซวหน่อย

ไปพักโรงแรมเวลาเดินทางอย่างหนึ่งที่สำคัญก็คืออาหารเช้า มาเห็นบล็อกแบบนี้ก็ทำให้อยากไป cambridge เฮ้อ นั่นก็อยากไป นี่ก็อยากไป ต้องคอยหาจังหวะเอา สุขสันต์วันศุกร์ค่ะ

 

โดย: prunelle la belle femme 19 พฤศจิกายน 2553 12:52:17 น.  

 

เม้นท์แรกคุยก่อนค่ะพี่แดง ไว้บ๋อม up blog เสร็จ และอ่านบล็อกของพี่แดงเสร็จดี ๆ จะเข้ามาเม้นท์อีกทีค่ะ

อากาศที่อุทยานคงกำลังหนาวได้ใจเลยเนอะ (รู้สึกเหมือนได้กลิ่นหอม ๆ ลอยมาเลยค่ะ) พูดถึงเขาใหญ่แล้ว นึกถึงบ้านของพี่แดงเลยค่ะ บ้านที่พี่แดงว่าจะปลูกใหม่ ไปถึงไหนแล้วน๊อ อยากเห็นอีกจังเลยค่ะ

ปล.กลางเดือนธันวาจะขึ้นภูกระดึงค่ะพี่แดง (ไปด้วยกันมั๊ย ^ __ ^)

 

โดย: minporee 19 พฤศจิกายน 2553 20:15:05 น.  

 

จะรอชมภาพสวยๆจากเขาใหญ่นะครับพี่แดง

 

โดย: กะว่าก๋า 19 พฤศจิกายน 2553 21:08:03 น.  

 

Very good story and make me feel like I go by myself, you have a gift and with your permittion, can I bring your article to publisher.
By the way, can you remove Nong mee nanachart as it is blogging viewing screen.

 

โดย: Uncle Joe IP: 115.87.239.30 19 พฤศจิกายน 2553 21:26:27 น.  

 

เป็นการท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใคร ไม่เหมือนโปรแกรมของทัวร์ แต่ประทับใจในความเป็นตัวเองจริงค่ะ

หมายเหตุ พี่แดงต้องซื้อประกันสุชภาพไปจากเมืองไทยด้วยหรือเปล่าคะ เที่ยวเองแบบนี้

 

โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) 20 พฤศจิกายน 2553 12:15:31 น.  

 


นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ

ความสุขที่ยิ่งกว่าความสงบย่อมไม่มี

มีความสุขกับความสงบกายเย็นใจ ตลอดไป..นะคะ



ใกล้งานวันแต่งลูกสาวแล้ว..ค่ะ

ปอป้า ก็เลยต้องห่างหายไปจากบล็อกบ้าง

แต่ก็ยังคิดถึงเพื่อน ๆ ทุกท่านเสมอ..นะคะ



 

โดย: พรหมญาณี 20 พฤศจิกายน 2553 19:29:10 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับพี่แดง





 

โดย: กะว่าก๋า 21 พฤศจิกายน 2553 6:34:11 น.  

 

อ่ะนะมาแล้วค่ะพี่แดง (แต่ว่า ๆ ต่อไปบ๋อมคงไ่ม่ค่อยได้เข้ามาแวะเล่นแอ่วหานะค่ะพี่แดง ไว้บ๋อมจะส่งเป็น pc ไปเล่นแอ่วหาแทนค่ะ) จะกลับมา up blog ดี ๆ อีกครั้งประมาณเกือบ ๆ สิ้นปี

คือจะไม่ได้เข้ามาทั้งที่ blog และที่ FB


ตึกรามบ้านช่องเค้าดูมีเสน่ห์จังเลยค่ะพี่แดง ดูคลาสสิก ดูเหมือนมีมนต์ขลังยังไงบอกไม่ถูก อยากไปเดินเล่นถ่ายภาพด้วยเลยค่ะ (ตึกร้านหนังสือก็สวยมากเลยค่ะพี่แดง ว่าแต่ว่ากระเป๋าตอนขากลับหนังสือคงเป็นกิโลเลยใช่ป่าวเนี่ย หุๆๆ)

ป่านนี้พี่แดงคงกลับจากเขาใหญ่แล้ว อากาศดีมาก ๆ เลยใช่มั๊ยค่ะพี่แดง

พรุ่งนี้วันทำงานวันแรกของสัปดาห์ สู้ ๆ นะค่ะพี่แดง

ด้วยรัก ด้วยเคารพและด้วยคิดถึง

 

โดย: minporee 21 พฤศจิกายน 2553 19:16:25 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับพี่แดง





 

โดย: กะว่าก๋า 23 พฤศจิกายน 2553 7:37:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Devonshire
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add Devonshire's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.