|
: : จากสุวรรณภูมิ ถึงแพดดิงตัน : :
.. บันทึกการเดินทาง อังกฤษ-สกอตแลนด์ .. .. 23 ตุลาคม - 5 พฤศจิกายน 2553 .. .. ตอนที่ 1 ..
.. วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม 2553 เราออกจากบ้านประมาณสี่ทุ่ม ถึงสนามบินสุวรรณภูมิประมาณห้าทุ่ม ไม่คาดฝันว่าจะมีการปิดซ่อมทางเชื่อมระหว่างที่จอดรถกับสนามบิน ทำให้ต้องลากกระเป๋าลงลิฟท์และข้ามถนนอย่างทุลักทุเลไปเช็คอิน .. สนามบินสุวรรณภูมิเราก็เช่นเคย ไม่ว่าชั้นผู้โดยสารขาเข้าหรือขาออก ผู้คนแน่นหนาคลาคล่ำตลอดกาล แม้เป็นยามดึกดื่นเที่ยงคืน ไม่รู้จะเดินทางไปไหนกันนักหนาซิน่า ช่วงนี้ก็ฤดูกาลท่องเที่ยวเสียเมื่อไหร่ ถ้าเป็นช่วงเด็กปิดเทอม หรือช่วงฤดูใบไม้ผลิที่มีดอกไม้บานในยุโรป สงสัยต้องขี่คอกันเดิน ..
.. เข้าคิวต่อแถวเช็คอินหน้าเคาน์เตอร์สายการบินไทยได้ไม่นานก็ได้บอร์ดดิ้งคาร์ดเรียบร้อย ตรวจตราสัมภาระที่จะหิ้วขึ้นเครื่องเรียบร้อย แล้วคนข้างๆ ผู้แสนดีก็เดินมาส่งที่ด่าน ตม. เกือบเที่ยงคืนนี่ก็ดึกมากแล้ว สงสารคนมาส่งที่ต้องขับรถกลับบ้านไปอีกตั้งไกล ก็เลยร่ำลากันหน้าด่านตรวจขาออก .. ใจหายนิดๆ เหมือนกันเพราะเคยเดินทางด้วยกันมาตลอด เพิ่งมาคราวนี้ละที่เราทำตัวแข็งข้อเป็นกบฏ อาจหาญหนีไปเผชิญชะตากรรมในต่างแดนเพียงลำพัง อุตส่าห์หอบหิ้วกันไปขอวีซ่าจนได้มาพร้อมๆ กันแล้วเชียวนา ไปๆ มาๆ ก็ต้องฉายเดี่ยวจนได้ซิเรา เหตุเพราะเวลาว่างไม่ลงตัวนั่นเอง ไอ้ครั้นเราจะยกเลิกไม่ไปกันทั้งคู่ก็ดูจะกระไร ไหนๆ ตั้งใจว่าจะไปให้ได้แล้วก็ไปคนเดียวละกัน ระมัดระวังตัวหน่อยก็คงไม่มีปัญหาอะไร ..
.. การเดินทางแบบแบกเป้ลุยเดี่ยวนี่ไม่เคยอยู่ในหัวเราเลย เคยเห็นเขาเขียนหนังสือขายยังคิดเย้ยหยันในใจว่า ไปเที่ยวคนเดียวมันจะสนุกอะไร ไปแบบหัวเดียวกระเทียมลีบ ไม่เข้าท่าเลย .. ว่าแล้วเราก็อิเหนาเป็นเอง .. ปากบอกว่าเข็ดเพราะเหนื่อยโฮกแต่แอบติดใจอยู่ลึกๆ มันช่างสุโขสโมสรสบายใจไร้กังวลอะไรเช่นนี้ .. ฮ่า ..
.. ที่มาของการคิดจะลุยเดี่ยว ต้องเท้าความไปไกลพอควร .. คือเมื่อเร็วๆ นี้เอง เราเริ่มเล่นกล้อง (ตามคนข้างๆ นั่นแหละ) ทำให้ค้นพบความสนุกสนานและเพลินใจของการมองโลกผ่านเลนส์ และนึกอยากเก็บภาพของประเทศอังกฤษที่เราคุ้นเคยมาตั้งแต่เยาว์วัย ตั้งใจว่าจะต้องเดินทางไปถ่ายภาพฤดูใบไม้เปลี่ยนสีให้จงได้ ชวนใครมา ก็ไม่มีใครว่างตรงกัน จะมาก็เสียดายตังค์บ้าง มาได้ไม่กี่วันบ้าง สารพันปัญหา บลาๆๆๆ
.. อย่ากระนั้นเลย เมื่อมาหลายคนไม่ได้ มาคนเดียวก็จะเป็นไรไป ประเทศนี้ก็เป็นถิ่นที่เรารู้จักมักคุ้นมาเกือบเท่าอายุเราก็ว่าได้ และก็น่าแปลกที่ตั้งแต่ต้นจนจบทริป เราไม่ได้รู้สึกเหงา กลัว หรือหวาดหวั่นเลย รู้สึกเพียงแต่เสียดายและ Wish you were here อยู่เสมอๆ โดยเฉพาะเวลาเจอ Object สำหรับถ่ายรูปที่ดูเด็ดๆ ใช่แล้ว ทริปนี้ของเราคือ Photo Trip เตรียมเสบียงมาเต็มที่ เมโมรีการ์ด 4GB สี่อัน แบตเตอรี่สองก้อน เอ็กซเทอนัล ฮาร์ดดิสค์ 500 GB หนึ่งแท่ง เน็ตบุ๊คสำหรับโอนย้ายข้อมูลพร้อม ฮ่า ..
.. ทางเดินจาก ตม. ไปประตูทางออกขึ้นเครื่อง ..
.. ห้าทุ่มกว่าเกือบเที่ยงคืน คิวที่ด่านตม. ก็ยาวเหยียดแออัดทุกช่อง เพราะมีไฟลท์ไปจีน ญี่ปุ่น และยุโรปออกไล่เลี่ยกันหลายไฟลท์ เราเจอคนไทยกลุ่มใหญ่จะเดินทางไปจีน แต่งองค์ทรงเครื่องกันเต็มที่ ทั้งแจ็คเก็ทหนัง รองเท้าบู๊ท อื้อฮือ .. เราไปคราวนี้ก็เตรียมเครื่องกันหนาวไปเต็มสตีมเหมือนกัน แบกหนักแทบตาย (ไม่น่าจะต่ำกว่าเจ็ดแปดกิโล) ..
.. สัมภาระของเราที่เช็คอินลงใต้ท้องเครื่องบินมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่หนึ่งใบ ส่วนที่หิ้วขึ้นเคบิน มีเป้สะพายหลังหนึ่งใบ กับกระเป๋าแบบลากหนึ่งใบ เพิ่งซื้อใหม่เอี่ยมแบบสี่ล้อจะได้ลากถูลู่ถูกังง่ายๆ หน่อย ในเป้ก็มีกล้องคู่ชีพพร้อมเลนส์คิท เลนส์มาโครใส่ถุงหนัง เน็ตบุ๊คไวโอ้ แล้วก็โทรศัพท์มือถือสองเครื่อง เครื่องเดิมเปิด International Roaming มาแล้ว อีกเครื่องเดี๋ยวจะมาซื้อซิมที่ลอนดอนใส่ เพราะจะประหยัดกว่ามาก ..
.. สตุ้งสตังค์ทั้งหมด เราไม่แยกไว้ที่ไหนหรอก เดี๋ยวลืม เอาใส่ 'เป๋าตังค์ใบเดิม ใส่ในกระเป๋าแบบสะพายแล่งเฉียงบ่า แปะไว้หน้าพุงเรานั้นแหละ ไม่เอาใส่เป้เด็ดขาด เราแลกเงินปอนด์มามากพอสมควรเพราะจะไว้ใช้จ่ายค่าโรงแรม ค่าแท็กซี่ ค่าใช้จ่ายของกินจิปาถะ เครดิตการ์ดจะใช้เฉพาะที่จำเป็นจริงๆ ..
.. ตอนจองตั๋ว เพื่อนบอกว่าไฟลท์ว่าง แต่ปรากฎว่าวันเดินทางจริง อู้ฮู .. ผู้คนทยอยกันเรียงแถวเข้ามาในห้องรอขึ้นเครื่องแน่นขนัด ทั้งหัวดำหัวแดงหัวทอง เยอะไปหมด นั่งคุยกับคุณพี่วัยกลางคนคนนึง บอกว่าจะไปเยี่ยมลูกสาวที่ลอนดอน นั่งเครื่องมาจากสุราษฎร์ตั้งแต่เช้า แล้วก็มีครอบครัวคนไทยหลายครอบครัวเดินทางไปในไฟลท์นี้ ..
.. ในเครื่องที่เต็มเอี้ยด แน่นเกือบทุกที่นั่ง .. อาหารเช้าก่อนเครื่องลง หน้าตาสุดแสนจะจืดชืดดีแท้ ..
.. เกือบตีหนึ่งกว่าจะเรียกขึ้นเครื่อง เรานั่งริมทางเดินอย่างที่จองไว้ ข้างๆ เราเป็นสตรีชาวอังกฤษวัยกลางคน นั่งคุยกันไปถูกคอกันดี เธอให้นามบัตรมาด้วย บอกว่าบ้านอยู่แคว้นเดเวิน เมืองเอ็กซีเตอร์ ทำร้านขายของพวกเฟอร์นิเจอร์จากตะวันออกไกล นี่เธอก็มาสั่งของที่เวียดนาม แต่มาทรานสิทที่กรุงเทพฯ เธอเป็นชาวไอริชแต่ไปตั้งรกรากอยู่เดเวินตามสามี เราบอกว่าคนข้างๆ เราเคยเรียนที่พลีมัธ ก็คงจะไปเยือนพลีมัธในไม่ช้านี้ เธอก็บอกว่าถ้าไปก็ให้แวะเอ็กซีเตอร์จะได้แวะไปเยี่ยมร้านเธอด้วย ..
.. หลับๆ ตื่นๆ มาในเครื่อง น่าแปลกที่ได้หลับไปสักสี่ห้าชั่วโมงแน่ะ ก็เลยทำให้ไม่ค่อยปวดเมื่อยอ่อนเพลียเท่าไหร่ เครื่องถึงฮีทโธรว์ประมาณเจ็ดโมงเช้า ฝนตกพรำๆ ท้องฟ้าสีทึมๆ ตามเคย ทางเดินจากเกทไป ตม. ไกลมากกกกกกกก .. (ไม่แพ้ทางเดินของสุวรรณภูมิเราเล้ย) เราไปเข้าคิวที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองประมาณครึ่งชั่วโมง ต้องสแกนนิ้วเหมือนตอนขอวีซ่า ตม. ก็ถามตามระเบียบว่ามาทำไร เราก็บอกว่าเรามาถ่ายรูป เพราะเราเคยมาเรียนที่นี่ก็เลยอยากกลับมาถ่ายรูปดีๆ เก็บไว้ ตม. ยิ้ม ไม่ว่าไร ประทับตราโป้งๆ แล้วอวยพรขอให้เราเดินทางโดยสวัสดิภาพ แล้วก็ปล่อยให้เราหลุดออกมาในเวลาไม่นาน ..
.. รอรถไฟเข้าเมืองที่ฮีทโธรว์ หน้าตาคล้ายๆ รถไฟใต้ดินเมืองลอนดอนนั้นแหละแต่ใหม่กว่าหน่อย ..
.. ดูนาฬิกาแล้วกะว่าเมืองไทยก็คงเข้าบ่ายๆ วันเสาร์แล้ว ลองกดโทรศัพท์เบอร์เดิมกลับบ้าน กดไม่เป็นแฮะ .. เบ๊อะจริงเรา เดี๋ยวคงต้องหาซิมอังกฤษใส่โทรศัพท์อีกอัน ไปถามที่ร้านขายหนังสือ คนขายบอกว่าซิมให้ไปหยอดตู้ซื้อเอาเอง หันไปหันมาเจอตู้ขายซิม อารามโง่เห็นบอกว่าสิบปอนด์พลัสหนึ่งปอนด์ นึกว่าได้โทร.มูลค่าสิบเอ็ดปอนด์ หยอดตังค์เข้าไปได้ซิมมา ใส่ไม่เป็นอีก ก็เลยพกใส่กระเป๋ามาก่อน ..
.. รายการฉลาดน้อยของเรารายการต่อไป คือวิธีการเข้าเมืองลอนดอน เราซื้อตั๋วรถไฟ BritRail Pass แบบชั้นหนึ่งมาจากเมืองไทยแล้ว หารู้ไม่ว่ามันสามารถใช้บริการรถไฟด่วน Heathrow Express จากสนามบินฮีทโธรว์เข้าไปที่สถานีแพดดิงตันได้ฟรี ก็เลยไปซื้อตั๋วจากยัยคนขายตั๋วอีก แถมแทนที่จะซื้อตั๋วเที่ยวเดียว ดันโง่ซื้อตั๋วไป-กลับ 32 ปอนด์เข้าไปอีก (เพิ่งมารู้เอาตอนไปเจอสาวไต้หวันที่เลคดิสทริคนี่เองแหละเรา .. เฮ้อ..ปลง) ..
.. รูปซ้าย .. ป้ายชื่อสถานีติดในท่อรถไฟ ให้รู้ว่ามาไม่ผิดที่ .. .. รูปขวา .. สถานีแพดดิงตัน ใจกลางกรุงลอนดอน ..
.. รถไฟจากฮีทโธรว์ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงสถานีรถไฟแพดดิงตัน ซึ่งอยู่กลางกรุงลอนดอนค่อนไปทางตะวันตก เราเดินตุปัดตุเป๋ลากกระเป๋าสองใบ เป้หนึ่งใบ ไปเรียกแท็กซี่ด้านนอกสถานี อากาศเย็นๆ ของลอนดอนกระทบหน้าฉ่ำชื่นใจดีจัง เราบอกคนขับว่าจะไป โฮเท็ล คาเว็นดิช โกเวอร์ สตรีท คนขับฟังไม่ออกหง่ะ .. โฮะๆๆ .. เสียศูนย์เลยเรา พยายามออกเสียงใหม่ให้สำเนียงศิวิไลซ์ คนขับก็ฟังออกแต่ชื่อโรงแรม ฟังชื่อถนนไม่ออก เราเลยต้องเอากระดาษใบจองโรงแรมที่พรินท์มาจากบ้านให้คนขับแท็กซี่ดูชื่อที่อยู่โรงแรม คนขับดูแล้วก็ถึงบางอ้อ ร้องอ๋อ กาวเวอร์ สตรีท น่ะนายจ๋า .. แฮ่ะๆๆ .. เอาอะไรกับผู้มาเยือนอย่างอิฉันนักละจ้า คุงพี่..
.. บทต่อไป .. เยือนถิ่นใหม่ 'บลูมส์บรี' ..
Create Date : 16 พฤศจิกายน 2553 |
Last Update : 12 ธันวาคม 2553 1:39:06 น. |
|
16 comments
|
Counter : 1586 Pageviews. |
|
|
|
โดย: A IP: 119.46.151.21 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2553 เวลา:8:42:24 น. |
|
|
|
โดย: เจ้าของบล็อกเองค่ะ :D IP: 202.129.57.21 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2553 เวลา:9:01:23 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 16 พฤศจิกายน 2553 เวลา:11:17:02 น. |
|
|
|
โดย: minporee วันที่: 16 พฤศจิกายน 2553 เวลา:15:04:41 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 พฤศจิกายน 2553 เวลา:6:18:32 น. |
|
|
|
โดย: cruduslife วันที่: 17 พฤศจิกายน 2553 เวลา:8:01:43 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 พฤศจิกายน 2553 เวลา:9:53:43 น. |
|
|
|
โดย: JewNid IP: 124.157.189.183 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2553 เวลา:19:52:08 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 พฤศจิกายน 2553 เวลา:6:27:43 น. |
|
|
|
โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) วันที่: 18 พฤศจิกายน 2553 เวลา:13:31:25 น. |
|
|
|
โดย: prunelle IP: 89.202.194.97 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2553 เวลา:16:38:46 น. |
|
|
|
โดย: Uncle joe IP: 115.87.239.30 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2553 เวลา:21:41:36 น. |
|
|
|
|
|
|
|
เล่าสนุก พลอยนึกถึงภาพที่สถานี Paddington ไปด้วยละคะ มีรูปที่นี่อีกไหมคะ