..LiFe iS a jOuRnEy..
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
25 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
: : The British & The English : :


ภาพวาดแสดงชีวิตคนบริทิชยุค 1881 (ก่อนเราเกิดเป็นร้อยปีละจ้า...)
เป็นภาพตำบลทางตอนเหนือของลอนดอนที่เราเองก็เคยไปอยู่ที่นี่ตั้งนาน
"Hampstead" by John Atkinson Grimshaw, 1881 AD


ประเทศอังกฤษที่คนไทยรู้จัก หรือ "บริเทนใหญ่" (Great Britain) หรือ "สหราชอาณาจักร" (United Kingdom) เป็นหนึ่งในเป้าหมายยอดฮิตของคนไทยจำนวนไม่น้อย... มีทั้งที่ไปเรียน ไปทำงาน หรือไปใช้ชีวิตอยู่ในสถานภาพต่างๆ กัน...

ตัวเราเอง... แม้จะใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในเมืองไทยนี้เอง... แต่คนในครอบครัวของเราเกือบทุกคนได้ไปใช้ชีวิตอยู่ในบริเทนตั้งแต่วัยเยาว์ โดยเฉพาะพ่อ และพี่ชายทั้งสอง...

เราก็เลยพลอยฟ้าพลอยฝนได้ไปเก็บสะสมประสบการณ์ในเกาะแดนไกลแห่งนี้โดยปริยาย พ่อและพี่ๆ เขาพูดคุยกันเรื่องบริเทน เราก็ต้องเข้าไปแจมกะเขาด้วยโดยตลอด...

รสนิยมการฟังเพลงก็พลอยตามพี่ๆ ไปด้วย ได้ฟังแต่บริตพ็อพยุคนู้นซึ่งก็มี บีเทิลส์ (ตอนวงแตกเราร้องไห้ตาบวม) บีจีส์ เอลตัน จอห์น เป็นต้น...

ปิดเทอมที่เมืองไทย พ่อแม่ก็พาเราไปที่นู่น ไปอยู่บ้านเช่าที่เรียกว่าแฟลต (หน้าตาคล้ายๆ ทาวน์เฮาส์บ้านเรานี่เอง) เพื่อรอรับพี่กลับบ้านจากโรงเรียนประจำช่วงเสาร์-อาทิตย์...



ภาพแรก...วันเดินทาง
ภาพที่สอง...แฟลตที่อยู่ในลอนดอน
ภาพที่สาม...แก๊งค์กางเกงยีนส์


เราอยากบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับบริเทนไว้กันลืม... เพราะพักนี้เรารู้สึกว่าชักจะหลงๆ ลืมๆ บ่อยครั้งเข้าทุกที (เป็นสัญญาณเตือนภัยว่าใกล้วัยอัลไซเมอร์แล้วกระมัง...)...

เริ่มจากเรื่องเกี่ยวกับผู้คนก่อนดีกว่า...

หนังสือเกี่ยวกับอังกฤษส่วนใหญ่ มักจะเป็นการให้ข้อมูลในเชิงการท่องเที่ยวหรือบันเทิง เป็นต้นว่า มีที่เที่ยวที่ไหนบ้าง... ไปช็อปปิ้งที่ไหนดี... (อันนี้คนไทยชอบ) มีพิพิธภัณฑ์ที่ไหนน่าชมบ้าง... (อันนี้คนไทยไม่ค่อยสน...) ที่ไหนมีอะไรอร่อยๆ... (เรื่องกินเรื่องใหญ่อีกนั่นแหละคนไทย...)

สำหรับคนขี้สงสัยบางคน... อาจจะอยากรู้ว่า... เอ...แล้วที่เขาเรียกว่า "คนบริทิช" (the British) เนี่ยหมายถึงใครกัน... เหมือนกับ "คนอังกฤษ" (the English) ไหม... แล้วทำไมต้องเรียกต่างกันให้มันยุ่งยาก...

ลักษณะนิสัยและวิถีชีวิตของคนบริทิชก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่บางครั้งเราก็ว่ามีอะไรแปลกๆ... บางอย่างก็ยากที่จะเข้าใจ... บางอย่างก็เคยงงๆ แต่ตอนหลังก็ชินไปเอง...

อย่างเช่น ตอนเช้าก่อนจะออกจากบ้าน คนบริทิชก็มักจะต้องเช็ครายงานสภาพอากาศก่อนเสมอ... แต่ไปๆ มาๆ ก็พกร่มพกเสื้อโค้ทกันฝนออกไปแทบทุกที...

แล้วคนบริทิชนี่พอเจอหน้ากันก็ต้องทักทายกันแต่เรื่องภูมิอากาศอยู่นั่นแหละ... เช่นว่า วันนี้ฝนตกอีกแล้วนะ... (It's raining again!) หรือ... เมื่อเช้าอากาศดีจังนะ...จริงไม๊... (What a lovely day, isn't it?)...



วันหยุดในฤดูร้อนแถวๆ แคมเดนทาวน์ (Camden Town)
หนึ่งในตำบลฮิปๆ ทางเหนือของลอนดอน
หนุ่มสาวบริทิชจะแต่งตัวน้อยชิ้นออกมาเดินเล่น


คนบริทิชถือว่า อาณาบริเวณที่เรียกว่าบริเทนใหญ่ (Great Britain) ประกอบไปด้วยชาติ (nations) สามชาติ คือ สก็อตแลนด์ เวลส์ และอิงแลนด์ คนที่อยู่ในสามภูมิภาคนี้ จึงมีนามเฉพาะกลุ่ม (Collective Noun) เรียกขานตนเองว่าเป็นคนบริทิช (the British) แห่งบริเทนใหญ่ (Great Britain) ทั้งหมด

ที่น่าแปลกคือว่า การเป็นคนบริทิช เขานับรวมคนไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งเป็นดินแดนตอนบนของไอร์แลนด์ (แต่เป็นของ "สหราชอาณาจักร" - United Kingdom) เข้าไปด้วย ทั้งๆ ที่โดยเชื้อชาติเขาน่าจะเป็นคนไอริช (the Irish)

เราว่าน่าจะเป็นเหตุผลทางยุทธศาสตร์ เพื่อให้คนไอร์แลนด์เหนือกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับสหราชอาณาจักร...

ข้อสำคัญ เราอย่าไปเรียกคนสก็อต คนเวลส์ และคนไอร์แลนด์เหนือ (ซึ่งตอนนี้ก็มีกระจายไปทั่วสหราชอาณาจักรแล้วละน่า...) ว่าเป็น "คนอังกฤษ - the English" เข้าทีเดียว...

เพราะนิยามของคำว่า คนอังกฤษ (the English) จำกัดวงอยู่เพียงเฉพาะดินแดนตรงกลางๆ ของบริเทน เหนือสุดจรดชายแดนสก็อตแลนด์ ตะวันตกจรดชายแดนเวลส์ ที่เหลือติดทะเลห้าทะเล ได้แก่ ทะเลเหนือ ทะเลไอริช ทะเลเชลติก ช่องแคบบริสตอล และช่องแคบอังกฤษ...

เขาอาจจะไม่โกรธเพราะเห็นว่าเราเป็นคนต่างถิ่น แต่ก็นั่นแหละ... เขาอาจจะมองหน้าว่ายายคนนี้ไม่รู้เรื่อง... ไม่รู้รึไงว่า อิงแลนด์มันมีอาณาเขตแค่ไหน ชั้นเป็นคนมีชาติของชั้นเองนะ...

เพราะฉะนั้น สรุปว่า เจอคนอังกฤษที่ไหน ถ้าไม่แน่ใจว่าเขาเป็นคนภูมิภาคไหนก็อย่าเพิ่งหลุดคำว่า the English (ที่หมายถึงคน ไม่ใช่ภาษา) ออกมา จงเรียกโดยรวมๆ ไปก่อนว่า the British เพื่อความปลอดภัย และยังได้คะแนนนิยมอย่างทึ่งๆ จากสหายตาน้ำข้าวของเรา...

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีคนบริทิชจำนวนมากที่พ่อแม่อพยพถิ่นฐานมาตั้งรกรากอยู่ในบริเทนตั้งแต่ยุค 1950s เป็นต้นมา อยู่ไปๆ ก็ออกลูกออกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง จนเราพบว่าเดี๋ยวนี้มองไปทางไหนก็เห็นแต่คนบริทิชรุ่นใหม่ที่ไม่ใช่ "ฝรั่ง" (Caucasian) ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด...

ถ้าใครเคยสังเกตผู้ประกาศข่าวช่องบีบีซี จะสังเกตเห็นว่า พวกผมทองตาสีฟ้า ค่อยๆ หายหน้าไปจากจอทีวี โดยถูกแทนที่ด้วยพวกผมดำ ตาดำ พูดภาษาอังกฤษสำเนียง "บริทิช อิงลิช" ชัดแจ๋ว...

พวกที่มาทำงานบีบีซีได้เนี่ย รู้สึกจะไม่ค่อยมีพวกที่ติดสำเนียงค็อกนีย์ (ภาษาอังกฤษท้องถิ่นแบบเพี้ยนนิดนึง อย่างเช่น คำว่า "ทูเดย์" ก็พูดว่า "ทูดาย" เป็นต้น...)

พวกนี้เป็นคนบริทิชที่เกิดในบริเทน แต่เชื้อสายดั้งเดิมของพ่อแม่เป็นคนจากหมู่เกาะคาริบเบียน อินเดีย ปากีสถาน ฮ่องกง (ลาว เวียดนามมีน้อย พวกนี้ไปฝรั่งเศสหมด...)

ใช่แล้ว...เป็นเหตุผลจากเรื่องการเป็นประเทศในอาณานิคมของเขานั่นแหละ...

ความที่คนบริทิชโบร่ำโบราณเป็นนักล่าอาณานิคมดีนัก ก็เลยมีผู้คนหลั่งไหลมาจากเมืองในอาณัติเหล่านี้มาอาศัยอยู่ในดินแดนเจ้าอาณานิคมซะเลย...

ทุกวันนี้รัฐบาลบริทิชจึงจำเป็นต้องยอมรับสถานภาพปัจจุบันของประเทศที่อยู่ในสภาวะที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์สูงมาก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก สมแล้วที่อยากไปล่าเมืองขึ้นเขาไว้เยอะ...



ตัวอย่างการปะทะทางวัฒนธรรมของผู้คนยุคใหม่ในบริเทน
จะเอเชีย อินเดียน คอเคเชียน ก็อยู่รวมกันได้อย่างเนียนๆ...มั้ง...
ภาพนี้ถ่ายที่ที่แฮมสเตด (Hampstead) NW3 ถิ่นเก่าเราเอง



Create Date : 25 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2552 21:19:44 น. 24 comments
Counter : 1949 Pageviews.

 
กรี๊ด.............คนแรกใช่ไหมคะ? เจิมได้เจิมดีเป็นเกียรติเป็นศรีแก่ตัว เดี๋ยวมาต่อ :-D


โดย: prunelle la belle femme วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:2:01:00 น.  

 
ที่เยอรมัน นี่ก็มีพวกเติร์กอยู่เยอะค่ะ จนภาษาประจำชาติจะกลายเป็นภาษาเติร์กไปแล้ว (เพราะหลังสงครามโลก เข้ามาทำงานแล้วไม่ยอมกลับประเทศตัวเอง) เป็นเจนเนอเรชั่นที่3 แล้ว แต่ก็ยังพูดภาษาตัวเองอยู่ จนกลายเป็นปัญหาประเทศไปตามๆกันเลยค่ะ เคยไปอังกฤษ คนอินเดียเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด วันหลังสงสัยคนอินเดียครองเมืองแน่เลย


โดย: currywurst วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:2:01:44 น.  

 
เรื่องหนัง: ใช้แล้วค่ะพี่แดง ตอนแรกก็คิดว่า Hilary Swank เธอจะแอ๊บได้ไหมเมื่อมาเล่นโรแมนติค คอมเมดี้ P.S. I Love You เพราะค่อนข้างติดภาพเธอในหนังดราม่าหลายต่อหลายเรื่อง พอดูจบแล้วพอใจในบทบาทเธอในระดับหนึ่ง เพราะร้องไห้ด้วยตอนดู แต่ก็ยังรู้สึกว่าเธอเหมาะกะดราม่ามากกว่าอยู่ดี.....

โอ้โห รูปเก่ามากเลยค่ะ ดีจังที่เก็บรูปภาพกับโปสการ์ดเก่าได้ดีมากเลย ขอบคุณที่เอาเรื่อง the British กะ the English มาเล่าให้ฟังค่ะ แต่แอบค้านนิดหน่อย ที่ว่า "ไปช็อปปิ้งที่ไหนดี... (อันนี้คนไทยชอบ)" นี่ไม่รวมพรุนแน่นอน ของที่อังกฤษแอบแพงมากมาย คงเป็นธรรมดาของประเทศที่เป็นเกาะ+ภาษีด้วย พูดถึงเรื่องอาณานิคมนี้เรียนมาลืมไปเกือบหมดแล้วฮ่าๆ แต่ที่จำได้แม่นสุดก็คือ the sun never sets on the British Empire ประเทศเค้าน่าสนใจนะคะ เห็นแบบนั้นก็น่าเที่ยวเหมือนกัน แต่มีอยู่อย่างที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นอกจากอากาศที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ นั่นคือ อาหารเช้าอ่ะค่ะ เป็นคนไม่ค่อยกินข้าวเช้าทั้งที่รู้ว่ามันสำคัญที่สุดของวัน ยังไงคืนนี้ฝันดีนะคะ...


โดย: prunelle la belle femme วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:2:13:49 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณแดง ขอบคุณค่ะที่เอาเรืองนี้มาฝาก ดีมากค่ะเพราะไม่เคยรู้ถึงความแตกต่างเหมือนกันเลยอะค่ะ

เคยไปลอนดอนแค่ครั้งเดียว รู้แต่ว่าไม่ค่อยชอบเท่ากับฝรั่งเศส เพราะรู้สึกว่า ลอนดอนมันอับๆดูแคบๆ ไม่เหมือนปารีสดูกว้างโล่งโปร่งดี อิอิ (คิดเองอะค่ะ)

แล้วลอนดอนก็ฝนตกหยิมๆ แฉะๆยังไงก็ไม่ทราบ แล้วผู้คนก็ไม่ค่อยยิ้มแย้ม(หรือคนที่ยิ้มเราไม่เจอ 55) ช่ายค่ะเขาอยากล่าเมืองขึ้น ตอนนี้เลยมีคนหลายเชื้อชาติมาขึ้น ที่เมืองเขา อิอิ

ขอบคุณค่ะ ขอให้มีความสุขนะค่ะ have a nice day!!


โดย: แม่มณี (ย่าชอบเล่า ) วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:5:08:22 น.  

 
อากาศเป็นหัวข้อทั่วไปเหมือนคนไทย ถามว่า กินข้าวมายัง ทำนองนั้นเลยค่ะ

คิดไม่ออก ไม่รู้จะคุยอะไร เปิดประเด็นไปก่อน เดี๋ยวต่อไปเรื่องอื่นได้เอง อิอิ



โดย: yr_naughty_annie วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:18:15 น.  

 
สวัสดีครับพี่

สิ่งที่น่ากลัวก็คือ อนาคตประเทศไทย
จะต้องกลายเป็นแบบ เกรทไทยแลนด์ รึเปล่าน้อ
มีไทยเหนือ ไทยใต้






เวียนหัวจังครับพี่
เลยต้องปิดรับข่าวสารชั่วคราว




โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:49:06 น.  

 
อ่อ ในภาพดอกม่วงๆ เป็นเทียนหยด

ใช่แล้วค่ะ

ขอบคุณสำหรับความรู้เรื่อง

the British - the English นะคะพี่แดง

โอ้โห เก็บรูปเก่าๆ ไว้ดีจังเลย

ของหนูบ้านเคยน้ำท่วม

รูปเก่าๆ หายไปเยอะเหมือนกัน


โดย: มังกรเขียวหัวยุ่ง (cruduslife ) วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:03:52 น.  

 
จำไว้ จำไว้ The British

ขอบคุณนะคะพี่แดงไปเยี่ยมที่บล็อกอยู่เสมอเลย ตอนนี้ริอ่านเป็นแม่ค้าหนังสือสมัครเล่น แต่ใช้เวลาจริง เลยไม่ค่อยได้เข้ามาในบล็อกเลยค่ะ


โดย: chinging วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:14:57 น.  

 
สวัสดีวันพุธค่ะพี่แดง

ดูเหมือนว่าเอ็มจะเป็นข้อยกเว้นในกลุ่มคนไทยที่พี่แดงกล่าวถึง เพราะเอ็มไปเที่ยวไหนจะหาพิพิธภัณฑ์ก่อนเลยค่ะ ยิ่งถ้าเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะนี่จะชอบมาก ส่วนเรื่องช้อปปิ้งไม่ค่อยเท่าไหร่ ยกเว้นเข้าร้านหนังสือนะคะ อย่างนั้นอยู่ได้ทั้งวันเหมือนกัน ^^

เรื่องคำว่าบริติชกับอิงลิช แต่ก่อนก็เคยสับสนเหมือนกันค่ะ เพิ่งมาได้ทราบตอนอยู่มหาลัยว่าสองคำนี้แตกต่างกันยังไง อย่างไรก็ตาม ขอบคุณพี่แดงด้วยนะคะที่นำความรู้นี้มาบอกกล่าวกันที่นี่ คงไขข้อข้องใจให้กับหลายๆคนเลยล่ะค่ะ

วันนี้ลูกๆได้ไปโรงเรียนกันหรือยังคะ หรือว่าโรงเรียนยังปิดอยู่ ที่เยอรมันนี่มีข่าวสุวรรณภูมิตลอดเลยค่ะ ฟังวิทยุแล้วมันหดหู่ใจเหลือเกิน

Have a nice day นะคะ


โดย: discipula วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:35:47 น.  

 
หน้าที่ของผมคือ ประคองร้านให้อยู่รอด
และพนักงานอยู่ได้ครับพี่

และหน้าที่ที่สำคัญกว่านั้นของผม
คือ การเลี้ยงดูและสั่งสอนลูกให้รู้จัก
ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี
รู้จักเคารพกฏหมายและกติกา
รู้จักยอมรับผลแพ้ชนะ
รู้จักธรรมะเพื่อจะได้ละวางอัตตาและตัวตนลง
รู้จักสังวร์ืว่าอำนาจไม่มีอยู่จริง
ทุกอย่างเ็นแค่สิ่งลวงตา
เราต่างเกิดมาเพื่อทำหน้าที่

และควรจะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด
โดยไม่ทำให้ใครอื่นเดือดร้อน




โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:19:38:43 น.  

 
คงมีโอกาสได้ไปดูไปเก็บภาพคณะอื่นค่ะ

แ่ต่คงเป็นคณะใกล้ๆ กันอย่าง

อักษรฯ ศิลปกรรม

วิทยาศาสตร์อาจจะแค่เี่ฉี่ยวๆ ไปเพราะมีหลายภาควิชาจัด

ส่วนวิศวฯ คนคงเยอะมากอาจจะไม่เข้า

ไปวันเสาร์อาทิตย์คนเยอะกว่าวันธรรมดาอยู่แล้วล่ะค่ะ

น้องกำลังจะเลือกสาย ถ้ายังไม่แน่ใจ

เลือกสายวิทย์ไว้ก่อนก็ดีค่ะ

แต่ถ้ามีเป้าหมายแน่นอนว่าเป็นคณะสายศิลป์

ก็เลือกสายศิลป์ไปเลยค่ะ

เกรดจะดีกว่าเพราะไม่ต้องเรียนวิชาที่ไม่ชอบ

ชอบเรียนคอมฯ ไม่จำเป็นต้องเรียนวิศวฯนะคะ

คุยกับเพื่อนที่เรียนวิศวฯคอม

เค้าบอกว่าถ้าไม่เจ๋งจริงๆ อย่างพวกโอลิมปิกคอม

อาจจะกระอักเลือดตายได้

เรียนแนววิทยาการคอมพิวเตอร์น่าจะดีกว่า

ไอดีน่าเรียนค่ะ แต่เป็นภาคที่งานหนักที่สุดเลย

ลองพาน้องมาดูนะคะ จะได้ลองคุยกับพี่ๆ ที่เรียนอยู่

จะได้รู้รายละเอียด เพราะอย่างหนูก็รู้แค่ของภาคตัวเอง

แต่ถ้ามาไม่ได้ จะฝากถามข้อมูลก็ได้นะคะ ยินดีค่ะ

ปล.เรียกหนูว่าเจื้อยแจ้วก็ได้ค่ะ


โดย: มังกรเขียวหัวยุ่ง (cruduslife ) วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:49:16 น.  

 
ประทับใจรูปตอนเด็กจังเลยค่ะ น่ารักมาก


โดย: nanida วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:25:30 น.  

 
ว้ายย..ยังพิมพ์ไม่เสร็จแต่ดันไปกดโดนอะไรไม่รู้ ส่งไปเฉยเลย

....

เรื่องนี้เคยเรียนมาเหมือนกันค่ะ แต่ก็ลืมเลือนไปบ้างแล้ว มาอ่านที่พี่เขียนไว้อีกที ถึงกับมึน (อาการเดียวกับตอนอ่านหนังสือเรียน ฮี่ๆ)

แต่คราวนี้จำได้แม่นเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ ที่เอามาฝากกัน

ราตรีสวัสดิ์ค่ะ^^


โดย: nanida วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:29:01 น.  

 
ป้าลิเคยรักกับหนุ่มอังกฤษก็งงๆ กับแกเหมือนกัน งงกันไป งงกันมา ก็เลยเลิกกัน ฮ่าาา

เลยในที่สุดมาตายรังกับหนุ่มเมืองนมเย็นนี่แหล่ะค่ะ คิคิ

คุณน้องตอนเด็กๆ น่ารักจังค่ะ โตมาก็สวยน้า



โดย: ป้ามะลิกับลุงมะระ วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:48:15 น.  

 
ความจริงจะว่าไปก็ไม่ถึงกะไม่ชอบอาหารเช้าแบบอังกฤษหรอกค่ะ เป็นคนชอบกินและกินได้ทุกอย่าง อิอิ พูดอย่างไม่อายปาก english breakfast ก็ชอบกินแต่ไม่ชอบกินตอนเช้า 555 งงไหมค่ะ

รู้สึกว่าร้านอาหารกึ่งผับที่กรุงเทพฯ ก็มีหลายที่เหมือนกันที่เขาเสริฟจานที่เรียกว่า all day english breakfast เคยไปกินมื้อกลางวันที่หนึ่งแถวสุขุมวิท สั่งมากินตอนเที่ยง อลังการงานสร้างมากค่ะ แบบนี้จะให้กินเป็นมื้อเช้าเลยนี้ไม่ไหวแน่ๆ

ส่วนใหญ่มื้อเช้ากินมั่งไม่กินมั่งเพราะติดนิสัยนอนตื่นสาย แล้วก็ชอบตาลีตาเหลือกไปทำงานเลยไม่มีเวลา แต่ถ้ากินก็หนีไม่พ้นครัวซอง หนมปังไส้ช้อคโกแล็ต หรือว่า หนมปังฝรั่งเศสปิ้งทาแยม + โก้โก้ร้อน อะไรเทือกนี้แหละค่ะ baguette ถ้าอยู่เกินวันนี่ เหนียวได้ที่+แข็งปาหัวหมาแตกได้จริงค่ะพี่แดงฮ่าๆๆ

มานึกๆแล้วก็จำตัวเองเพราะที่บ้านนอก พ่อแม่ญาติพี่น้องยังเปิปข้าวเหนียวกันตอนเช้าอยู่ นี่เราเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้เลยเหรอ รู้สึกว่าจะพูดเรื่องกินมากไปหน่อยแล้วค่ะ คืนนี้ขอให้นอนหลับฝันดีกันทั้งบ้านนะคะ


โดย: prunelle la belle femme วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:54:34 น.  

 
รูปเรื่องราวความรัก ความหลังของครอบครัวอบอุ่นนี่ ไม่มีใครลืมลงหรอกค่ะ ยิ่งเราอายุมากขึ้นก็ยิ่งถวิลหา ความรักความหลังในครอบครัว พ่อแม่ พี่น้อง... ชอบอ่านค่ะ...

ยายเก๋าเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่มีน้อง ยิ่งเหงายิ่งคิดถึงอดีตมากๆ ไม่มีครอบครัวใหม่ด้วย

เอาภาพวาดมาฝากไม่ทราบจะถูกใจไหม เพราะคุณจะชอบสีเรียบๆไม่ฉูดฉาด...



โดย: ยายเก๋า (ชมพร ) วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:45:29 น.  

 
ชอบลอนดอนหน้าหนาวมากกว่าหน้าร้อนอ่ะค่ะ หน้าร้อนขึ้นรถไฟใต้ดินแล้วจะเป็นลม

Camden นี่ยังไม่เคยไปเลย แต่ตั้งเป้าว่าต้องหาโอกาสไปซักครั้ง

ปล. ชอบรูปตอนเด็กจังค่ะ ดูเป็นรูปแห่งความทรงจำดี


โดย: MaRiMeKKo วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:4:48:40 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ค่ะ แวะมาอีกรอบ อิอิ จะชมว่า เก็บรูปเก่าๆได้ดีมากเลยค่ะ สภาพดีของ ย่า รูปมันเก่าและ ขาดๆแหว่งๆยังไงก็ไม่ทราบอะค่ะ หน้าตาก็เลือนหมดแล้ว ของคุณแดงยังชัดแจ๋วเลย

เชียร์


โดย: แม่มณีหลินเอ๋อ (ย่าชอบเล่า ) วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:8:20:33 น.  

 
ขอบคุณค่ะ ได้ความรู้ดีจัง


โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:9:33:51 น.  

 
ผมเป็นคนไทย แต่อยากมีแฟนเป็นซุปเปอร์สตาร์ชาวบริเทนใหญ่หรือชาวอังกฤษได้มั้ยกั๊บ


โดย: พยัคฆ์ร้ายแห่งคลองบางหลวง วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:26:52 น.  

 
ดีนะครับ รูปเก่าเก็บ ยิ่งนานยิ่งมีค่า เก็บไว้ให้ลูกหลานดู รูปวาดของฝรั่งรูปเเรก ก็สวยมาก ชอบบรรยากาศในรูปมากครับ

มา blog นี้ได้ความรู้เยอะ ผมเพิ่งทราบจริง ๆ ว่าสองคำนี้มันต่างกันด้วย ที่ผ่านมาก็เรียกคนอังกฤษตลอด งั้นคงต้องเปลี่ยนล่ะครับ

ขอบคุณที่เเวะไปเยี่ยมครับ ปกติฟังเเต่เพลงเก่าครับ เพลงที่เอามาลงก็เหมือนกัน ที่ blog ไม่ค่อยมีอะไรให้อ่าน มีเเต่เพลงกับบันทึกบางวัน เพลงที่เอาลงวันนี้ ของคนไทยเรานี่เเหละครับ เเต่มันเก่าหน่อยเเค่นั้น

ขออนุญาติเรียกพี่ตาม comment อื่นนะครับ มีความสุขมาก ๆ ทั้งคุณเเม่เเละคุณลูกครับ ^-^


โดย: Wild Strawberries วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:12:14 น.  

 
เก็บรักษาภาพถ่ายได้ดีจังเลยค่ะ เวลาดูภาพเก่า ๆ มักจะมีความทรงจำดีดีที่ผุดขึ้นมาให้เรามีรอยยิ้มอยู่เสมอ


โดย: ตะไคร้หอม วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:51:41 น.  

 
ขอบคุณที่มาอัพเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับอังกฤษให้เราได้อ่านกันนะคะ ประเทศนี้ คลาสสิกในใจเราเสมอ...

รูปเก่าๆ ดูแล้วน่ารักดีค่ะ ได้อารมณ์คนไทยที่ไปตั้งรกรากที่ต่างแดนเหลือเกิน

ดีจังที่การมีบล๊อคเชื่อมเราไว้แม้ว่าจะอยู่ต่างถิ่นแดนไกล ความเป็นไทยก็อบอุ่นเสมอ

ขอบคุณที่มาแวะเวียนที่บ้านนางฟ้าหน้าหมวยนะคะ Have a lovely day there ka !


โดย: นางฟ้าหน้าหมวย (บินปร๋อ ) วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:14:16:17 น.  

 
ขอบคุณค่ะ สำหรับกำลังใจ

ตามมาอ่าน blog ดีๆ ค่ะ


โดย: SeN~ora-eN-oscUrO วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:03:09 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Devonshire
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add Devonshire's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.