Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
15 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
..... บทที่ 20 .....


บทที่ 20


รถขนของพาหินและลายมาส่งที่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่วงก์เมื่อเย็นมากแล้ว ความมืดเริ่มปกคลุม
ลายเข้าไปถามหาญาติที่ทำงานอยู่ที่นั่น แต่ไม่พบเพราะเขาออกจากงานไปแล้ว ลายจึงขอร้องให้พี่ที่พาขึ้นไปช่วยพาไปส่งที่ช่องเย็นซึ่งอยู่สูงขึ้นไปอีกยี่สิบเจ็ดกิโลเมตร พี่ลังเลที่จะพาขึ้นไปเพราะหนทางลาดชัน บางแห่งถนนก็ขาดเป็นร่องน้ำ ดีที่พี่เขาเคยทางจึงไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น

“ขอบคุณพี่มากครับ ถ้าไม่ได้พี่ผมไม่รู้จะทำอย่างไร” ลายยื่นค่ารถให้

“ผมรับไม่ได้หรอกครับ ลุงขายลูกชิ้นแกมีบุญคุณกับผมมาก แค่นี้ยังน้อยไปที่ผมสมควรจะตอบแทน อีกอย่างถ้าพวกคุณจะกลับก็โทรให้ผมขึ้นมารับได้นะครับ” พี่คนขับรถยื่นเศษกระดาษที่มีเบอร์โทรศัพท์จดเตรียมไว้ให้ เล่นเอาทั้งหินและลายทึ่งกับบารมีที่ถูกซ่อนอยู่ของลุง

“ขอบคุณมากๆ อีกครั้งครับ ช่วยฝากขอบคุณไปให้ลุงด้วยนะครับ” ลายย้ำอีกหนเมื่อรถเคลื่อนจากไป

“คนบางคน ของบางอย่าง เราไม่อาจตีราคาได้จากสายตาของเรา หินว่ามั้ย? ที่แท้ลุงขายลูกชิ้นแกเป็นใครกันนะ” ลายมองไปรอบๆ ลานที่ถูกกำหนดไว้ให้นักท่องเที่ยวกางเต็นท์นอน เป็นลานไม่กว้างนัก มีเต็นท์กางอยู่แล้วสองสามเต็นท์ ลายจัดแจงหยิบเต็นท์ออกมากาง

“กางเป็นหรือ?”

“ไม่เป็นหรอก เดี๋ยวก็เป็น”

“กวนนะ” หินห่อตัวกอดอกเพราะความเย็นของอากาศ

“ไม่กวน กำลังหาวิธีทำอยู่ ส่องไฟให้หน่อยดิ” ลายตั้งใจทำงานเต็มที่ เวลานี้ลายไม่มีคราบของเด็กอายุสิบห้าปีเหลืออยู่เลย ท่าทางเอาจริงเอาจังนั้นทำให้เขาดูอายุมากกว่าหินเสียอีก หินแอบนั่งมองลายอยู่ในเงามืดของแสงไฟ

“เอ้า! ส่องไฟยังไงไม่ตรงกับที่ผมทำงานเลย แย่จัง”

“ดุเข้าไป” หินบ่นแต่ยิ้ม

“ไม่หิวก็ง่วงละซีคุณ..หินช่วยไปขออนุญาตเจ้าหน้าที่ให้หน่อยว่าเราจะก่อกองไฟ”

“ต้องขอด้วยหรือ” หินทำหน้าสงสัย

“ด้วยสิ เมื่อกี้ไม่ได้อ่านระเบียบข้อบังคับของเขาหรือเด็กน้อย”

“เออ!” หินเดินไปที่สำนักงาน สักพักก็เดินกลับมา

“เฮ้ย! เก่งจริงนะลาย กางเต็นท์เสร็จแล้ว แล้วนั่นไปหาฟืนมาจากไหนล่ะครับ” หินลงนั่งยองๆ กอดเข่า “ไม่หนาวหรือ?”

“ก็หนาวนะแต่ไม่อยากบ่น หินไปอาบน้ำก่อนไม่ดีหรือ เดี๋ยวยิ่งมืดจะยิ่งหนาวและผีหลอกนะ ตึ๊ ตึ๊ ตื๋อ..ฮะ ฮะ ฮะ” ลายหัวเราะแต่มือยังทำงานง่วน

“เห็นว่าทำงานอยู่นะ ไม่งั้นโดนแน่นายลายครับผม” หินเปิดกระเป๋าค้นหาเสื้อผ้าสบู่ผ้าเช็ดตัว

“เอ...ผมหยิบเสื้อผ้าพวกนี้มาตอนไหนนะเนี่ย”

“โห! หยิบมาจิง ผมต่างหากเป็นคนวิ่งไปหยิบมาให้ตอนจะออกมาจากบ้าน ขอทวงบุญคุณหน่อยเหอะ” ลายแกะอุปกรณ์ทำอาหารออกมา

“จ้า คนเก่งของผม” แล้วหินก็เดินไปเรือนห้องน้ำ

“เฮ้อ!...” ลายถอนหายใจ ชำเลืองไปทางหินและแอบยิ้มอยู่คนเดียว


สักพักหินก็เดินเช็ดผมเข้ามา

“สบู่อะไรนะกลิ่นหอมมาแต่ไกลเลย” ลายถามแต่มือย้งทำอาหาร

“หอมสู้กลิ่นบะหมี่ต้มยำไม่ได้หรอกครับ” หินสะบัดผมให้แห้ง

“ไปแขวนผ้าบนราวที่ผมทำเตรียมไว้ให้แล้วมากินกันเร็วเข้า ผมหิวมากนะ เดี๋ยวกินหมดไม่รอด้วย” ลายปาดเหงื่อ

“หนาวอย่างนี้ลายยังเหงื่อตกอีกนะ”

“ก็ทำงานอยู่กับกองไฟ..มากินกันเถอะแล้วผมจะได้ไปอาบน้ำบ้าง หนาวเป็นเหมือนกันนะ” ลายเทบะหมี่ใส่กะละมังให้หิน ส่วนตัวเองกินจากหม้อที่ใช้ต้ม

“อร่อยจัง!..แต่ถ้าไม่อิ่มผมกินข้าวเหนียวหมูทุบอีกนะ”

“ตามสบายครับคุณ ผมก็จะกินเหมือนกัน” ลายหัวเราะหึๆ...




หินโผล่เข้าไปในเต็นท์หลังจากล้างปากล้างมือแปรงฟันเรียบร้อยแล้ว ลายเลือกซื้อเต็นท์อย่างดีพอสมควร ในนั้นกว้างขวางไม่อึดอัดมีผ้าปูพื้นมีหมอนผ้าห่มครบ หินรีบหยิบผ้าห่มมากอดไว้เพราะอากาศที่ช่องเย็นนี้เย็นมาก มีลมพัดอู้ ๆอยู่ตลอดเวลา บางครั้งลมพัดแรงมากเต็นท์ถึงกับโยกสั่น

หินก้มลงจะกราบพระก่อนนอน พลันต้องสะดุ้งขนลุกเกรียวเมื่อเห็นงูเล็กๆ ตัวหนึ่งอยู่บนหมอน หินอึ้งไปสักครู่แล้วก็ร้องอึกอักออกมา ไม่กล้าร้องดังมากเพราะเกรงใจเต็นท์อื่นๆ แล้วผลุนผลันออกจากเต็นท์ทันที

“โป๊ก!..โอ๊ย!..” ทั้งหินและลายนั่งก้นจ้ำเบ้าเพราะหัวชนกันอย่างแรงตรงประตูเต็นท์

“มีอะไรหรือหิน ผมได้ยินเสียงร้องจึงรีบเข้ามา” ลายเอามือกุมหัว

“งะ งู มีงูอยู่ข้างใน...” หินลืมเจ็บเพราะกลัวงูมากกว่า

“ไหน! ไหน!” ลายคว้ากระทะที่มีด้ามจับเข้าไปในเต็นท์พร้อมกับหิน

“นั่นไง นั่นไง ยังอยู่เฉยเลยบนหมอนของผม” หินหรี่ตาข้างหนึ่งมือชี้ไปที่หมอน

“บนหมอน!” ลายทิ้งกระทะลงข้างตัว

“โธ่เอ๋ยหิน มองดีๆ ซิว่ามันคืออะไร” ลายอมยิ้มนั่งท้าวคางมองหิน

“นี่มันเชือกนี่นา เชือกห้อยคอ” หินหยิบเชือกขึ้นมาจากหมอน

“ผมซื้อมาให้หินห้อยพระแทนสร้อยเส้นนั้นไง..หยิบพระมาสิผมจะทำให้”

“ลายซื้อตอนไหน ผมไม่เห็นเลย” หินหยิบพระออกมาจากกระเป๋าใบเล็กส่งให้ลาย

“ก็ตอนหินวิ่งหนีผมไปที่สี่แยกไง” ลายแกะปมเชือกออกและร้อยเข้าไปในห่วงเหนือองค์พระ

“มิน่าผมถึงว่าทำไมไม่วิ่งตามผมมาสักที..อ๋อตอนนั้นเอง”

“มาจิ ผมใส่ให้หินนะ” ลายอ้อน แต่หินก็ก้มหัวให้

“อื้อ..หอมแชมพูสระผมนี่เองนึกว่าหอมอะไร” ลายถือโอกาสจูบลอนผมของหินที่อยู่ตรงหน้าขณะที่ใส่สายเชือก

“จะมีใครดีกับผมเหมือนลายนะ...” หินกุมพระพูดเบาๆ

“ผมคงไม่มีวันลืมลายได้ตลอดชีวิตของผม..จริงๆ นะครับ” หินน้ำตาคลอหน่วย

“ลืมได้อย่างไร เพราะผมจะอยู่กับหินอย่างนี้ตลอดไป...” ความเงียบเกิดขึ้นอย่างไม่มีใครตั้งใจ... “หายง่วงแล้วใช่ไหม ออกไปดูดาวกันนะ” ลายแก้เกมเขินของเขาและหิน อีกอย่างเพราะเขารู้ดีว่าหินชอบดูดาว



“ดาวที่นี่ดวงโตกว่าทุกแห่งที่ผมเคยเห็นมา ที่ทะเลว่าดวงโตแล้วยังสู้ที่นี่ไม่ได้..เอ..ผมเคยไปทะเลตอนไหนนะ...” หินคลุมผ้าห่มที่ถือติดตัวมาด้วย

“ลมแรงจัง! คงเป็นเพราะมีภูเขาขนาบทั้งสองข้างของพื้นที่ราบเล็กๆ นี้ซึ่งเป็นช่องให้ลมวิ่งผ่านอยู่ตลอดเวลา ยิ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 1,340 เมตรอย่างนี้จึงได้หนาวเย็นสมชื่อจริงๆ” ลายกอดตัวเองนั่งสั่นเพราะไม่ได้หยิบผ้าห่มออกมา

“รู้ตัวเลขละเอียดจริงนะคุณ” หินแกล้งขัดคอ

“โธ่เอ๋ย! ตัวเลขอยู่บนป้ายที่หินนั่งพิงอยู่นั่นไง..เดี๋ยวผมไปหยิบผ้าห่มในเต็นท์ก่อนนะ” ลายขยับลุกขึ้นแต่หินดึงให้นั่งลงอย่างเดิมแล้วคลี่ผ้าห่มข้างหนึ่งออก

“มานั่งกับผมก็ได้นะครับเด็กน้อย”

“ขอที อย่าเรียกผมว่าเด็กน้อยอีก เดี๋ยวผมโกรธแล้วกอดให้อย่างนี้จะมาว่าผมไม่ได้นะ” ลายใช้มือข้างหนึ่งกอดหิน อีกข้างจับชายผ้าห่มให้กระชับ

“ได้ทีเลยนะคุณ ไม่อายเขาหรือ” หินหน้าแดงอยู่ในความมืด

“อายเรื่องอะไร ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แค่ขอห่มผ้าด้วยคนไม่ได้รึไง” ลายยิ่งเบียดเข้าชิด

“ผมก็หนาวครับลาย” หินสอดมือข้างหนึ่งเข้าไปกอดลายไว้เช่นกัน “จะเป็นไรไหมถ้าผมจะบอกว่ากำลังคิดถึงใครคนหนึ่งอยู่”

“ถ้าคิดถึงพี่ศักดิ์ละก็ตามสบายเลยครับ แต่ถ้าคิดถึงคนอื่นละก็ ผมไม่ยอมด้วย” ลายบีบเอวหินแน่น

“คิดถึงศักดิ์นั่นแหละครับ ไม่รู้ตอนนี้อยู่ที่ไหน ผมไม่รู้ว่านรกสวรรค์มีจริงไหม แต่ผมอยากให้ศักดิ์อยู่ที่ดาวดวงไหนสักดวงบนท้องฟ้า เพราะนอกจากลายแล้วศักดิ์เป็นคนที่ดีกับผมมากคนหนึ่ง..ศักดิ์ตายไปแล้ว..อยากให้ศักดิ์อยู่บนสวรรค์ อยู่บนดาวให้ผมได้มองเห็นทุกคืน..ผมยังคิดถึงศักดิ์อยู่ทุกคืนวันครับ..” น้ำตาของหินเอ่อออกมาสะท้อนกับแสงดาว

“คงเป็นผมที่มาแทรกในความสัมพันธ์นี้..ผมผิดหรือเปล่า?” ลายคลายมือออกจากหินอย่างไม่ได้ตั้งใจ

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะลาย ศักดิ์ตายไปแล้ว และไม่ได้ยินหรือที่ผมพูดว่านอกจากศักดิ์..เมื่อไม่มีศักดิ์ก็จะเป็นใครไปได้ล่ะนอกจากลาย” หินหันหน้าไปหาลาย

“แต่...” ลายนึกถึงศักดิ์ใบ้ตาถลนคนนั้น

“ไม่มีแต่ครับ ลายดีกับผมอย่างนี้จะไม่ให้ผมรู้สึกดีกับลายได้อย่างไร”

“เอาเถอะ ถึงแม้จะไม่ใช่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นอย่างไร้เหตุผลเหมือนที่ผมรู้สึกกับหิน ก็ยังดีกว่าหินจะไม่รู้สึกอะไรด้วยเลย” ลายเฉไฉมองดาวเหมือนตั้งใจดู

“อะไรที่เกิดอย่างไร้เหตุผล วันหนึ่งก็จะหายไปอย่างไร้เหตุผลเช่นเดียวกัน แต่ถ้ามีเหตุผลที่ถูกต้องและมั่นคง มันจะไม่มีวันหายไปจากความจริงบนโลกนี้เลย ผมมั่นใจครับ” หินยิ้มกับความงอแงของเด็กที่อยู่ข้างในตัวหนุ่มลาย...

“อ้าว! ร้องไห้ด้วยหรือ..ใจน้อยจริงลาย..ผมรักคุณนะ พอใจหรือยังครับ” หินโน้มหัวลายมาพิงไหล่ของเขาเพื่อปลอบใจ...




ลิลลี่ ป้ายวนและศักดิ์นั่งปรึกษากันเรื่องความปลอดภัยของหิน

“ผมคิดว่าตอนนี้นายหยดยังไม่แน่ใจว่าหินอยู่ที่ไหน เขาคงนึกไม่ถึงว่ามีคนรู้เรื่องที่เขากำลังจะทำร้ายหิน ที่แน่ๆ คงกำลังด้อมๆ มองๆ รอบบ้านอยู่” ศักดิ์เขียนข้อความอย่างเร็ว

“เราแจ้งตำรวจไม่ดีหรือ” ป้ายวนเสนอความเห็น

“กรณีแจ้งคนหายต้องให้ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงก่อนตำรวจจึงจะรับแจ้ง ”ลิลลี่นั่งเอามือกุมหน้าผาก ถึงจะไม่ได้เลี้ยงดูมาแต่ความเป็นแม่ย่อมรักและห่วงลูกมากกว่าใครๆ

“เราอยู่เฉยๆ อย่ากระโตกกระตากอะไรสักพักให้มันคิดว่าหินอยู่บ้านเพื่อถ่วงเวลาให้หินและลายหาที่หลบซ่อนตัวอย่างปลอดภัย ส่วนผมจะเฝ้าอยู่ที่นี่เผื่อพวกมันใจร้อนบุกเข้ามาผมจะได้ช่วยป้องกันคุณลิลลี่และป้ายวน” ศักดิ์วางปากกา พยักหน้าขอความเห็น

“ก็ดีเหมือนกัน ศักดิ์นอนเตียงหินนะ ถ้ามันแอบดูเห็นศักดิ์เดินอยู่ในห้องมันจะได้คิดว่าเป็นหิน..เอาจักรยานไปซ่อนให้ดีนะเดี๋ยวมันจำได้” ลิลลี่สั่งศักดิ์

“เราแยกย้ายกันเถอะครับ ถ้ามันเห็นมันอาจจะสงสัยได้” ทุกคนกลับเข้าห้องของตัวเอง ป้ายวนไม่กลับบ้านเพราะเป็นห่วงทุกคนรวมทั้งหินและลาย


ศักดิ์นั่งบนเตียงเอามือลูบหมอนที่หินหนุนนอน ใจคิดเป็นห่วงนายน้อยที่เขาเองเป็นคนพรากชีวิตให้มาตกระกำลำบากผจญอันตรายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นเขาเองที่เห็นแก่ตัวปล่อยให้อำนาจของความปรารถนาบงการ..ศักดิ์นอนแนบหมอนน้ำตาซึม...




นายหยดไม่แน่ใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากลายหนีออกจากบ้านตอนนี้พอดี ขโมยเงินไปด้วยเหมือนจะไปไหนไกลๆ เพื่อเหตุผลอะไรสักอย่าง อาจเป็นไปได้ว่าพาเพื่อนหนี แต่จะหนีทำไม ลายรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือ มันไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน ถึงอย่างไรเพื่อความรอบคอบนายหยดได้แบ่งพรรคพวกออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกเฝ้าดูอยู่ที่บ้านของลิลลี่ อีกกลุ่มหนึ่งออกติดตามหาลายในแหล่งที่วัยรุ่นชอบไป เมื่อหนุ่มๆ นายหยดก็เกเรอย่าบอกใครจึงรู้แหล่งกบดานของเด็กใจแตกดี...




ลายรู้สึกตัวตื่นเพราะเสียงจ็อกแจ็กของเพื่อนๆ จากเต็นท์อื่น ลายโผล่ออกไปดูเห็นฟ้าเพิ่งสางจึงผลุบกลับเข้าไป เสียงใครคนหนึ่งร้องทักมา

“ไม่ไปดูทะเลหมอกกันหรือไอ้น้อง อย่ามัวนอนอยู่เลย”

“หิน หิน ตื่นเถอะ” ลายเขย่าตัวหิน

“หือ...” หินบิดขี้เกียจ

“ตื่นเถอะ เสียงเพื่อนๆ ชวนให้ไปดูทะเลหมอกกัน” ลายฉุดหินออกจากเต็นท์ หินลากผ้าห่มติดออกมาด้วย

“เอาผ้าห่มออกมาด้วยทำไม..ดูสิ! พี่ๆ เต็นท์อื่นเขาแต่งตัวเรียบร้อย ตื่นกันหมดแล้ว หินอย่าทำหน้าเหม็นขี้ฟันตัวเองอย่างนั้น อายเค้านะครับ” ได้ผล หินตาสว่างทันทีที่ถูกว่าเหม็นขี้ฟัน

“รอเดี๋ยวนะไปฉี่ก่อน” หินวิ่งไปเรือนห้องน้ำ สักครู่ก็กลับมาหน้าตาสะอาดเกลี้ยงเกลา

“ไปดินายลายขี้ฟันเหม็น” หินย้อนว่าลายบ้าง

“ไหนๆ ดูให้ดีซะก่อนค่อยว่ากัน” ที่แท้ลายบ้วนปากล้างหน้าจากน้ำในกระติกเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

หินและลายเดินตามคนอื่นไปที่หน้าผาซึ่งมองเห็นหุบเขาและทิวเขาสลับยาวไปจนสุดสายตา ดวงอาทิตย์เริ่มฉายแสงเห็นสายหมอกที่ดูเหมือนไหลเอื่อยมาจากขอบฟ้า ค่อยๆ ไหลซอกซอนลงมาจนเต็มหุบเขา บิดเป็นเกลียวเหมือนคลื่นทยอยเข้าหาฝั่ง ไหลเรื่อยมาที่เรา มองๆ ไปเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในทะเลหมอกนั้นจริงๆ...

“สวยจัง!...” หินอุทานเบาๆ ควันลอยออกมาจากปาก

“หิวแล้วหรอ ถึงกินหมอกเข้าไป” ลายแหย่

“ลายก็มีเหมือนกัน หมอกออกมาจากปาก..อือ..หนาวนะ”

“คราวหน้าเวลาผมปลุก หินต้องรีบตื่นทันทีนะครับ อย่าลืมสิว่าเราไม่ได้มาเที่ยวแต่มาหลบภัย ซึ่งอาจจะถูกโจมตีอย่างไม่รู้ตัวเมื่อไหร่ก็ได้” ลายทำเสียงดุ

“ครับ ผมลืมตัวไปนึกว่ามาเที่ยว ซึ่งความจริงเป็นผมเสียอีกที่ควรจะต้องสำนึกและระวังตัวมากกว่าลาย..เฮ้อ! แย่จังนายหิน” หินไม่กล้าพูดเล่นเดินตามลายกลับไปที่เต็นท์

“กินบะหมี่อีกหรือเรา?” ลายเอ่ยขึ้น

“ผมว่าเราไปหาอะไรกินกันดีกว่า ที่สโมสรคงมีอะไรบ้างละนะ” หินเปลี่ยนเป็นเดินไปทางสโมสร “ลายกินกาแฟเป็นไหม กาแฟใส่นมนะครับ..ผมอยากกิน เช้าๆ อากาศเหนาวอย่างนี้ ถ้ามีขายก็ดีสินะ”

“จะรู้หรือถ้าไม่ไปดู” ลายเดินตามหินไป



หินและลายถือกาแฟคนละถ้วยพร้อมโดนัทคนละชิ้นนั่งกินบนโต๊ะขอนไม้หน้าสโมสร

“ถ้าเราแค่เพียงมาเที่ยวคงจะสุขใจมากกว่านี้นะ ดูท้องฟ้าและทิวเขาเขียวขจีข้างหน้าสิ ผมไม่อยากไปไหนเลยอยากอยู่ที่นี่ตลอดไป” หินยิ้มกับธรรมชาติรอบๆ ตัว

“มากไป..มากไปครับคุณหิน อาจจะวันสองวันนี้ที่เราจะสมมติว่ามาเที่ยว แต่หลังจากนั้นต้องระวังตัวทุกฝีก้าวละครับ” ลายย้ำเตือนความจริงที่หินมักจะลืมนึกถึง

“ไง! ไอ้น้อง เมื่อกี้ทะเลหมอกสวยไหม?” พี่คนที่เรียกลายเมื่อเช้านั่นเองเดินออกมาจากสโมสร

"สวยมากครับ" ลายยิ้มให้กับไมตรีที่ได้รับ

“วันนี้จะไปเที่ยวไหนกันล่ะ ท่าทางจะไม่มีก้วนมาด้วย เห็นมีเสือภูเขามาด้วยนี่นะ ไปเที่ยวน้ำตกนางนวลกันไหม ราวๆ เก้าโมงเราจะออกเดินทาง” พี่คนนั้นหยุดตรงหน้าหินและลาย

“เอ่อ..ตกลงครับ ผมไปด้วยคนครับ..อ้อ สองคนครับ” ลายมองหน้าหินที่กำลังมองเขาอย่างสงสัย

“โอเคไอ้น้อง อย่าลืมเตรียมอาหารกลางวันไปด้วยนะ แล้วเจอกัน”

"เราจะได้มีเพื่อนรวมกลุ่มเพื่อความปลอดภัย และอีกอย่างผมอยากไปดูลู่ทางที่เราจะหนีเผื่อมีเหตุฉุกเฉิน" ลายอธิบายด้วยเสียงเครียด




ขบวนจักรยานสิบกว่าคันค่อยทยอยขับตามกันไป หินและลายอยู่รั้งท้าย ทุกคันดูคล่องแคล่วปราดเปรียว ลายนั้นรอดตัวไปแต่หินน่าเป็นห่วงเพราะไม่ได้จับแฮนด์จักรยานมานานแล้ว ยิ่งเป็นเสือภูเขา..ลายเห็นท่าของหินแล้วนึกถึงภาพล้มคลุกฝุ่นได้ล่วงหน้า ลายจึงเตรียมสารพัดยามาพร้อมในเป้หลัง

“พี่รู้ว่าเราสองคนขับไม่ชำนาญ คอยดูพี่ๆ ไว้แล้วกัน ยังไงพี่จะเวียนมาดูบ่อยๆ” พี่คนนั้นวกกลับมาทักลายและหินแล้วปั่นจักรยานเร่งออกนำทีม

“ที่แท้พี่เขาเป็นหัวหน้าทีม มิน่าจึงกล้าชวนเรามา..ว่าแต่หินไหวไหม นี่กำลังจะลงจากเนินละนะ เกร็งข้อมือหน่อย ถ้าทางลาดมากอย่าลืมบีบเบรกนะ ลุงลูกชิ้นเปลี่ยนผ้าเบรกมาใหม่คงใช้การได้ดี” ลายเหลียวหลังพูดกับหินจนรถส่ายไปมา

“ผมจะชะลอให้หินขึ้นหน้าดีกว่า ผมอยู่ข้างหลังจะได้คอยบอก” ลายปล่อยให้หินแซงหน้าไป

ขบวนจักรยานค่อยๆไหลลาดจากช่องเย็นไปตามถนนสายเก่าที่กรมทางหลวงคิดจะตัดไปอำเภออุ้มผางจังหวัดตาก แต่แล้วก็ยุติโครงการปล่อยให้ถนนทรุดโทรมแทบจะไม่เหลื่อเค้าความเป็นถนนอยู่เลย บางแห่งมีหญ้าปกคลุมจนแทบต้องแหวกหาทาง...

“ฟลุ้ป!” หินล้มเป็นรายแรกอย่างที่ลายคาดคะเน พี่ๆ หันมามองยิ้มๆ ลายหยุดรถลงไปดู

“เจ็บไหม?” ลายจับหินพลิกดูแขนขา

“ไม่มากครับ พอทน ล้มไม่แรงมากเพราะผมขับช้า รีบไปกันเถอะเดี๋ยวคนอื่นจะรอ” หินลุกขึ้นปัดเศษหญ้าและฝุ่นดิน มีเลือดออกซิบๆ ที่ข้อศอก

“ทายาก่อนนะ แป๊บเดียว ตอนนี้เป็นทางราบแล้ว เดี๋ยวเราคงปั่นทันพี่ๆ เขา ไม่ต้องกลัว..ยื่นแขนมาครับ” ลายเทยาแดงลงบนสำลีแล้วทาที่รอยถลอก

“อื้อ..แขนลายเชียว หินนี่ซนเหมือนกันนะ แผลเป็นตามแขนขาเยอะจัง..นึกว่าเป็นเด็กเรียบร้อยซะอีก” ลายอดกระเซ้าไม่ได้

“ก็เพิ่งไม่กี่เดือนมานี้แหละครับ ตั้งแต่มีคนชวนซ้อนมอเตอร์ไซด์วันนั้น จนถึงวันนี้ผมก็เพิ่มลายลงบนตัวเรื่อยๆ หึ หึ...” หินหัวเราะกับโชคชะตาที่ผ่านมา

“...หินสักลาย...หลายๆ คน หลายๆ เหตุการณ์ช่วยกันสักลายลงบนหินก้อนนี้..ดูด้วยตาเหมือนมันจะเป็นลายนะครับ..แต่จริงๆ
แล้วหินก็คือหิน..ไม่มีวันจะสักอะไรลงไปได้หรอก..จริงไหมลาย” ...







Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 30 พฤษภาคม 2551 12:18:33 น. 1 comments
Counter : 756 Pageviews.

 
ยิ่งอ่านก็ยิ่งสนุกนะครับคุณดาเรน


โดย: จินตนาการ IP: 221.128.100.58 วันที่: 30 มิถุนายน 2554 เวลา:0:18:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาเรน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดาเรน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.