Group Blog
 
 
มกราคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
17 มกราคม 2551
 
All Blogs
 
.....บทที่ 10 .....

บทที่ 10



แม้ป้ายวนจะมีอายุมากแล้วแต่ยังแข็งแรง เพราะอยู่ในชนบทที่ไม่มีมลพิษและความเครียดจากสังคมและการดำรงชีพ ป้ายวนทำงานให้คุณลิลลี่และงานส่วนตัวของแกได้พร้อมกัน...ความจริงแล้วคุณลิลลี่แทบไม่ได้มาอยู่บ้านใหญ่ จะมาประมาณปีละไม่เกินหกครั้ง แต่ละครั้งอยู่สักสองสามวันก็กลับไม่เคยอยู่นานเหมือนคราวนี้ เกือบสองเดือนแล้วที่คุณลิลลี่แกร่วอยู่กับศักดิ์และเจ้าหินลูกชาย...ป้ายวนไม่เคยคิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ จนเมื่อคุณลิลลี่มาขอความเห็นเรื่องจะให้สองพ่อลูกอยู่ที่บ้านใหญ่แกจึงรู้สึกสะดุดใจ...


“ป้าทำอะไรอยู่จ้ะเพลินเชียวนะ...ฉันเดินเข้าครัวมาตั้งนานแล้วป้ายังไม่รู้สึกตัว” เช้านี้ลิลลี่แต่งตัวทะมัดทะแมงสดสวยกว่าทุกวัน ทำให้ป้ายวนอดคิดนินทาในใจไม่ได้ว่าลิลลี่ตั้งใจทำตัวสวยเพื่อใครคนหนึ่ง

“สองคนพ่อลูกยังไม่ตื่นกันอีกหรือ...เช้านี้ป้ายวนทำอะไรให้เรากินจ้ะ?” ลิลลี่เปิดฝาชีครอบกับข้าวขึ้นดู “อือฮือ...ข้าวต้มปลาน่ากินจัง เอาไว้ให้สองคนละกันฉันขอกาแฟอย่างเดียวกับขนมคุกกี้สองสามชิ้นก็พอ”

“ค่ะ” ป้ายวนรับคำแต่ไม่พูดอะไรต่อ แกกลัวหางเสียงจะไม่เรียบร้อยเพราะใจแกคิดไม่ค่อยดีกับลิลลี่เสียแล้ว...

“เมื่อคืนมีโทรศัพท์ตามตัวจากกรุงเทพฯให้ฉันรีบกลับไปแก้ไขปัญหาเรื่องงาน ความจริงฉันก็เหลวไหลที่ทิ้งงานมานาน กินกาแฟเสร็จฉันก็จะรีบไป...แหม! ป้าไม่สงสัยเลยหรือว่าวันนี้ฉันแต่งตัวสวยแต่เช้าทำไม” ตลอดเวลาที่ลิลลี่พูดป้ายวนฟังนิ่งด้วยความรู้สึกผิด...

“ป้าจ๋าตาแดงทำไม...คิดว่าไม่นานฉันคงมาอีก ฉันผิดเองที่ไม่บอกป้าล่วงหน้า มันปุ๊บปั๊บฉันก็เพิ่งรู้เหมือนกัน” ลิลลี่ยิ่งพูดป้ายวนยิ่งนึกเกลียดตัวเองที่คิดไม่ดีกับผู้มีพระคุณอย่างคุณลิลลี่ น้ำตาคนแก่ปริ่มๆจะไหลออกมา

“โถ!ป้า มาเที่ยวนี้ฉันอยู่นานจนป้าเคยตัวละซีที่มีเพื่อน พอฉันไม่อยู่ถึงกับเศร้าเชียวหรือ” ลิลลี่พูดตลกปลอบใจป้ายวนยิ่งทำให้แกบ่อน้ำตาแตก

“ป้ามีศักดิ์และหินเป็นเพื่อนแล้วนี่จ้ะลืมแล้วหรือ...อ้อ! ช่วยบอกพวกเขาด้วยนะว่าฉันให้อยู่ที่นี่ไม่ต้องไปไหนไม่ต้องเกรงใจฉัน นึกเสียว่าเป็นบ้านของตัวเองแล้วกัน” ลิลลี่หยิบกระเป๋าเดินออกไปที่รถ

“ไม่ได้ล่ำลากันเลย...” ลิลลี่เงยหน้ามองขึ้นไปที่ห้องของศักดิ์และหิน

“ฉันทิ้งโทรศัพท์ไว้เครื่องหนึ่งเผื่อจะได้ติดต่อกัน ป้าก็รู้ว่าฉันไม่มีใคร ตั้งแต่ได้รู้จักกับหินและศักดิ์รู้สึกชีวิตฉันมีความหมายขึ้น ป้าอย่าคิดไม่ดีกับฉันเชียวนะ” ลิลลี่แกล้งชี้นิ้วไปที่ป้ายวนและหัวเราะอย่างรู้ทัน...


ลิลลี่ขับรถจากไปทิ้งปัญหาให้ป้ายวนขบคิด เรื่องที่เหมาว่าคุณลิลลี่จะกุ๊กกิ๊กกับศักดิ์นั้นป้ายวนเลิกคิดไปแล้ว...อาจจะเป็นเพราะคุณลิลลี่ไม่มีใคร เมื่อได้ช่วยเหลือ ช่วยชีวิตใครคนหนึ่งไว้ย่อมรู้สึกผูกพัน อีกอย่างทั้งศักดิ์และหินก็น่ารักน่าใคร่คงไม่ผิดถ้าคุณลิลลี่จะรักใคร่จริงจัง คิดอย่างยุติธรรมแล้วคุณลิลลี่มีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนั้น...แต่ป้ายวนสะดุดหูกับการลำดับความสำคัญในการได้รู้จักของคุณลิลลี่กับสองพ่อลูก...“ตั้งแต่ได้รู้จักกับ หินและศักดิ์” คุณลิลลี่เอ่ยถึงชื่อหินก่อนชื่อศักดิ์ ถ้าเอ่ยชื่อศักดิ์ก่อนป้ายวนจะไม่เก็บมาคิดแต่อย่างใด แต่นี่หินมาก่อน หินอยู่ในใจของคุณลิลลี่ก่อนศักดิ์...นั่นหมายความว่าอย่างไร?...




เสียงรถของลิลลี่ทำให้ศักดิ์สะดุ้งตื่น เขาแปลกใจที่พบตัวเองนอนกอดหินอยู่บนชานเรือนบ้านป้ายวน ที่แปลกใจมากกว่าคือหินกอดเขาอยู่เหมือนกัน...ศักดิ์รู้สึกเหมือนปัญหาทั้งหลายระหว่างเขากับหินหายไปหมดสิ้น ที่แท้หินก็คือลูกหิน...เขาเองหลงวิตกไปเกินเหตุ...


“อ้าว! เช้าแล้วหรือครับศักดิ์...พ่อศักดิ์” หินลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจ

“ไปบ้านใหญ่กันเถอะ คุณลิลลี่และป้ายวนคงคอยอยู่นะหิน” ศักดิ์ลุกขึ้นยืนฉุดมือหินให้ลุกขึ้นและพากันลงจากเรือน

ทั้งสองคนเดินออกจากสวนถึงถนนหน้าบ้านซึ่งประตูรั้วยังเปิดอยู่ ศักดิ์จึงเดินไปลากประตูปิด

“พี่ศักดิ์ ขยันแต่เช้าเชียวนะ” เดือนขับรถมอเตอร์ไซด์เข้าประตูพอดี

“เดือนไปกรุงเทพฯ เดือนกว่าไม่รู้พี่คิดถึงเดือนบ้างหรือเปล่า?”

“นั่นซีเห็นหายไปไม่มาดูดำดูดีกันบ้าง” ศักดิ์ต่อว่าไปตามประสาคนรู้จักนึกไม่ถึงว่าจะเป็นการฟื้นอารมณ์ของคู่สนทนา

“โกรธเดือนหรือ เดือนเพิ่งรู้นะว่าป้าพรเสียชีวิตแล้ว วันก่อนที่เดือนจะกลับกรุงเทพฯ ยังแวะไปคุยกับแกอยู่เลยจ้ะ” เดือนเดินจูงรถตามศักดิ์ไปบ้านใหญ่

“วันนี้หินเล่นน้ำแต่เช้า ที่ไม่สบายหายดีแล้วหรือหิน”

หินสงสัยว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใครแต่ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เขาเดินคิดอะไรไปเรื่อยจึงไม่ได้ยินคำถามของเดือน

“ไม่ได้ยินน้าเดือนถามว่าหินจะไปเล่นน้ำแต่เช้าเชียวหรือ” เดือนกระตุกแขนหินเพราะหมั้นไส้กิริยาเฉยเมยของเขา “ฮึ!...ที่แท้ก็ยังหวงพ่อเหมือนเดิม”

“หินไม่ได้ไปเล่นน้ำแต่เราสองคนอยู่ที่บ้านใหญ่ คุณลิลลี่เจ้าของบ้านยกบ้านให้ผมกับหินดูแลและอยู่อาศัย” ศักดิ์รีบชี้แจงตัดบทเพราะกลัวว่าเดือนจะตอแยหินไม่เลิก

“อ๋อ! คุณลิลลี่เจ้าของบ้านที่เขานินทากันว่าติดพี่ศักดิ์นี่เอง” เดือนพูดเหมือนผีเจาะปากให้พูด

“เดือน! พูดอะไรอย่างนั้นระวังปากไว้บ้างนะกำลังจะเข้าบ้านเขาอยู่แล้ว และอันที่จริงคุณลิลลี่ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เดือนพูดด้วยผมขอยืนยัน”

“โอ๊ย! ไม่เห็นจะอยากเข้ามาเลย กลับบ้านเดือนก็ได้ คอยดูนะใครมาแย่งพี่ศักดิ์ไปจากฉันจะต้องเจอดี” เดือนกลับรถและแกล้งสตาร์ทเครื่องเสียงดังพุ่งรถออกไป

“ใครกันน่ะครับ พูดอะไรไม่น่ารักเลย ” หินพูดตำหนิเดือนแล้วเดินเลยไปที่สระน้ำหลังบ้าน

“ยายครับยาย ผมช่วยช้อนใบไม้ออกจากสระให้นะครับ” หินตะโกนเข้าไปในบ้านแล้วหยิบตะแกรงด้ามยาวช้อนใบไม้แห้งออกจากผิวน้ำ

ศักดิ์เดินเข้าไปในบ้านขณะป้ายวนกำลังเช็ดกระจกส่วนนั่งเล่นบานที่ติดกับลานริมสระน้ำ

“หินมันเป็นผู้ใหญ่ขึ้นนะ พูดจาท่าทางและความคิดเป็นเรื่องเป็นราวกว่าเก่า นี่คงเป็นเพราะได้อยู่กับยายพรไม่มีพ่อคอยโอ๋นั่นเอง” ป้ายวนพูดกับศักดิ์แต่ตามองไปที่หินริมสระน้ำ

“ป้าสังเกตเหมือนกันหรือ ผมก็ว่าหินเขาเงียบขรึมเป็นผู้ใหญ่ขึ้น”

“บอกแกตั้งนานแล้วว่ามันไม่ใช่เด็กแดงๆแกก็ไม่เชื่อ นี่ถ้ายังติดอยู่กับแก ป่านนี้มิกอดพ่อร้องแงแงเพราะถูกแม่เดือนแขวะรึ” ป้ายวนแอบค้อนศักดิ์

“ผมสงสัยจริงว่าทำไมหินจำเดือนไม่ได้เหมือนคนอื่น” ศักดิ์ขมวดคิ้วมองหินอย่างใช้ความคิด สักครู่เหมือนนึกอะไรได้ศักดิ์หันกลับไปทางป้ายวน

“คุณลิลลี่ยังไม่ลงมาอีกหรือป้า”

“คุณลิลลี่ตื่นตั้งแต่เช้ากินกาแฟเสร็จก็รีบเข้ากรุงเทพฯไปทำธุระเรื่องงาน ฝากฝังให้แกดูแลบ้าน และฝากโทรศัพท์ไว้ให้แกใช้เครื่องหนึ่ง” ป้ายวนยื่นโทรศัพท์ให้ศักดิ์

“ความจริงผมอยากอยู่กับป้าที่บ้านท้ายสวนมากกว่า ผมไปนอนที่บ้านป้านะแต่กลางวันมาเปิดบ้านดูแลให้คุณลิลลี่ ป้าว่าดีไหม”

“จะดีหรือ คุณลิลลี่หมายมั่นอยากให้แกและหินอยู่ที่นี่นะ ถ้าคุณรู้เข้าทีหลังมันจะไม่ดีป้าว่าอย่าดีกว่า”

“ไม่รู้ละครับผมจะไปนอนบ้านป้า” ศักดิ์ดื้อดึง

“แต่ผมจะอยู่ที่นี่และนอนที่นี่ครับยาย” หินโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครสังเกต

“พ่อศักดิ์นอนบ้านยาย ส่วนผมนอนที่นี่กับยายนะครับ” หินเก้ๆกังๆเข้ากอดยายยวนอย่างประจบ

“อ้าว! แล้วกัน” ศักดิ์ไม่รู้จะโต้ตอบอะไรกับหินได้

“ข้าไม่ยุ่งกับสองคนพ่อลูกนี่แล้วไปทำงานของข้าดีกว่า” ป้ายวนเดินออกจากห้องไปปล่อยให้ศักดิ์และหินยืนจ้องตากัน

“เราเคยอยู่กับยายอย่างมีความสุขดีไม่ใช่หรือ ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเรา ถ้าคุณลิลลี่อยู่เรายังอยู่ได้ แต่เมื่อเจ้าของบ้านไม่อยู่เราจะอยู่ได้อย่างไรหินคิดดูให้ดีนะ” ศักดิ์ชี้แจงเหตุผลอย่างละเอียดทั้งที่เขาน่าจะจับข้อมือหินลากมาตีแล้วอุ้มกลับไปบ้านท้ายสวนให้หมดเรื่องหมดราว...หรือเขาจะทำอย่างนั้นดี...


“ติ๊ดตี่ติ๊ดตี้ ติ๊ดตี่ติ๊ดตี้ ติ๊ดตี่ติ๊ดตี้.........”ทั้งศักดิ์และหินสะดุ้งกับเสียงโทรศัพท์ ศักดิ์รีบคว้าขึ้นรับสาย

“สองคนพ่อลูกกำลังเถียงกันอยู่ใช่ไหมเรื่องจะอยู่หรือไม่อยู่ที่บ้านฉัน ไม่ต้องแปลกใจที่ฉันเดาถูกเพราะฉันดูนิสัยคุณทั้งสองออก แต่อย่างไรก็ตามฉันขอร้องให้ศักดิ์ตามใจหิน เขายังเด็กสมควรจะได้รับสิ่งดีๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต...ฟังอย่างเดียวนะไม่ต้องพูดอะไร...ฉันรู้มาว่าศักดิ์กำลังตกงาน ฉันมีงานดีๆที่จะให้ทำ แต่ตอนนี้ดูแลหินและดูแลบ้านให้ฉันด้วย ฉันมีค่าแรงให้ศักดิ์และหินไว้ใช้จ่าย...อย่าคิดว่าดูถูกนะ ฉันช่วยหินมามากแล้วและยินดีจะช่วยเขาต่อไปจนกว่า...เอาเถอะรับปากกับฉันนะ แล้วจะติดต่อมาใหม่ สวัสดีหินให้ด้วย เมื่อเช้าไม่ได้บอกลาเลยขอโทษด้วย ไปละต้องขับรถอีกนาน”

ศักดิ์รับฟังคุณลิลลี่อย่างงงๆ ถึงแม้ไม่ห้ามพูดศักดิ์ก็คงพูดอะไรไม่ออกอยู่ดีเพราะถ้าคิดในด้านหินแล้วคุณลิลลี่เปรียบเสมือนผู้ชุบชีวิตของเขา และยังสามารถอุปถัมภ์อุ้มชูหิน ในขณะที่ศักดิ์เองไม่มีอะไรจะมอบให้นอกจากความภักดี และ.....สิ่งซึ่งไม่อาจพูดออกมาให้ใครได้ยินนอกจากตัวของเขาเอง.....

“ตกลงใครจะอยู่ที่ไหนกันครับ” หินเสียงอ่อนเพราะเห็นศักดิ์ยืนงงนิ่งอยู่

“ใครจะอยู่จะนอนที่ไหนก็ตามใจไม่มีใครบังคับใจใครได้...” ศักดิ์พูดขึ้นลอยๆแล้วเดินออกจากบ้านไป

“พ่อศักดิ์...ศักดิ์...ผม...” หินพูดอะไรไม่ทันอย่างที่ตั้งใจจะพูด...เขาทิ้งตัวลงบนโซฟาและซบหน้าลงกับหมอนอิง...




เสียงเพลงลูกทุ่งแว่วมาจากที่ไหนสักแห่ง เป็นเพลงเศร้าพื้นๆของหนุ่มบ้านนาที่คร่ำครวญถึงบ้านที่เขาจากมา พร่ำพรรณนาถึงความคิดถึงของเขาที่มีต่อพ่อแม่พี่น้องท้องนาและบ้านป่า แม้กระทั่งควายที่เคยขี่เล่น...เสียงขลุ่ยวิเวกวังเวง...บางท่วงทำนองหวานเศร้าชวนให้ระทมหัวใจ...

ศักดิ์นั่งอยู่ที่ชานเรือนมองเข้าไปในทุ่งนาที่เวิ้งว้างขมุกขมัว ทุกอย่างเงียบสงบ ต้นไม้ทิ้งใบลู่ลงพื้นดินนกกาบินกลับรังเป็นเงาอยู่ลิบๆ ท้องฟ้าเริ่มมืด มีแสงไฟวอมแวมจากกระท่อมในหมู่ไม้ริมทิวเขา...แม้จะนั่งอยู่ที่บ้านนาแท้ๆศักดิ์กลับรู้สึกเหงาใจไม่ต่างไปจากหนุ่มลูกทุ่งคนนั้น เขาหวนคิดถึงชีวิตของตัวเองที่ต้องผกผันเป็นคนไร้อนาคต ไร้หน้าที่การงานไร้ที่พักพิง ไม่มีแม่ไม่มีคนรัก...คนที่เขาเป็นห่วงและทุ่มเททุกสิ่งในชีวิตให้...ไม่มีอีกแล้วแม้ความหวังริบหรี่ที่เขาแอบฝันถึง...คืนนี้เขารู้สึกเดียวดายอย่างบอกไม่ถูก ดาวบนฟ้าก็ไม่มีให้เห็นสักดวง...

“ช่างเถอะถึงแม้จะอยู่คนเดียวไม่มีใครสักคนเหลียวแล เราก็ต้องอยู่ให้ได้ เพราะอย่างน้อยเราก็มีความรักอยู่เป็นเพื่อน...ความรักที่ตัวเองรู้อยู่ฝ่ายเดียว...ความรักที่ไม่อาจเปิดเผยให้ใครได้รับรู้.....ความรักที่ไม่มีวันเป็นความจริง” ศักดิ์รำพันปลอบใจตัวเองเบาๆ แต่ไม่เบาพอที่จะไม่ให้ใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่โคนบันไดได้รับรู้...ร่างที่เห็นเป็นเงาตะคุ่มนั้นซบหน้าลงกับฝ่ามือ สักครู่ก็สั่นสะเทื้อนเหมือนกลั้นสะอื้นแล้วจึงลุกขึ้นเดินทะลุสวนไป...




กระรอกคู่เดิมวิ่งหยอกล้อกันอยู่บนกิ่งไทร มันคุยกันเสียงดัง ตรืด ตรืด ...เช้านี้ชะล่าใจวิ่งไล่กันมาตามราวระเบียงชานเรือน ตรืด ตรืด...ทำเอาศักดิ์รู้สึกตัวตื่นได้เหมือนกัน

“ตรืด ตรืด...” มีเสียงเลียนเจ้ากระรอกน้อย

“พ่อศักดิ์ครับ ยายให้มาตามไปกินข้าว สายแล้วครับ” หินตะโกนเรียกศักดิ์อยู่โคนบันได

“ไม่ขึ้นมาก่อนล่ะหิน ไม่รู้จักบ้านนี้แล้วไง?” ศักดิ์พูดออกไปแล้วก็นึกตำหนิตัวเองว่าทำอะไรเหมือนเด็กๆ

“ทำไมผมจะไม่ขึ้น...นี่ไง” หินกระแทกเท้าเดินขึ้นบันได

“แล้วหินยังไม่ทำอะไรที่เคยทำอีกล่ะครับพ่อศักดิ์” หินถามเสียงขุ่น

“ทุกเช้าเวลาหินตื่นขึ้นมาเขาจะกอดและหอมพ่อของเขาไง ลืมแล้วหรือ”ศักดิ์เก็บพับหมอนมุ้งเข้าที่

“อย่างนี้ใช่ไหมที่หินเคยทำทุกเช้า” หินเข้าไปกอดศักดิ์ทางด้านหลังและจูบที่แผ่นหลังสีน้ำตาลแล้วเลยกอดนิ่งไว้อย่างนั้น

“โอ๊ะ! หิน” ศักดิ์ตกใจที่หินกอดเขาจริงๆเพราะที่เขาพูดไปนั้นแค่หยอกล้อเล่น ความจริงหินไม่เคยทำอย่างที่เขาว่าสักหน่อย

“ทำไมครับหินทำอะไรผิดจากที่เคยทำหรือพ่อศักดิ์...หินรักพ่อครับ” หินยิ่งกอดศักดิ์แน่นกว่าเก่าทำเอาศักดิ์ห้ามใจตัวเองไม่อยู่หันไปกอดหินไว้เช่นกัน

“ลูกหินของพ่อกลับมาแล้วเพียงแค่นี้เท่านั้นที่พ่อศักดิ์ต้องการรู้ไหม”ศักดิ์ไม่รู้หรอกว่า ‘หิน’ น้ำตาคลอหน่วยเพราะคำพูดของเขา...


ความจริงป้ายวนไม่ต้องปฏิบัติตัวเหมือนมีคุณลิลลี่อยู่ก็ได้ แต่ด้วยความเมตตาที่คุณลิลลี่มอบให้กับครอบครัวของแกจึงทำให้ป้ายวนเป็นลูกจ้างที่ซื่อสัตย์ต่อเจ้านาย อีกอย่างก่อนจะขึ้นรถคุณลิลลี่ฝากฝังให้ป้ายวนดูแลหินเหมือนดูแลตัวคุณลิลลี่เองซึ่งป้ายวนอดรู้สึกแปลกใจกับความตั้งใจของเจ้านายไม่ได้...

“ป้าทำอะไรหรือครับ...ที่จริงป้าไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้ ผมกับหินหากินกันเองก็ได้ คุณลิลลี่ไม่อยู่ป้าลืมไปแล้วหรือ” ศักดิ์รีบออกตัวเพราะเห็นป้ายวนเตรียมอาหารเช้าไว้ให้เหมือนมีคุณลิลลี่อยู่ร่วมโต๊ะด้วย

“ยายทอดไข่อร่อยจังครับ ผมไม่เคยกินไข่เจียวที่ไหนอร่อยเหมือนเช้านี้เลยครับ” หินนั่งกินข้าวต้มหน้าตาเฉยไม่สนใจเรื่องที่ศักดิ์กำลังพูดกับป้ายวน เขาไม่รู้ว่าคำพูดที่เขาพูดออกมาทำให้ทั้งป้ายวนและศักดิ์หันมามองตากัน

“ข้าว่าตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลหินดูเพี้ยนไปนะแก” ป้ายวนกระซิบ

“ผมว่าสมองเขายังไม่ปกติมากกว่า เวลาเขาดีๆเขาก็คือเจ้าหินของผมและป้าแหละครับอย่าสงสัยอะไรเลย...เดี๋ยวผมฟ้องคุณลิลลี่นะป้า” ศักดิ์หัวเราะแกล้งพูดเย้าป้ายวน...

“ขำอะไรกันหรือครับ สงสัยแอบนินทาผมใช่ไหมพ่อ” หินยกชามข้าวที่กินหมดแล้วเข้าไปล้างในครัว

“หินไม่ต้องล้างเดี๋ยวยายทำเองมันหน้าที่ของยายนะ” ป้ายวนโวยวาย

“ป้า...หินไม่เคยล้างชามเองสักทีสงสัยหินเพี้ยนจริงๆแหละป้า” ศักดิ์เดินตามหินเข้าไปในครัว

“ล้างชามเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่กันนี่ลูกชายฉัน” ศักดิ์ชะโงกหน้าไปที่ซิ้งล้างชาม หินยกชามขึ้นสูงให้น้ำจากก๊อกปะทะกระเด็นถูกทั้งศักดิ์และตัวเองเปียกเลอะเทอะ

“โอ๊ย! โอ๊ย! หลานฉันล้างชามสักใบน้ำนองไปทั้งครัวเลยบอกแล้วว่าไม่ต้องทำ”

“หินแกล้งพ่อใช่ไหม มานี่ มานี่” ศักดิ์เข้าฉุดปล้ำหินซึ่งหินก็ไม่ยอมง่ายๆทั้งคู่สู้กันเป็นพัลวันท่ามกลางเสียงหัวเราะ ในที่สุดศักดิ์เป็นฝ่ายชนะอุ้มหินลิ่วไปที่สระหลังบ้านแล้วโยนโครมลงในน้ำ

“เล่นอย่างนี้ใช่ไหมศักดิ์ เดี๋ยวเถอะ” หินตะกายขึ้นขอบสระคว้าขาของศักดิ์ที่ยืนหัวเราะไม่ได้ระวังตัวล้มคะมำตกลงไปในน้ำเช่นกัน เสียงป้ายวนที่ตามออกมาหัวเราะดังพอๆกับหิน

“ระวังนะป้าเดี๋ยวผมจะจับโยนลงมาอีกคนหรอก” แล้วศักดิ์ก็หัวเราะตามคนทั้งสอง...




“ทำไมหมู่นี้บางทีหินมันเรียกแกว่าพ่อศักดิ์ บางทีเรียกศักดิ์เฉยๆ” ป้ายวนตั้งข้อสังเกตกับศักดิ์ที่เพิ่งอาบน้ำลงมาจากชั้นบน

“พ่อศักดิ์ครับ หินมาแล้ว” หินเดินตามมาติดๆ ส่งเสียงดังก่อนที่ศักดิ์จะทันคิดอะไรกับเรื่องที่ป้ายวนถาม

“ยายครับหินกับพ่อพร้อมที่จะทำงานแล้ว เราจะทำอะไรกันดีครับ” หินอาบน้ำมาใหม่ๆเนื้อตัวสะอาดหอมสบู่หอมแป้งที่คุณลิลลี่จัดเตรียมไว้ให้ ผมเป็นลอนสลวยหอมกรุ่น

“มาให้พ่อศักดิ์กอดหน่อยซิ” ยังไม่ทันที่หินจะตั้งตัวศักดิ์คว้าหินเข้าไปกอดและก้มลงจูบที่ผมสลวยนั้น...หินไม่เคยหน้าแดงเท่าวันนี้เลย

“ป้าซื้อแชมพูสระผมมาจากไหนครับนี่หอมจัง” ศักดิ์รู้สึกตัวรีบพูดแก้เก้อ

“ดูมันไม่รู้จักอายข้าบ้าง เห็นไหมหินมันหน้าแดงแล้ว...เฮ้อ!” ป้ายวนเดินเข้าครัวไป

ศักดิ์ยังไม่ปล่อยหินเป็นอิสระเขาเดินกอดหินลงบันไดมาอย่างนั้น หินบิดตัวขลุกขลักแต่ไม่พ้นวงแขนที่แข็งแรงของศักดิ์ น่าเห็นใจศักดิ์อยู่หรอกก็ลูกหินทั้งน่ารักทั้งหอมอย่างนั้นเขาหรือจะทนไหว...

“สว่างแจ้งอย่างนี้ไม่อายผีสางเทวดาบ้างหรือ” เดือนเข้ามาในบ้านทันเห็นศักดิ์เดินกอดหินลงบันได

“เดือนพูดอย่างนั้นได้อย่างไรเขาพ่อลูกกัน” ป้ายวนโผล่เข้ามาพอดี

“ไปไหนมาล่ะ?” ป้ายวนพอเดาเรื่องได้จึงหยุดขวางเดือนอยู่ตรงบันไดนั่นเอง

“ฉันตั้งใจมาหาพี่ศักดิ์ เจ้าของบ้านเขาไม่อยู่แล้วฉันจึงกล้ามา”

“ถ้าจะมา มาเมื่อไหร่ก็ได้คุณลิลลี่เป็นคนดีเขาไม่ว่าอะไรหรอก ถ้าเดือนได้รู้จักอาจจะชอบเขา”

“ฉันไม่มีวันญาติดีกับเขา...อ้าว!พี่ศักดิ์ไม่คุยอะไรบ้างหรือฉันมาหาพี่นะ” เดือนเข้าไปเกาะแขนศักดิ์

“สว่างแจ้งอย่างนี้...” หินพูดออกมาลอยๆแล้วเดินออกไปนั่งเล่นที่ชิงช้าใต้ซุ้มกระดังงาข้างลานหินหน้าบ้าน

“พี่ศักดิ์ฟังลูกชายที่รักของพี่พูดนะ ไม่เคารพผู้ใหญ่บ้างเลย...เดี๋ยวเถอะ” เดือนตามหินออกไปที่ซุ้มกระดังงา

“ไงล่ะหินมีความสุขไหมนั่งเล่นที่นี่ เสียดายดอกกระดังงามันไม่หอมเวลากลางวันต้องรอกลางคืนจึงจะหอมหวนใช่ไหมจ้ะพี่ศักดิ์” เดือนจงใจออดอ้อนศักดิ์ให้หินเกิดความริษยา เพราะเดือนจำได้ดีว่าคืนนั้นใต้ซุ้มกระดังงานี้ขณะที่กำลังพัวพันกับศักดิ์เดือนเหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มของหินยืนมองดูอยู่

ศักดิ์รู้สึกสงสารหิน...เขารู้ดีว่าหินสะเทือนใจแต่เขาก็ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ถ้าเขาปกป้องหินออกนอกหน้าเดือนอาจจะโวยวายอ้างสิทธิ์ของการที่เขาได้ล่วงเกินในคืนนั้น แต่ถ้าเขานิ่งเฉย หัวใจของหินซึ่งก็คือหัวใจของเขาจะร้าวรานสักเพียงไหน

“ทำไมผมจะไม่รู้จักธรรมชาติของดอกกระดังงา” หินลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับเดือน “เวลากลางวันเค้าไม่มีกลิ่นหอมหรอกครับ ในซุ้มนี้ตอนกลางคืนคงหอมหวานชื่นมาก แต่ตอนนี้นอกจากจะไม่หอมแล้วผมว่ามีกลิ่นอะไรไม่รู้...พ่อศักดิ์ได้กลิ่นเหม็นๆบ้างไหม?...ผมไปช่วยป้ายวนทำงานดีกว่าครับ” หินถามศักดิ์แต่ยิ้มกวนๆให้เดือนแล้วเดินเข้าบ้านไป

“พี่ศักดิ์จัดการหินให้เดือนด้วยนะ” เดือนอยากจะร้องกรี๊ดๆอย่างในละครทีวีเหลือเกิน

“หินเค้าแค่เหม็นอะไรแถวนี้...เอ๊ะ! กลิ่นอะไรนะ เดือนได้กลิ่นบ้างหรือเปล่า” ศักดิ์พูดหน้าตายจนดูไม่ออกว่าพูดจริงหรือแกล้งเซ่อ.....


หินไม่รู้จะช่วยยายทำอะไรจึงหยิบไม้ขนไก่ปัดฝุ่นตามโต๊ะเก้าอี้ มือทำงานแต่ใจคิดอะไรไปเรื่อย หมู่นี้หินมีเรื่องราวต่างๆทยอยเข้ามาในความทรงจำ บางเรื่องหินเข้าใจแต่บางเรื่องยังสับสนอยู่โดยเฉพาะเรื่องของผู้คนรอบข้าง

“เพล้ง!” หินตวัดปลายไม้ขนไก่โดนกรอบรูปภาพคุณลิลลี่ตกลงมาจากเคาน์เตอร์

“โอ๊ย! ทำงานง่ายๆแค่นี้ยังไม่ได้เลย” เดือนซึ่งยังนัวเนียอยู่กับศักดิ์แถวนั้นพูดขึ้นลอยๆ

“ผมไม่รู้ว่าคุณ...คุณน้าเดือนเป็นใครมีความสัมพันธ์กับใครแถวนี้หรือไม่อย่างไร แต่บ้านนี้เป็นบ้านที่มีเจ้าของไม่ใช่สถานที่สาธารณะที่ใครจะเข้ามาแสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพอันส่อถึงความเป็นผู้ไร้มรรยาท” หินโต้อย่างเหลืออดด้วยวาจาที่ทุกคนแม้แต่ตัวหินเองก็นึกไม่ถึงว่าเขาจะพูดได้อย่างนั้น

“ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่กงการอะไรของเรานะหิน เรายังเป็นเด็กทำไมจึงสามหาวกับผู้ใหญ่อย่างนี้ อีกอย่างเราก็ไม่มีสิทธิ์อะไรในบ้านนี้พอๆกับทุกคนที่นี่แหละ” เดือนก้าวเข้าหาหิน

“บ้านนี้เป็นบ้านของหินครับ” หินประกาศเสียงดัง

“คุณลิลลี่ยกให้ผมแล้ว” หินก้มลงหยิบรูปคุณลิลลี่ออกจากกองเศษกระจกแล้วเดินขึ้นบันได ปล่อยให้ทุกๆคนรวมทั้งป้ายวนยืนงงกับเจ้าของบ้านคนใหม่!...

“อ้าว! ฉันนึกว่ายายลิลลี่จะพิศวาสพี่ศักดิ์ไหงเลวร้ายกว่านั้นอีก ลูกชายพี่ยังเด็กอยู่แท้ๆเวรกรรม” เดือนหัวเราะสมเพชลิลลี่

“ข้าฟังอยู่นานแล้วนะเดือนเอ็งทำตัวไม่น่ารักเลย ไม่ว่ากับหินหรือกับคุณลิลลี่ซึ่งเอ็งยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุพอๆกับพวกข้า แต่เอ็งก็ด่วนสรุปด้วยความคิดตื้นๆของเอ็ง ศักดิ์พาเดือนออกไปเถอะก่อนที่ข้าจะเสียคนเมื่อแก่” ป้ายวนไม่เคยโกรธใครเท่านี้ ศักดิ์รุนหลังเดือนที่ยังกระฟัดกระเฟียดออกจากบ้านไป...




หินวางรูปคุณลิลลี่ไว้บนหัวเตียงด้วยความรู้สึกผิด...คุณลิลลี่เป็นคนไปพบและช่วยชีวิตเขาไว้ นอกจากนั้นยังเป็นผู้ให้การรักษาพยาบาลจนเขาหายดี...เท่ากับว่าคุณลิลลี่เป็นผู้มอบชีวิตใหม่ให้กับเขาโดยแท้...แต่นี่เขากลับทำให้คุณลิลลี่เสื่อมเสีย...แม้เพียงแค่ในความคิดของคนจิตใจไม่ดีอย่างเดือนเขาก็ไม่สมควรทำ...

“หินเรื่องมันเป็นมาอย่างไรเล่าให้ยายฟังหน่อย” ป้ายวนและศักดิ์ขึ้นมาพร้อมกันเพื่อฟังข้อเท็จจริงจากหิน

“ยายจ๋า! ฮือ...ฮือ” หินกอดยายยวนและร้องไห้

“ทำไม เป็นอะไรหรือ? ใครทำอะไรหิน” ศักดิ์เขย่าตัวหินและรั้งตัวเข้ามากอด

“ไม่มีใครทำอะไร หินทำเอง ฮือ...ฮือ” หินสะอื้น

“ทำอะไรบอกยายมา”

“หินทำให้คุณลิลลี่เสียชื่อเสียง หินโกหกน้าเดือนว่าคุณลิลลี่ยกบ้านให้หินเพื่อกันไม่ให้เขาเข้ามาเกะกะในบ้าน...หินไม่ดีเลยครับ”

“ที่แท้เรื่องเป็นอย่างนี้เอง ทำเอายายกับพ่อตกใจนึกว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างที่เดือนมันคิดจริงๆ”

“เห็นไหม...ยายกับพ่อยังคิดอย่างนั้นเลยแล้วถ้าน้าเดือนนินทาคุณลิลลี่ไปทั่ว คุณลิลลี่คงเสียคนแน่ ฮือ...ฮือ หินไม่น่าทำอย่างนั้นเลย” หินร้องไห้ไม่หยุด

“ไม่เป็นไรหรอกเพราะคุณแกไม่ได้เป็นอย่างนั้น” ป้ายวนพึมพำเดินออกไปจากห้อง

“คราวหน้าก่อนจะพูดอะไรออกมาคิดให้ดีก่อนละกัน หินโตขึ้นทุกวันไม่ใช่เด็กน้อยอย่างเมื่อก่อนแล้ว” ศักดิ์ตำหนิหินเบาๆ

“พ่อว่าหิน ฮือ...ฮือ หินผิดจริงๆครับ ฮือ...ฮือ” หินร้องไห้อยู่กับอกศักดิ์จนม่อยหลับไป...

ศักดิ์วางหินลงบนหมอน ใบหน้าของหินเงียบสงบมีเพียงคราบน้ำตาที่ยังคงอยู่ นอกนั้นคือเจ้าตัวยุ่งที่เขามอบชีวิตให้...ศักดิ์มองเลยไปที่หัวเตียง เห็นภาพของคุณลิลลี่ที่หินวางไว้เขาถึงกับสะดุ้งนึกถึงครั้งแรกที่เขาได้เห็นภาพนี้...ที่เขารู้สึกว่าเคยเห็นคุณลิลลี่ที่ไหนมาก่อน...รู้สึกคุ้นเคยยิ่งกว่าได้เห็นภาพ...


ก็ทำไมเขาจะไม่รู้สึกเช่นนั้นเล่าในเมื่อภาพของคุณลิลลี่มิได้ผิดเพี้ยนไปจากหินที่นอนอยู่ตรงหน้ารูปนั่นเลย.....







Create Date : 17 มกราคม 2551
Last Update : 9 เมษายน 2551 13:08:40 น. 0 comments
Counter : 383 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาเรน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดาเรน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.