Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
10 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
..... บทที่ 19 .....



บทที่ 19


“ไปหาแม่ผมกันไหม...ไปนะครับ” ลายเดินนำหินไปที่ครัวด้านข้างของบ้าน


“ไม่ต้องเข้าไปนะ ผมกลัวแม่ลาย”

“เข้ามาสิฉันไม่ดุหรอก กำลังทำกับข้าวอยู่ เดี๋ยวกินกันนะหิน” แม่ลายยิ้มให้หินซึ่งเดินเข้าไปยกมือไหว้อย่างกล้าๆ กลัวๆ

“หล่อน่ารักนะเราเหมือนฝรั่งเลย มิน่าลายถึงชอบไปเล่นด้วย”

“ไปรอกินข้าวในสวนกันดีกว่า ไปเถอะหิน” ลายเดินออกมาก่อน เขามองหาร่มไม้ที่จะนั่งกินข้าว...ลายเหลือบมองเห็นใครคนหนึ่งกวักมือเรียกอยู่ไหว ๆที่หลังบ้าน จำได้ว่าคือศักดิ์เขาจึงรีบเข้าไปหา

“ไม่ หิน ไม่ หิน ไม่” ศักดิ์พูดเร็วและยื่นแผ่นกระดาษข้อความให้ลาย

"อะไรหรือพี่?" ลายรับกระดาษไปอย่างงงๆ

“ลาย...ลายอยู่ไหน?” หินเรียกหา

“ผม ผมอยู่นี่ครับ กำลังฉี่อยู่เดี๋ยวออกไป” ลายแก้ตัวอย่างฉับไวขณะอ่านข้อความที่ศักดิ์บอกให้คุณลิลลี่พาหินกลับกรุงเทพฯ ด่วนที่สุด เพราะนายหยดกำลังไปตามพรรคพวกมาเพื่อกำจัดหินในคืนนี้

“พี่ศักดิ์ไม่ต้องห่วงนะผมจะรีบจัดการทุกอย่างเพื่อความปลอดภัยของหินครับ” ลายรีบรับปากและกลับออกไปหาหินที่ยืนคอยอยู่

“จะนั่งตรงไหนดีนะที่ไม่เหม็นฉี่ของลาย คงฉี่ไปทั่วแน่ๆ” หินแกล้งเบ้หน้า

“เฮ้ย! ผมไม่เคยนะ เมื่อกี้หลอกเล่น” ลายตอบขณะที่ใจกำลังคิดหาทางออกที่ดีสำหรับหิน ที่แน่ๆ คือต้องไปแจ้งข่าวกับคุณลิลลี่ แต่ถ้าเกิดการติดขัดอย่างไรเขาต้องเตรียมพร้อมที่จะแก้ไขสถานการณ์ พ่อลายเคยเป็นนักเลงเก่ามาก่อน เขาจึงรู้และตระหนักดี...

“หินมานี่!” ลายพาหินกลับไปหน้าบ้าน

"ยืนรอผมอยู่ตรงนี้นะ" ลายเดินขึ้นไปบนบ้าน เข้าไปในห้องหยิบเงินออกมาจากลิ้นชัก เทกระปุกที่มีเงินไม่กี่เหรียญ เดินไปที่ห้องเดือน ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อตัวที่เคยเห็นเดือนซ่อนเงินไว้ เขาหยิบใบละพันสองใบแล้วเดินต่อไปที่ห้องแม่ทำอย่างเดียวกันแต่คราวนี้หยิบมากหน่อยเพราะแม่มีเงินมากกว่า ในใจคิดว่าไม่ได้ขโมยแค่ขอยืมเพื่อนำไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งให้พ้นอันตราย

“ไปกันเถอะหิน เราต้องรีบ” ลายลงจากบ้านตรงเข้าคว้าข้อมือหินที่ยังยืนเฉย

“ไม่กินข้าวแล้วหรือ ผมหิวนะ”

“ไปกันเถอะหิน มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เราต้องรีบ...” ลายดันหินขึ้นรถและสตาร์ทเครื่องออกไป

“อ้าว! ไอ้ลาย มากินข้าวกันก่อน" แม่ลายกวักตะหลิวอยู่ข้างครัว

“หิน..ครับ” ศักดิ์ซึ่งยืนมองเหตุการณ์อยู่ยกมือทาบอก ทรุดตัวลงนั่งพิงฝาบ้านด้วยความโล่งใจ แต่แล้วเขากลับลุกขึ้นยืนและเดินไปที่รถจักรยาน...



ตั้งแต่เกิดมาลายไม่เคยขับรถเร็วเท่าวันนี้ เขาขับอย่างไม่คิดชีวิต แต่คิดถึงอีกชีวิตหนึ่งคือหินที่กำลังนั่งสงสัยไปตลอดทาง ลมแรงปะทะใบหน้าไม่เปิดโอกาสให้พูดคุยอะไรกัน สักครู่ลายก็เลี้ยวรถเข้าเขตรั้วบ้าน ทันทีที่จอดรถสนิทลายวิ่งขึ้นไปบนบ้านตะโกนหาลิลลี่ ลืมหินที่ค่อยๆ เดินขึ้นบันไดบ้านมา

“คุณลิลลี่ครับ! คุณลิลลี่ครับ!...”

“เอะอะอะไรหรือลาย” ป้ายวนออกมาจากหลังบ้าน

“คุณลิลลี่อยู่ไหนครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะมาบอก”

“คุณไม่อยู่เพิ่งออกไปตลาด บ่ายๆ คงกลับ...เราล่ะพาไปไหนกันมา... อ้าว! หินอยู่ไหนละนี่?” ป้ายวนเพิ่งนึกถึงหินเพราะมัวตกอกตกใจกับเสียงลาย

“หินอยู่นี่ครับยาย” หินยืนอยู่หน้าประตู ป้ายวนรีบตรงเข้าไปจะช่วยประคอง

“หินพอมองเห็นแล้วครับ นี่คือข่าวดี แต่สงสัยลายมีข่าวไม่ดีอะไรจะบอกเรามั้งครับ...หือ!ลาย ?” หินหันไปถามลาย ลายจึงยื่นกระดาษที่ศักดิ์เขียนให้ป้ายวนอ่าน

“ถ้ารอคุณลิลลี่กลับจากตลาดอาจจะไม่ทันการ ผมจะพาหินไปซ่อนตัวก่อนนะครับแล้วผมจะหาทางติดต่อมาทีหลัง ยายช่วยจดเบอร์โทรของคุณลิลลี่ให้ผมด้วย ผมมีญาติคนหนึ่งทำงานที่ช่องเย็นผมจะพาหินไปซ่อนตัวที่นั่น ยายว่าอย่างไรครับ” โดยไม่รอคำตอบลายวิ่งขึ้นไปบนห้องของหินหยิบฉวยสิ่งของจำเป็นที่เขาเคยหินใช้เสมอๆ อัดลงกระเป๋าเป้แล้วรีบลงบันไดมา

“ตกลงยายและหินเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้วใช่ไหม ยายคิดว่าผมทำถูกไหมที่จะพาหินไปซ่อนตัว” ลายยืนแทบไม่ติดพื้น

“ดีแล้ว รีบๆไปเถอะ แล้วติดต่อมาเร็วๆ นะ...เดี๋ยวก่อน!” ยายยวนวิ่งเข้าไปในครัว เทหมูทอดกระเทียมพริกไทยที่เตรียมไว้ให้หินใส่ถุงพลาสติก หยิบกระติบข้าวเหนียวอาหารโปรดส่วนตัวของแกใส่รวมไปในถุงใหญ่แล้ววิ่งกลับเข้าไปในห้องโถงที่หินรออยู่ พอดีลายหยิบน้ำเปล่ามาสองขวดจึงยัดรวมกันไปในถุงนั้น

“อ้าว! น้ำเย็นก็ทำให้ข้าวเหนียวหมูทอดของยายเย็นชืดหมดสิลาย”

“โธ่เอ๋ยยาย เรากำลังจะรีบหนีตายกันนะ ไม่ได้ไปปิกนิกฮันนิมูนกันซะหน่อย หึ หึ” ลายอดทำทะเล้นไม่ได้

“เฮ้ย! พูดดีๆ นะเดี๋ยวผมไม่ไปกับคุณ นั่งรอให้เขามาฆ่าที่นี่แหละ” หินพูดออกมาเป็นครั้งแรกหลังจากได้แต่ยืนงง มองลายและยายยวนวิ่งวุ่นกัน

“ก็ลองสิ ผมจะจับหินหักแขนหักขาผูกติดไว้บนหลังของผม ทีนี้ไปไหนไปด้วยแน่นอน” ลายต่อปาก

“ไอ้สองคนนี่ยังถียงกันเป็นเด็กอยู่ได้ รีบไปเร็วๆ เข้า” ป้ายวนโวย

“แล้วรีบติดต่อมาไวๆนะ”



ลายขับรถเข้าบ้านหนองไทร ผ่านบ้านหนองกะปุงไปตามถนนลูกรังในดงมันสำปะหลัง เห็นแต่หัวคนลิ่วๆ อยู่ยอดต้นมันนานๆ จะมีรถสวนกันสักคัน ลายคว้ามือหินเข้าไปกอดตลอดทางจนทะลุถึงบ้านตาใหญ่จึงปล่อยมือเพราะเริ่มเข้าเขตถนนของหมู่บ้าน

ออกมาถนนใหญ่สายลาดยาว-เขาชนกัน ลายขับรถดิ่งไปสี่แยกตลาดคลองลาน ตลอดเส้นทางสองฝั่งเต็มไปด้วยความเขียวชอุ่มของพืชพันธุ์ มีหมู่บ้าน สถานที่ราชการและโรงงานขนาดเล็กเป็นระยะๆ เห็นป้ายบอกระยะทางอีก70กม.กว่าจะถึงสี่แยก ลายจึงบิดคันเร่ง...วิ่งกันมาด้วยความเครียดสักพักเสียงรถกระตุกปึ้ดๆ เครื่องดับรถส่ายไปมา...

“ชิบ! ผมลืมเติมน้ำมัน บ้าจริง” ลายสบถ เขาประคองรถเข้าข้างทาง

“คุณหินครับ เชิญลงเดินได้ครับ” ลายหงุดหงิด

“เฮ้ย! อย่ามาพาลกับผมดิ บอกดีๆ ก็รู้ไม่ต้องทำเสียงงั้น” หินลงจากรถเดินตามมาข้างๆ

“ทำไร? ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” ลายเถียงข้างๆ คูๆ

“อย่ามาทำเป็น...” หินช่วยดันท้ายรถขณะที่ลายจูงไป

“เฮ้อ! เมื่อไหร่จะเจอปั้ม...ไม่ได้บ่นนะ เพียงแต่ไม่อยากให้พวกมันตามมาพบ” ลายหันกลับไปมองหินที่ก้มหน้างุดเข็นรถ

“ขอโทษนะครับเรื่องเมื่อกี้ ผมกังวลเรื่องนายหยดและพวก เพราะถ้าเขาเดาถูกและตามมาทางนี้คงเห็นเราแน่ๆ...ขออย่าเป็นอย่างนั้นเลย” ลายเสียงอ่อน

“ความจริงไม่ใช่เรื่องอะไรของลายสักหน่อย ที่ลายลำบากและเสี่ยงอันตรายช่วยผมขนาดนี้ ผมไม่มีสิทธิ์แสดงอารมณ์อะไรกับลายทั้งนั้น ควรจะสำนึกถึงบุญคุณของลายมากกว่า”

“อย่าพูดอย่างนั้นอีกนะ แม้แต่จะคิดผมก็ไม่อนุญาต หินรู้ไม่ใช่หรือว่าที่ผมทำลงไปทั้งหมดนี้เพราะอะไร ฮึ!” ลายกระตุกแฮนด์รถระบายอารมณ์

“ก็เพราะรู้ไงผมจึงไปไหนไม่ได้ จะอยู่เป็นภาระให้ลายอย่างนี้นี่แหละ ดีไหมลายคนเก่ง” หินประชด

“หยุดพูดนะหิน!” ลายหยุดเดินกะทันหันทำให้หินที่ไม่ทันระวังตัวสะดุดล้อรถล้มลง

“หิน! ผมขอโทษ” ลายรีบเอาขาตั้งลงแล้วทรุดตัวลงไปดูหิน

“ไม่เป็นไรครับ ผมหมดแรงเอง...หิวข้าว...” หินพูดแผ่ว

“จริงสินะ บ่ายแล้ว เรายังไม่ได้กินอะไรกันเลย นั่งกินกันตรงนี้ดีไหม เราหลบหลังต้นไม้ข้างถนนนี่ละนะ” ลายจูงรถไปพิงต้นทองกวาวข้างทางแล้วกลับไปพาหินมานั่ง อาศัยลำต้นบังสายตาคนบนถนน

ข้าวเหนียวหมูทอดของยายยวนมื้อนี้อร่อยที่สุดสำหรับหินและลาย น้ำสองขวดก็หมดเกลี้ยงเพราะใช้ทั้งกินทั้งล้างมือล้างหน้า

“ยายครับ ถ้าไม่ได้ข้าวเหนียวหมูทอดของยายผมคงตายคาถนนนี่เอง” หินมองขอบฟ้าทิศทางของบ้านที่จากมา...

“นั่นไง! ปั้มน้ำมันอยู่ข้างหน้า เดินอีกนิดก็ถึงแล้ว สงสัยเราหิวกันจนตาลายมองไม่เห็นปั้มซะงั้น...อือ...จะได้เข้าห้องน้ำกันด้วย เสร็จแล้วเราไปโลดกันเลยนะหิน” ลายอารมณ์ดีฉุดหินลุกขึ้นจากโคนต้นทองกวาว

“ง่วงจัง ถึงปั้มแล้วขอผมงีบหน่อยนะครับ แสบตาด้วย เพิ่งหายก็ถูกใช้งานหนักเลย ตาผมมันคงบ่นแย่ละ” หินพูดติดตลก

“หินเดินเฉยๆ ก็ได้ไม่ต้องเข็นแล้ว เดี๋ยวก็ถึง”

หินเดินสลึมสลือตามลายเข้าไปในปั้ม ลายจัดการเติมน้ำมัน ตรวจเช็คน้ำมันเครื่อง ดูความสมบูรณ์ของยางรถ...หินนั่งมองลายทำหลายๆ อย่างนี้ด้วยความชื่นชม ในเวลาคับขันนี้หินยอมรับว่าลายดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเขาเสียอีก...‘นายลายเอ๋ย’...


หินสะดุ้งตื่น ลืมตาขึ้นมาพบลายนั่งจ้องอยู่ข้างๆ

“รู้ตัวไหมหินนอนน้ำลายไหลด้วย” ลายพูดอำแก้เขินที่ถูกจับได้ว่ากำลังแอบมองหินอยู่

“ลายไม่พักเลยหรือ คงอีกนานกว่าจะถึง ผมขับมอเตอร์ไซด์ไม่เป็นนะ”

“ไม่เป็นไรผมแข็งแรงครับ อีกอย่างถ้าหลับกันทั้งสองคนไม่มีใครเฝ้ารถ” ลายฉุดหินที่ยังงัวเงีย

“ไปกันเถอะ อีกหลายสิบกิโลครับกว่าจะถึง...ลุกขึ้น!”

“เออ ขู่เข้า...ยอม ยอม” หินกระโดดขึ้นซ้อนหลังกระฉับกระเฉง แล้วลายก็เลี้ยวรถออกจากปั้มมุ่งหน้าไปสี่แยกตลาดคลองลาน ไม่มีใครพูดอะไรกันตลอดสองชั่วโมงเพราะเริ่มรู้สึกแล้วว่ากำลังจะต้องไปผจญภัยอย่างแท้จริงโดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน...

ผู้คนและบ้านเรือนมากขึ้นเมื่อเข้าเขตชุมชน มีร้านค้าสองข้างทางเหมือนสถานตากอากาศชายทะเล เมื่อถึงสี่แยกลายหยุดรถยืนมองป้ายบอกทาง มีป้ายเขียนบอกไว้ ตรงไปคือน้ำตกคลองลาน ขวามือไปกำแพงเพชร ส่วนซ้ายมือคือทางไปอุทยานแห่งชาติแม่วงก์และช่องเย็นที่น้าชายของลายคนหนึ่งทำงานอยู่ เขาจะทำอย่างไรต่อไป...

“ลูกชิ้นมั้ยคับ ลูกชิ้นมั้ยคับ” ชายคนหนึ่งท่าทางใจดีเข็นรถขายลูกชิ้นปิ้งข้างทาง

“จะไปไหนกันหรือหนุ่มลุงเห็นยืนดูป้ายบอกทางนานแล้ว”

“ผมจะไปหาน้าชายที่ช่องเย็นครับ ได้ข่าวว่าเขาทำงานอยู่ที่นั่น...ผมรู้ทางแล้วขอบคุณลุงมากครับ” ลายทำท่าเลี้ยวรถไปทางแยกซ้าย

“เดี๋ยวๆ! จะไปกันอย่างนั้นนะหรือ แกสองคนตายก่อนจะไปถึงแน่...ใจเย็นๆ ฟังลุงอธิบายก่อน” ลุงลูกชิ้นโบกไม้โบกมือ

“ทำไมครับลุง?”

“กินลูกชิ้นของลุงคนละไม้ก่อนซิแล้วจะบอกให้ฟํง” ลุงไม่รอฟังคำรับหรือปฏิเสธ แกอุ่นลูกชิ้นสองไม้ทันที

“ที่แท้เป็นวิธีการขายนั่นเอง ไม่เป็นไรครับผมกำลังอยากกินอยู่พอดี” ลายส่งเงินให้ลุงและรับลูกชิ้นไปแบ่งกินกับหินคนละไม้

“มันก็จริงของเอ็งที่หาว่าลุงหลอกขายของ แต่อยากให้ฟังลุงสักนิดตอนกินลูกชิ้นและคิดดูให้ดีก่อนจะขึ้นไป”

“ว่ามาเลยครับผมพร้อมจะรับฟัง แต่ก่อนจะฟังขอบอกก่อนครับว่าลูกชิ้นของลุงอร่อยมาก คนละไม้คงไม่พอแล้วละครับ ลุงพูดไปปิ้งไปแล้วกันครับ” ลายกินไปพูดไป

“มีเงินหรือเรา ท่าทางมอมแมมกันทั้งสองคนเหมือนหนีใครมา”

“มีครับ” ลายสะดุ้งกับการคาดคะเนของลุง

“ข้างบนนั้นอากาศเย็นมาก ทางขึ้นก็ลาดชันถนนไม่ราบเรียบ ขนาดรถเก๋งธรรมดายังไปลำบาก แล้วรถมอเตอร์ไซด์เล็กธรรมดาๆ นี่จะไปถึงหรือ ที่พักก็ต้องเช่าคืนหนึ่งอย่างน้อยเป็นพัน หรือต้องมีเต็นท์ไปเอง อาหารก็ไม่มีต้องเตรียมไปจากข้างล่าง จะไปสองคนโด่เด่อย่างนี้ไม่ได้หรอกนะ เสื้อกันหนาวสักตัวยังไม่มีเลย”

“ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าลุงไม่ได้แค่หลอกขายลูกชิ้นให้เรา” ลุงยื่นถุงลูกชิ้นให้ลาย

“ขอบคุณลุงมากครับที่ให้ความรู้กับเรา ผมจะนั่งคิดหาทางอีกทีครับ” ลายส่งเงินค่าลูกชิ้นให้ลุงซึ่งแกก็เข็นรถร้องขายของๆ แกต่อไป

“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปดี” ลายจูงรถเข้าข้างทางนั่งมองดูถนนที่มีรถวิ่งแยกย้ายกันไปตามจุดหมายปลายทางของแต่ละคน

“คงจริงอย่างลุงแกว่านะลาย ผมเห็นมีแต่รถใหญ่วิ่งไปทางซ้าย บางคันเป็นรถโฟร์วีลบางคันเป็นรถปิกอัพ สังเกตดูแต่ละคันมีสัมภาระไปเยอะไม่น้อย”

“ถ้าไม่ไปช่องเย็นแล้วเราจะไปไหนดีผมไม่รู้จักใครที่ไหนอีก เอานะเราตั้งใจแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไป สู้กันนะครับหิน สู้ สู้!” ลายลุกขึ้นยืนชูกำปั้นแล้วดึงหินให้ลุกขึ้นตาม

“ตามมา ผมจัดการเอง...ผมเห็นอะไรแว้บๆ แถวนี้” ลายจูงรถย้อนไปตามถนนที่มีร้านค้าจิปาถะเปิดเรียงราย ผ่านร้ายขายเสื้อผ้า ร้านขายอุปกรณ์เดินป่า ร้านอาหาร ร้านหนังสือ ร้านขายทอง ร้านขายยา ร้านเน็ต โชว์รูมขายรถยนต์ จนถึงร้านขายรถมอเตอร์ไซด์ซึ่งมีทั้งรถใหม่และมือสอง

“หินรออยู่หน้าร้านนะเดี๋ยวผมมา” ลายกลั้นใจรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาเจ้าของร้าน สักครู่เขาก็เดินออกมาที่รถพร้อมกับชายคนนั้น พูดอะไรกันเบาๆ ซึ่งหินได้ยินไม่ถนัดนักแล้วทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในร้านอีกหน สักพักลายจึงกลับออกมา

“ลายซะอย่าง! ผมหาทางออกได้แล้ว ไปหาซื้อของที่จำเป็นกันเถอะครับหิน” ลายหยิบกระเป๋าเป้ของหินขึ้นสะพายหลังแล้วเดินนำกลับไปทางสี่แยก

“อ้าว! แล้วรถล่ะลาย”

“ผมคิดว่าขับขึ้นไปไม่ไหวแน่จึงฝากพี่เขาไว้ ไม่มีอะไรหรอกอย่าสงสัยเลย ไม่มีอะไรนะครับ” ลายอธิบายมากเกินจนหินสงสัย

ลายพาหินเข้าออกร้านนั้นร้านนี้จนได้ของครบตามที่ต้องการ มีเต็นท์ ผ้าห่ม เสื้อกันหนาว เสื้อผ้าหนาๆ คนละสองชุด ไฟฉายพร้อมถ่านสำรอง หม้อกระทะชุดเดินป่า ไฟแช็คสองสามอัน กระติกน้ำ

“ทำไมลายรู้ว่าต้องใช้อะไรบ้างล่ะครับ เก่งจังนะคุณ” หินช่วยหอบของพะรุงพะรัง

“ผมเพิ่งเข้าค่ายลูกเสือมาก่อนปิดเทอมนี่เองไม่ได้เก่งอะไร” ลายหน้าเครียดเพราะเงินเริ่มหมด

“ลายแวะร้านขายทองก่อนครับ” หินดันลายเข้าไปในร้าน

“ซื้อทองนี่นะ...หิน” ลายกระซิบ

“เออ...” หินล้วงมือเข้าไปในคอเสื้อแล้วปลดสร้อยคอออกมา

“ผมไม่ได้โง่อย่างที่ลายคิดนะครับ ลายขายรถมอเตอร์ไซด์ไปแล้วทำไมผมจะไม่รู้ ผมใส่สร้อยนี้ติดตัวจนชิน ลืมไปเลยว่ามีของมีค่าติดตัวอยู่” หินปลดพระองค์เล็กออกแล้วยื่นสร้อยทองให้เจ้าของร้านตีราคา

“ผมดีใจครับที่มีเพื่อนอย่างหิน” ลายก้มหน้าพูด

“ผมสิดีใจมากกว่าลายร้อยเท่าที่ได้รู้จักคนดีๆ อย่างลาย ครับผม” หินแกล้งกระซิบจนติดใบหูของลาย

“ชื่นใจจัง” ลายพึมพำ

คนเก่งกล้าอย่างลายก็หน้าแดงเป็นเหมือนกัน...


“ผมว่าเราต้องซื้อยาไปเผื่อด้วยนะครับ ยาแก้ปวดหัว ปวดท้อง แก้ไข้ ยากันยุง ยาหม่อง ยาใส่แผล สำลีผ้าพันแผล ยาแก้คัน...เอ...อะไรอีก คงครบหมดแล้ว” หินเคยชินกับการป่วยไข้เสียจนรู้รอบคอบในเรื่องนี้

“ยาคุมกำเนิดด้วยอย่าลืม” ลายอดทะเล้นไม่ได้ เล่นเอาคนขายยามองหน้าอย่างสงสัย

“เฮ้ย! ลายทะลึ่ง...ไม่เอาหรอกครับเพื่อนผมเขาพูดเล่น” คนขายยาเตรียมหยิบถุงยางอนามัยให้จริงๆ

“โห! พี่ ร่วมสมัยจังนะครับ” ลายยังปากดี

“เดี๋ยวนี้เป็นเรื่องปกติแล้วครับ ไม่เห็นน่าอายอะไร ใครๆ ก็รักกันได้ไม่ว่าหญิงหรือชาย แต่ควรจะปลอดภัยไว้ก่อนดีแล้วครับ...ตกลงจะรับกี่แพ็คครับ”

“เห็นไหมลาย ทะเล้นจนได้เรื่อง พี่เขาเข้าใจผิดไปใหญ่โตแล้ว”

“ขอแก้ข่าวครับ พี่ไม่ได้เข้าใจผิด...แต่ผมไม่ทำอย่างนั้นหรอกครับ”

“เออ! เอากะเค้าสิ” หินยอมแพ้

“ผมรู้พวกคุณล้อกันเล่น ผมก็พูดเล่นเหมือนกัน ขอบคุณครับที่มาอุดหนุน” คนขายยายิ้มกับทั้งสองคน

“ลายไม่อายแต่ผมอายนะครับ” หินบ่นเมื่อออกมาจากร้าน

“คราวนี้ก็เรื่องอาหาร ไม่รู้ว่าเราจะอยู่กันกี่วัน เราเตรียมไปพอประมาณแล้วกัน หลักๆ ก็คือบะหมี่สำเร็จรูป ข้าวเหนียว หมูปิ้งสำเร็จรูปที่อยู่ได้หลายวัน ผัดและแกงกระป๋อง ขนมปังที่มีวันหมดอายุอีกหลายวัน น้ำปลาขวดเล็กและถั่วลิสงคั่ว” ลายทั้งนั้นที่คิดรายการ

“อือ ชอบกินถั่วด้วยหรือ อย่าตดให้ผมดมนะ ไม่ยอมด้วย” หินได้ที

“บ้าหรือ!...ถ้าเราไม่มีอาหารจริงๆ ให้กินถั่วและน้ำเปล่าเยอะๆ มันจะอิ่มและมีประโยชน์ต่อร่างกายด้วยครับ" ลายอธิบาย "ใครจะตดให้คนอื่นดม เสียดายของแย่!” ลายพูดต่อหน้าตาเฉย

“แหวะ!” หินทำท่าจะแหวะจริงๆ

“รายการสุดท้ายคือแปรงสีฟันยาสีฟันและมีดพกคนละชุด”

“ทำไมต้องซื้อมีดสองอันล่ะ” หินสงสัย

“ไว้ป้องกันตัวแต่ละคนไงครับ หินลืมแล้วหรือว่าเรามาที่นี่เพราะอะไร...รู้แล้วนะว่าทำไมต้องพกมีดติดตัวเสมอ”

“อย่างน้อยก็ไว้ใช้ป้องกันตัวจากลาย ใช่ไหม” หินแกล้งเย้า

“ถ้างั้นตอนนี้ยังไม่มีมีด ผมจัดการเสียเลยจะดีไหม” ลายทำท่าเสือขยุ้มใส่หิน

“เฮ้ย!ไอ้ลายบ้า” หินหัวเราะ วิ่งหนีลายไปที่สี่แยก

“อ้าว! ไอ้หนูวิ่งหนีอะไรมา...อ๋อ เราสองหนุ่มนี่เอง ยังไม่ไปไหนกันอีกหรือ?” ลุงขายลูกชิ้นเข็นรถวนเวียนอยู่แถวนั้น

“ยังไปไม่ถึงไหนเลยครับ มัวแต่หาซื้อของใช้อย่างที่ลุงแนะนำ” ลายเดินหอบของพะรุงพะรังมาพอดี

“แล้วไม่มีจักรยานเสือภูเขาสักคันหรือ?”

“จะไหวหรือลุง มันแพงมากนะ” ที่จริงใจลายอยากได้เหมือนกัน
เพราะเมื่อถึงเวลาคับขันต้องหนีคนร้ายคงหนีไม่ทันถ้ามัวแต่วิ่งด้วยเท้า

“ใครคุยกับลุงแล้วไม่มีวันผิดหวัง...ขอบอก!” ลุงยิ้มเจ้าเล่ห์

“ลุงมีจักรยานสภาพดี ใช้งานได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพียงแต่มันไม่สวยเท่านั้นเพราะลุงเก็บของเก่ามาซ่อม...จะเอาไหม? ลุงมีหลายคันจะขายให้หนุ่มถูกมากๆ ลุงต้องการใช้เงินขอบอกตรงๆ” ลุงมีสีหน้าเครียดจริงจังไม่ขี้เล่นอย่างเคย

“ผมมีเงินไม่มากครับลุง”

“เอางี้ ลุงแทบจะขายแบบยกให้เลย สองคันลุงคิดสามพันบาท ลำพังอุปกรณ์ที่ลุงซื้อมาซ่อมก็เกือบจะสามพันแล้ว แต่อย่างที่บอก เพราะลุงต้องการใช้เงินมาก เราสองคนเข้ามาถูกเวลาพอดี”

“ว่าไงหิน” ลายมองหน้าหินเป็นเชิงปรึกษาแล้วจึงตัดสินใจ “ตกลงครับลุง แต่อยากจะรบกวนลุงหาวิธีให้เราพ่วงใครขึ้นไปข้างบน ได้ไหมครับ ผมไม่รู้จะพึ่งใคร”

“พอดีเพื่อนลุงกำลังจะไปส่งของที่ทำการอุทยาน ลุงจะฝากเราไปกับเขา...เดี๋ยวลุงมาพร้อมกับจักรยาน ขายลูกชิ้นให้ลุงไปพลางๆ ก่อนแล้วกัน” ลุงรีบเดินแน่วเข้าไปในทางเดินเล็กๆ หลังพุ่มไม้ริมถนน...

หินนึกสนุกหยิบไม้ลูกชิ้นขึ้นปิ้งอย่างทะมัดทะแมง ลายยืนข้างๆ มองหาลูกค้าที่เดินผ่านไปมา สักครู่หนึ่งลายกระตุกแขนหินอย่างแรง

“เฮ้ย! หิน หยิบหมวกของลุงใส่เร็วเข้า แล้วก้มหน้าปิ้งลูกชิ้นไป อย่าเงยหน้ามองอะไรทั้งนั้น” ลายออกคำสั่งเสียงเครียด

“อะไร!” หินงงไม่เข้าใจคำสั่ง

“อย่าเพิ่งถาม! รีบทำตามที่บอก เร็ว!” ลายก้มตัวลงนั่งคุดคู้ข้างๆ ขาของหิน

“พวกนายหยดตามมาถึงนี่แล้วกำลังอยู่ในถนน ทำเฉยๆ ไว้พวกมันไม่สังเกตเห็นหรอกอย่าตกใจ” ลายกอดขาหินไว้แน่นเพราะมันกำลังสั่นพั้บๆ

“พวกมันกำลังจะผ่านไปแล้ว ไม่ต้องกลัวครับ ผมอยู่นี่ กอดหินอยู่นี่” หินทำท่าจะหล่นลงนั่งกับพื้นลายต้องกอดพยุงไว้

“ไปแล้วครับ ไปแล้วไม่ต้องกลัว พวกมันตรงไปทางน้ำตกคลองลาน ไม่ใช่ทางที่เราจะไป...อีกเดี๋ยวลุงคงมา...เราจะได้ขึ้นไปบนช่องเย็นอย่างปลอดภัย...ไม่ต้องกลัว...ไม่ต้องกลัวครับ”






Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 23 พฤษภาคม 2551 9:25:44 น. 0 comments
Counter : 428 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาเรน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดาเรน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.