Group Blog
 
 
มกราคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
20 มกราคม 2551
 
All Blogs
 
..... บทที่ 12 .....



บทที่ 12



ขณะขับรถลิลลี่นึกสังหรณ์ใจบางอย่าง...คืนนั้นเมื่อเดือนกว่าๆที่ผ่านมา หลังจากได้รู้ข่าวว่าหินขับรถชนต้นไม้ ลิลลี่รีบไปนครสวรรค์ทันที เมื่อเธอไปถึงพบหินนอนอยู่คนเดียว ไข้ขึ้นสูงเพราะแผลเก่าที่ถูกแทงอักเสบติดเชื้อฉับพลัน เธอจึงขออนุญาตทางโรงพยาบาลนำตัวหินไปรักษาที่กรุงเทพฯ

โรงพยาบาลยินยอมเพราะเห็นว่าลิลลี่เคยเป็นเจ้าของไข้เมื่อหินป่วยคราวที่แล้ว อีกอย่างเป็นการดีสำหรับตัวคนไข้เองด้วยเพราะอาการที่เกิดขึ้นรุนแรงและรวดเร็วมากควรจะได้รับการรักษาด้วยเครื่องมือและวิชาการที่ทันสมัย...ลิลลี่ลืมนึกถึงความรู้สึกของศักดิ์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อพบว่าหินหายตัวไป อาการที่หนักมากของหินทำให้ลิลลี่ไม่ได้คิดในข้อนี้ หลังจากพาหินมอบสู่มือหมอผู้เชี่ยวชาญเรียบร้อยแล้วลิลลี่พยายามติดต่อศักดิ์ทั้งคืน เช้าวันรุ่งขึ้นจึงติดต่อได้แต่ก็ไม่ได้ใจความอะไรเพราะสัญญาณขาดหายไปดื้อๆจนทุกวันนี้.....

“คุณลิลลี่ครับ ขอผมไปนั่งเบาะหลังได้ไหมผมง่วงนอนครับ”

ลิลลี่เลี้ยวรถเข้าปั้มข้างทาง เปลี่ยนให้คนรับใช้นั่งด้านหน้าแล้วให้หินไปนอนเบาะหลัง หินนอนรักษาตัวอยู่นานจนร่างกายเคยชิน เดี๋ยวนี้พอนั่งนานหน่อยจะรู้สึกเวียนหัวต้องลงนอน คุณหมอบอกว่าอาการนี้จะค่อยๆ หายเป็นปกติเอง

รถวิ่งนิ่มชวนให้นอนหลับสบาย...หินนอนอมยิ้มนึกถึงครั้งหนึ่งนานมาแล้วเมื่อเขาไปแสมสารกับศักดิ์ เขาแผลงฤทธิ์อ้วกใส่รถจนศักดิ์หัวเสีย หินยังจำภาพคนหัวยุ่งตัวโตคนนั้นได้ดี...หินนึกถึงรอยบุ๋มบนริมฝีปากที่เต็มไปด้วยคราบเลือด...นึกถึงอาการเก็กกลบเกลื่อนความเขินอายเมื่อเดินเปลือยกายออกมาจากห้องน้ำ...และเมื่อครั้งนั่งตากฝนเบียดกันบนขั้นบันไดที่บ้านพักริมทะเล...

หินหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้...เขาฝัน...ฝันว่าเขาเป็นเด็กน้อยที่คอยงอแงกับพ่อ ออดอ้อนและดื้อดึงในบางครั้ง เรื่องที่ฝันติดพันกันเหมือนเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง...พ่อที่คอยปกป้องและรักลูกเหลือเกินคนนั้นเหมือนศักดิ์มาก ในฝันหินมีความสุขที่ได้กอดพ่อศักดิ์ รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยเมื่อได้อยู่ใกล้ หินอยากเป็นเด็กคนนั้นจะได้อยู่กับพ่อศักดิ์ตลอดเวลาให้พ่อศักดิ์ได้กอดนอนทุกค่ำคืน...

หินตื่นจากฝันเพราะรู้สึกเหมือนมีคนนั่งอยู่ข้างๆ เขาลืมตาขึ้นมาพบศักดิ์นั่งยิ้มอยู่ ศักดิ์รั้งหินขึ้นนั่งแล้วเลยปล่อยแขนให้ประคองหินไว้อย่างนั้น หินไม่รู้จะขยับตัวหนีหรือปล่อยเลยตามเลย พอดีแว่วได้ยินเสียงคุณลิลลี่...

“หิน หินตื่นได้แล้วเราใกล้จะถึงบ้านแล้วนะ”...ที่แท้หินยังคงฝันอยู่นั่นเอง

“ครับผมตื่นแล้ว นอนไปนานฝันสนุกเชียวครับ” หินอารมณ์ดี...



ก่อนจะถึงบ้านต้องผ่านโรงเรียน เด็กนักเรียนกำลังเลิกเรียนต่างกรูกันออกมาที่ถนนบางคนโบกมือให้รถที่วิ่งผ่าน ถัดจากโรงเรียนเป็นวัดที่กำลังมีงานอะไรสักอย่างผู้คนเดินขวักไขว่...ที่จริงวิถีชีวิตของคนชนบทก็มีชีวิตชีวาและมีความสุขที่เรียบง่ายดีเหมือนกัน...ลิลลี่ฮัมเพลงเบาๆ...

ลิลลี่เลี้ยวรถเข้าบ้าน วันนี้อากาศเย็นกว่าปกติลมพัดใบไม้ร่วงพรูลงบนถนน ไม่มีใครอยู่บ้านบรรยากาศเงียบวังเวง

“ป้ายวน ป้ายวนจ๊ะฉันมาจ้ะ” ลิลลี่หยุดรถตะโกนเข้าไปในบ้านท้ายสวน “ป้ายวน ป้ายวนนี่ฉันเอง”

“ยายครับ ยายครับหินกลับมาแล้ว” หินลงจากรถเดินเข้าไปในสวน...กลิ่นดอกไม้ป่าเริ่มขจายกลิ่นเพราะเป็นเวลาเย็นมากแล้ว... อยู่ๆหินรู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมา...ลมเย็นวูบปะทะตัวหินและหมุนวนอยู่รอบๆ ตัวเขาพร้อมกลิ่นหอมแรงของดอกราตรี...

“ยายครับพ่อศักดิ์ครับหินกลับมาแล้ว หินจะไม่หนีไปไหนแล้วครับ หินจะอยู่ที่นี่กับพ่อศักดิ์ตลอดไปครับ...ผมสัญญา...” ความเงียบวังเวงและความรักความคิดถึงที่หินปิดกั้นตัวเองไว้ตลอดมาผลักดันให้หินตะโกนออกไปอย่างนั้น

สิ้นเสียงของหินมีร่างชายคนหนึ่งยืนอยู่บนระเบียงบ้าน

“พ่อศักดิ์ครับพ่อศักดิ์ หินกลับมาหาพ่อศักดิ์แล้ว” หินกระโดดด้วยความดีใจวิ่งไปที่บันไดบ้าน

“อ้าว! ไม่ใช่พ่อศักดิ์หรอกหรือครับ” หินชะงักยืนค้างอยู่โคนบันได

“ผมมาเฝ้าบ้านให้แม่ยวน เค้าอยู่ที่วัดกันหมดคุณรีบไปนะเดี๋ยวจะไม่ทัน”แล้วชายคนนั้นก็เข้าเรือนไปปล่อยให้หินยืนงง...

หินเดินกลับออกมาจากสวน เห็นลิลลี่ยืนคุยกับคนแปลกหน้าที่ยังคร่อมอยู่บนรถมอเตอร์ไซด์

“ไปที่วัดกันเถอะหิน ที่วัดเขาจำรถเราได้จึงขับรถมาบอกให้รีบไปหาพวกเขา”

“แปลกจริงครับคนที่เฝ้าบ้านยายก็บอกให้ผมรีบไป” หินพูดพึมพำแล้วรีบขึ้นรถซึ่งลิลลี่ก็รู้สึกแปลกใจพอๆ กัน



เมื่อมาถึงวัดมีเสียงเพลงไทยเดิมดังอยู่แผ่วๆ เข้าไปใกล้จึงรู้ว่ากำลังมีงานศพใครสักคน ทั้งลิลลี่และหินรู้สึกเสียววาบสันหลัง จะเป็นใครล่ะที่ลิลลี่และหินรู้จักที่นี่นอกจากป้ายวนและศักดิ์...ขออย่าให้มีอะไรเกี่ยวข้องกับคนทั้งสองเลย...

คนกลุ่มหนึ่งกำลังชุมนุมทำพิธีเผาศพอยู่ด้านหลังวัด ลิลลี่และหินเดินไปที่คนเหล่านั้นด้วยใจหวาดหวั่น ชายคนหนึ่งหันมาเห็นจึงพยักหน้าให้เดินไปหา

หินงงงันเหมือนถูกมนต์สะกด...เขาเดินตัวแข็งทื่อไปที่กองฟืนเบื้องหน้า ท่อนไม้ถูกวางเรียงสลับกันเป็นคอก บนนั้นมีโลงไม้วางอยู่ ข้างๆ สุมไว้ด้วยไม้ฟืนและทับอีกทีด้วยยางรถยนต์ มีแท่นไม้ด้านหน้าเป็นที่วางดอกไม้จันทน์...ชายคนหนึ่งราดน้ำมันเบ็นซินบนฝาโลงและราดไปทั่วๆ กองฟืน...อีกคนหนึ่งกำลังยื่นคบเพลิงให้หญิงคนหนึ่งเป็นผู้จุด...หญิงคนนั้นคือป้ายวน!...แล้วร่างที่นอนอยู่บนกองฟืนนั้นจะเป็นใครไปได้เล่า!!!...

“เดี๋ยวครับ!” หินตะโกนออกไปอย่างไม่รู้ตัว เขารีบเดินไปกอดยายยวนพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรูออกมา

“หิน!พ่อศักดิ์ตายแล้ว หินหายไปไหนมา พ่อศักดิ์เขากระวนกระวายถึงหินจนสิ้นใจรู้ไหม” ยายยวนร้องไห้พร้อมกับกอดหินแน่น

“ขอหินดูพ่อศักดิ์หน่อยได้ไหมครับ ขอดูหน้าพ่อศักดิ์เป็นครั้งสุดท้ายนะยาย” หินจูงมือยายยวนไปที่กองฟืน

“อย่าดูเลยศักดิ์ตายมาเดือนกว่าแล้วศพคงไม่น่าดูเท่าไหร่ หินจะจำติดตาไปเปล่าๆ หินนึกถึงหน้าพ่อศักดิ์เมื่อครั้งอยู่กับหินดีกว่านะ”

“งั้นขอหินไหว้พ่อศักดิ์เป็นครั้งสุดท้ายครับ” หินเดินไปที่แท่นวางดอกไม้จันท์แล้วคุกเข่าลงพูดเบาๆ กระท่อนกระแทนสลับกับเสียงสะอื้น...

“ศักดิ์ครับ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...ผมมาวันนี้เพื่อจะมาอยู่กับศักดิ์...แต่คุณกลับหนีผมไป...ผมไม่รู้จะทำอะไรได้นอกจากขอให้ศักดิ์อโหสิกรรมกับผมในบางสิ่งที่ผมอาจล่วงเกินคุณ...ศักดิ์ครับผมอยากให้คุณรู้ไว้ว่าผมรักคุณไม่น้อยไปกว่าที่คุณรักผมเลย...แต่อายุผมยังน้อยเกินกว่าที่จะทำอะไรได้ตามอำเภอใจ และนึกไม่ถึงว่าเวลาของศักดิ์จะมีเพียงแค่นี้...ถ้ารู้...ผมคงยอมตามใจเราทั้งสองคน...ดูสิ...ศักดิ์มอบทุกๆ สิ่งให้กับผมแม้แต่ชีวิตของศักดิ์เอง แล้วผมล่ะ...ดอกไม้จันท์สักอันยังไม่มีให้ศักดิ์เลย...คงมีแต่ความรักและความคิดถึงของผมที่มอบให้ศักดิ์ตลอดไป...ชั่วชีวิตของผม...ผมขอสัญญา”...

“ศักดิ์จ๊ะ...ไม่รู้ว่าการที่ฉันพาหินไปรักษาตัวอย่างกะทันหันเพื่อช่วยชีวิตของเขานั้นจะเป็นการทำร้ายทำลายชีวิตของศักดิ์หรือไม่ ถ้าใช่ฉันขอโทษและขออโหสิกรรมให้ฉันด้วย” ลิลลี่เข้ามายืนขอขมาศักดิ์ข้างๆหิน

“ลุกขึ้นเถอะหินเราจะได้เผาร่างของศักดิ์กัน” ลิลลี่ฉุดหินขึ้นจากท่าคุกเข่า

“ขอผมเป็นคนจุดไฟเผาพ่อศักดิ์นะครับ...” หินยังคงร่ำไห้...

“จะดีหรือ” ยายยวนลังเล

“นะครับ ขอผมทำอะไรให้พ่อศักดิ์บ้างเถอะครับ เพราะมันคงจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว” หินเอื้อมมือไปหยิบคบเพลิงจากมือยายแล้วจ่อไปที่กองฟืน...ใครคนหนึ่งกระชากหินออกมาจากกองฟืนที่ลุกโชนขึ้นฉับพลัน

“ใครเขาทำกันอย่างนี้ แค่โยนคบลงไปบนโลงก็พอ จะเผาตัวเองหรือไงคุณ” เด็กวัดนั่นเองที่กระชากหินออกมา

“พวกคุณไปรอที่ศาลาดีกว่าครับตรงนี้อันตราย” เด็กคนเดิมผลักหินออกจากรัศมีเปลวเพลิง รุนหลังให้ออกไปห่างๆ จากกองเพลิง

“อย่างเขาว่า พวกเราไปนั่งคอยที่ศาลาดีกว่า” ยายยวนเดินนำลิลลี่และหินออกจากบริเวณที่เผาศพ

“เรื่องเป็นอย่างไรหรือป้าช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อย” เมื่อนั่งพักกันเรียบร้อยแล้วลิลลี่จึงซักไซ้ความจริง

“คืนนั้นศักดิ์มาส่งฉันแล้วกลับไปเฝ้าหินที่โรงพยาบาล พอเขากลับไปถึงโรงพยาบาลพบว่าหินหายตัวไปเขาก็คลุ้มคลั่งจนหมอต้องฉีดยากล่อมประสาทให้เขาหลับ วันรุ่งขึ้นฉันเอาโทรศัพท์ของคุณไปให้เขาเห็นเขานอนเป็นคนไข้แทนที่หิน ฉันเองตกใจไม่น้อยที่หินหายตัวไป แต่ศักดิ์นั้นทั้งตกใจ กังวลใจ และเสียใจมาก มากเสียจนช็อคแล้วช็อคอีก...ตอนที่คุณโทรไปนั้นประสาทของเขากำลังถึงขีดสุดท้าย เขาพร่ำถึงหินวิตกถึงหินจนช็อคเกร็งหมดสติไป หมดลมหายใจทั้งๆ ยังกังวลถึงลูกหินของเขา...น่าสงสารมัน” ป้ายวนเล่าทั้งน้ำตา...

“นึกไม่ถึงว่าศักดิ์จะผูกพันกับหินมากขนาดนี้...ถ้าจะว่าเป็นความผิดของฉันในกรณีของศักดิ์ก็คงจริงเพราะฉันเป็นคนพาหินไปเอง แต่ถ้าจะมองในแง่ของหิน ถ้าฉันไม่พาหินเข้ากรุงเทพฯ ในคืนนั้นหินก็อาจตายได้เหมือนกัน ชีวิตหนึ่งเพื่อชีวิตหนึ่งฉันขออโหสิกรรมอีกครั้งนะศักดิ์” ลิลลี่หันไปที่เผาศพ

“หลังจากวันนั้นฉันไม่รู้จะติดต่อกับคุณได้อย่างไรเพราะศักดิ์ทำโทรศัพท์หล่นแตก ก็ได้แต่รอมาเดือนกว่านี่จึงตัดสินใจเผาเขา...โชคดีที่วันนี้คุณมาพอดี ไม่งั้นพ่อลูกคงไม่มีโอกาสล่ำลากัน...”


หินนั่งฟังยายกับลิลลี่คุยกันตามองไปที่กองฟืนที่กำลังลุกโชน...เมื่อคอกไม้ติดไฟทั่วก็ทานรับน้ำหนักโลงไว้ไม่ไหว โลงยุบลงไปในกองเพลิง ชาวบ้านที่มาช่วยงานช่วยกันเขี่ยท่อนฟืนให้ลุกสม่ำเสมอ...หินเห็นท่อนแขนของศักดิ์โผล่ขึ้นมากลางเปลวไฟ เขายกมือขึ้นไหว้ศักดิ์อีกครั้งแล้วร้องไห้ ใครคนหนึ่งใช้ไม้ปัดแขนนั้นให้ล้มลงและกดร่างที่กำลังจะกระดกขึ้น...หินปล่อยโฮออกมาแล้วหันไปกอดยายยวน...

“หินสงสารศักดิ์ สงสารพ่อศักดิ์ครับ...ฮือ ฮือ...” หินสะอึกสะอื้น

“พ่อเขาไปดีแล้ว หินอย่าร้องไห้ พ่อเขาจะเป็นทุกข์...เชื่อยายนะ” ยายยวนลูบหัวและตบหลังปลอบใจหิน...

หญิงคนหนึ่งเดินขึ้นมาบนศาลาตรงมาที่กลุ่มของหิน

“ทีอย่างนี้ร้องไห้เสียใจทำไมตอนทำไม่คิดให้ดีเสียก่อน จะบอกให้รู้นะว่านายเป็นคนทำให้พี่ศักดิ์ของฉันตาย ฉันจะขอจองเวรกับนายให้ถึงที่สุด ระวังตัวไว้ให้ดีละกันหิน!” ที่แท้เดือนนั่นเองที่ตามมาอาฆาตแค้นหิน เดือนชี้หน้าว่าหินแล้วหันไปทำหน้าถมึงใส่ลิลลี่...

“ไม่เอาน่าเดือนเห็นแก่คนตายเถิดนะ อย่ามาต่อว่าอะไรกันเลย ไหนๆ ศักดิ์ก็ตายไปแล้ว มันไม่ใช่ความผิดของใครหรอก ป้าขอร้องละนะ”

“มันคือความผิดของหินที่ทำให้พี่ศักดิ์ต้องตาย เขาตายเพราะตกใจเสียใจที่ลูกชายสุดที่รักหายไป ถ้าเขาไม่มีลูกอย่างนายเขาก็คงไม่ตาย เพราะหินศักดิ์จึงตาย!” เดือนพูดเสียงดังแล้วลงไปจากศาลา

“คอยดูนะ ฉันจะแก้แค้นแกนายหิน!” เดือนตะโกนส่งท้าย...

เพราะข้อหาและเสียงเอะอะเกรี้ยวกราดของเดือนทำให้หินลืมความโศกเศร้าชั่วขณะ ส่วนหนึ่งของใจหินคล้อยตามข้อกล่าวหานั้น ศักดิ์ตายเพราะเขาจริงๆ ศักดิ์ตายเพราะรักเขามากเกินไป...ถ้าไม่มีเขาให้ศักดิ์ได้รักเรื่องน่าเศร้าอย่างนี้คงไม่เกิดขึ้น เขาจะแก้ตัวและไถ่ถอนความผิดนี้ได้อย่างไร...


“พวกคุณกลับไปคอยที่บ้านก่อนดีกว่านะครับ” เด็กวัดเดินขึ้นมาบอกบนศาลา “ร่างพี่ศักดิ์ไหม้ช้ามากเนื้อแกคงแข็ง ส่วนหัวยังแทบไม่ไหม้เลยครับ คิดว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยมาเก็บกระดูกจะดีกว่า...อ้อ! อีกอย่างถ้าเป็นไปได้อยากให้คนที่พี่เขารักและเป็นห่วงไปช่วยเขี่ยถ่านบอกให้พี่เขาไม่ต้องเป็นห่วง โบราณว่าจะช่วยให้เผาได้ง่ายขึ้น...ได้ยินข่าวว่าเขารักละเป็นห่วงคุณมาก” เด็กหนุ่มคนนั้นหันมาทางหิน

“นะครับ คุณหินไปช่วยเขี่ยถ่านให้หน่อย ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกครับ ผมจะคอยระวังอันตรายให้คุณเอง” เขาพยักหน้ากึ่งขอร้องกึ่งบังคับ

“ไปช่วยเขาหน่อยหิน ลายเขาไว้ใจได้ เดี๋ยวยายกับคุณลิลลี่จะกลับบ้านก่อน สักพักให้ลายเขาไปส่งหินแล้วกัน...นะลาย” ป้ายวนหันไปสำทับกับลาย

“ครับยาย ผมจะดูแลคุณหินเองครับผม” ลายเดินนำหน้าหินไปที่กองไฟที่กำลังเผาร่างของศักดิ์

ลายพาหินไปด้านเหนือลมที่ไม่มีเปลวไฟพุ่งเข้าหา เขาส่งไม้ให้หินและบอกให้ยื่นไปที่ส่วนหัว...หินมือสั่นด้วยความกลัวแต่ก็อยากทำเพื่อศักดิ์...จู่ๆมือหินเกิดไม่มีแรงจับไม้เอาดื้อๆ ลายจึงช่วยจับไม้พร้อมกับหิน เขาประกบมือลงไปบนมือหินบังคับไม้ให้เขี่ยไปที่ใบหน้าของศักดิ์...

“พูดสิ พูดสิครับ” ลายกระซิบอยู่ข้างหูของหิน

“พูดอะไร” หินกระซิบถามเช่นกัน

“พูดให้พ่อเขาหมดห่วงกับคุณไงครับ”

หินจำส่วนหัวนั้นได้ดี ถึงแม้ตอนนี้จะมีเพียงแค่เงาดำๆในเปลวไฟเท่านั้น... “ศักดิ์ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงหินนะครับ ผมจะเป็นคนที่เข้มแข็งและมีชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเอง ขอบคุณสำหรับความรักและความดีต่างๆ ที่ศักดิ์มอบให้ผม ผมจะจดจำและจะรักศักดิ์คนเดียวตลอดไปครับศักดิ์...พ่อศักดิ์ของหิน” หินเพิ่งนึกได้ว่าลายกำลังฟังทุกถ้อยความที่เขาพูดอย่างชัดเจน...แต่ก็สายเกินไปแล้วแม้จะเปลี่ยนคำพูดลงท้ายว่า ‘พ่อศักดิ์ของหิน’ ก็ตาม...

“พอแล้วละครับเดี๋ยวคุณทนร้อนไม่ไหวออกไปกันได้แล้วครับ...นั่นไง! คุณหินดูซิ ไฟลามที่หัวพี่ศักดิ์แล้วเห็นไหม” ลายเสียงสั่น

“จริงด้วยนะลาย” หินขนลุกทั้งตัวกับภาพที่เห็น เขายกมือไหว้ลาศักดิ์
เป็นครั้งสุดท้ายแล้วเดินตามลายออกไปจากกองเพลิง...




ลายพาหินซ้อนมอเตอร์ไซด์ไปส่งบ้าน...ลายตัวเกรียมหน้าแดง หินเองก็แดงพอกันเพราะความร้อนจากเปลวไฟ

“ผมเคยได้ยินแต่เขาพูดกัน เพิ่งเห็นกับตาวันนี้เองครับผม พี่ศักดิ์คงรักคุณมากนะ...แต่ทำไม...” ลายหยุดถามเพราะคิดได้ว่าไม่สมควรถาม

“พ่อศักดิ์กับผมสนิทกันมากครับ บางที่เราเล่นกันเหมือนเพื่อนพูดคุยเหมือนเพื่อนสนิทคนหนึ่ง...นี่ใช่ไหมที่อยากรู้?” หินโล่งใจที่ลายถามเพราะจะได้ตอบแก้ตัวให้ลายหายสงสัย

“เข้าใจแล้วครับผม” ลายเลี้ยวรถลงเนินไปที่บ้านใหญ่

“โอ้โฮ! บ้านสวยน่าอยู่จังครับ ผมเคยเห็นไกลๆ เวลาขับรถผ่าน ได้เข้ามาแล้วสวยกว่าที่เห็นมากครับผม”

“มากันแล้วค่ะคุณลิลลี่!” ป้ายวนตะโกนเข้าไปในบ้าน

ลิลลี่เดินออกมาพร้อมกับยื่นธนบัตรใบละห้าร้อยบาทให้กับลาย

“อย่าหาว่าฉันดูถูกนะจ๊ะ เอาไปแบ่งให้เพื่อนๆ ที่ช่วยกันทำงาน”

“ผมรับไว้ไม่ได้หรอกครับ พวกผมช่วยกันทำเพื่อพี่ศักดิ์ครับผม พี่ศักดิ์เป็นคนดีคนหนึ่งของหมู่บ้านครับ พวกเรารักและสงสารพี่ศักดิ์กันทุกคน ผมรับไว้ไม่ได้หรอกครับผม” ลายมองธนบัตรนั้นด้วยสายตาหลายเหตุผล แต่ในที่สุดเขาก็สตาร์ทรถ

“ผมลาละครับยาย ลาครับคุณ” ลายยกมือไหว้ลาป้ายวนและลิลลี่

“ไปก่อนนะครับผม” ลายยิ้มให้หินแล้วออกรถไป”...








Create Date : 20 มกราคม 2551
Last Update : 18 เมษายน 2551 10:14:04 น. 0 comments
Counter : 435 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาเรน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดาเรน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.