Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
21 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 

..... บทที่ 21 .....




บทที่ 21



“เฮ้ย! พี่ๆ เขาไปถึงไหนกันแล้วไม่รู้” หินสะดุ้งตื่นจากภวังค์ในอดีตที่จับผลัดจับพลูให้เขาโชกโชนอย่างไม่ได้เต็มใจจะเป็น


“งั้นเรารีบปั่นกันเลยครับ” ลายเก็บขวดยาแดงใส่เป้ ดันหลังหินให้ขึ้นรถ แล้วเขาก็ขึ้นคร่อมเสือภูเขา “ไปโลด!”

หินโยกบิดไปบิดมาสักพักก็อยู่ตัววิ่งฉิวไปข้างหน้า ลายตามมาติดๆ ยิ้มอย่างสุขใจ ก็น่าจะสุขใจเพราะสองข้างทางสวยงามด้วยป่าไม้และทิวเขาเขียวขจี..มีเสียงนกร้องเป็นระยะ..และมีใครคนหนึ่งอยู่ข้างหน้า...

ขับมาสักพักก็พบเพื่อนร่วมชะตากรรม พี่คนหนึ่งนั่งโอดครวญอยู่ข้างทางมีพี่อีกคนช่วยบีบนวด พอเห็นลายและหินชะลอรถพี่ทั้งสองก็โบกมือให้เลยไป หินและลายจึงปั่นไปข้างหน้าจนเห็นพี่ๆ กลุ่มแรกอยู่ไม่ไกล

ขึ้นลงเนินเขาอีกหลายกิโลเล่นเอาน้องใหม่อย่างหินและลายเหนื่อยจนเหงื่อหยด โดยเฉพาะหินขาเริ่มล้าสั่น จึงถึงน้ำตกนางนวล..ทางน้ำที่หล่นจากหน้าผาลงสู่เบื้องล่างเป็นธารใหญ่สวยงาม พี่ๆ ก้วนเสือภูเขาอยากไปให้ถึงสุดทาง ตกลงเดินทางเลยน้ำตกขึ้นเนินเขาสูงชันต่อไปอีก คนที่เก่ง ใจกล้าและแกร่งเท่านั้นที่จะสามารถขึ้นไปได้

“ไอ้น้องสองคนไม่ต้องตามขึ้นไป รออยู่ที่น้ำตกนี่แหละทางข้างหน้ามันโหดและไม่มีอะไรให้ดูเท่าไหร่ พวกพี่ๆ อยากไปเพื่อความสะใจเท่านั้น” พี่หัวหน้าทีมตะโกนบอก

“ขอผมไปด้วยคนครับ ถ้าไม่ไหวอย่างไรผมถอยลงมาก็ได้ นะครับพี่ ”ไม่มีใครรู้ว่าลายคิดอะไรอยู่ หินเองก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกัน

“แล้วทิ้งให้ผมอยู่ที่นี่คนเดียวหรือ” หินกระซิบถาม

“ใครจะทำอย่างนั้น..มานี่!” ลายปลดเป้ออกจากหลังของหิน เอาสัมภาระบางอย่างที่แบ่งไว้หลังรถหินกลับไปผูกที่รถของตัวเองและสะพายเป้ของหินเพิ่มเข้าไปอีกใบ

“ไอ้หนุ่มนี่ใจถึงจริงๆ” ใครบางคนที่มองอยู่อุทานออกมา

“ถ้าหินเกร็งตัวไม่ไหวอย่าไปฝืนนะให้ลงเดินจูง ผมคิดว่าคงมีคนเดินจูงรถบ้างละเพราะทางชันมากเหลือเกิน..อย่าอ่อนแอให้ใครเห็นนะครับ อายเค้า”

“เดี๋ยวก็รู้หมู่หรือจ่า..ไป!” พี่หัวหน้าทีมร้องสั่งเริ่มการเดินทาง ทุกคนต่างโก่งตัวบังคับรถขึ้นทางที่ลาดชัน ถนนที่แทบไม่เป็นถนนรกรุงรังด้วยหญ้าและเถาวัลย์ ไปได้สักพักทุกคนก็ลงเดินจูงรถท่ามกลางเสียงหัวเราะเฮฮากับการพ่ายแพ้ต่อธรรมชาติที่แหนหวงถิ่นไม่ยอมให้ใครลุกล้ำไปได้ง่ายๆ

พากันเดินจูงรถขึ้นไปสักชั่วโมงกว่าๆได้ระยะทางแค่ประมาณกิโลเมตรเศษเท่านั้นเอง แต่ก็เกือบจะถึงยอดเนินสุดท้ายซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของถนนและเนินเขา ถัดจากนั้นเป็นทางเดินลาดชันลงสู่แนวป่าที่คดเคี้ยวไปตามทิวเขาสลับซับซ้อนเบื้องล่างของเขตอำเภออุ้มผางจังหวัดตากซึ่งเคยเป็นพื้นที่สีแดงอันตรายในอดีต

“พวกเราพอกันแค่นี้แล้วกัน ขืนลงไปต่อไม่รู้จะกลับขึ้นมาได้หรือเปล่า..เฮ้! ไอ้น้อง เก่งจริงนะเรา” พี่ตะโกนชมมาจากด้านหน้า เสียงก้องไปทั้งหุบเขาเล่นเอาลายเขินเหมือนกัน

“หินช่วยกันจำทางไว้ด้วยนะ เราอาจจะต้องมากันตามลำพังอีกเมื่อถึงคราวจำเป็น!” ลายกระซิบ...

“ระวังนะพรรคพวก ขาลงนี่อาจจะทำให้บางคนสะโพกเคล็ดได้” พี่หัวโจกปล่อยจักรยานไหลลงมาจากเนินสุดแสนจะชันนั้น มันวิ่งดิ่งลงมา เสียงผ้าเบรกของรถแต่ละคันดังเอี๊ยดอ๊าดแข่งกับเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งด้วยความสะใจ

“หินระวังให้มากๆ นะ แผลเก่าเลือดยังซิบๆ อยู่เลย ผมไม่น่าพาหินขึ้นมาเล้ย” ลายออกอาการวิตกแทนหิน

หินและลายปล่อยตัวลงมาเป็นสองคนสุดท้าย ทั้งคู่พยายามประคองรถ เกร็งข้อมือบีบเบรกกันสุดชีวิต ระวังไม่ให้แล่นทับไปบนกรวดหินหรือกอหญ้าหนาๆ หินหน้าแดงเพราะความตื่นเต้น..ลายแวบมองอยู่บ่อยๆ ด้วยความเป็นห่วง..จนเกือบจะถึงพื้นราบที่พี่ๆ ยืนช่วยลุ้นอยู่...

“โอ๊ะ!” ลายร้องออกมาก่อนจะกระเด็นหล่นจากรถที่วิ่งแซงหน้าเจ้าของไปไกล

“ลาย!” หินลืมตัวร้องลั่น เอาขาลงระพื้นช่วยชะลอความเร็วของรถที่กำลังเล่นช้าลงเพราะถึงพื้นราบ หินทิ้งรถวิ่งไปหาลายที่พวกพี่ๆ กำลังมุงช่วยปฐมพยาบาล

“เป็นอย่างไรบ้าง..ลายเป็นอะไรหรือเปล่าครับพี่?” หินตัวสั่นเพราะเหนื่อยและกลัวว่าลายจะเป็นอะไรไป

“ลาย..ลาย..” หินคุกเข่าลงข้างลาย พี่คนหนึ่งส่ายแอมโมเนียแถวจมูกลาย อีกคนช่วยบีบนวดตามแขนขา

“ลืมตาแล้ว..ลืมตาแล้ว คงไม่เป็นอะไรมาก” ใครบางคนที่มุงดูอยู่ร้องออกมา

“หิน..หิน..ผมเจ็บ..” ลายร้องเบาๆ

“ผมอยู่นี่..เจ็บตรงไหน”

“เจ็บขา” ลายหน้าทำหน้าเบี้ยวเอามือจับตรงโคนขา

“ผมจะทายาให้นะครับ เราเตรียมมาพร้อม ไม่ต้องกลัว” พี่หัวหน้าปลดตะขอกางเกง รูดซิบและดึงกางเกงของลายลงมาเหนือเข่า ทาเจลแก้ปวดกล้ามเนื้อลงบนรอยฟกช้ำแถวหน้าขา

“โอ๊ย! เจ็บครับ”

“ตอนทาเจ็บหน่อยนะ เดี๋ยวก็หายเชื่อสิ” พี่ทายาต่อไม่สนใจเสียงร้อง

“ผมอาย” ลายหันไปกระซิบกับหิน

“ไม่ต้องอายไอ้น้อง เหมือนๆ กันน่า..สาวๆ อย่ามองขาล่ำๆ ของน้องลายเค้านะ..พี่ไล่ไปหมดแล้ว ฮา ฮา” พี่ๆ ที่เป็นผู้หญิงยิ่งแกล้งเข้าใกล้ ลายรีบดึงกางเกงขึ้น รูดซิบ ติดตะขอแล้วลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว

“รีบหายเลยใช่ไหมน้อง อิ อิ” พี่ๆ หัวเราะชอบใจที่ได้เย้าแหย่ลายซึ่งทำให้ลายฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่ควร

“เดี๋ยวพวกเราจะช่วยพาไปนั่งที่โขดหินแล้วจะได้กินข้าวกัน เตรียมมาหรือเปล่าล่ะน้อง” หลายคนช่วยประคองลายไปนั่ง ยาเริ่มออกฤทธิ์

“เดี๋ยวตามไปนะ..” หินตะโกนบอกลาย

“ทำไมล่ะ?” หินไม่ตอบ แต่เดินจูงจักรยานไปพิงต้นไม้แล้วออกตามเก็บสัมภาระและเสบียงที่กระเด็นเข้าพงหญ้า พี่คนหนึ่งจูงจักรยานของลายมาให้

“พี่ๆ น่ารักมากครับ ผมขอบคุณพี่มากครับ” หินยกมือไหว้ไปที่กลุ่มพี่นักปั่น

“พวกเราแบ่งไก่ย่างกับข้าวเหนียวมาให้ พี่เตรียมมามากเกินไปหน่อย” พี่ผู้หญิงอีกตามเคยเพราะเรื่องปากเรื่องท้องต้องพี่ผู้หญิงแน่นอน

“ขอบคุณมากครับ” ลายเป็นฝ่ายขอบคุณบ้าง

หินเปิดกระป๋องแกงพะแนงหมู เทใส่ลงในกะละมัง ตักข้าวที่ลายหุงไว้เมื่อเช้าออกมาจากกระติก มันยังอุ่นอยู่ แล้วทั้งสองคนก็แบ่งกันกิน

“คราวนี้ผมคงเป็นภาระให้หินบ้างแล้ว..จะช่วยผมไหม?” เมื่ออิ่มท้องดีแล้วลายก็เริ่มช่างคุย

“ไม่!” หินสาระวนเก็บถ้วยชามและเศษอาหาร “ปล่อยทิ้งไว้ที่นี่แหละใครจะแบกไปไหว”

“โอ๊ย...หินใจร้าย” ปากร้องต่อว่าแต่ทำหน้ายิ้ม

“ใครเขาจะปล่อยไว้ เดี๋ยวพวกพี่จะช่วยลากไปให้ ขืนปล่อยไว้เสือคาบไปกินแน่” เสียงพี่คนหนึ่งสวนมา

หินยิ้มและยักคิ้วกับลายเหมือนจะพูดว่า “ไหมล่ะ! อ้อนอะไรมาพี่เขาได้ยินหมดนะ”

ขากลับโหดและใช้เวลามากกว่าขาไปมากเพราะต้องขี่ย้อนกลับขึ้นไปบนช่องเย็น สาเหตุใหญ่อีกอย่างหนึ่งก็คือตัวหนักๆ ของลายที่พี่ๆ ต้องทั้งลากทั้งจูงทั้งแบกในบางคราว เล่นเอาคนที่แข็งแรงหอบกันแฮกๆ..เมื่อกลับบ้านไปพี่ๆ คงลืมลายไม่ลงแน่ๆ...



กว่าจะลงมือทำอาหารกันก็เริ่มมืดแล้ว หินไม่ต้องก่อไฟหุงข้าวเพราะพี่ๆ ออกปากจะแบ่งปันอาหารให้ หินจึงเป็นลูกมือช่วยทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ลายนั้นเมื่อกลับถึงเต็นท์ก็ขอนอนเพราะยาแก้ปวดทำให้ง่วง..อาหารเสร็จเมื่อมืดพอดี พี่ผู้หญิงให้หินตามลายไปกินข้าว

“ลาย ไปกินข้าวกันเถอะ” หินร้องมาแต่ไกลและเข้าไปเรียกในเต็นท์ “ลายไปกินข้าว” แต่ลายนอนนิ่ง หินเขย่าอย่างไรลายก็ไม่รู้สึกตัว หินรีบวิ่งกลับไปหาพี่ผู้หญิง...

“พี่ครับ! ลายเป็นอะไรไม่รู้ตัวร้อนจี๋นอนไม่กระดุกกระดิกเลย” พี่ผู้หญิงเข้าไปหยิบยาในเต็นท์และบอกให้หินหยิบอาหารเดินตามไปที่เต็นท์ของลาย

“ลาย..พี่เขาเอายามาให้แต่ลายต้องกินข้าวก่อนนะ” หินพยายามปลุกลายจนตื่นและประคองให้ลุกขึ้นนั่ง พี่ผู้หญิงเข้าไปป้อนข้าวกับแกงจืดไข่ที่ทำมาให้ลายโดยเฉพาะแล้วสักครู่จึงป้อนยา ลายไม่พูดอะไรเลยสักคำ

“อีกสี่ชั่วโมงหินป้อนยาให้ลายนะ เขาเป็นไข้เพราะอักเสบกล้ามเนื้อต้นขาและทั่วๆ ตัว คงไม่หนักหนาอะไร หินหมั่นทายาให้ด้วยแล้วกัน มีอะไรไปเรียกพี่ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ” พี่ผู้หญิงกลับไปที่กองไฟ หินนั่งกินข้าวอยู่หน้าเต็นท์คนเดียว...ลมหนาวเริ่มกระหน่ำ หินรีบกินรีบอาบน้ำแล้วเข้าไปดูอาการของลาย


คืนนี้อากาศหนาวกว่าคืนก่อน มีลมพัดแรงเขย่าเต็นท์เป็นระยะๆ พี่ๆรอบกองไฟเข้านอนกันหมดแล้วเพราะเหนื่อยกันมาทั้งวัน หินรู้สึกปวดเมื่อยเหมือนกัน แต่เพราะลายซึ่งนอนอยู่ข้างๆ ทำให้หินสลัดความปวดเมื่อยนั้นทิ้งไป

“หิน..หิน..หนาว...” ลายเพ้อเพราะพิษไข้

“ผมอยู่นี่” หินเอาผ้าห่มของตัวเองซ้อนลงไปบนตัวลาย

“หิน ผม หนาว” ลายร้องคราง

“ลายได้ผ้าห่มตั้งสองผืน ผมไม่มีผ้าห่มเลย..ผมก็หนาวนะ...” ลมยิ่งพัดกรรโชกพาเอาความหนาวเหน็บลอดเข้ามาในเต็นท์

“หิน..ผมหนาว...” ลายไม่ร้องแต่เปลี่ยนเป็นพูดเบาๆ

“เอ ทำไงดี..เอาอย่างนี้ละกัน...” หินคลี่ห้าห่มสองชั้นนั้นให้กว้างที่สุดแล้วแทรกตัวเข้าไปติดกับลาย เอื้อมมือข้างหนึ่งกอดลายไว้ ตัวของลายร้อนผ่าว กลิ่นเหงื่อที่หมักหมมไว้ทั้งวันเหม็นตุ่ยแต่หินก็กอดด้วยความเต็มใจ สักครู่ลายรู้สึกตัวเบียดร่างเข้าชิด ซุกหน้ากับคอของหิน หยุดครวญครางและหลับสนิทไปจนถึงเช้า.....



“น้องๆ ...” เสียงพี่หัวหน้าก้วนเสือภูเขาเรียกอยู่หน้าเต็นท์

“หือ..ครับ” หินโผล่หน้าออกมา หยีตาเพราะแสงสว่างจ้า

“หลับกันไม่รู้เรื่องเลยนะ คงเหนื่อยมากละซีเมื่อวานนี้..พวกพี่ๆ จะกลับกรุงเทพฯ กันแล้วนะ มาบอกลา”

“ลายคงยังไม่หาย พี่ทิ้งยาไว้ให้ ข้าวเช้าพี่ก็ทำเผื่อให้นะ” พี่ผู้หญิงวางกล่องเสบียงข้างเตาแก๊สที่พี่หัวหน้าวางไว้ก่อน “พี่คงไม่ได้ใช้เตาแก๊สปิกนิกอีกแล้วเพราะตรงดิ่งกลับกรุงเทพฯ เลย พี่ให้เราสองคนไว้ใช้ คนก่อกองไฟเก่งไม่สบายเสียแล้ว พี่รู้ว่าหินทำอะไรไม่ค่อยเป็นพี่จึงทิ้งไว้ให้..เออใช่! พี่แอบดูเราสองคนอยู่ตั้งแต่วันแรกที่มาถึง ก็แอบชอบอยู่เพราะเราน่ารักกันทั้งคู่” พี่ผู้หญิงอธิบายละเอียดลออ

“ผมสองคนขอขอบคุณพี่ๆ มากครับ จะไม่ลืมเลย ลายตื่นขึ้นมาคงใจหายที่ไม่พบพี่ครับ” หินน้ำตาซึมกับความเอื้ออารีที่ได้รับ

“นี่คือเบอร์ของพวกพี่ วันหนึ่งข้างหน้าเราอาจจะได้พบกันอีก” พี่หัวหน้ายื่นนามบัตรให้หินสองสามใบ หินน้ำตาหยดแหมะพูดอะไรไม่ออกได้แต่ยกมือขึ้นไหว้อีกครั้งและโบกมือบายบายกับกลุ่มพี่ๆ ที่เคลื่อนรถจากไป...

นอกจากเตาแก๊ส อาหารและยาแล้ว ยังมีอาหารแห้ง อาหารกระป๋องและข้าวสารอีกด้วย เหมือนรู้ว่าหินและลายจะต้องอยู่บนนี้อีกนาน

โชคดีที่ลายหาทำเลกางเต็นท์ไว้ใกล้ชายป่าจึงดูเป็นส่วนตัวห่างจากคนอื่นๆ เพราะดูจากอุปกรณ์และสภาพทั่วไปเหมือนเต็นท์นี้จะปักหลักอยู่ที่นี่อย่างถาวร..คนอะไรไม่กลับบ้านไปทำมาหากิน ไม่ไปโรงเรียน..หินอาจจะร้อนตัวคิดไปเอง ในใจนึกถึงคำที่ลายชอบพูดบ่อยๆว่า ‘อายเค้า’...


หินประเดิมเตาแก๊สด้วยการต้มน้ำเช็ดตัวให้ลาย

“ลาย..ตื่นเถอะ สายแล้ว” หินเขย่าตัวลายที่คลายความร้อนลงมาก

“หือ..ครับ” ลายงัวเงียตื่นขึ้น ยิ้มทั้งขี้ตา

“ลุกขึ้นนั่ง ผมจะเช็ดตัวให้แล้วจะได้ทายา กินข้าวกินยา” หินมุดออกไปหยิบเสื้อผ้าและถังน้ำอุ่นเข้ามา จัดแจงรูดซิบประตูเต็นท์มิดชิดและออกคำสั่ง

“ลายถอดเสื้อออก”

“อึ๊..ผมอาย”
ลายเอามือจับเสื้อไว้

“ทีงี้อาย..งั้นผมออกไปข้างนอกให้ลายทำความสะอาดเองละกัน” หินออกไปจากเต็นท์ ปล่อยให้ลายนั่งงง

“โอ๊ย!”

“อะไร?” หินรีบกลับเข้ามา

“ผมปวดขา ยังขยับไม่ได้เลย” ลายหน้านิ่ว

“แล้วทำอวดเก่ง” หินค่อยๆ ถอดเสื้อของลายออกทีละชั้น

“ป่าวอวดเก่งซะหน่อยแค่บอกว่าอาย หินก็รีบออกไปเลย ผมอยากให้หินทำให้อยู่แล้วครับ” ลายอมยิ้ม

“พูดดี เดี๋ยวผมออกไปอีกนะ” หินขู่ ลายจึงเงียบไม่กล้าพูดอะไร ปล่อยให้หินใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นทำความสะอาดคราบเหงื่อไคลทั่วทั้งร่างกาย

หินเช็ดท่อนบนก่อนทั้งด้านหน้าของลำตัว ด้านหลัง แขนและซอกรักแร้ เสร็จแล้วจึงใช้แป้งฝุ่นลูบไล้ให้จนทั่ว ใส่เสื้อตัวใหม่ให้แล้วจึงถอดกางเกงวอร์มตัวเหม็นออก ลายลงนอนเพื่อหินจะได้ทำงานสะดวก อีกอย่างเขาเกิดอายหินขึ้นมาจริงๆจึงนอนหลับตานิ่ง...

“ผมก็อายเหมือนกันนะลาย..แต่อยากทำให้เพราะเป็นเรื่องจำเป็นและลายเองก็เคยทำอะไรๆให้ผมมามาก แค่เอาผ้าเช็ดนกเขาของลายแค่นี้ทำไมผมจะทำให้ไม่ได้ ว่าไหม?...” หินทำหน้าตาเฉยบิดน้ำออกจากผ้าขนหนูและเช็ดไปตามขาทั้งสอง หน้าท้อง ซอกขาหนีบแม้กระทั่งใต้พวงลำไยแฝดนั้น เพราะหินรู้ดีว่ามันเป็นแหล่งเหนอะหนะที่สุด ถ้าได้ทำความสะอาดและโรยแป้งฝุ่นอย่างที่หินกำลังทำอยู่นี้จะทำให้รู้สึกสบายตัว

“เฮ้ย! ลายอย่าลุกขึ้นมา นอนลงซะ” หินเอ็ด

“ผมป่าวนะ นอนเฉยอยู่นี่ไง” ลายพาซื่อเถียงออกไป

“นี่แน่ะ! ยังเถียงอีก” หินดีดเบาๆ ที่นกเขาของลายที่เริ่มจะแข็งตัว

“ก็หินไปเช็ดไปทาแป้งมันอย่างนั้นมันก็ตื่นละซี จะโทษผมได้ไง โธ่!” หินยิ้มขำที่ได้อำลายเล่นแก้อาการเขินของเขาทั้งสองคน หินทาเจลแก้ปวดฟกช้ำที่ต้นขาของลาย ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทำให้ลายสงบลงไปได้

“ไม่ต้องใส่กางเกงในนะ เพราะวันนี้คงนอนอยู่อย่างนี้ ยังออกไปไหนไม่ได้” หินใส่กางเกงวอร์มให้ลาย

“ขั้นสุดท้ายก็คือเช็ดหน้า แคะขี้ตาและแปรงฟัน”

“โห!
มีแต่เขาเช็ดทำความสะอาดหน้าก่อนอย่างอื่น” ลายกระเซ้า

“เฮ้ย! พูดดีๆ นะ..ทำได้แค่นี้แหละ..รู้งี้ไม่ทำให้ดีกว่า” หินใส่ผ้าลงกะละมัง ตั้งท่าจะออกจากเต็นท์

“โอ๊ย!” ลายกระดกตัวขึ้น คว้าข้อมือหินไว้ “ผมแหย่เล่นน่ะ..โอ๊ย เจ็บ”

“เออ!” หินนึกเคืองแต่ไม่ต่อความอะไร กลับทำความสะอาดผ้าอีกหนเช็ดไปบนใบหน้าของลาย

“โกรธหรือ?” ลายเริ่มกังวลกับความเงียบของหิน

“ไม่..” หินหายเคืองเมื่อเห็นสีหน้าวิตกของลาย ถึงอย่างไรหินก็ไม่มีสิทธิ์โกรธอยู่แล้ว

“จริงนะ..” ลายยิ้มดีใจเหมือนเด็กได้ของเล่น

“ไม่รู้ว่าน่ารักตรงไหน?” หินเริ่มทำให้ลายสบายใจ “พี่ๆ เค้าชมได้ไง้ ก็แค่คิ้วดำตาคม จมูกโด่งปากแดงแค่นั้นเองไม่เห็นจะหล่อตรงไหนเลย” หินพูดแหย่แต่ไม่กล้าสบตาลาย

“เออ..” ลายแกล้งพูดเหมือนหินบ้าง

“ลายแปรงฟันบ้วนปากเองนะอย่าให้หกรดเสื้อล่ะ..เด็กน้อย...” หินไม่ยอมแพ้ แกล้งเน้นคำว่าเด็กน้อย

“ฝากไว้ก่อนแล้วกัน” ลายพูดอู้อี้เพราะยาสีฟันเต็มปาก

“มาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว” เมื่อลายแปรงฟันเสร็จ หินเทแป้งลงบนฝ่ามือ ทาลงบนหน้าของลาย แล้วเอียงคอมอง

“อ๋อ! ฮะ ฮะ” หินหัวเราะกับหน้าขาววอกของลายที่เขาแกล้งทาแป้งไว้ “ก็น่ารักเหมือนกันนะ นายลายเด็กน้อย...” สิ้นคำว่าเด็กน้อย ลายรวบตัวหินเข้าไปกอด

“บอกแล้วอย่าเรียกว่าเด็กน้อย!” ลายกอดหินแน่น ซุกหน้าไปที่แก้มและจูบอย่างที่เคยตั้งใจไว้ตลอดเวลา..เหมือนแมวที่ซุ่มคอยตะครุบเหยื่อ..แมวลายเพิ่งสบโอกาสวันนี้เอง มีหรือจะปล่อยให้หนูอย่างหินหลุดมือ...

“เฮ้ย! อย่านะลาย เดี๋ยวผมร้องนะ” หินดิ้นขลุกขลัก ขู่ลายด้วยไม้เดิมๆ

“ร้องไปสิ ผมไม่กลัวหรอก ทีเมื่อคืนนอนกอดผมทั้งคืนผมยังไม่ว่าอะไรเลย” ลายไม่หยุดจู่โจม

“ก็เมื่อคืนลายหนาวเพราะพิษไข้ ผมทำไปเพื่อช่วยเหลือคุณหรอกนะ ไม่ได้นึกอยากจะทำสักหน่อย..โว้ย! อย่างนี้เขาเรียกว่าทำคุณบูชาโทษนี่นา” หินนั่งนิ่งเลิกต่อสู้ดิ้นรน ทำสีหน้าเฉยเมย ซึ่งได้ผลเพราะลายหยุดรุกราน คงแค่กอดหินไว้หลวมๆ

“ปล่อยนะ ผมจะเอาน้ำไปเททิ้งแล้วกินข้าวกัน ถ้ารู้ว่าจะโดนอย่างนี้ไม่ทำให้ดีกว่า” ลายหน้าม่อยคลายมือจากตัวหิน

“ผมไม่อยากขอโทษหินเลย เพราะผมตั้งใจทำและจะทำอีกถ้ามีโอกาส มันแก้ไขไม่ได้แล้ว”

“ไม่รุ๊!..”



“กินข้าวกันดีกว่า มีต้มยำปลากระป๋องและไข่เจียวหมูทอด” หินหยิบอาหารเข้ามาในเต็นท์

“โอ้โฮ! เพิ่งจะรู้ว่าหินมีฝีมือเหมือนกัน หลงนึกดูถูกซะตั้งนาน..ผมหิวจังครับ”

“หึ หึ..” หินนึกกระหยิ่มที่หลอกลายสำเร็จ

“หินทำอย่างไรไม่เหม็นกลิ่นควันไฟ เหมือนกินข้าวที่บ้านเลยนะนี่ หินเก่งจัง” ลายตักข้าวกินตุ้ยๆ เพราะเพิ่งสร่างไข้และเมื่อวานก็แทบไม่ได้กินอะไรเลย

หินกินข้าวไปอดนึกเวทนาลายไม่ได้ ที่จริงลายก็คือเด็กน้อยคนหนึ่งที่บังเอิญมีระดับฮอร์โมนมากกว่าปกติจึงทำให้เป็นหนุ่มเร็วกว่าธรรมดา เด็กวัยนี้บางคนยังสับสนทางเพศแยกไม่ได้เด็ดขาดว่าต้องการอะไร เมื่อพบความอบอุ่นและความรักจากใครเขาก็จะยึดเหนี่ยวไว้ จนกระทั่งถึงวัยเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ เขาจึงจะเข้าใจตัวเองและเป็นชายอย่างสมบูรณ์...

“มองผมทำไม ไม่เห็นกินข้าว ตัวเองทำกับข้าวไม่อร่อยใช่ไหมล่ะ?”ลายแกล้งว่าหินทั้งๆ ที่ตัวเองก็แอบมองหินอยู่เหมือนกัน เพราะไม่แน่ใจว่าหินยังโกรธอยู่อีกหรือเปล่า

“ทำไมจะไม่อร่อย คราวหน้าลายทำให้ได้อย่างผมก็แล้วกัน..เค้าเป็นห่วงละน้า ว่าใครบางคนจะกินไม่อิ่ม” หินก้มหน้ากินข้าวมื้ออร่อยที่พี่ผู้หญิงอุตสาห์ทำทิ้งไว้ให้...


นี่แหละนะความรักที่แท้จริงที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งนับวันจะหายากขึ้นทุกที.....






 

Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2551
0 comments
Last Update : 5 มิถุนายน 2551 13:26:32 น.
Counter : 374 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ดาเรน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดาเรน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.