Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
1 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
..... บทที่ 17 .....



บทที่ 17


มีกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะเตรียมอาหาร ป้ายวนหยิบขึ้นดู ในใจคิดว่าคงเป็นรายการอาหารที่คุณลิลลี่ต้องการ...ธรรมดาคุณลิลลี่ไม่พิถีพิถันนัก แต่สำหรับรายการอาหารของหินคุณลิลลี่เอาใจใส่เป็นพิเศษ...


“ป้ายวนครับ...” ป้ายวนแปลกใจที่เป็นจดหมาย ไม่ใช่รายการอาหารอย่างที่คิด เมื่อเหลือบเห็นชื่อคนเขียน ป้ายวนถึงกับลากเก้าอี้มานั่ง ยังไงแกก็ยังรู้สึกเย็นวาบกับเรื่องนี้อยู่ดี...

“ป้ายวนครับ ผมขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น คุณลิลลี่คงบอกอะไรป้าบ้างแล้วแต่ไม่ละเอียดเท่าที่ผมกำลังจะเล่า.....วันนั้นที่โรงพยาบาลผมเกิดชักเกร็งอย่างกะทันหันเพราะเครียดเรื่องหินและเพราะผมแทบไม่ได้พักผ่อนเลย อาการที่เกิดขึ้นรุนแรงมากจนผมหยุดหายใจไปชั่วขณะ ทุกคนรวมทั้งป้านึกว่าผมตายไปแล้ว แต่ผมฟื้นขึ้นตอนถูกเข็นไปห้องดับจิต เมื่อรู้สึกตัวผมจึงหนีออกจากโรงพยาบาลทั้งที่คิดอะไรไม่ออกทั้งสิ้น แต่ก่อนจะออกมาผมเปลี่ยนป้ายชื่อศพของผมกับศพชายคนหนึ่งที่นอนคลุมผ้าอยู่ข้างๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปทำไม” ป้ายวนกลืนน้ำลาย...

“เมื่อผมเห็นสภาพตัวเองชัดเจนจากกระจกห้องน้ำของโรงพยาบาล ผมแทบอยากจะตายอีกครั้ง หน้าที่เกร็งเบี้ยว ตาข้างหนึ่งเหลือกถลนออกมา น้ำลายไหลจากมุมปากที่ไม่สามารถควบคุมได้ ผมร้องออกมาด้วยความเวทนาตัวเอง แต่อนิจจา...ไม่มีเสียงลอดออกมาจากปากผมเลย มันหายไปเฉยๆ ผมพยายามแล้วพยายามอีกก็ไม่เป็นผล มีแต่เสียงอื้ออ้าไม่เป็นภาษาคน...ไม่มีใครจำผมได้ ไม่มีใครสนใจ ทุกคนพยายามหลีกทางผม” ป้ายวนยกมือปิดหน้าด้วยความสะเทือนใจ

“ชะตาของผมยังไม่ร้ายถึงที่สุด เพราะมือเท้าผมยังใช้การได้ดีแม้บางทีจะมีติดขัดบ้าง ผมลากสังขารมาขอส่วนบุญจากพระที่วัด อาศัยข้าวก้นบาตรซึ่งบางวันก็ไม่มี พระท่านก็อดเหมือนกัน อาศัยนอนศาลาวัดไปวันๆ ชาวบ้านบางคนเมตตาให้อาหารผมพอประทังชีวิตที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีชีวิตอยู่ไปทำไม” ป้ายวนลดจดหมายลงบนตักซบหน้ากับฝ่ามือที่เต็มไปด้วยน้ำตา...ไม่สามารถอ่านต่อไปได้...

“ผมดีใจที่ป้าจัดการเผาศพให้ นายศักดิ์จะได้หายไปจากโลกนี้เสียที...แต่...แต่เมื่อเห็นภาพของหินที่เศร้าเสียใจถึงผมข้างกองฟืนที่ลุกโชนนั้น ความอ่อนล้าท้อแท้กับชีวิตของผมกลับพลิกฟื้นขึ้นมา ผมมีหินที่ยังต้องห่วงใย ถึงแม้ผมแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรกับหินแล้วก็ตาม ผมแอบมาอาศัยในกระท่อมร้างกลางดงอ้อชายป่า พยายามดำรงชีวิตอยู่ให้ได้ พยายามหัดพูดทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าในชั่วชีวิตที่เหลือนี้ผมจะมีโอกาสเสนอหน้าอันอัปลักษณ์นี้ให้หินเห็นหรือไม่...คงไม่มีโอกาส...ถึงมี ผมก็คงไม่มาให้หินเห็นหรอกครับ เพียงรู้ว่ามีหินอยู่ที่บ้านนี้ ได้ยินเสียงแม้เพียงแว่วๆ ก็มากพอสำหรับซากของศักดิ์แล้วละครับ...จนกระทั่งวันหนึ่งคุณลิลลี่ไปเดินสำรวจพื้นที่ชายป่าแล้วพบผมเข้า ผมพยายามปฏิเสธแต่คุณลิลลี่จำผมได้แม่น เธอจึงคอยช่วยเหลือผมอยู่เนืองๆ จนกระทั่งผมได้เข้ามาเป็นตาเป็นขาของหินนี่แหละครับ...ไม่รู้ว่าโอกาสสุดท้ายที่ผมจะได้อยู่ใกล้ชิดกับหินนี้จะนานแค่ไหน...ผมภาวนาให้ตาของหินเป็นปกติเร็วๆซึ่งนั่นหมายความว่าเวลาของผมกำลังจะหมดลงเช่นกันด้วย...สุดท้ายนี้ป้าคงเข้าใจเรื่องทั้งหมด ไม่โกรธ ไม่สงสัยอะไรผมแล้วนะครับ...ผมกราบป้ายวนครับ...ศักดิ์”


ป้ายวนเช็ดน้ำตาแล้วพับจดหมายของศักดิ์เก็บใส่ในลิ้นชักเครื่องมือกระจุกกระจิกในครัว...ข้อข้องใจเกี่ยวกับศักดิ์คลี่คลายลง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างหินและศักดิ์ยังไม่กระจ่างในใจแก


“วันนี้ป้าทำกับข้าวอะไรให้หินกินเอ่ย?” ลิลลี่ทักป้ายวนแต่เดินผ่านครัวไปไม่รอคำตอบ

‘คุณลิลลี่อีกคนเหมือนกันที่เข้ามาข้องเกี่ยวกับชีวิตของหินอย่างน่าสงสัย แต่เป็นไปในทางที่ดี...ถ้าไม่มีคุณลิลลี่ ทั้งชีวิตของหินและศักดิ์จะเป็นอย่างไรหนอ’ป้ายวนคิดในใจ...กำลังจะคิดต่อพอดีลิลลี่วกกลับเข้ามาในครัว

“ป้ายังไม่ตอบฉันเลยว่าทำอะไรกิน...คิดอะไรอยู่หรือ เห็นป้านั่งท่าเดิมนานแล้วนะ หึ หึ” ลิลลี่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“ปลาทอดราดพริก ไข่ตุ๋นใส่หมูสับและหอมใหญ่ค่ะ หินคงกินได้สะดวกเพราะมีศักดิ์คอยดูแลอยู่ ให้กินแต่ข้าวผัดคงจะเบื่อแย่ถึงแม้จะเปลี่ยนเป็นผัดแบบต่างๆ ก็ยังเป็นข้าวผัดอยู่ดี”

“แสดงว่าป้าก็รักหินมากเหมือนกันนะถึงได้ใส่ใจกับเขาขนาดนี้”

“หินเป็นหลานของป้า เขาน่ารักน่าสงสารอย่างไรคุณลิลลี่คงทราบดี คุณเองก็รักเขา...มากกว่าฉันอีกกระมัง?” ป้ายวนหยอดท้ายใส่ลิลลี่

“เอาเถอะ อีกไม่นานป้าคงเข้าใจฉันดีมากกว่านี้ ขอบคุณป้ามากที่ไม่เคยเข้าใจฉันผิดๆ อย่างบางคน” ลิลลี่ออกจากครัวไป

‘ใครว่าล่ะว่าป้าไม่ได้คิด’ ป้ายวนค้านลิลลี่ในใจ...




ศักดิ์แกะเนื้อปลานิลทอดวางบนข้าว แบ่งเป็นชิ้นเล็กๆ พอคำ ตักน้ำผัดพริกราดลงบนปลาแล้วจึงวางชามข้าวลงบนมือของหิน

“หิน..ครับ” ศักดิ์จับมือขวาของหินให้จับช้อนเพราะเห็นหินยังนั่งเฉยอยู่

“ผมเบื่อข้าวผัดแล้วครับ เมื่อไหร่ตาของผมจะหายเสียทีนะ ผมจะได้ทำอะไรได้ด้วยตัวเอง...ผมไม่อยากกินข้าว” หินเริ่มงอแง

“หิน..ไม่..ครับ” ศักดิ์ไม่รู้จะพูดอะไรได้มากกว่านี้ มีเพียงน้ำเสียงเท่านั้นที่พอจะฟังออกว่าห่วงใย

“ผมจะรู้ไหมว่าหมายความว่าอะไร มีแต่คำว่า หิน ครับ ไม่ พูดสลับกันไปมาแค่นี้...ผมเบื่อ...ผมไม่อยากกินข้าว” หินสุดอดทนกับสภาพที่มืดมิดมาเกือบเดือน เขาเริ่มหงุดหงิดกับทุกๆ อย่างที่อยู่ใกล้ตัว

ศักดิ์จับมือสองข้างที่กำลังวุ่นวายของหินไว้ด้วยมือข้างเดียวของเขา มืออีกข้างหนึ่งตักพริกวางลงบนชิ้นปลาแล้วป้อนข้าวคำนั้นเข้าปากหินที่กำลังอ้าเพื่อจะต่อว่าเขา

“อืม อือ...” แม้กำลังจะออกฤทธิ์เดชแต่หินก็ไม่กล้าคายข้าวคำนั้นออกมาเพราะเกรงใจศักดิ์ เขาเคี้ยวข้าวคำนั้นกลืนลงคอ

“เผ็ด! ศักดิ์แกล้งตักพริกให้ผมกินใช่ไหม?” หินหน้าแดง

“ไม่..ครับ” ศักดิ์ตักไข่ตุ๋นป้อนตามอีกคำหนึ่ง หินจำใจต้องกินเพราะศักดิ์ยังกดตัวเขาไว้แน่น

“วันนี้ยายทำกับข้าวอร่อยกว่าทุกวัน ศักดิ์ปล่อยผมเถอะ ผมจะตักกินเอง ความจริงผมก็หิวข้าว แค่เบื่อข้าวผัดเท่านั้น”

“ครับ” ศักดิ์คลายมือจากหิน แต่ไม่วายอยู่ในท่าเตรียมพร้อมรับมือกับนายน้อยของเขา

“เผ็ดแต่อร่อย ผมต้องขออีกชามแน่ๆ...ศักดิ์ครับ ไข่ตุ๋นอยู่ตรงไหน” ศักดิ์ยกชามไข่ไว้ตรงหน้า หินตักลงไปถูกที่ แต่พอเลื่อนจะเข้าปากไข่กลับลื่นลงในชาม หินลองตักอีกหนไข่ก็หล่นลงเหมือนเดิม ศักดิ์อยากจะแกล้งและอยากฝึกให้หินช่วยตัวเองให้ได้ในทุกเรื่อง เพราะไม่แน่ใจว่าตาของหินจะกลับมาเป็นปกติหรือไม่

“ศักดิ์ครับ...” หินมองไปที่คางของศักดิ์ พูดกับริมฝีปากมีรอยหยักตรงกลางที่หินเคยชอบมองเสมอๆ

“ศักดิ์ครับ ตักให้ผมหน่อยจิ...” ศักดิ์ใจอ่อนกับคำอ้อน และเอ็นดูกึ่ง
ขำกับสายตาที่มองอยู่ที่ปากของเขา

“หิน..ครับ” ศักดิ์ตักไข่ป้อนให้หิน

“ขอบคุณครับ...ศักดิ์ทำให้ผมคิดถึงพ่อศักดิ์จัง...” หินกินไข่ที่ศักดิ์ป้อนให้เกือบหมดชาม


“ไง! อร่อยกันไหมสองคนพ่อลูก...อุ๊ป!” ป้ายวนพลั้งปากออกมาเมื่อเห็นภาพเคยชินของศักดิ์ที่กำลังป้อนข้าวหินเหมือนเมื่อครั้งก่อนๆ...

“ยายว่าไงนะ!” หินสะดุ้ง หันขวับไปทางป้ายวนที่กำลังยืนตะลึง

“ยะ ยายอยากขึ้นมาถามหินว่าวันนี้กินข้าวอร่อยไหม” ป้ายวนยกมือกุมหน้าผากตัวเอง

“ไม่ใช่ ไม่ใช่คำนั้น...ที่ยายพูดว่าสองคนพ่อลูกต่างหากที่ผมสงสัย” หินลุกขึ้นเดินไปทางเสียงป้ายวน

“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรนะ คือยายเห็นศักดิ์ป้อนข้าวหินเหมือนป้อนข้าวเด็กยายก็เลยพูดไปอย่างนั้นเอง” ป้ายวนคว้าตัวหินเข้าไปกอด เอามือตบหลังปลอบใจ

“ยายโอ๋หินเรื่องอะไรครับนี่ ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แค่อิ่มมากเพราะกับข้าวอร่อยๆ ของยายน่ะเอง”

“ยายพาหินกลับเตียงนะ” ป้ายวนโล่งอกที่หินหายข้องใจ

“ยายพาหินไปที่ห้องน้ำดีกว่า หินจะล้างปากล้างมือแปรงฟันแล้วจะลงไปข้างล่าง”

“ศักดิ์...” ป้ายวนเรียกศักดิ์มาช่วยเพราะแกคงทำหน้าที่นี้ไม่ถนัด

“ไม่ครับ! ผมอยากให้ยายพาผมไปเองมากกว่า” หินขมวดคิ้วชำเลืองตาไปทางศักดิ์

“เดี๋ยวจะหกล้มกันทั้งสองคนนะ ให้ศักดิ์จูงหินเถอะนะ” ป้ายวนพยักหน้าเรียกศักดิ์

“ไม่ครับ!” หินดื้อเดินคลำไปจนถึงห้องน้ำ เข้าไปแล้วปิดประตูดังโครม ป้ายวนและศักดิ์หันหน้ามองกันอย่างงงๆ

“ฮือ ฮือ ฮือ” เสียงหินร้องไห้ดังลอดประตูออกมา...




ลายเดินเขยกเก็บมะม่วงแก้วที่สุกงอมหล่นอยู่ใต้ต้น เขาเก็บไปพลางปัดมดแดงตัวโตที่หล่นจากต้นมะม่วงอยู่ตามตัว แม่จะรวมมะม่วงเหล่านี้กับที่สอยลงมาเอาไปกวนเป็นมะม่วงแผ่น

“เมื่อไรขาแกจะหายเสียทีลาย ฉันอยากให้แกไปที่บ้านยายแหม่มนั่นหน่อย” เดือนนั่งกินมะม่วงดิบคลุกน้ำปลาพริกป่น

“ไหนพี่ว่าไม่สนใจพวกเขาแล้วไง จะให้ฉันเข้าไปทำไมอีก ฉันไม่ไปหรอก ป่านนี้หินมิหายดีแล้วรึ พวกเขาคงไม่ต้องการฉันอีก” ลายพูดไม่ตรงกับใจเพราะเขาคิดจะเข้าไปหาหินทันทีที่ปั่นรถจักรยานได้

“โอ๊ย! ไอ้หินยังตาบอดอยู่เลย วันนั้นเห็นนั่งเหม่อตาลอยอยู่คนเดียว” เดือนโกหกหน้าตาเฉย

“ฉันว่าพรุ่งนี้ขาแกก็คงหายดีแล้วละ ฉันจะขับรถไปส่งแกเอง”

“พี่อยากรู้อะไรเหรอ” ลายลองทิ้งน้ำหนักลงขาทั้งสองข้างเท่าๆ กัน

“นั่นไง!แกเดินได้ปกติแล้ว ไปกันเย็นนี้เลยดีไหม?” เดือนลิงโลด

“ยัง...ยัง...พี่ พรุ่งนี้เถอะ ให้ฉันมั่นใจก่อน เพราะต้องไปเป็นหลักให้เขาเกาะเดิน ถ้าไม่แข็งพอเดี๋ยวพาเขาล้มละแย่แน่”

“เออ พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้”




ตั้งแค่วันที่ป้ายวนพลั้งปากพูดว่า ‘สองคนพ่อลูก’ หินไม่ลงมาจากห้องเลย นั่งเฉยๆอยู่ในห้องไม่พูดจากับใคร...ป้ายวนเล่าเหตุการณ์วันนั้นให้ลิลลี่ฟัง ทั้งสองคนปรึกษากัน แต่ก็คิดไม่ออกว่าหินเป็นอะไร คิดอะไรอยู่...


ศักดิ์นั่งมองหิน เขาอยากจะถามอยากจะอธิบายหลายๆ อย่างให้หินเข้าใจ แต่มันเป็นไปไม่ได้ นอกจากเวลากินข้าวแล้วหินไม่ให้เขาช่วยอะไรเลย หินทำเองเกือบทุกอย่าง ถ้าไม่จำเป็นหินก็ไม่พูดกับเขา ศักดิ์ได้แต่สงสัยไปต่างๆ นาๆ


“ศักดิ์ครับ...” จู่ๆ หินก็พูดออกมา

“ครับ..หิน” ศักดิ์รีบเข้าไปหา

“ผมคงต้องคุยกับใครสักคน ตาก็มองไม่เห็นแล้วยังทำเรื่องมากไม่พูดกับใครอีก ขืนทรมานตัวเองอย่างนี้ผมคงเป็นบ้าเสียก่อนที่ตาจะมองเห็น” หินละสายตาจากหน้าต่าง หมู่นี้เขาพอมองเห็นแสงสว่างรำไร ย่ำค่ำอย่างนี้ไม่มีแสงให้หินมองเล่น

“ศักดิ์คุยอะไรกับผมไม่ได้ ผมรู้สึกตัวเองเหมือนคนบ้าที่พูดอยู่คนเดียว...ศักดิ์ว่าไหม?” หินถามยิ้มๆ

“มานั่งข้างๆ ผมได้ไหมครับ...” ศักดิ์กระเถิบเข้าหา

“ขอมือผมด้วย” ศักดิ์ทำตามอย่างว่าง่าย

“ผมจับมือศักดิ์ไว้อย่างนี้ เวลาคุยกันจะได้ไม่คิดว่าพูดอยู่คนเดียว ถึงศักดิ์ไม่พูดไม่ตอบอะไร ความรู้สึกบางอย่างก็ออกมาจากมือได้ครับ...เชื่อมั้ย”

“ศักดิ์คงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้นจึงทำให้ผมเงียบไป” หินลูบมือศักดิ์เล่น

“เวลาผมอยู่ใกล้คุณเหมือนผมอยู่กับศักดิ์ของผม วิธีที่คุณป้อนข้าวผมเหมือนศักดิ์ เหมือนพ่อศักดิ์ของผมไม่มีผิด รู้ไหมตอนนั้นผมคิดถึงศักดิ์มาก พอได้ยินยายทักว่ากินข้าวอร่อยไหมสองคนพ่อลูก ใจผมลิงโลดวิ่งไปในอดีตทันที แต่เพียงแวบเดียวมันก็กลับมาพบกับความจริงที่ไม่มีตัวตน ผมเสียใจมาก รู้สึกเหมือนกำลังถูกหลอกโดยทุกๆ คนรอบตัวผม ผมอยากจะหนีไปให้ไกลเสียเดี๋ยวนั้น ให้ห่างจากทุกสิ่งที่ทำให้ผมเจ็บปวดและไม่รู้จักลืมเสียที โดยเฉพาะคุณ ผมไม่อยากอยู่ใกล้คุณเลยครับศักดิ์...ถ้าลายกลับมาผมคงไม่ต้องการคุณ เพราะการอยู่ใกล้คุณทำให้ผมคิดถึงและต้องการศักดิ์ไม่มีสิ้นสุด...” หินเผลอบีบมือศักดิ์แน่น

“หิน..หิน..หิน” ศักดิ์ไม่เคยเรียกชื่อหินซ้ำๆ อย่างนี้เลย หินถึงกับหันมามอง...นึกอะไรไม่รู้หินยกมือขึ้นคลำใบหน้าของศักดิ์ ไล่ตั้งแต่สันจมูก เลื่อนลงไปที่ลูกตา ชะงักเล็กน้อยเมื่อสัมผัสดวงตาข้างที่ถลน เลื่อนมาที่แก้มและคาง...หินกลั้นใจสัมผัสที่ปากของศักดิ์...เขาเลื่อนไล้นิ้วไปตามรูปปาก จนถึงกึ่งกลางของริมฝีปากล่าง...หินสะดุ้ง! ชักมือออกจากใบหน้าของศักดิ์ด้วยสีหน้าซีดเผือด กระเถิบตัวถอยห่างจนชิดหัวเตียง...

“หิน หิน” ศักดิ์รีบคว้าตัวหินเข้ามากอดไว้แน่น เขาเลิกสนใจแล้วว่าจะต้องอธิบายให้หินฟังอย่างไร เขาทนเห็นหินทุกข์ใจเพราะเขาไม่ได้อีกแล้ว ถึงแม้สิ่งที่เขากำลังทำอยู่นี้ไม่ถูกต้องแต่เขาก็จะทำ

“ศักดิ์ ศักดิ์” หินดิ้นขลุกขลัก “ไม่! ไม่!” หินร้องเสียงดังจนศักดิ์ต้องปล่อยหินจากวงแขน

“ไม่ใช่ศักดิ์ ศักดิ์ตายแล้ว คุณเป็นใคร ศักดิ์ตายแล้ว” หินพูดซ้ำๆ
เหมือนคนไร้สติ เขาตกใจ ประหลาดใจและสับสนเกินจะเข้าใจสิ่งที่เขาเพิ่งได้รับรู้ เขาซุกหน้าลงบนหมอน เอามือปิดหู ตัวสั่นเทา...

ศักดิ์ชะงักมือที่กำลังจะเอื้อมไปปลอบใจหินเพราะได้ยินเสียงฝีเท้าตรงมาที่ห้อง

“เกิดอะไรขึ้นหรือ เสียงหินร้องดังไปถึงข้างล่าง” ลิลลี่ถามศักดิ์

“เป็นอะไรหรือหิน” ป้ายวนลูบหัวหิน

“ฮือ...ฮือ...ยายครับหินกลัว หินกลัว...” หินผวาเข้าหาเสียงป้ายวน

“ไม่..ไม่ ” ถึงแม้พูดได้ศักดิ์ก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นในใจหิน

“ยายอยู่นี่นะไม่ต้องกลัวอะไร คืนนี้ยายจะนอนเป็นเพื่อนหิน” ป้ายวนสังหรณ์ใจอะไรบางอย่างเกี่ยวกับศักดิ์และหิน

ลิลลี่ส่งภาษาใบ้บอกให้ศักดิ์ตามลงไปข้างล่าง


“เกิดอะไรขึ้นหรือศักดิ์?” ลิลลี่หยิบกระดาษและปากกายื่นให้ศักดิ์

“หินเริ่มรู้ว่าผมคือศักดิ์ แต่ยังสับสนและกลัว” ศักดิ์เขียนอย่างรวดเร็ว “คุณช่วยเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผมให้หินฟังได้ไหมครับ” ศักดิ์ส่งแผ่นข้อความให้ลิลลี่ด้วยสายตาวิงวอน ลิลลี่อึ้งไปชั่วครู่หลังจากอ่านข้อความนั้น

“ถ้าหินรู้ทุกเรื่องที่ศักดิ์ผจญมา เขาคงโทษตัวเองและสงสารศักดิ์มากขึ้น ฉันกลัวว่าหินจะไม่ยอมกลับบ้านไปเรียนหนังสือต่อสินะ” ลิลลี่หยุดพูดเพื่อสังเกตดูปฏิกิริยาของศักดิ์

“คุณกำลังจะบอกว่า ผมควรอยู่ในความหลังที่ไม่มีวันจะกลับคืนมาใช่ไหมครับ?” ศักดิ์น้อยใจ

“คิดดูให้ดีนะศักดิ์...อย่าเพิ่งโกรธฉันในสิ่งที่จะพูดต่อไปนี้...” ลิลลี่ลุกขึ้นยืนโอบไหล่ปลอบใจศักดิ์

“ไม่ใช่ว่าจะกีดกันศักดิ์ให้อยู่ห่างจากหิน แต่ศักดิ์คนนี้มีหลายอย่างที่ผิดไปจากเดิม...ฉันตั้งใจจะพาศักดิ์ไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯจนกว่าจะเป็นปกติ แล้วต่อจากนั้นศักดิ์จะใช้ชีวิตกับหินหรือไม่อย่างไรก็แล้วแต่...ความพิการของศักดิ์ไม่ได้มีมาแต่กำเนิดเพราะฉะนั้นจึงเป็นโรคที่รักษาได้ ฉันขอสัญญาว่าจะรักษาให้ถึงที่สุดแม้จะต้องไปรักษาถึงต่างประเทศฉันก็จะพาไป...” ลิลลี่นั่งลงประจันหน้ามองเข้าไปในดวงตาของศักดิ์

“ศักดิ์คงสงสัยว่าฉันจะทำดีกับศักดิ์อย่างนั้นเพื่ออะไร...รู้ไหม?...ศักดิ์เป็นคนพาลูกชายที่ฉันคิดว่าสูญหายไปจากโลกนี้แล้วมาให้ฉัน...” ลิลลี่หยุดกลืนน้ำลายที่เริ่มฝืดเพราะต้องเล่าเรื่องที่เธอไม่อยากแพร่งพรายให้ใครรู้ ส่วนศักดิ์นั้นได้แต่นั่งตะลึงงงในสิ่งที่ได้ยิน

“หิน...หินคือลูกชายของฉันคนนั้น...จากหลักฐานหลายอย่าง ทั้งที่ฉันไปสืบมาจากที่ทำงานของศักดิ์ที่แม่กลอง ทั้งจากรูปร่างหน้าตาของหิน รวมถึงไข่สามใบที่ศักดิ์ชอบล้อหินเล่นบ่อยๆ นั้นฉันจำของฉันได้แม่นยำ” ลิลลี่เริ่มมีน้ำตาคลอ

“ถ้าศักดิ์ทรมานใจมากเรื่องหิน...ศักดิ์คิดถึงหัวอกแม่อย่างฉันสิว่าจะทรมานมากกว่าศักดิ์กี่สิบเท่า...ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้แต่มองเขาอยู่ห่างๆ ทั้งที่อยากจะเข้าไปชื่นชม เวลาเขามีทุกข์ก็เข้าไปปลอบใจไม่ได้ ศักดิ์เสียอีกที่ใกล้ชิดเขามากกว่าฉัน...”

“ครับ” ศักดิ์หลุบตาลงต่ำมองข้อความที่เขาเขียนไว้แต่แรก แล้วจึงฝืนใจเขียนอีกครั้งด้วยความลำบากใจ

“ผมคงต้องไปจากหิน...จริงอย่างที่คุณว่า...ผมไม่ใช่ศักดิ์คนเดิมอีกแล้ว ถึงแม้จะรักและภักดีต่อหินมากเพียงใดผมก็คงทำอะไรไม่ได้...ที่ผ่านมาผมมีความสุขที่ได้รักและมอบชีวิตที่ไร้ค่านี้ให้กับหิน...ผมจะเก็บความทรงจำนี้ไว้เป็นกำลังใจ...ที่จะมีชีวิต...อยู่...” ศักดิ์หมดเรี่ยวแรงที่จะเขียนอะไรต่อ...เขาวางปากกาและหันหลังเดินออกจากบ้าน...

“ศักดิ์...ศักดิ์...เดี๋ยวก่อน ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น...” ลิลลี่วิ่งตามศักดิ์ออกไปหลังจากอ่านข้อความสุดท้ายของเขา

“กลับมาก่อน...ศักดิ์กลับมาก่อน...”


ช้าไปเสียแล้ว...ศักดิ์วิ่งออกไปในทุ่งนาที่มืดมิด เขาวิ่งเหมือนคนบ้าคลั่ง สะดุดซังข้าวและคันนาล้มลุกคลุกคลาน...น้ำตาของลูกผู้ชายไหลรินเป็นสาย ศักดิ์ร้องไห้อย่างไม่อายผีทุ่งผีนา...จนสุดจะทนเขาจึงปล่อยโฮออกมาลั่นทุ่ง เขาวิ่งไป...วิ่งไป...เลยกระท่อมโกโรโกโสนั้น...วิ่งไปร้องไห้ไป...เหมือนจะไปให้สุดขอบฟ้า...วิ่งไปจนสุดขอบโลก...ลับไปจากโลกนี้...หายไปจากโลกนี้......





ภาพจากกูเกิล


Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 11 พฤษภาคม 2551 10:15:54 น. 0 comments
Counter : 382 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาเรน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดาเรน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.