(When we were young) ... Fast Times at Ridgemont High + Commentary Track



จุดประสงค์หลักของการหยิบดีวีดีแผ่นนี้ขึ้นมาดูอีกครั้ง ก็เพราะว่าผู้เขียนเกิดมีอารมณ์เปลี่ยว ที่อยากจะเห็นช๊อตเด็ดอันเลื่องชื่อ ของพีบี้ เคท ในชุดบิกินีสีแดง กำลังย่างกรายเข้ามาหาผู้ชมอย่างช้าๆ พร้อมกับปลดตะขอไปพลาง(ฮา...) ไม่ใช่สิ จริงๆแล้ว เหตุผลหลักที่ผู้เขียนตัดสินใจใช้เวลาในคืนวันหนึ่ง นั่งดูภาพยนตร์เรื่องนี้ซ้ำอีกครั้ง นั้นก็คือการได้ดีวีดี ฉบับ Special Edition มาจากทริปจีนเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ซึ่งมันอุดมไปด้วยโบนัสพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฟังค์ชั่นในการข้ามเข้าสู่ฉากสำคัญๆเลย (เช่นฉากนั้นของพีบี้) หรือการเปรียบเทียบของสถานที่ที่ถ่ายทำ ระหว่างปี 1981 กับปัจจุบัน แต่สิ่งที่ทำให้ดีวีดีแผ่นนี้คุ้มค่าเงินที่สุด นั้นก็คือ commentary track ของผกก. เอมี่ เฮ็คเคอร์ลิ้งค์ และผู้เขียนบทคาเมรอน โครว์ นั้นเอง

สำหรับใครที่ไม่คุ้นเคยกับ Fast Times at Ridgemont High ภาพยนตร์เรื่องนี้เปรียบเสมือนแม่แบบของหนังวัยรุ่นในทศวรรษที่ 80 ถึงแม้ว่าในช่วงเวลาที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉาย จะถูกทั้งผู้ชมและนักวิจารณ์ จับเอาไปเหมารวมไปกับหนังวัยรุ่นตื้นๆ ที่ฉายในเวลาใกล้เคียงกันอย่าง Zapped! (นำแสดงโดยสก๊อต เบโอ) หรือหนังวัยรุ่นสัปดนชื่อดังจากแคนาดาอย่าง Porky's และถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ได้พิสูจน์ตัวเองในภายหลังว่า ตัวเองนั้นแตกต่างจากหนังวัยรุ่นเรื่องอื่นๆทั่วๆไป ก็ยังถูกลอกเลียน และถูกหยิบเอาไอเดียไปใช้กันแบบไม่ไว้หน้า (โดยเฉพาะตัวละครที่เล่นโดย ณอน เพนน์)



เจนนิเฟอร์ เจสัน ลีห์ และพีบี้ เคท ในบทบาทที่ทำให้วัยรุ่นผู้ชายทั่วกาแล็คซี่ ต้องหันมาสนใจ



เมื่อพูดถึงผกก.ของภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างเอมี่ เฮ็คเคอร์ลิ้งค์์แล้ว อาจจะเป็นชื่อที่ดังไม่เท่ากับคนเขียนบทอย่างคาเมรอน โครว์ จนเผลอๆแฟนหนังอาจจะคิดว่า นี้คือที่กำกับโดยคาเมรอน โครว์ ซะอีก (เขานั้นใช้เวลาถึงสองเทอม ในการปลอมตัวเข้าไปเป็นนักเรียนไฮสกูล เพื่อเก็บรายละเอียดและเขียนเป็นหนังสือออกมา) แต่อย่างไรก็ตามผู้เขียนคิดว่า นี้ก็ยังเป็นหนังที่มีลายเซ็นของเธอ ที่ค่อนข้างชัดเจน และไม่ด้อยไปกว่าคาเมรอนเลย (เธอยังมีผลงานการกำกับหนังวัยรุ่นคุณภาพอีกเรื่อง นั้นก็คือ Clueless)

ถ้าฟังผ่านๆแล้ว นี้อาจจะเป็น commentary ที่ฟังสบายและดูแล้วเรียบง่ายธรรมดาๆ แต่จริงๆแล้วมันอุดมไปด้วยข้อมูลที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะตัวของคาเมรอน โครว์ เองนั้น ที่ถือว่าเป็นนักเล่าเรื่องที่เก่งคนหนึ่งเลยทีเดียว (ใน commentary track ของหนังเรื่อง Almost Famous ที่เขาควงคุณแม่มาบรรยายด้วยนั้น ถือว่าเป็นแทร็คที่ฟังดูสนุกที่สุดแทร็คหนึ่ง) แต่สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกแปลกใจ นั้นก็คือความ nice และความเป็นกันเองของผกก.เอมี่ เฮ็คเคอร์ลิ้งค์์ (แถมยังถ่อมตัวสุดๆอีกด้วย) และเธอก็ยังเป็นนักเล่าเรื่องที่ดีไม่แพ้คาเมรอนเลย ซึ่งการที่มีนักเรื่องเล่าที่ดีถึงสองคนนั้น มันก็ทำในบทสนทนาระหว่างทั้งคู่ มีปริมาณที่มากมายเหลือคณา และหนังเรื่องนี้ยาวออกไปจากเดิมเกือบสิบนาทีเลยทีเดียว



ณอน เพนน์ กับบทวัยรุ่นมึนๆที่โด่งดังเป็นพลุ (ทางขวายังมีเอริค สโตคส์ ดาราฝีมือแจ่มอีกคนหนึ่งแห่งยุค 80)



สิ่งที่ทำให้ commentary track ของหนังเรื่องนี้โดดเด่นกว่าหนังเรื่องอื่นๆ นั้นก็คือผู้เล่าเรื่องทั้งสองคน ไม่ได้ลงไปในรายละเอียดของเทคนิคการถ่ายทำ (เป็นที่เข้าใจว่า ในช่วงที่ถ่ายทำเรื่องนี้ ทั้งสองอาจจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการถ่ายทำต่างๆมากนัก) ซึ่งมันก็ทำให้ผู้เขียนรู้สึกถูกใจ เพราะโดยส่วนตัวแล้ว เรื่องราวความสัมพันธ์ของทีมงานที่เกี่ยวข้อง ที่เกิดอยู่เบื้องหลังศิลปะบนแผ่นจอ มันน่าสนใจมากกว่าขนาดของเลนส์, การจัดแสง หรือมุมกล้องตั้งเยอะแยะ และมันก็ทำให้เราได้รับรู้ถึงเรื่องของการฟันฝ่าอุปสรรค ที่มีอยู่อย่างมากมายมหาศาลของทั้งคู่ เช่นการถูกแทรกแซงจากสตูดิโอ ที่บอกว่าหนังเรื่องนี้ไม่ตลกพอ (จนทำให้ทางสตูโอต้องส่งผกก.จอห์น แลนดิส เข้ามาสังเกตุการณ์),หรือปัญหาเรื่องฉากนู้ดระหว่างเจนนิเฟอร์ เจสัน ลีห์ กับมาร์ค โรมานัส ที่ค่อนข้างรุนแรงและโจ่งครึ่ม (ตามมาตรฐานในยุคนั้น) ที่สุดท้ายแล้วทาง MPAA ก็ตัดสินใจส่งคนเข้ามาตัดต่อเองโดยพลการ (ซึ่งแน่นอนว่า ไม่ได้รับความยินยอมจากผกก.)

นอกจากปัญหาเรื่องการถ่ายทำแล้ว ทั้งคู่ยังพูดถึงกลุ่มนักแสดงอนาคตที่พวกเขามี โดยเฉพาะอย่างยิ่งณอน เพนน์ ซึ่งเล่นเป็นตัวละครที่ชื่อว่าเจฟฟ์ สปิโคลี่ (ที่เป็นต้นแบบของตัวละครมึนๆ ในหนังวัยรุ่นในยุคต่อๆมาจวบจนถึงปัจจุบัน) ทั้งสองได้พูดถึงการที่แฟนๆหนังรวมถึงสตูดิโอ ที่หลังจากได้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว ต่างก็สนับสนุนให้สปิโคลี่มีหนังเป็นของตัวเอง ในทำนองภาคต่อหรือ spin-off ก็ได้ ซึ่งทั้งเอมี่และคาเมรอนเองนั้น ก็ได้แจกแจงความเห็นของพวกเขาไว้อย่างน่าสนใจว่า "เจฟฟ์ สปิโคลี่นั้น ก็เปรียบเสมือนเครื่องปรุง ที่สามารถเพิ่มความจัดจ้านให้กับหนังได้ แต่หัวใจของเรื่องนั้นไม่ได้อยู่ตรงเครื่องปรุง" นอกจากนั้นแล้ว ทั้งคาเมรอนและเอมี่ ก็มีเรื่องราวเบื้องหลังของณอน เพนน์ ที่ทำให้ผู้เขียนไม่แปลกใจว่า ทำไมเขาถึงเป็นดาราที่ฝีมือร้ายกาจจวบจนถึงปัจจุบัน เช่นการที่ณอนต้องการให้ทุกคนในกองเรียกเขาว่าเจฟฟ์ และตลอดระยะเวลาการถ่ายทำ เขาก็จะอยู่ในโหมดเจฟฟ์ตลอดเวลา แต่เมื่อปิดกล้องแล้ว ณอนก็เดินมาแนะนำตัวกับทีมงานอีกครั้งว่า "สวัสดี ผมชื่อณอน เพนน์" (ซึ่งมันก็ทำให้เอมี่ถามแกล้งถามเล่นๆว่า "เธอเอาเจฟฟ์ของฉันไปไว้ที่ไหน" ซึ่งณอนก็ตอบว่า "นั้นไง เอมี่" พลางชี้ไปที่จอมอนิเตอร์ ที่มีตัวเองกำลังเล่นเป็นเจฟฟ์อยู่พอดี)



โรเบิร์ท โรมานัส และไบรอัน แบ็คเกอร์ สองดาราดาวรุ่ง ที่ปัจจุบันต่างก็หายสาบสูญไปจากสารบบฮอลลิวู้ดเสียแล้ว



ส่วนนักแสดงคนอื่นๆก็ยังมีเบื้องหลังที่น่าสนใจ และสนุกสนานไม่น้อยไปกว่ากัน เช่นพีบี้ เคท กับคาเมรอน โครว์ วันหนึ่งพีบี้เดินเข้ามาหาคาเมรอน (ที่อยู่ในกองถ่ายตลอดระยะเวลาการถ่ายทำ) แล้วถามว่า "ฉากเมื่อครู่นี้ฉันแสดงเป็นอย่างไรบ้าง?" โครว์ตอบอย่างไม่ทันได้คิดว่า "ยอดเยี่ยมมากสำหรับนางแบบ" (ในช่วงนั้น พีบี้ถือว่าดังมากในการถ่ายแบบ โดยเฉพาะในญี่ปุ่น) ซึ่งมันก็ทำให้หลังจากนั้น พีบี้ตัดสินใจไม่พูดกับคาเมรอนอีกเลย ตลอดระยะเวลาการถ่ายทำ (แต่คาเมรอนก็ได้แก้ตัวไว้ใน commentary เอาไว้ว่า เธอยอดเยี่ยมมากๆ สำหรับ “นักแสดง” ซึ่งมันจะสายไปหรือเปล่า ในเมื่อพีบี้ได้ลาวงการหนังไปเป็นสิบปีแล้ว ฮา...)

พวกเขายังพูดถึงเจนนิเฟอร์ เจสัน ลีห์ กับความกล้าเกินวัยของเธอ เพราะหลังจากที่หนังได้ออกสู่สายตาประชาชน ก็ต่างมีเสียงบ่นอื้ออึง (โดยเฉพาะจากโรเจอร์ อีเบิร์ต ที่ตัดสินใจจิ้มนิ้วโป้งลงพื้น ให้แก่หนังเรื่องนี้) ว่า ทำไมถึงต้องให้หญิงสาวที่ดูบอบบางอ่อนโยน ต้องแสดงในฉากเซ็กส์ ที่ดูรุนแรงถึงสองฉากด้วย แต่ในที่สุด ทุกคนก็มารู้ในภายหลังว่า นี้คือความต้องการของเจนนิเฟอร์ เจสัน ลีห์เอง ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังอยากแสดงให้รุนแรงมากกว่าที่เราได้เห็นในเรื่องอีกด้วย (ซึ่งเราก็เห็นถึงการเลือกเล่นหนังของเธอ ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาแล้วว่า เธอใจกล้าขนาดไหน)

นี้อาจจะไม่ได้เรียกว่าเป็นบทวิจารณ์หนัง สำหรับผู้เขียนแล้ว นี้คือการ re-cap ความทรงจำดีๆ ที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ และมันก็ยังยิ่งทำให้เรารู้สึกผูกพันขึ้นกับมันมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อขุมกำลังที่อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์ ต่างพากันกวักมือเรียกเรา ให้เข้าไปนั่งอยู่ในวงสนทนาของพวกเขา...



พีบี้ เคท และจัดด์ เรนโฮลด์ ที่ภายหลังยังแจ้งเกิดกับบทตำรวจหนุ่ม ใน Beverly Hills Cop




Mr. Hand คุณครูจอมเฮี้ยว และเป็นผู้ใหญ่คนเดียวในเรื่องนี้



พีบี้ เคท กับวันวานที่ยังหวานอยู่




 

Create Date : 30 กรกฎาคม 2551
11 comments
Last Update : 30 กรกฎาคม 2551 15:31:09 น.
Counter : 4901 Pageviews.

 

อ่านจังหวะแรกแล้วอยากจะดูฉากเดิน(และถอด)ของพีบี้ที่ว่าขึ้นมาจับใจ
อ่านจนจบจังหวะ 2 เจอภาพตัวจริงเสียงจริงเข้าไป ยิ่งอยากดูเข้าไปใหญ่!!! 555+
ที่น่าดูไม่แพ้กันคือ เจนนิเฟอร์ เจสัน ลีห์ อึม...อึม...อึม (กำลังคิดจินตนาการภาพ)
(ไม่น่าเชื่อนิดๆ ว่าเจนนิเฟอร์ เจสัน ลีห์ นางเอกหวานๆที่เล่นเรื่องไหนก็เป็นในฝันของพระเอกซื้อบื้อทุกเรื่อง
จะเล่นฉากอย่างที่คุณเขียน มัจะรุนแรงขนาดไหนกันเนี่ย เอาหลักฐานมาให้ดูเด๋วนี้!! 555+)

เห็นภาพประกอบแล้วชวนให้นึกถึงหนังวัยรุ่นยุคนั้นจริงๆ
ยุคที่หนังภาพสีนวลๆ ผู้หญิงบางคนทำผมกระบังตรงข้างหน้า และวัยรุ่นชายใส่กางเกงฟิตๆ
แต่ตัวผมเองเกิด 1981 พอดี เลยต้องอึ้งเมื่อเจอภาพณอน เพนน์ในวัยนั้น!!!!!!!
พระเจ้าช่วย...ทำไมเด๋อขนาดนั้น 555+

พูดแล้วอยากจะลองหาเก็บ DVD ของ Almost Famous บ้าง มีการให้แม่มาพูดด้วย 555+
อยากรู้ว่าแม่ตัวจริงกับในหนังคนไหนจะเข้มกว่ากัน
เกี่ยวกับเอ่ยปากชมนักแสดงนั้น เล่นไปชมแบบนั้นเค้าก็งอนเอาน่ะซิ แต่ก็อย่างว่าที่จริงก็ชมอะนะ

คุณไปหาแผ่นมาจากจีน...ผมต้องไปหามาจากไหนล่ะเนี่ย
ถึงจะได้ดูหนังที่มีอายุแก่เท่าตัวผมเอง 555+
(ไม่ได้หยิบภาพสาวน่ารักๆมาฝาก เพราะคุณมีฉากที่เด็ดของผมกว่าใน DVD อยู่แล้วนี่ อิอิ)

 

โดย: ขอรบกวนทั้งชุดนอน IP: 124.121.200.34 30 กรกฎาคม 2551 17:07:52 น.  

 

ดีๆ แค่จะเข้ามาบอกว่าเพิ่งดู The Dark Knight จบมามะตะกี๊ หนังดีอะ แต่ไม่หนุก ยาว พูดเยอะมาก เครียดด้วย เพื่อนๆ ผมดูแล้วปวดหัวออกมาเป็นแถบ แต่โดยรสมก็ดีอะ ไม่หวือหวาประทับใจสุดโต่งขนาดนั้น แต่ยอมรับว่าฮีธเล่นดีมากกก ดีพอๆ กะตอนโบรคแบ๊คเลย ดูจบแล้วกลัวมันอะ โรคจิต

 

โดย: Moonlight Mile IP: 125.24.39.13 31 กรกฎาคม 2551 0:45:40 น.  

 

เราว่า เจน เจสัน ลี ดูเป็นคนกึ่งๆจะสวยน่ะ

ช่วงนี้งานยุ่งมากๆอ่ะพี่

ป.ล. ได้ดูหนัง 2 เรื่องนั้นของอาร์เจนโต้ ยัง

 

โดย: AguileraAnimato 31 กรกฎาคม 2551 4:11:12 น.  

 

ขอรบกวนทั้งชุดนอน --> ผมไม่เคยเห็นแผ่นที่ขายในนี้เลยครับ (นอกจากที่ฉายในเคเบิล ซึ่ง "ตัด" และ "ดูด"จนไม่เหลือชิ้นดี) เลยไม่รู้ว่าจะกระซิบบอกทางไปซื้ออย่างไรดี เอาเป็นว่าผมไปจีนอีกครั้งเมื่อไร จะหยิบติดมือมาแผ่นนึงด้วยละกันน่ะครับ ^_^ ... ส่วนดีวีดีของเรื่อง Almost Famous เวอร์ชั่นที่ผมว่า มีขายในนี้ครับ แต่ต้องเป็นหน้าปกสีน้ำตาลๆ ที่เขียนว่า Bootleg Edition เท่านั้นนะครับ ... พูดถึงเรื่องหนังวัยรุ่น ก็เป็นแนวที่ผมชอบที่สุดแล้วละครับ ทั้งเก่าและใหม่ ถ้าอยากได้คำแนะนำ ยินดีเสมอครับ

มูนไลท์ ---> อืมม พูดเหมือนเพื่อนเราเลยน่ะ "หนังดี แต่ไม่สนุก" สำหรับเราแล้ว คำว่า "ชื่นชม" น่าจะเป็นอะไรที่เหมาะสมที่สุด คือยังไงก็ยังชอบเจ้าเด็กนรกภาคสองมากกว่า แต่อัศวินรัตติกาลนี้ เป็นอะไรที่สมควรได้รับคำยกย่องจริงๆ แล้วเรื่องความสนุกนั้น เราว่าถ้าเราตั้งสแตนดาร์ดสำหรับหนัง "ซุปเปอร์ฮีโร่" มันก็อาจจะไม่น่าพอใจเท่ากับ ถ้าเราตั้งสแตนดาร์ดเป็น "Crime-Thriller" เนอะว่าไหม (ส่วนฮีธนี้ก็คงไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆอีกแล้ว)

หนึ่ง ---> อืมม "สวย" อาจจะกึ่งๆ แต่ถ้า "น่ารัก" นี้เห็นด้วยอย่างที่สุด ... เราได้ดูเธอในเรื่อง Last Exit to Brooklyn, Miami Blues และ The Machinist รู้สึกว่าเธอจะถูกชะตากับ บทผู้หญิงขายบริการจริงๆเลย 55+ (ถ้า imdb ไม่มั่ว เธอยังเกือบได้เล่นบทของคิม บางซิงเกอร์ ใน L.A. Confidential ด้วยแหะ) ... ยังเลยหนึ่ง อย่าว่าแต่หนังของเขาเลย หนัง horror ธรรมดาสามัญทั่วๆไป เรายังต้องทำใจก่อนดูตั้งหลายเฮือกเลย (แล้วถ้าเป็นของอาเจนโต้จะรอดไหม 55+)

 

โดย: บลัดดี้ฟักกลิ้งบริลเลี่ยน!! (BloodyMonday ) 31 กรกฎาคม 2551 10:01:52 น.  

 


เอาหนังสมัยเราเป็นวันรุ่นมาเล่าอีกแล้ว..

ดีจังทบทวนฟามหลัง..ครั้งวันวานยังหนวานอยู่

มานั่งup blog เลยแวะมารายงานตัวค่ะ..ว่ากลับมาแล้ว..
มีเรื่องตื่นเต้นเล็กน้อย..บนFlightกลับด้วยล่ะ

zwani.com myspace graphic comments
Graphics for Good Night Comments


 

โดย: เริงฤดีนะ 1 สิงหาคม 2551 0:54:00 น.  

 

แวะมาแปะ เดี๋ยวมาจ้า

 

โดย: renton_renton 1 สิงหาคม 2551 11:13:40 น.  

 

ยังกับคอลัมน์คนแก่ย้อนวัย อะไรทำนองนั้น 55+
แต่อ่านแล้วก็เกิดอยากดูขั้นมาทันทีทีเดียวเชียวแล

อยากดู Enron อะ

 

โดย: nanoguy IP: 125.24.129.237 2 สิงหาคม 2551 6:53:18 น.  

 

เริงฤดีนะ ---> ได้เรยครับ เด๋วจะแวะไปอ่าน...

เรนตั้น ---> บอกว่าเด๋วมานี้ ผ่านไปเป็นวันเลยน่ะ ฮ่าๆๆ...

นาโน ---> ขนาดนั้นเลยเหรอ 555+ ถึงแม้ว่าอาจจะเกิดไม่ทันยุค แต่ก็ผูกพันไม่แพ้ผู้อยู่ในเหตุการณ์น่ะ ... Enron เยี่ยมไปเลย หวังว่าในประเทศไทย มันคงจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นน่ะ (เอ หรือว่ามันมีไปแล้วหว่า 555+)

 

โดย: BloodyMonday 2 สิงหาคม 2551 11:02:46 น.  

 

เป็นหนังยุคเก่าจริงๆ นะนี่ ฟีบี้เค้ทยังหน้าเด้งอยู่เลย ชวยให้เกิดอาการกระทิงเปลี่ยวจริง ๆนะครับ

 

โดย: Johann sebastian Bach IP: 118.172.26.71 2 สิงหาคม 2551 13:46:19 น.  

 

เจนนิเฟอร์ เจสัน ลีห์ เธอบ่ยั่นมาแต่ไหนแต่ไรหรือนี่
จะว่าไปบทเธอแต่ละเรื่องก็เอาการอยู่นะ ทั้งจาก Single White Female (1992)หรืออย่างใน The Machinist (2004)

ณอน เพนน์ เรื่องนี้แกจิ๊กโก๋ได้ใจจริงๆ

ปกติหนังแผ่นเราก็ชอบดูเบื้องหลังการถ่ายทำนะ ยกเว้นเวลาไม่ปกติ 55 ที่จะเลือกดูแต่หนังอย่างเดียว

 

โดย: renton_renton 2 สิงหาคม 2551 16:22:19 น.  

 


แวะมา say hello ยามเย็นค่ะ
สบายดีนะคะ..
แถวบ้านฝนตกทั้งวัน..ต้นมะยมที่บ้านเกือบโค่นแนะ


Recados e Imagens - Anjos - Orkut

Recados, Gifs e Imagens no Glimboo.com


 

โดย: เริงฤดีนะ 3 สิงหาคม 2551 19:30:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


BloodyMonday
Location :
Imaginationland, Valley of Bliss China

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






-= M & M in Nutshell =-


Gentlemen Broncos (2009)


You could have brain tumor by watching this contaminated turd. Nothing in Gentlemen Broncos pays off, it’s incoherent mess, and chock-full of incredibly annoying characters. You will not only loath this movie, but it also makes you want to punch someone who responsible for this abomination in the face.

BloodyMonday Rating:



Fantastic Mr. Fox (2009)


Imagine if Akira got Live-Action treatment by... say Alfonso Cuarón, you know how awesome it might be? That’s what happened to "Fantastic Mr. Fox". Wes Anderson's auteur perfectly captured the quirkiness and blissful tone of the material. Its stop-motion technique might be a little crude and... somewhat unsophisticated, but that's the charm of it. You’ll feel like pop-up book unveiled before your eyes. This is an exceptional animation of the year.

BloodyMonday Rating:



Planet 51 (2009)


ถ้าถามว่าสนุกไหม? ก็โอเค ทุกอย่างถอดแบบมาจาก Shrek มุขที่อ้างอิงวัฒนธรรมป็อป ตัวละครสมทบที่น่าสนใจกว่าตัวเอก กราฟฟิคที่สอบผ่านฉลุย (ถ้าไม่ไปวัดกับพิกซาร์) แต่ถ้าถามว่าต้องดูไหม? ..... เอาเป็นว่าเวลาชั่วโมงครึ่ง ทำอะไรที่มีประโยชน์กว่านี้ได้เยอะแยะ

BloodyMonday Rating:



It's Complicated (2009)


รู้สึกสนุกกับการได้เห็นป้าเมอรีล เข้าโหมดแอ๊บเด็ก (อีกแล้ว) ในขณะเดียวกัน อเล็กซ์ บอลด์วิน และ จอห์น ครากินสกี้ ก็ขโมยซีนได้ตลอด แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหนังยาว 2 ชั่วโมงมีเรื่องให้เล่าแค่ 15 นาที... It's Complicated อาจเหมือนคนกินไวอากร้าแล้วเข้านอน คึกตลอดคืนแต่มันจะมีประโยชน์อะไร?

BloodyMonday Rating:



Up in the Air (2009)


Up in the Air is a blockbuster movie for people who think blockbuster movies are dumb, as it chock full of brilliantly written dialogue, and acting showcase for three talented actors (especially star-making turn by Anna Kendrick). But in the end, there's little to love, not so much story to chew on (plus disappointing third act), and no real connection to the meaning of human interaction as it intended to be.

BloodyMonday Rating:



I Love You, Beth Cooper (2009)


Cliché-ridden plot about a bunch of annoying characters get together in one idiotic circumstance, "I Love You, Beth Cooper" is shameless exploitation & biggest insult to 80s teen flicks. It's like memorizing magic trick from internet, hoping to perform like David Copperfield. Neither sense of wonder nor magic flare happens here. Only good thing is, it makes me wanna cleanse my soul with genuine 80s teen movie night marathon.

BloodyMonday Rating:



Everybody's Fine (2009)


Meh. The movie serious lack of originality & characters development. Only Robert De Niro comes out fine in this schmaltzy, "Lifetime" movie-of-the-week plot.

BloodyMonday Rating:



Paper Heart (2009)


Twee delight... That's only two words I can think of right now.

BloodyMonday Rating:



Adam (2009)


A perfect companion to Mary & Max (one of the best animation of 2009), Adam is star-crossed love story (pun intended) between Adam, Asperger's Syndrome bearer, and Beth, free spirit woman. The picture wouldn’t be this intimate without stunning performance by Hugh Dancy. On the other hand, the lack of depth on why Beth would love someone like Adam, preventing me from wholeheartedly embraces her choice in the end (which is nice & perfect but requires a leap of faith). Otherwise, this is touching romantic film, which putting its feet firmly on the ground, making the world full of hope and seems nicer place to live.

BloodyMonday Rating:



The Invention of Lying (2009)


Expected to be like “Click” or “Yes Man”, where high-concept plot turned into endless gags, with moral lesson (forcefully) shoving down your throat. But "The Invention of Lying" is thinking man’s film. The whole concept is not seeing how first lying man exploits the ability. But it's about him finding the way not to lie, in order to find genuine happiness. Great stuff.

BloodyMonday Rating:



Give ‘Em Hell Malone (2009)


This is one damn frustrating experience. It’s like watching an infant trying to stand up and walk. They would take a few steps then fall their asses. In fact, kiddie film like “Bugsy Malone” has done better job paying a tribute to film noir than this borefest.

BloodyMonday Rating:



Zombieland (2009)


ถ้าอังกฤษมีหนังซอมบี้ฮาแตกอย่าง Shaun of the Dead แล้ว ทำไมอเมริกาจะมีบ้างไม่ได้... Zombieland คือการผสมผสานระหว่างบรรดาหนังซอมบี้เก่าๆ เข้ากับทัศนคติของคนสร้างที่อาจดูหนังแนวนี้มากเกินความจำเป็น จนสามารถสร้างหนังซอมบี้ที่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองเป็น และเล่นสนุกไปกับกฏพื้นฐานของซอมบี้ได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยกความดีให้สี่นักแสดงนำ โดยเฉพาะ วู้ดดี้ ฮาเรลสัน (เขาเกิดมาเพื่อบทนี้) ที่ช่วยกันสร้างมนต์เสน่ห์ ให้กับการเดินทางในโลกไร้มนุษย์ได้อย่างเต็มที่

ถึงแม้พลังงานที่ขับเคลื่อนจะมาหมดเอาดื้อๆในองค์สุดท้าย เมื่อฉากใหญ่ในสวนสนุกถูกทำขึ้นเพื่อแสดงฉากการฆ่าซอมบี้เด็ดๆ (ซึ่งไม่ใช่จุดเด่นสำหรับเรื่องนี้เลย) แต่โดยรวมแล้วมันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัว ที่บรรดาแฟนซอมบี้จะมาพลาดหนังเรื่องนี้... อ้อ แล้วหนังยังมีดารารับเชิญสุดเซอร์ไพรซ์ ที่สร้างเสียงฮาที่สุดในเรื่องได้จากประโยคสุดท้ายอีกด้วย

BloodyMonday Rating:



Frequently Asked Questions About Time Travel (2009)


เมื่อเพื่อนสามคนก๊งเบียร์กันในผับแล้วเจอสาวฮ็อต (แอนนา ฟาริส) ที่อ้างว่ามาจากอนาคตจนเกิดรอยแยกของเวลา ทำให้ทั้งสามต้องท่องไปทั้งโลกในอนาคตและอดีตจนวุ่นวาย...

หนังมีไอเดียกิ๊บเก๋ ทำออกมาได้สนุกสนานสไตล์ซิตคอมอังกฤษ โดยเฉพาะการนำกฏเหล็กต่างๆจากหนังที่เกี่ยวกับการท่องเวลา (ดูเหมือนว่า Back to the Future จะเป็นแรงบรรดาลใจหลัก) มาปู้ยี้ปู้ยำอย่างเมามัน ถึงแม้ว่าตลอดเวลาการรับชมจะให้ความรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังดูซีรี่ย์ทางโทรทัศน์ แต่มันก็คือตอนที่ฮาที่สุดของซีซั่น แถมเอฟเฟ็คที่ใช้ก็มีคุณภาพจนคาดไม่ถึง

BloodyMonday Rating:



Looking for Eric (2009)


มีความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มองโลกในแง่ดีเกินบรรยากาศโดยรวม จริงอยู่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงเอยด้วยดีในตอนสุดท้ายนั้น สามารถสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนดู แต่จากสถานการณ์ในเรื่องและบริบทที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันยากที่จะทำใจเชื่อในสิ่งที่เห็น โดยเฉพาะพล็อตรองเกี่ยวกับปืน ซึ่งถ้าถูกตัดออกไปและหนังยังดำเนินเรื่องอย่างที่เป็นอยู่ Looking for Eric ก็น่าจะเป็นหนังฟีลกู้ดที่อบอุ่นที่สุดเรื่องหนึ่งของปีเลยทีเดียว

BloodyMonday Rating:


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
30 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add BloodyMonday's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.