In Search of Mediocrity (มูฟวี่ อิดิชั่น)



ในค่ำคืนอันแสนน่าเบื่อวันหนึ่ง ผู้เขียนตัดสินใจเอา Punisher: War Zone (เกร็ดไร้สาระ: เลซิ อเล็คซานเดอร์ ผู้กำกับสาวแกร่ง เคยเป็นถึงแชมป์โลกคาราเต้มาแล้ว) ที่เพิ่งโหลดมานั่งดู ในขณะที่ตัวเองต้องเผชิญรับกับความไร้ตรรกะของพล็อตเรื่อง และพระเอกที่ใช้เวลากว่าครึ่งค่อนชั่วโมง ในการฝังลูกกระสุนเข้าไปในตัวร้ายแบบไม่เต็มใจรับ โดยที่ยังไม่เอ่ยปากพูดสักคำ ทันใดนั้นเจ้าหัวสมองที่อุตส่าห์แอบวางไว้ข้างกาย ก็เอาศอกกระทุ้งสีข้างแล้วถามเจ้านายของมันว่า "เฮ้ เราแค่สงสัยนะว่า นายคิดยังไงถึงต้องเสียเวลาโหลดและนั่งดูหนังประเภทนี้"

มันคือคำถามที่แล่นตรงเข้ามาสิงในจิตใจ แล้วโอนถ่ายข้อมูลผ่านทางหลอดเสียงว่า “เออเน๊อะ” คือทุกครั้งที่ผู้เขียนเข้าไปในร้านเช่าหรือขายดีวีดี ก็มักจะอดสงสัยตัวเองไม่ได้ว่า ทำไมถึงเลือกภาพยนตร์ที่รู้อยู่แก่ใจดี ว่ามันคงไม่ได้ดีเด่อะไรอย่างแน่นอน... โอเค จริงอยู่ที่หนังหลายเรื่องไม่ได้หวังซะขนาดแก้ไขปัญหาโลกร้อนซักหน่อย พวกมันไม่ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าทุกเฟรมจะต้องออกมาวิเศษสุด และส่วนมากแล้วมันยังสามารถทำได้ต่ำกว่าความคาดหวังของเราเสียอีก แต่ก็อีกนั้นแหละ เคยคิดกันบ้างไหมว่า อยากจะเข้าไปเขย่าตัวคนที่ถือบัตรชมภาพยนตร์เรื่อง Street Fighter: The Legend of Chun-Li แล้วถามว่า "ทำไม!!"

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนเองก็ไม่ได้แตกต่างกับคนจำพวกนั้นเท่าไร ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขอขอบคุณการถือกำเนิดของ bittorrent ที่ช่วยให้ผู้เขียน รวมถึงนักดูหนังหลายๆคน ที่อาจจะซ่อนรสนิยมอันบูดเบี้ยวของตัวเองเอาไว้แบบไม่ให้ใครรู้ เช่นการตัดสินใจโหลด Disaster Movie มานั่งดู และรู้สึกสนุกไปกับมัน

เมื่ออายุอานามที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ผู้เขียนก็ยิ่งเข้าใจว่าทำไมผู้คนถึงชื่นชอบในการดูภาพยนตร์บางเรื่อง ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันจะไม่ใช่หนังดี เพราะว่าภาพยนตร์ที่มีควรค่าแก่การรับชมจริงๆนั้น มีจุดมุ่งหมายในการสร้างความท้าทายให้แก่ผู้รับชม มันต้องการความสนใจจากคนดู มันสามารถสร้างความหงุดหงิดและก่อคำถามให้เกิดขึ้นในใจ โดยเฉพาะเมื่อเราต้องเผชิญหน้ากับความอยุติธรรมในสังคม...




นั้นไม่ใช่สิ่งที่หลายคนอยากสัมผัส หลังจากต้องเผชิญสภาวะความกดดันในโลกแห่งความเป็นจริงมาทั้งวัน คงมีเพียงไม่กี่คนหรอก ที่โดนหัวหน้าด่ามาจากที่ทำงานทั้งวันแล้วคิดว่า "เฮ้ วันนี้ฉันเอา Glengarry Glen Ross มาเปิดดูตอนกลางคืนดีกว่า" หรือว่านักเรียนที่โดนกลั่นแกล้งในโรงเรียน ที่กลับมาบ้านแล้วจะมาเปิด Elephant ของ กัส แวน แซนด์ เพื่อบิวส์อารมณ์... นั้นแหละคือสิ่งที่ผู้เขียนสรุปได้จากการประสบการณ์ของตัวเอง ที่มักจะคิดเสมอก่อนเลือกหนังดูว่า "เฮ้อ เครียดมาทั้งวัน รู้ไหมว่าฉันมีอารมณ์อยากดูหนังแบบไหน... หนังธรรมดาสามัญไง อะไรก็ได้ที่ไม่ต้องดีเลิศประเสริฐศรี แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่ดูห่วยแตก หนังคุณภาพปานกลางที่ดูง่ายๆสบายๆ และที่สำคัญคืออะไรก็ได้ที่ไม่ท้าทายสมอง"

ถึงแม้ว่าหนังเหล่านี้มักชักชวนให้เราเข้าไปร่วมอยู่ในเหตุการณ์ ที่ทั้งซ้ำซากจำเจและสามารถคาดเดาได้ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็แอบมอบความรู้สึกผ่อนคลายและปลอดภัยให้กับเรา โดยเฉพาะหนังโรแมนติค-คอมเมดี้ ที่ถือว่าเป็นแนวที่ตกอยู่ในวังวนของความซ้ำซาก (จะมีสักกี่เรื่องกัน ที่พระเอก-นางเอกกำลังหวานซึ้งใส่กันอยู่ แล้วจู่ๆก็นางเอกก็หยิบปืนกลมากราดใส่ร่างของพระเอก) อย่างเช่น How to Lose a Guy in 10 Days ที่พูดตรงๆว่าไม่ได้มอบอะไรที่มีคุณค่าให้กับชีวิตเลย แต่ที่น่าแปลกคือมันสามารถเชิญชวนให้ผู้เขียนเข้าไปดู โดยเฉพาะการนั่งมอง 2 นักแสดงหนุ่มหล่อสาวสวย ที่อาจเคยทำในสิ่งที่หนุ่มหล่อสาวสวย อีกร้อยแปดพันเก้าคู่เคยทำมาก่อนหน้านี้แล้วก็ตามที




สำหรับผู้เขียนแล้ว หนังคุณภาพปานกลางที่เลือกดู ก็ยังขยายตัวไปถึงกลุ่มหนังที่มีความรุนแรงแบบไร้ตรรกะสุดๆ ที่ก้าวผ่านความสยองขึ้นไปสู่ระดับของความตลกขบขัน โดยที่ถึงแม้ว่าคุณภาพของหนังจะออกมาย่ำแย่แค่ไหน แต่ถ้ามันมีฉากอวัยวะของมนุษย์ถูกระเบิดเป็นชิ้นๆ หรือจำนวนเลือดที่กระฉูดราวออกมาจากหัวสปริงเกอร์ แค่นั้นก็พอที่จะทำให้ผู้เขียนเข้าไปนั่งอยู่ในโรงหนังแล้ว อย่างเช่นเรื่องที่เกริ่นไปในย่อหน้าแรกอย่าง Punisher: War Zone ที่พระเอกจัดการผู้ร้ายชะตาขาด ที่กำลังลอยตัวอยู่บนอากาศด้วยร็อคเก็ตลันเชอร์ หรือว่าจะเป็นเรื่อง Planet Terror ในช่วงเวลาที่โคโยตี้สุดเซ็กซี่ ติดอาวุธบนหน้าแข้งเรียบร้อยแล้ว พร้อมทะยานขึ้นไปบนฟ้าลัยิงจรวดใส่ฝูงซอมบี้ นั้นแหละคือความสุขที่เกิดขึ้นเฉพาะตัวบุคคล นั้นแหละคือสิ่งที่ทำให้หนังดาดๆเรื่องหนึ่งบนโลกภาพยนตร์ กลายเป็นหนังดาดๆเรื่องหนึ่งของในดวงใจของ “เรา”

ถ้าเป็นเมื่อ 5 หรือ 6 ปีก่อน ผู้เขียนก็คงยังสงสัยไม่หายว่า ทำไมผู้คนถึงให้ความสนใจในหนัง ที่ดูยังไงแล้วก็ไม่มีทางเป็นหนังดีได้ แต่ผู้เขียนก็เพิ่งมาเข้าใจเมื่อไม่นานมานี้ว่า รสนิยมและมุมมองของแต่ละคนนั้นมันแตกต่างกัน พวกเขาอาจมีเหตุผลที่เหมาะสมในการเลือกหนังที่เข้ากับแนวทางเฉพาะตัว ซึ่ง “ศิลปะ” ในภาพยนตร์ก็เป็นรสนิยมเพียงข้อเดียวเท่านั้น ซึ่งบางครั้งมันก็อาจเป็นข้อที่สำคัญน้อยสุด ในการเลือกดูหนังของหลายๆคนด้วยซ้ำไป


ปอลอ. Punisher: War Zone..... เอาไป 3 จาก 4 ดาวเลยยย (ใครจะไม่เห็นด้วยก็ตามสบาย 555+)



Create Date : 09 มีนาคม 2552
Last Update : 10 มีนาคม 2552 17:25:36 น. 32 comments
Counter : 1247 Pageviews.

 
ูู^^ ดูแล้วมีความสุข เลยดูครับ ไม่เอาสาระ 55+


โดย: chris IP: 125.24.68.100 วันที่: 10 มีนาคม 2552 เวลา:14:15:18 น.  

 
สิ่งหนึ่งที่ได้จากการสัมมนาที่นครนายก
อจ.บอกว่าวิธีแก้เครียดแบบง่ายๆในครอบครัว/พี่น้อง
ได้แก่..การร้องคาราโอเกะ
หรือการออกไปดูหนัง...หนังอะไรก็ได้
มันให้ความบันเทิง...ทำให้เราได้ผ่อนคลาย
ตะกี้ไปดู"Milk"มาที่โรงลิโด้3..
แต่แวะไปซอยผมก่อน..เกือบเข้าไม่ทัน
แต่ปรากฏว่ามีฝรั่งหลายๆคน..เข้ามา late กว่าเราอีก
คนเยอะเหมือนกันค่ะ..สำหรับโรงในเครือนี้


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 10 มีนาคม 2552 เวลา:19:46:09 น.  

 
มารีอองเป็นคนนึงที่ชอบดูหนังดี(หนังดีคืออะไร) อะไรที่เขาว่าดีก็หามาดู อะไรที่เราว่าน่าจะดีก็หามาดู อะไรที่นักแสดงที่เราว่าดีก็จะหามาดู แต่ก็ดูได้หมดเกือบทุกแนว

แต่ก็มีบางอารมณ์ที่รู้็สึกอิ่มๆเหมือนกันน่ะ แบบว่าดูซี่รี่ส์ญี่ปุ่นดีๆๆมามากล่ะ ขอเปลี่ยนเป็นเมียหลวงซักวันน่ะ วันนี้อยากแรง อะไรงี้อ่ะฮะ

ครั้งนึงเคยไปเช่าหนังร้านประจำแล้วกวาดหนังที่คิดว่า ถ้าเวลาปกติคงไม่เช่าพร้อมกันเยอะๆแบบนี้แน่ แต่วันนี้ขอหน่อยเพราะฉันอยากฮา อะไรแบบนี้อะฮะ แต่ก็เป็นส่วนดีที่เราดูหนังแบบไม่จำกัดประเภทของหนังเคร่งครัดนัก เพราะบางทีในหนังที่เราคิดว่าไม่ดีอย่างน้อยเราจะได้อะไรจากมันไม่มากก็น้อย แหละเนอะ (เขียนจม.ดีไม๊55)


โดย: มารีอองเองค่ะ IP: 125.24.50.215 วันที่: 10 มีนาคม 2552 เวลา:21:37:51 น.  

 
หวัดดีครับ


โดย: The Learner วันที่: 10 มีนาคม 2552 เวลา:22:25:28 น.  

 
เป็นฝร่งเหลือจ๊ะ ทำไมเขียนภาอังกฤษได้เยอะจัง


โดย: The Learner วันที่: 10 มีนาคม 2552 เวลา:22:28:45 น.  

 
เป็นฝรั่งเหรอครับ


โดย: The Learner วันที่: 10 มีนาคม 2552 เวลา:22:30:51 น.  

 
5555

เราว่าที่เราชอบ "ความจำสั้นฯ"​ ก็น่าจะเป็นเพราะมันคล้ายประสบการณ์จริงมากกว่าค่ะ และก็อย่างที่บอกแหละ ตัวอย่างหนังมันก็คือหนังทั้งเรื่องเลยค่ะ ไม่ต้องลุ้นแล้ว 555 ถ้าไปดูหนังก็แค่ไปเก็บรายละเอียดเท่านั้นเอง

แต่ดูแล้วมีความสุขนะ ^^


ส่วน Detroit Metal City นี่ยังไม่ออกแผ่นค่ะ ที่เห็นมาเห็นว่าแผ่นจะออกวันที่ 22 เมษา ของค่าย Rose (ที่ไม่แน่ใจว่าจะโดนตัดแต่งหรือเปล่า)

ส่วนที่เราดูนี่โหลดบิทมาดูค่ะ ใจร้อน รอไม่ไหวววว!!!


(คนเกิดเดือนมีนามีบุญ แต่เกิดเดือนกุมภาหน้าตาดีค่ะ ^^)


โดย: ยิ่งยง นั่งยองยอง วันที่: 10 มีนาคม 2552 เวลา:22:58:43 น.  

 
อันนี้นี่เขียนเอง ไม่ได้แปลใช่มั๊ยครับ ดีจัง เขียนได้โดนใจ ทำให้ผมมีความกล้าและเหตุผลที่จะหยิบหนังอย่าง Day of The Dead มาดูซ้ำได้อีกเรื่อยๆ 5555++

อืม... ไอ้ 5 หัวใจฮีโร่นี่มันเป็นทางเลือกที่ดีกว่าหลวงพี่ฯใช่มั๊ย นี่มันไม่ต่างกับหนีเสือปะจระเข้เลยนะ

หรือบล็อคนี้มีเพื่อตอบคำถามข้อนี้ 555555555


โดย: แฟนผมฯ IP: 124.157.142.15 วันที่: 10 มีนาคม 2552 เวลา:23:16:16 น.  

 
ผมมีเรื่องหนึ่ง ที่จะว่าไปเป็นหนังที่ไม่ได้มีอะไรดีเด่นนัก

แต่ดูทีไร ฮาทุกทีครับ


Dude, Where's My Car?


เคยดูไหมครับ ฮาชะมัด


โดย: navagan วันที่: 11 มีนาคม 2552 เวลา:0:20:48 น.  

 
เราเคยดู How to Lose a Guy in 10 Days นะ ดูในโรงด้วย หนุกดี

What Happens in Vegas (2008) เข้าฉาย เราก็ดู

มันขึ้นอยู่กับอารมณ์ช่วงนั้นๆ มากกว่า อารมณ์อยากคิด หรือไม่อยากคิด

อาจจะเพราะมีความใฝ่ฝันอยากเป็นมือเขียนบทและพอจะมีประสบการณ์แบบถากๆ (55) เราจึงมักเชื่อว่าหนังทุกเรื่องล้วนมาจากความคิดที่กลั่นมาแล้ว (อย่างน้อยก็กล้อมแกล้มให้นายทุนควักตังค์ได้ล่ะว๊า) แต่ทำออกมาเป็นหนังแล้วจะเวิร์คไม่เวิร์คก็เป็นอีกเรื่อง

เรายังเคยคิดหัวแทบแตกกับชื่อหนังสำหรับพล็อตที่ตัวเองเขียนขึ้นมา ไม่มีอะไรง่ายทั้งนั้น

ความดีเด่นและโดนด่าสำหรับหนังแต่ละเรื่อง ส่วนใหญ่ก็มาจากความคิดเห็นส่วนตัวของใครก็ของใครเป็นคนวัด แล้วแต่จริตและมุมมอง

เคยอ่านเจอว่า มีนักวิจารณ์ของไทยคนนึงเธอมีโอกาสได้เรียนฟิล์มที่ต่างประเทศ หนังที่เธอทำวิจัยคือเรื่อง I Know What You Did Last Summer ที่เธอเองมองว่าหนังมันมีอะไรให้คิดให้ค้นต่อยอดได้


ยาวอ่ะ...

ไปคิดอีกก่อน เดี๋ยวมาเม้นท์ใหม่ หุหุ



โดย: renton_renton วันที่: 11 มีนาคม 2552 เวลา:0:50:57 น.  

 
chris
ดีครับ เหมือนสรุปบทความของเราด้วยประโยคเดียว 55+

คุณเริง
Milk เป็นยังไงบ้างครับ สำหรับผมแล้วเยี่ยมไปเลยนะ ฌอน เพนน์ เหมือนว่าจะจมหายไปในตัวละครนี้เลยยังไงยังงั้น นับถือๆ ^^

The Learner
เออ... น้องเป็น ocd เหรอครับ... แล้วถามแบบนี้ไม่รู้ว่าก่อนเอานิ้วกระแทกแป้นพิมพ์ ได้ผ่านกระบวนการทางความคิดบ้างหรือยัง ก็เห็นๆอยู่ว่าใช้ภาษาไทยเป็นหลัก -*- แต่ถ้าถามเพราะอยากกวนๆขำๆแล้วละก็... เราไม่รู้สึกขำเลยน่ะ

navagan
ได้ดูในโรงด้วยครับ 55+ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมตอนดูอีกครั้งในเคเบิ้ล เรากลับไม่รู้สึกว่ามันฮาเท่าสมัยไปดูในโรง...

มารีออง, คุณแฟนผม, คุณนิดนก เดี๋ยวไปเยี่ยมครับ ^^

เรนตั้น มาต่อด้วยล่ะ ฮึ่มมม


โดย: BloodyMonday วันที่: 11 มีนาคม 2552 เวลา:1:16:42 น.  

 
น้อง(เรียกน้องมั่ง) The Learner เขาอาจหมายความว่า เป็นฝรั่ง ที่อยู่เมืองไทยมานานหรือเปล่า

แบบ Andrew Biggs ประมาณนั้นมั้ง


ปล. มาแถมหนังอีกเรื่อง

Resurrection หนังของผู้กำกับ Russell Mulcahy ที่แทบจะ ก๊อป Seven มาแต่ทำได้สนุกดีครับ

แม้จะไม่ลึกซึ้ง ประทับใจ และสนุกเท่า แต่มันก็สนุกแฮะ


โดย: navagan วันที่: 11 มีนาคม 2552 เวลา:1:23:39 น.  

 
(รอดูหงส์ เลยได้วนไปวนมาแถวนี้ หุหุ)

มาต่ออีกนิดนะ จริงๆขมวดนิดเดียวก็จบแล้วล่ะ 555

ก็สรุปว่า อยากดูเรื่องไรก็ดูไปเถ๊อะ เขาว่ากันว่า/ เขาเรียกหนังเรื่องนี้ว่า/ เขาแหยะเรื่องนี้ว่า/ เขา...ต่างๆ นาๆ...ก็ช่างมันเต๊อะ....เนอะ

ดูหนังเรื่องไหนก็ได้ประสบการณ์ใหม่เพิ่มขึ้นทั้งนั้น
ได้มากได้น้อย ได้ดีได้ด่า ก็ว่ากันไป

ดูหนังคนละเรื่องกันก็มาแลกเปลี่ยนความคิดกันไง
หนังในโลกนี้มีล้านแปดยกกำลังสามสอง
คนนึงดูยังไงก็ไม่ครบทุกเรื่องอยู่แล้ว

สำหรับเรา..จะมีหนังอยู่เรื่องนึงที่ตั้งอคติไว้ในแง่ลบ
เพราะทราบข่าวมาว่า หนังทำแบบลวก ไม่มีบท(หรือมีก็น้อยมาก)
มีอิมโพรไวซ์กันในกอง
กระแสคนไปดูมาแล้วหนังโดนด่าก็เยอะ
ที่สำคัญคือเราได้ฟังผู้กำกับให้สัมภาษณ์มากะหู (แต่ก็ดูผ่านทีวีอ่ะนะ) ซึ่งก็ไม่ผิดไปจากที่ได้ยินมา
หนังเรื่องนั้นคือหนังไทยเรื่อง ดึก ดำ ดึ๋ย ของ เทพ โพธิ์งาม

เสียดายยังไม่ได้ดูได้เห็นด้วยตาตัวเองว่าหนังเป็นไง
แต่เอาแค่ความคิดของ ผกก. ก็ไม่ผ่านแล้วสำหรับเราเพราะดูจะเข้าข่าย มักง่าย ทำอะไรส่งๆ

ยาวอ่ะ

55

ไว้หาดูได้แล้วเดี๋ยวมาว่ากันอีกที หุหุ

That's all I want to say ja...



โดย: renton < - - - - มิได้ล็อคอิน :: IP: 124.120.1.129 วันที่: 11 มีนาคม 2552 เวลา:1:50:55 น.  

 
แต่ก่อนผมมักคิดว่าเวลาคนเรามีน้อย (ยิ่งตอนที่ต้องมาทำงานแล้วด้วยเยี่ยงนี้) ดังนั้นการเลือกดูหนังซักเรื่องมันก็ต้องเป็นอะไรที่ต้องให้ความสำคัญหน่อย จนมีอาการดูหนังไม่เคยจบเลยมาพักใหญ่ๆ

จนมาได้เข้าใจและเห็นค่าของหนังอย่างที่ จขบ ว่าแหละครับ ถึงมันจะไม่ได้ดีเลิศ แต่เรามีความสุขฉิบเลยครับยิ่งเมื่อตอนเครียดๆ

บางครั้งการดูหนังที่ไม่ต้องคิดอะไรเลย มันได้รับความบันเทิงแบบมหาศาล ^^

^^


โดย: Seam - C IP: 58.9.207.248 วันที่: 11 มีนาคม 2552 เวลา:8:13:07 น.  

 
คุณ BdMd "น้องคนนั้น" เค้าเข้าไปแปลกๆมาหลายบล็อคแล้วครับ ผมเคยตามไปดูบล็อคเค้าก็พบว่าออกจะเกินๆขาดๆไปไม่ใช่น้อย แต่คนอื่นๆเค้าก็ดูยอมๆใจเย็นกันนะ (ขนาดน้องนาโนยังทนได้เลย) เพิ่งจะเห็นถูกเฉ่งก็ที่บล็อคนี้นี่แหละ

ซึ่งผมชอบว่ะ เป็นผมๆก็ทำเหมือนกัน (เขียนแบบนี้แล้วมันจะมาด่าตรูมั๊ยเนี่ย ช่างเถอะ ไม่กลัวเฟ้ย)



โดย: แฟนผมฯ IP: 124.157.137.103 วันที่: 11 มีนาคม 2552 เวลา:8:37:17 น.  

 
อ่า อยากรู้เรื่องที่คุณแฟนผมฯ มาทิ้งไว้ข้างบน
เรื่องไรกันอ่ะ

ป.ล.จะเริ่มอ่านมูราคามิ แนะนำรวมเรื่องสั้นที่กำลังจะออกเลยค่ะ มีครบทุกรสของความเป็นมูราคามิ รับประกันโดยคนที่อ่านหนังสือเล่มนี้มาเกือบจะร้อยรอบเข้าไปแล้ว


โดย: grappa วันที่: 11 มีนาคม 2552 เวลา:9:20:42 น.  

 
navagan
จำ Resurrection ได้เป็นอย่างดี... เพราะว่าเป็นหนังที่ผมดูข้ามศตวรรษครับ ฮ่าๆๆ เค้าท์ดาวน์กันในโรงนี้แหละ 55+)

Seam - C
ผมก็คิดอย่างที่เขียนเลยล่ะครับ (และก็ไม่ต่างจากหลายๆท่านด้วย) คือกลับบ้านมาเหนื่อยๆแล้ว ไอ้ครั้นจะเอา No Country of Old Men มาเปิดดูใช่ที่ ดังนั้นยังพวก ทรานสะปอเต้อ 3 หรือ พวกหนังตลกเรื่อยเปื่อย ก็ดูเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า

คุณแฟนผมฯ
อ๋อ แบบนี้นิ่งดูดายไม่ได้หรอกครับ คือผมว่าการเป็นตัวของตัวเองมันก็ดีอยู่หรอกน่ะ แต่ก็อย่าได้สำคัญตนผิดเชียวว่า ตัวเองเจ๋งตัวเองแจ๋วหรือตัวเองไม่เหมือนใคร เพราะไม่เพียงแค่สังคมโดยรวม ที่เค้าไม่สนใจหรอกว่าใครจะเป็นตายร้ายดียังไง แต่มันจะทำให้สังคมกลุ่มเล็กที่อยู่วงเดียวกัน พากันถอยห่างจากคุณอีกด้วย...

สุดท้ายนี้ก็อยากจะบอกน้องเค้าว่า... อยู่บนเนินทรายในสนามเล่นคนเดียวหนาวมั้ยย

grappa
เรื่องเพื่อนสมาชิกบล็อคครับ ไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอก พอดีผมอาจจะเกิดอาการลมปัจจุบันขึ้นมา เลยเขียนแบบไม่ได้ยับยั้งชั่งใจเท่านั้นเอง 55+

โอ้ แบบนี้สงสัยงานหนังสือต้องสอยมาซะแล้ว ไม่พลาดแน่นอนครับ ^^


เรนตั้น... เดี๋ยวมานั่งอ่านละเอียดอีกทีนึงน่ะ ^^


โดย: BloodyMonday วันที่: 11 มีนาคม 2552 เวลา:13:14:57 น.  

 
The cast of Expendable just has been added.....Stone Cold Steve Astin ?!

อ่านข่าวชิ้นนี้ของ Empireonline แล้วรู้สึกอะดรีนาลีนสูบฉีด เพราะนี้มันอาจจะเป็นหนังแอ็คชั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เท่าที่เคยมีการสร้างกันมาเลยก็ว่าได้น่ะ 55+

(ตัดเอามาสั้นๆแต่ฮาๆให้อ่านกัน)

Steve Austine joins a cast of the toughest men in the world, including Stallone himself, The Stath, Jet Li, Dolph Lundgren, Danny Trejo, Arnold Schwarzenegger (in a brief, brief cameo), Mickey Rourke, Forest Whitaker

Scientists have calculated that the levels of testosterone generated by a viewing of The Expendables will be so high that it could endanger the future of the human race, as all women will become men, and all men will become hulking brutes unable to communicate in anything other than grunts. In other words, the cast of The Expendables.



โดย: BloodyMonday วันที่: 12 มีนาคม 2552 เวลา:16:01:40 น.  

 
ข้าพเจ้าก็เพิ่งดู รักไม่จำกัดนิยาม ในวันก่อนสอบ
เพราะเครียดจากหนังสือสอบ เลยอยากดูอะไรต่ำๆทรามๆ แก้เครียด ซึ่งมันสำเร็จ 55555

ในขณะที่ "อนึ่ง คิดถึงเป็นอย่างยิ่ง" ไม่อาจทำเช่นนั้นได้
เพราะตอนดูไม่ได้เครียดอะไรเลย แต่ไปเครียดเพราะความต่ำทรามของหนังแทน

เฮ้อ


โดย: nanoguy IP: 125.24.142.6 วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:0:13:07 น.  

 
^
^
อะโห... ดูรักไม่จำกัดนิยามได้ด้วย ขอคารวะ

แต่พูดก็พูดเถอะ หนังมันฮาซะยิ่งกว่าหลวงพี่เท่ง 2 อีก (นั่งดูบนรถบัสบริษัทกลั้นหัวเราะซะตัวสั่นเลย)

อ้อ อ่าน TAG ตัว B แล้วเน้อ ผมได้ดู Inside man นะ (แต่จะหลับ) นึกฉากเปิดเรื่องไม่ออกแล้ว มันมีอะไรเกี่ยวกับ Bollywood ด้วยเรอะ?

Bonnie and Clyde เวอร์ชั่นใหม่น่าดูตรงมีฮิลลารี ดัฟท์ เนี่ยแหละ (มันมีสิทธิจะกลายเป็นหนังที่เราจะหยิบมาดูแก้เครียดได้เลยนะเนี่ย)


โดย: แฟนผมฯ IP: 202.134.119.218 วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:9:39:59 น.  

 
แฮ่ๆ กลับมาอีกครั้ง (นี่ชั้นไม่มีงานมีการทำรึไงนี่)

อ่านสัมภาษณ์น้องดัฟท์กับเจ้าป้าแล้วฮา แหม... อะไรมันจะแสบสันต์สุวรรณภูมิขนาดนี้ หวังว่าตัวหนังจริงๆมันจะสนุกสนานพอๆกับการตบตีกันของบอนนี่สองรุ่นนะ

ผมดู Inside man แล้วง่วงจริงๆครับ แต่ก็ไม่แปลกนะ Mummy 1,3 นี่ผมหลับไปเลย หนังเจ็ต ลี เรื่อง The One นั่นก็ด้วย (เอ๊ะ รึไอ้หนังพวกนี้มันสมควรหลับอยู่แล้ว 555++)


โดย: แฟนผมฯ IP: 202.134.119.218 วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:10:57:00 น.  

 
Inside man เพลงไงครับ อ่ะ ไชยา ไชยา

Bonnie and Clyde เวอร์ชั่นเก่า เฟย์ สวยดีครับ (แฮ่ๆ)


โดย: chris IP: 125.24.5.174 วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:14:55:29 น.  

 
ถ้าน้องเขามาทำอะไรมิบังควรในบล็อกผม ผมก็ึคงต้องเตือนกันบ้าง (คำว่า "เตือน" ของผม อาจจะไม่เหมือนคนอื่น ฮ่ะฮ่ะ)

คราวก่อนผมไปคอมเมนต์เขาในหัวข้อ marie antoinette อันแรกก็เขียนสั้นๆ แล้วเขามาบอกว่าเขา่ไม่เข้่าใจที่ผมเขียน (อื่มมม) ก็เลยไปเขียนยาวๆ แล้วปรากฏว่าหัวข้อนั้นก็อันตรธานหายไปเลย ไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใด (ซึ่งก็ขี้เกียจไปถามให้มากความ ก็บล๊อกเขา มิใช่บล๊อกข้าพเจ้า) หรือไม่พอใจในสิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนอธิบายไปยืดยาวก็มิทราบ

ออกจะเบื่อๆนิดนึงกับคอมเมนต์ประเภท "ไม่ยอม ต้อง 10 สิ" ที่ยาริสนิดนึง (แต่ก็สิทธิ์ของเขา ไม่เกี่ยวกับฉันอยู่ดี) จริงๆ ก็ตะหงิดๆ ตั้งแต่เขาคุยกับพี่วินประมาณว่า "ผมชอบให้คนแก่กว่าเรียกว่าน้อง" แล้วล่ะ




โดย: nanoguy IP: 125.24.142.6 วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:18:09:00 น.  

 
นางเอก "รักไม่จำกัดนิยาม" คือคนเดียวกับใน "ตั๊ดสู้ฟุด" ถูกต้องแล้วค้าบ เธอเล่นเรื่องแรกก่อน แต่ได้ฉายทีหลัง และไม่รู้ทำไม ในเรื่องแรกเธอหนวดเฟิ้มมากๆ สงสัยหนังจะไม่มีงบประมาณช่างแต่งหน้าน่ะ เพราะเอาไปทุ่มกับเสื้อผ้าแบบเกาหลีหมดแล้ว

แนะันำให้ลองหาเช่ามาดู มัน mediocrity ได้ใจมาก
น่าจะฮาพอๆกับ เพื่อนกูรักมืงว่ะ


โดย: nanoguy IP: 125.24.142.6 วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:18:15:06 น.  

 
แฟนผม
ไม่แน่ครับ การที่เจ้าป้ากับน้องดัฟฟ์มาเฉือนกันอย่างนี้ อาจจะหวังผลในเรื่องของพีอาร์ก็ได้ (ดีไม่ดีเจ้าป้าอาจจะมารับเล่นบทรับเชิญก็ได้ 55+) ทีนี้ก็รอให้คู่ปู่วอร์เรนกับนายซีเกอร์ออกมาพูดถึงกันบ้าง แค่นี้หนังก็ได้รับความสนใจเต็มๆแล้วละครับ (ตามความคิดของคนในสายงาน 55+)

มัมมี่ 1 นี้ออกจะมันน่ะ ฮ่าๆๆ ผมดูแล้วขำดี ส่วนภาค 2 นี้มั่วกันเข้าไป ชักไม่สนุกล่ะ ส่วน 3 นี้เข้าขั้นเพี้ยนเลย 55+ (สงสาร เจ็ท ลี กับ มิเชล โหย่ว ที่ดูแล้วอุตส่าห์ตั้งใจเล่นซะ -,.-') ส่วน The One นี้ก็ลืมๆมันไปเถอะครับ 55+

chris
อ่ะ แต่เราว่าหน้าของ ป้าเฟย์ ดูธรรมดาสามัญมากเลยน่ะ เออ ถ้าเป็นหน้าของพี่สาวเราอย่าง เฟย์หว่อง ก็ว่าไป หุหุ

นาโน
เอริ่ม ไปดูเอ็มวีของ รักไม่จำกัดนิยาม เป็นออเดิร์ฟมาล่ะ... เข้าใจว่าทีมงานคงสร้างเอ็มวีชิ้นนี้ขึ้นก่อน และพอเห็นช่องทางจึงเอาไปขยายเป็นหนังยาวซะเลย... เราเดาถูกรึเปล่า 555+

แต่เกรงว่ามันจะไม่ mediocrity แต่เข้าขั้น absurdity อ่ะดิ ซึ่งอันนั้นเรารับไม่ค่อยได้ หึหึ

ส่วนเรื่องน้องคนนั้น เราไม่มีประสบการณ์ส่วนตัวมาเล่าเหมือนนาโนหรอกน่ะ แต่ก็เคยเห็นวีรกรรมในบอร์ดพันทิ๊บอยู่เหมือนกัน ที่ไปโชว์พาวทวนกระแส TDK... คืออยากจะบอกว่าการไม่ชอบหนังที่คนอื่นชอบนั้น ไม่ใช่เรื่องที่สมควรถูกประนามแต่อย่างใดหรอก (กลับกันเลย เพราะเราว่ามันยิ่งน่าหยิบมาอ่านมาฟัง ถึงมุมมองที่แตกต่างออกไปเสียอีก) แต่ทีนี้การที่จะออกมาประกาศจุดยืนของตัวเองต่อหน้าสาธารณชน เราเองก็ต้องทำให้แน่ใจว่าตัวเองมีประเด็นที่ชัดเจนพอสมควร มิเช่นนั้นมันก็อาจเป็นเรื่องที่พึงกระทำ สำหรับการเก็บความรู้สึกในด้านลบเอาไว้กับตัวเองซะดีกว่า

ซึ่งการที่น้องเค้าใช้ตัดสินใจใช้เรือถีบมาทวนกระแส ผลที่ได้ก็คือการไหลตกน้ำตกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นเอง...


โดย: BloodyMonday วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:12:57:25 น.  

 
อิอิอิอิ
ไม่อ่านสปอยล์อะไรใดๆ เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้
เห็นหัวข้อก็เลื่อนผ่าน เก็บตัวเก็บใจไว้ดูอย่างเดียว

ก็อย่างชื่อหนังว่าไว้ "เปิดตำนานใหม่"
สงสัยปิดตำนานเก่า ไปซะแล้ว


ปล.พยายามสลัดความเป็นการ์ตูนออกไป
แต่ทำใจไม่ได้เลย ฮือๆๆ

อ่านที่เจ้าของบล็อกเขียนไว้แล้วเห็นด้วยอ่ะค่ะ
บางทีหนังที่ไม่มีอะไรเลย เราดูแล้วก็มีความสุขดีเหมือนกัน



โดย: HastaLaVista วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:14:11:59 น.  

 
อื่ม ผมจำได้ว่าไปเห็น blog เขาตอนออสการ์ เขาก็บอกว่าไม่ชอบ TDK ด้วยเหตุผลว่า "คนชอบเยอะมาก" ก็เลยไม่ชอบ (ฮ่าๆ ก่อนจะตามมาด้วยเหตุผลอันเกี่ยวกับตัวแบทแมนที่ unemotional ซึ่งก็ถือว่าโอเค แต่มาช้าไปนิดนะั)

มีคนไปทักว่า ไม่ค่อยชอบคนที่ไม่ชอบเพราะว่าคนชอบเยอะ(โดยมิมีเหตุผลอื่นรองรับ) ปรากฏน้องเขาก็โกรธเคืองบ้าคลั่งเป็นการใหญ่ทีเดียว


โดย: nanoguy IP: 125.24.154.30 วันที่: 15 มีนาคม 2552 เวลา:3:56:41 น.  

 


โดย: renton_renton วันที่: 15 มีนาคม 2552 เวลา:7:50:55 น.  

 
+ จริงๆ แล้วมีหนังตลาดๆ หลายเรื่องเลย ที่ผมดูจบแล้วรู้สึกว่าสนุกสนานมากมาย อย่างเช่น Coyote ugly, The rock, Jurassic park (I) เป็นต้น ซึ่งมันก็คงขึ้นอยู่กับประสบการณ์แต่หนหลังของแต่ละคนจริงๆ ด้วยแหละเนาะครับ

+ มาตอบเรื่องทริปบาหลีสั้นๆ ว่า ตั๋วเพื่อนผม ถูกจริงครับ (น้องสาวมันเป็นแอร์ฯ ของแอร์เอเชีย) เลยได้ราคาโปรโมชั่น 800 บาท!! (ส่วนของผม จ่ายเต็มในราคาล่วงหน้า 1 อาทิตย์ เลยแพงกว่าของพวกมันเกือบ 10 เท่า!!! ) ... แต่ค่ากินอยู่หลับนอน ถือว่าโอเชนะครับ ไป 4 วัน 3 คืน สิริหลงจ๊งไปราวๆ 6 พัน (นี่รวมค่าโรงแรม 3 คืน 1,400 ไปแล้วด้วยนะเนี่ย )

+ แต่ขอบอกว่า ทริปบาหลีจริงๆ แล้วมันคือ "ทัวร์วัด(ฮินดู)!" อ่ะครับ กับอีกอย่างที่บ้านเราไม่มี (ก็ดีแล้ว) คือภูเขาไฟ (ที่ยังคง active อยู่! )

+ แล้วจะรีบทยอยอัพบล็อกบาหลี (หลังจากหายจิตตก) ให้อ่านนะครับผม


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 16 มีนาคม 2552 เวลา:1:02:32 น.  

 

ตอบ..ค่ะ
"Milk" สนุกมาก..เราShock เลยตอนฉากโดนยิง
เพราะ in กะ บท เธอแสดงได้น่ารักน่าเอ็นดูมากๆ
++++++++++++++++++++++++++
วง The Killers.
เท่ได้ใจเราจริงๆ ค่ะ



อัลบัมใหม่ล่าสุด


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 16 มีนาคม 2552 เวลา:15:21:49 น.  

 
อัพบล็อกไว้อาลัยคุณ 'รงค์แล้วค่ะ
เห็น จขบ.นี้ไปไว้อาลัยไว้ในบล็อกเมื่อเช้านี้


โดย: grappa วันที่: 16 มีนาคม 2552 เวลา:18:42:58 น.  

 

Oh yes!!! "อะไรก็ได้ที่ไม่ต้องดีเลิศประเสริฐศรี แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่ดูห่วยแตก หนัง(สือ)คุณภาพปานกลางที่ดู/อ่านง่ายๆสบายๆ และที่สำคัญคืออะไรก็ได้ที่ไม่ท้าทายสมอง"
เหตุผลที่อ่านโรแมนซ์ จะอะไรกันนักหนา ตูเจอมาหนักทั้งวันแล้วนะ เหมือนเวลาเครียดไปกินไอติมอ่ะ หวาน เย็น ที่สำคัญ ก็ชอบอ่ะ

แต่ว่าไม่ดูหนังเลือดๆ กลัว - -"


โดย: อออ (อั๊งอังอา ) วันที่: 18 มีนาคม 2552 เวลา:16:32:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BloodyMonday
Location :
Imaginationland, Valley of Bliss China

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






-= M & M in Nutshell =-


Gentlemen Broncos (2009)


You could have brain tumor by watching this contaminated turd. Nothing in Gentlemen Broncos pays off, it’s incoherent mess, and chock-full of incredibly annoying characters. You will not only loath this movie, but it also makes you want to punch someone who responsible for this abomination in the face.

BloodyMonday Rating:



Fantastic Mr. Fox (2009)


Imagine if Akira got Live-Action treatment by... say Alfonso Cuarón, you know how awesome it might be? That’s what happened to "Fantastic Mr. Fox". Wes Anderson's auteur perfectly captured the quirkiness and blissful tone of the material. Its stop-motion technique might be a little crude and... somewhat unsophisticated, but that's the charm of it. You’ll feel like pop-up book unveiled before your eyes. This is an exceptional animation of the year.

BloodyMonday Rating:



Planet 51 (2009)


ถ้าถามว่าสนุกไหม? ก็โอเค ทุกอย่างถอดแบบมาจาก Shrek มุขที่อ้างอิงวัฒนธรรมป็อป ตัวละครสมทบที่น่าสนใจกว่าตัวเอก กราฟฟิคที่สอบผ่านฉลุย (ถ้าไม่ไปวัดกับพิกซาร์) แต่ถ้าถามว่าต้องดูไหม? ..... เอาเป็นว่าเวลาชั่วโมงครึ่ง ทำอะไรที่มีประโยชน์กว่านี้ได้เยอะแยะ

BloodyMonday Rating:



It's Complicated (2009)


รู้สึกสนุกกับการได้เห็นป้าเมอรีล เข้าโหมดแอ๊บเด็ก (อีกแล้ว) ในขณะเดียวกัน อเล็กซ์ บอลด์วิน และ จอห์น ครากินสกี้ ก็ขโมยซีนได้ตลอด แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหนังยาว 2 ชั่วโมงมีเรื่องให้เล่าแค่ 15 นาที... It's Complicated อาจเหมือนคนกินไวอากร้าแล้วเข้านอน คึกตลอดคืนแต่มันจะมีประโยชน์อะไร?

BloodyMonday Rating:



Up in the Air (2009)


Up in the Air is a blockbuster movie for people who think blockbuster movies are dumb, as it chock full of brilliantly written dialogue, and acting showcase for three talented actors (especially star-making turn by Anna Kendrick). But in the end, there's little to love, not so much story to chew on (plus disappointing third act), and no real connection to the meaning of human interaction as it intended to be.

BloodyMonday Rating:



I Love You, Beth Cooper (2009)


Cliché-ridden plot about a bunch of annoying characters get together in one idiotic circumstance, "I Love You, Beth Cooper" is shameless exploitation & biggest insult to 80s teen flicks. It's like memorizing magic trick from internet, hoping to perform like David Copperfield. Neither sense of wonder nor magic flare happens here. Only good thing is, it makes me wanna cleanse my soul with genuine 80s teen movie night marathon.

BloodyMonday Rating:



Everybody's Fine (2009)


Meh. The movie serious lack of originality & characters development. Only Robert De Niro comes out fine in this schmaltzy, "Lifetime" movie-of-the-week plot.

BloodyMonday Rating:



Paper Heart (2009)


Twee delight... That's only two words I can think of right now.

BloodyMonday Rating:



Adam (2009)


A perfect companion to Mary & Max (one of the best animation of 2009), Adam is star-crossed love story (pun intended) between Adam, Asperger's Syndrome bearer, and Beth, free spirit woman. The picture wouldn’t be this intimate without stunning performance by Hugh Dancy. On the other hand, the lack of depth on why Beth would love someone like Adam, preventing me from wholeheartedly embraces her choice in the end (which is nice & perfect but requires a leap of faith). Otherwise, this is touching romantic film, which putting its feet firmly on the ground, making the world full of hope and seems nicer place to live.

BloodyMonday Rating:



The Invention of Lying (2009)


Expected to be like “Click” or “Yes Man”, where high-concept plot turned into endless gags, with moral lesson (forcefully) shoving down your throat. But "The Invention of Lying" is thinking man’s film. The whole concept is not seeing how first lying man exploits the ability. But it's about him finding the way not to lie, in order to find genuine happiness. Great stuff.

BloodyMonday Rating:



Give ‘Em Hell Malone (2009)


This is one damn frustrating experience. It’s like watching an infant trying to stand up and walk. They would take a few steps then fall their asses. In fact, kiddie film like “Bugsy Malone” has done better job paying a tribute to film noir than this borefest.

BloodyMonday Rating:



Zombieland (2009)


ถ้าอังกฤษมีหนังซอมบี้ฮาแตกอย่าง Shaun of the Dead แล้ว ทำไมอเมริกาจะมีบ้างไม่ได้... Zombieland คือการผสมผสานระหว่างบรรดาหนังซอมบี้เก่าๆ เข้ากับทัศนคติของคนสร้างที่อาจดูหนังแนวนี้มากเกินความจำเป็น จนสามารถสร้างหนังซอมบี้ที่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองเป็น และเล่นสนุกไปกับกฏพื้นฐานของซอมบี้ได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยกความดีให้สี่นักแสดงนำ โดยเฉพาะ วู้ดดี้ ฮาเรลสัน (เขาเกิดมาเพื่อบทนี้) ที่ช่วยกันสร้างมนต์เสน่ห์ ให้กับการเดินทางในโลกไร้มนุษย์ได้อย่างเต็มที่

ถึงแม้พลังงานที่ขับเคลื่อนจะมาหมดเอาดื้อๆในองค์สุดท้าย เมื่อฉากใหญ่ในสวนสนุกถูกทำขึ้นเพื่อแสดงฉากการฆ่าซอมบี้เด็ดๆ (ซึ่งไม่ใช่จุดเด่นสำหรับเรื่องนี้เลย) แต่โดยรวมแล้วมันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัว ที่บรรดาแฟนซอมบี้จะมาพลาดหนังเรื่องนี้... อ้อ แล้วหนังยังมีดารารับเชิญสุดเซอร์ไพรซ์ ที่สร้างเสียงฮาที่สุดในเรื่องได้จากประโยคสุดท้ายอีกด้วย

BloodyMonday Rating:



Frequently Asked Questions About Time Travel (2009)


เมื่อเพื่อนสามคนก๊งเบียร์กันในผับแล้วเจอสาวฮ็อต (แอนนา ฟาริส) ที่อ้างว่ามาจากอนาคตจนเกิดรอยแยกของเวลา ทำให้ทั้งสามต้องท่องไปทั้งโลกในอนาคตและอดีตจนวุ่นวาย...

หนังมีไอเดียกิ๊บเก๋ ทำออกมาได้สนุกสนานสไตล์ซิตคอมอังกฤษ โดยเฉพาะการนำกฏเหล็กต่างๆจากหนังที่เกี่ยวกับการท่องเวลา (ดูเหมือนว่า Back to the Future จะเป็นแรงบรรดาลใจหลัก) มาปู้ยี้ปู้ยำอย่างเมามัน ถึงแม้ว่าตลอดเวลาการรับชมจะให้ความรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังดูซีรี่ย์ทางโทรทัศน์ แต่มันก็คือตอนที่ฮาที่สุดของซีซั่น แถมเอฟเฟ็คที่ใช้ก็มีคุณภาพจนคาดไม่ถึง

BloodyMonday Rating:



Looking for Eric (2009)


มีความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มองโลกในแง่ดีเกินบรรยากาศโดยรวม จริงอยู่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงเอยด้วยดีในตอนสุดท้ายนั้น สามารถสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนดู แต่จากสถานการณ์ในเรื่องและบริบทที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันยากที่จะทำใจเชื่อในสิ่งที่เห็น โดยเฉพาะพล็อตรองเกี่ยวกับปืน ซึ่งถ้าถูกตัดออกไปและหนังยังดำเนินเรื่องอย่างที่เป็นอยู่ Looking for Eric ก็น่าจะเป็นหนังฟีลกู้ดที่อบอุ่นที่สุดเรื่องหนึ่งของปีเลยทีเดียว

BloodyMonday Rating:


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
9 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add BloodyMonday's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.