Review in Nutshell...#8 (incapable of writing anything long-ish Edition)



Seven Pounds

ขอเปลี่ยนชื่อหนังเรื่องนี้อย่างไม่เป็นทางการว่า Hancock II: The Redemption (55+) หลังจากที่ The Pursuit of Happyness ได้ถูลู่ถูกังลากเอาอารมณ์ของผู้เขียน ไปพร้อมกับมันมาแล้ว ทั้ง วิล และผกก.คนเดิม ก็ขอกลับมาเร่ขายทิชชู่ซับน้ำตาคนดูอีกครั้ง...

คือไม่ขอเถียงหรอกนะว่า หนังเรื่องนี้จะกระแทกทุกจุดยุทธศาสตร์ ที่สามารถบีบคั้นอารมณ์ของคนดูได้ อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนก็มีความรู้สึกแบบเดียวกับเรื่องที่แล้ว นั้นก็คือความต้องการควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง จนไม่ปล่อยให้เรารู้สึกได้เองได้เลยนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับการบังคับให้สัตว์ป่าแสดงโชว์ในละครสัตว์เลย

แน่นอนว่า วิล สมิธ ยังทุ่มเทให้กับบทที่ได้รับ 100 เปอร์เซ็น และเคมีของเขากับ โรซาริโอ้ ก็มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม หนังมีชั้นเชิงในการเล่าเรื่อง ที่ทำให้ปริศนาถูกคลี่คลายออกมาทีละชั้นสองชั้น แม้ว่าเมื่อทุกอย่างถูกเฉลยออกมาในตอนสุดท้าย อาจทำให้คนที่ไม่ชอบหนังประเภทนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จะยิ่งเกลียดเรื่องนี้มากขึ้นไปอีก แต่มันก็สามารถเรียกน้ำตาจากผู้เขียนได้อยู่บ้าง แต่เมื่อเครดิตถูกม้วนขึ้น ผู้เขียนเองก็ไม่รู้สึกติดใจ หรืออยากพูดถึงอะไรจากเรื่องนี้ (เฉกเช่นเดียวกับ The Pursuit of Happyness นั้นแหละ)

BloodyMonday Rating: 2.5 out of 4





The Lucky Ones

ในการสร้างหนัง road movie ให้มีประสิทธิภาพนั้น อย่างน้อยมันก็ต้องมีจุดประสงค์ในการออกเดินทาง และเมื่อหนังดำเนินมาถึงตอนจบ ตัวเอกก็ควรได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความผิดหวังหรือความสมหวัง จากสิ่งที่พวกเขามุ่งหวังเอาไว้ตั้งแต่แรก

แต่ตัวละครนำทั้งสามของ The Lucky Ones ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่ชัดเจนพอ ในการเริ่มต้นออกเดินทางเสียด้วยซ้ำ (ถ้าวัดจากหนัง road movie ในครรลองของหนังฮอลลิวู้ดนะ) อย่างไรก็ดี นักแสดงทั้งสามคนก็เล่นกันได้อย่างสมฐานะหนังแสดงคุณภาพ (ทิม ร๊อบบินส์, เรเชล แม็คอดัมส์ และ ไมเคิล เปน่า) และบทสนทนาระหว่างการเดินทาง ที่แม้จะไม่ได้ลึกซึ้งหรือน่าจดจำอะไร ก็เปี่ยมไปด้วยพลังงานและมีความตลกขบขัน แต่มันก็มีความรู้สึกที่คอยรบกวนจิตใจ เมื่อหนังดำเนินมาถึงจุดจบ นั้นก็คือคำถามที่ว่า "ทำไมพวกเขาต้องออกเดินทางไปด้วยกัน"

BloodyMonday Rating: 2.5 out of 4





Smiley Face

ถ้าจะให้วัดถึงผลงานที่ผ่านมาของตัว เกร็ก อารากิ แล้ว จากการที่มันมีกลิ่นอายของผู้กำกับเจือจางมากถึงมากที่สุด มันอาจเป็นหนึ่งในหนัง “พักยก” ของเค้าก็ว่าได้ แต่ถ้าเราทำเป็นไม่สนใจเครดิตของผู้สร้าง และตัดสินจากสิ่งที่เราเห็นบนจอ นี้ก็อาจเป็นผลงานการแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ แอนนา ฟาริส...

จริงอยู่ที่เธอยังคงเล่นเป็น ซินดี้ จากแฟรนไชน์ Scary Movie และผลงานเรื่องอื่นๆของเธอกว่า 95 เปอร์เซ็น แต่นี้คือตัวละครที่เธอปรับโวลุ่มความติงต๊องจนสุดมาตรวัด ในขณะเดียวกัน เธอก็ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแสดง โดยเฉพาะฉากโมโนล็อคของเธอในโรงงานผลิตหมูบด

BloodyMonday Rating: 3 out of 4





The Deal

คิดๆแล้วมันน่าเจ็บปวดใจเหลือเกิน เมื่อเราต้องร่วมกันเห็น เม็ก ไรอัน อดีตขวัญใจมหาชน ต้องรับมือกับชีวิตขาลงของเธออย่างต่อเนื่อง โอเค ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีรสชาติเฉกเช่นยาพิษแบบเดียวกับ My Mom's Boyfriend แต่ชะตากรรมของทั้งคู่ก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไร (ถูกส่งตรงลงแผ่นโลด) นี้ถ้าหนังไม่ได้การแสดงที่กระตือรือล้นของพระเอก วิลเลี่ยม เอช เมซี่ มาช่วยไว้ละก็... ไม่อยากคิด

BloodyMonday Rating: 1.5 out of 4





Repo! The Genetic Opera

ปกติแล้วหนังคัลท์นั้นจะถือกำเนิดขึ้นได้ ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่างที่สอดคล้องกัน (เช่น ระยะเวลา, อัตราความบ้า หรือเครดิตของผู้สร้าง) แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด นั้นก็คือการที่พวกเขาต้องไม่ตั้งใจสร้างมันให้เป็นหนังคัลท์ เพราะเมื่อใดที่จุดประสงค์ของผู้กำกับคือการสร้างให้มันเป็นอย่างนั้น มันก็อาจจะกลายเป็นหนังตลกล้อเลียนที่เรารู้สึกเบื่อหน่าย และทำให้เราหัวเราะ “ต่อ” สิ่งที่เห็น ไม่ใช่หัวเราะ “ร่วมกับ” สิ่งที่เห็น

ด้วยความที่มันเป็นหนังมิวสิเคิล ที่ไม่มีเพลงติดหูสักเพลงเดียว, พล็อตเรื่องที่จับต้นชนปลายไม่ถูก และการแสดงอันแสนน่าขันของกลุ่มนักแสดงหลัก ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หนังเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับหนังคัลท์ในแทบทุกจุด

BloodyMonday Rating: 1 out of 4





Role Models

ชอบไอเดียของหนัง ที่พูดถึงผู้ใหญ่บ๊องส์สองคน (พอล รัดด์ และ ฌอน วิลเลี่ยม สก๊อต) ต้องไปเป็น บิ๊ค บราเดอร์ ให้กับเด็กๆ แต่การที่หนังเลือกใช้โลกเกมส์เสมือนมาเป็นตัวดำเนินเรื่องนั้น ทำให้โอกาสที่พวเขาจะได้ทำอะไรที่ห่ามๆ ก็ดูลดน้อยถอยลงไป ซึ่งคิดดูแล้วก็น่าเสียดายจริงๆ โดยเฉพาะ พอล รัดด์ ที่อุตส่าห์เป็นเพื่อนพระเอกหลายต่อหลายครั้ง ในหนังภานใต้สังกัดของ จัดด์ อาพาโทว์ พอมาเป็นพระเอกเต็มตัว หนังก็กลับไม่ฮาอย่างที่คิดซะนี่

BloodyMonday Rating: 2.5 out of 4





Ip Man

ถ้าวัดจากความรู้สึกเพียวๆแล้ว ก็ชวนให้นึกถึง Fearless ของ เจ๊ท ลี อยู่เหมือนกัน แต่สิ่งที่ต่างกันก็คือ Ip Man เป็นภาพยนตร์ที่มีความสมบูรณ์กว่าแทบทุกด้าน (ผู้กำกับ, การออกแบบฉากต่อสู้, การถ่ายทำ, การออกแบบงานสร้าง) แม้ว่ามันจะดำเนินเรื่องตามสูตรแบบไม่มีผิดเพี้ยน แต่ก็เป็นเรื่องน่าแปลกใจว่า ทุกคนทำหน้าที่ได้ดีเกินคาดในส่วนของดราม่า ที่มันไม่ได้ไม่เยิ่นเย้อและน่ากระอักกระอ่วนเลยสักนิด โดยเฉพาะการที่มันถูกใส่เข้ามาคั่นระหว่างฉากต่อสู้อันดุดัน ที่แฟนหนังมาเชียลอาร์ต ต่างใจจดใจจ่อรอชม

BloodyMonday Rating: 3 out of 4





Transporter 3

สิ่งที่อยู่ในหัวตลอดเวลา ระหว่างกำลังนั่งดูหนังเรื่องนี้ก็คือ เมื่อไรหนอที่พระเอกจะสลัดคราบ แฟรงค์ มาร์ติน ทิ้ง และสวมวิญญาณเป็น เชฟ เชลิออส แห่ง Crank เสียที เพราะในขณะที่ทั้งสองแฟรนไชน์มีธีมหนังที่ไม่แตกต่างกันเท่าไร แต่อัตราความบ้านั้นเรียกได้ว่า Crank ทิ้ง Transporter แบบไม่เห็นฝุ่น

BloodyMonday Rating: 1.5 out of 4





Man on Wire

สารคดีรางวัลออสการ์เรื่องนี้ อาจจะไม่ได้มอบข้อมูลเชิงลึกของนักไต่ลวดชื่อก้อง ให้กับผู้เขียนอย่างที่คาดหวังเอาไว้ แต่สิ่งหนึ่งที่เรารับรู้ได้ นั้นก็คือแรงจูงใจและเหตุผล ที่ทำให้เขาตัดสินใจเดินข้ามไปมาระหว่างตึกแฝดคู่นั้น และมันก็ทำให้ผู้เขียนรู้สึกอินมากยิ่งขึ้น เพราะถึงแม้เวลาจะผ่านไปถึง 30 ปีแล้ว ผู้สมรู้ร่วมคิดทุกคน รวมถึงตัวของ เปอตีต์ เอง ก็ยังคงมีความรู้สึกร่วมกับเหตุการณ์นั้น เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

BloodyMonday Rating: 3 out of 4





Foot Fist Way

ก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า ทำไมบทวิจารณ์หลายสำนักถึงชมนักชมหนา เพราะหลังจากที่ได้ดูแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันแตกต่างจากหนังตลก ที่เล่นกับความเฉิ่มของตัวละครเหมือนที่แล้วๆมาเลย (เช่น Napoleon Dynamite หรือ Hot Rod) ถึงแม้ว่าตัวพระเอก แดนนี่ แม็คไบรด์ จะฉายแวว ให้เห็นถึงความสามารถในการปล่อยมุขได้ถูกจังหวะสุดๆ แต่โดยรวมแล้วมันก็เป็นหนังที่จบแล้วจบกัน ไม่มีอะไรให้พูดถึงต่อ

BloodyMonday Rating: 2 out of 4





Rent: Filmed Live on Broadway

สำหรับใครก็ตาม ที่ได้ดูเวอร์ชั่นภาพยนตร์ของผกก. คริส โคลัมบัส แล้วชอบละก็ ขอแนะนำให้ดูเวอร์ชั่นบรอดเวย์นี้ ซึ่งเป็นการแสดงสุดท้ายก่อนปิดฉากลงอย่างถาวร ซึ่งมันก็จะทำให้คุณรู้ว่า การมีอารมณ์ร่วมอย่างสุดซึ้งเลยนั้น เป็นความรู้สึกเช่นไร (ขอตินิดนึงก็ตรงที่ การตัดสินใจถ่ายทำซูมเข้าซูมออกเหมือนมิวสิควีดีโอนี้แหละ ที่ทำให้เราไม่ได้รับประสบการณ์ดิบๆอย่างที่ควรจะเป็น)

BloodyMonday Rating: 3 out of 4





Garage Days

ถือว่าเป็นหนังพักยกของผกก. อเล็ค โปรยาส ที่ให้กำเนิดหนังคัลท์อย่าง The Crow และ Dark City ในขณะที่ผลงานด้านภาพจะมีความน่าสนใจพอตัว เช่นฉากเปิดแนะนำกลุ่มตัวละครหลัก หรือฉากการเมายาของหลายคนๆ (และรวมถึงฉากมิวสิเคิลสุดเจ๋งในเครดิตตอนจบ)

แต่ด้วยการใช้นักแสดงฝีมือกึ่งอาชีพ, เนื้อเรื่องที่แม้จะจบแล้ว เราก็รู้สึกว่ามันยังไม่ได้ออกจากจุดสตาร์ทซะที และที่สำคัญที่สุดคือ การที่มันเป็นหนังที่เกี่ยวกับเพลง แต่เพลงกลับคือสิ่งที่อ่อนด้อยที่สุดในเรื่อง ทำให้มันสมฐานะที่สุดแล้ว ในการเป็นหนัง "พักยก" ของผกก

BloodyMonday Rating: 2 out of 4





Sex Drive

หนังฮาแตกอยู่ประมาณ 2-3 ฉาก บวกกับการแสดงแบบหลุดโลกของ เจมส์ มาร์เด็น ซึ่งช่วยยกระดับให้กับหนังวัยรุ่นสัปดนปกติทั่วไปเรื่องนี้ได้อยู่บ้าง ถึงแม้ว่าเมื่อหนังได้เดินทางมาถึงองค์สุดท้าย จะกลายเป็นว่าตัดสินใจใส่เกียร์ถอยหลังตกคลอง จนเสียชีวิตก็ตามที

BloodyMonday Rating: 2 out of 4





Fred Claus

ดูเหมือนว่าชื่อของ วินซ์ วอห์น จะตามมาหลอกหลอนผู้เขียน ทุกครั้งที่เข้าช่วงเทศกาลคริสต์มาส (55+) ในขณะที่นักแสดงตลกในปัจจุบันหลายคน รับบทนิ่งๆได้ดีกว่าตอนเล่นบทสติแตก (ตามความเห็นส่วนตัว... วิลล์ เฟอร์เรลล์) แต่สำหรับ วินซ์ นั้นเป็นไปในทางกลับกันอย่างสิ้นเขิง เพราะดูเหมือนเขาจะผ่อนคลายกว่า อย่างเช่นในบทแจ้งเกิดอย่าง Swingers หรือบทพระรองจอมขโมยซีน ให้กับพระเอกอย่าง โอเว่น วิลสัน ใน Wedding Crasher

ซึ่งก็เป็นน่าเสียดายที่เรื่องนี้เขาไม่บ้าพอ ซึ่งก็ทำให้ไอเดียกิ๋บเก๋ ที่ว่าด้วยเรื่องพี่ชายที่ถูกลืมของซานต้าคลอส ดูง่วงหงาวหาวนอนกว่าที่คาดเอาไว้ แต่ก็ยังดี ที่เขามีดาราคุณภาพมารายล้อมตัว ทั้ง พอล จิอาแมตติ ซึ่งรับบทไหนก็ดูดีไปซะหมด รวมถึงอาหารตาอาหารใจอย่าง เรเชล ไวซ์ (กับบทบาทที่จะทำให้ทุกคนต้องคิดว่า...มาทำไม?) และ เอลิซาเบธ แบงก์ส (ที่ดูเหมือนว่าเธออาจจะเป็นหนึ่งในซุปเปอร์ฮีโร่ที่แยกร่างได้ เพราะนับไปนับมา ในช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ผู้เขียนดูหนังที่มีเธอแสดงถึง 7 เรื่อง !!)

อย่างไรก็ตาม ถ้าให้เทียบกับหนังที่มีธีมละม้ายคล้ายกันอย่าง Elf (ที่นำแสดงโดย วิลล์ เฟอร์เรลล์) Fred Clause ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นรองอยู่นิดหน่อย

BloodyMonday Rating: 2.5 out of 4




Create Date : 24 มีนาคม 2552
Last Update : 24 มีนาคม 2552 17:08:32 น. 9 comments
Counter : 1697 Pageviews.

 
แวะเข้ามาอ่านครับ อยากดู Man on Wire จัง


โดย: McMurphy วันที่: 24 มีนาคม 2552 เวลา:15:51:33 น.  

 

อยากดู rent
เคยชอบเม็กม๊ากมาก ไม่ใช่สิ
ต้องบอกว่าชอบหนังที่เคยเล่นม๊ากมาก
แต่เธอก็เล่นแต่แบบเดิมม๊ากมาก
เลยไม่ดูแล้ว เบื่อ(มาก)


โดย: อออ IP: 202.176.89.115 วันที่: 24 มีนาคม 2552 เวลา:17:00:16 น.  

 
อยากดู Man on Wire มาก ด้วยเหตุผลปกติของมนุษย์ทั่วไปบนโลกนี้
ส่วน Seven Pounds แม้จะมีแต่คนเกลียด(เท่าที่พบเจอ) แต่ก็อยากดูเพราะ Rosario Dawson เป็นประการหลัก (ส่วนตัวเราว่าเธอเป็นนักแสดงที่ขึ้นกล้องที่สุดในโลก) ยิ่งมีแต่คนชื่นชมการแสดงของเธอว่าดีที่สุดในชีวิต

และเพราะเหตุผลนี้เอง ทำให้เราอยากดู Anna Faris มากมาย


โดย: nanoguy IP: 125.24.123.121 วันที่: 24 มีนาคม 2552 เวลา:17:21:35 น.  

 
ผมชอบ Man on Wire ครับ เป็นสารคดีที่สนุกเกินสารคดี ดูจบแล้วไฟแทบพุ่งเลย 555

ส่วนเรื่องอื่นๆขอเงียบครับ T-T' เพราำะไม่เคยดู แถมบางเรื่องเพิ่งจะได้รู้จักนี่แหละครับ +_+'


โดย: Seam - C IP: 58.9.201.107 วันที่: 24 มีนาคม 2552 เวลา:19:00:46 น.  

 
อืม... รู้สึกหมู่นี้จะขยันอัพบล็อคนะครับ

ได้ดูแค่ 2 เรื่อง Ip Man กับ Transporter 3 เรื่องหลังนี่เป็นการดูหนังในโรงที่ทรมานมากๆ (แถมอีนางเอกภาคนี้ก็ไม่สวยเอาซะเลย) ดูจบแล้วถึงกับซึมไปพักนึง

Sex Drive ได้แผ่นมาแล้ว (อ้าว ได้แค่ 2 เองเหรอ?) งั้นรอคิวไปก่อนก็แล้วกัน



โดย: แฟนผมฯ IP: 114.128.117.15 วันที่: 24 มีนาคม 2552 เวลา:22:03:52 น.  

 
+ โห! นี่ in the nutshell แล้วเหรอครับ? ไหงมันเยอะแยะงี้อ่ะเนี่ย เอาเวลาที่ไหนไปหามานั่งดูหวา หลายๆ เรื่องผมก็ขอสารภาพว่าเพิ่งรู้จักที่หน้านี้ด้วยเหมือนกันอ่ะครับ แหะๆ

+ แต่กวาดตาอีกที จากบนลงล่าง จากล่างขึ้นบน ... ยังไม่มีเรื่องไหนที่ผมได้ดูเลยสักเรื่อง จ๊ากกกกก (ปีที่แล้วเกือบได้ดู sex drive เหมือนกัน แต่ดูไม่ทัน อ่านรีวิวที่นี่ก็คิดว่า คงจะดีแล้วที่ดูไม่ทัน หุๆ )

+ Seven Pounds พอเจอคนด่าเยอะๆ เข้าเลยชักกลัว แล้วก็เลยทะลึ่งไปอ่านพล็อตสปอยล์เข้าไปแล้ว ก็เลยต้องบายอ่ะครับ

+ The Lucky Ones เหมือนเคยอ่านผ่านๆ ตา แต่ดารำทั้ง 3 คนนั้นช่างน่าสนใจเหลือเกินที่มาอยู่ในหนังเรื่องเดียวกันเนี่ย

+ Smiley Face - ตอนผมอ่านเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ครั้งแรก ยังงงเลยอ่ะครับ ว่านี่หนังเกร็ก อารากิ เหรอ? แถมมีแอนนา ฟาริสอีกต่างหาก เอาเข้าไป เหอๆ

+ เม็ก ไรอัน ท่าทางจะกู่ไม่กลับแล้วจริงๆ อ่ะครับ ช่างน่าเศร้า

+ พอล รัดด์นี่ก็แปลกดี จากตัวรองๆ สมัยก่อน เด๋วนี้กลายเป็นตัวเอกเฉยเลย เรื่องล่าสุด (I love you, man) เหมือนคะแนนหนังจะใช้ได้ทีเดียวนะครับ

+ ยิปมัน เหมือนจะเข้า แต่ก็ยังไม่เข้า, Transportor3 ไม่ใช่หนังแนวผม, Man on wire อยากดู (แต่คงไม่มีโอกาส), Foot fist way ใช่ ... คุ้นๆ ว่าเหมือนได้ยินคำเยินยอเลยอ่ะ

+ Fred Claus รู้สึกจะเคยเข้าโรง แต่ก็ไม่ได้ดู ส่วน Rent ฉบับหนัง ตอนนั้นเหมือนจะเจอแบบไม่มีซับฯ (ที่เฮาส์มั้ง ในเทศกาลอะไรสักอย่าง) แล้วก็เลยยังไม่ได้ดูจนบัดนี้อ่ะครับ

+ นอนแล้วเน้อ ยายจะเปิด (ตาจะปิด) แล้วอ่ะคร้าบ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 25 มีนาคม 2552 เวลา:1:39:18 น.  

 


ยังไม่ได้ดูสักเรื่องเลยค่ะ - -"
หนังที่ดูล่าสุดคือ Milk ที่ยังดูไม่จบอีกต่างหาก

อยากดู Man on Wire เหมือนกัน
ส่วน Meg Ryan ดาราในดวงใจ
มันน่าเศร้าจริงๆ อย่างที่ จขบ. บอก เวลาเห็นดาราที่เราชอบเดินสู่ขาลง
หวังว่าตัว Meg เองคงไม่คิดมาก - -"

ส่วนตัวเราไม่ชอบ วินซ์ วอห์น เลย ไม่รู้ทำไม
เฉยๆ ใน Wedding Crasher แต่มาดู The Brake UP แล้วไม่ชอบบผู้ชายคนนี้
(แยกแยกออกจากบทแล้วเรียบร้อย ^ ^")

เทคแคร์นะคะ


โดย: iSIs_OsiRis วันที่: 26 มีนาคม 2552 เวลา:6:19:07 น.  

 
ไม่ได้แวะไปอ่านบล็อกใครมานาน วันนี้ขอเริ่มที่นี่ก็แล้วกัน

Seven Pounds
โดยส่วนตัวแล้วผมชอบ The Pursuit of Happyness มากกว่านะ
และไม่แปลกใจถ้าจะมีคนคิดเหมือนผม
คือ The Pursuit of Happyness หนังมันให้กำลังใจในแง่บวกต่อการมีชีวิตต่อไป
แต่ Seven Pounds มันเหมือนคนปลง ไถ่บาป(Hancock II: The Redemption) 555+
เหมือนการมองเห็นคุณค่าของชีวิตผ่านการสูญเสียที่ชวนปลงตกมากกว่าจะเจริญใจ

และผมว่าเรื่องนี้ วิล สมิธพยายามมากเกินไปนิ๊ดนึง

Transporter 3
ผมว่า 2 ภาคแรกมันกว่าเห็นๆเลยอ้ะ ภาคนี้ต่อสู้ไม่เร้าใจเท่า ไม่บ่อยเท่าไหร่
และเนื้อเรื่องไม่สมเหตุสมผลอย่างแรง
(ทำไมต้องเอาตัวประกันไปนั่งรถด้วย เอาไว้ในคุกไม่ได้หรอไง ไหนๆพอได้ของที่ต้องการก็จะฆ่าอยู่แล้ว)

แต่ถ้าเอาแบบที่คุณบลัดดี้ว่าให้เอาคนโคม่ามาส่งของ
หนังอาจจะสนุกชึ้น(และบ้าบอคอแตกไปกว่านี้นะ)ก็ได้ 555+

Man on Wire
รู้แค่ว่าหนังได้รับรางวัลแต่มีข้อมูลเกี่ยวกับหนังน้อยเอามากเลยผม
แต่ถ้าเจอแผ่นเมื่อไหร่จะรีบคว้ามาดู ชอบอยู่แล้วไปอยู่ในที่สูงๆแบบไม่ต้องออกจากบ้านเนี่ย 555+


หนังที่คุณบลัดดี้ยกมาเขียนผมรู้จัก + ได้ดูแค่นี้เอง -*-
แต่จะขอนอกเรื่องนิดนึง คือนานมาแล้วผมได้มีโอกาสแอบไปท่องบล็อกเก่าๆของคุณมา
แล้วไปเจอหนังที่ชื่อว่า Forgetting Sarah Marshall ผมก็จดๆชื่อหนังไปตามประสาที่อ่านแล้วนึกสนใจ

ล่าสุดได้ดูแล้วครับ... .... ............. ..............!!!

บนหน้าปก DVD โปรยเอาไว้ว่า A comedy about gettng dumped and taking it like a man.
โหยยยยยย โปรยได้ใจ ส่วนตัวหนังนั้นเน้นกวนส้น แสบสัน แอบหวาน และน่าสมเพชเอามากๆ!!! 555+
ดูจบแล้วได้อารมณ์เหมือน Definitely, Maybe เลย คืออารมณ์แบบได้เจอหนังดีจากบล็อกนี้อีกแล้ว

ชอบหลายๆตัวละครในหนัง โดยเฉพาะเจ้านักร้องคู่ปรับพระเอกที่ไปๆมาๆเป็นคนดีเฉยเลย
เป็นคนดีแบบดีจริงๆอ้ะ แบบเป็นคนตรงคบได้เลย 555+

แล้วก็ชอบนางเอกด้วย น่ารักแบบดิบเถื่อนมั่กๆ
(ชอบตอนเธอด่าแฟนเก่าที่ชายหาด เล่นเอาภาพหวานๆที่วาดไว้ตอนเจอที่เคาร์เตอร์หายไปเลย)

ปล คะแนนหนังแต่ละเรื่องนี้ได้น้อยจนแลดูจขบโหดนะเนี่ย 555+
หนังมันแย่ขนาดนี้เลยจริงๆหรอเนี่ย -*-


โดย: ชุดนอน IP: 124.121.197.215 วันที่: 26 มีนาคม 2552 เวลา:20:26:36 น.  

 
อืม ทุกเรื่องที่เขียนมา ยังไม่ได้ดูซักเรื่อง

แต่ที่อยากดูที่สุดตอนนี้คือ Man on Wire


โดย: navagan วันที่: 27 มีนาคม 2552 เวลา:2:30:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BloodyMonday
Location :
Imaginationland, Valley of Bliss China

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






-= M & M in Nutshell =-


Gentlemen Broncos (2009)


You could have brain tumor by watching this contaminated turd. Nothing in Gentlemen Broncos pays off, it’s incoherent mess, and chock-full of incredibly annoying characters. You will not only loath this movie, but it also makes you want to punch someone who responsible for this abomination in the face.

BloodyMonday Rating:



Fantastic Mr. Fox (2009)


Imagine if Akira got Live-Action treatment by... say Alfonso Cuarón, you know how awesome it might be? That’s what happened to "Fantastic Mr. Fox". Wes Anderson's auteur perfectly captured the quirkiness and blissful tone of the material. Its stop-motion technique might be a little crude and... somewhat unsophisticated, but that's the charm of it. You’ll feel like pop-up book unveiled before your eyes. This is an exceptional animation of the year.

BloodyMonday Rating:



Planet 51 (2009)


ถ้าถามว่าสนุกไหม? ก็โอเค ทุกอย่างถอดแบบมาจาก Shrek มุขที่อ้างอิงวัฒนธรรมป็อป ตัวละครสมทบที่น่าสนใจกว่าตัวเอก กราฟฟิคที่สอบผ่านฉลุย (ถ้าไม่ไปวัดกับพิกซาร์) แต่ถ้าถามว่าต้องดูไหม? ..... เอาเป็นว่าเวลาชั่วโมงครึ่ง ทำอะไรที่มีประโยชน์กว่านี้ได้เยอะแยะ

BloodyMonday Rating:



It's Complicated (2009)


รู้สึกสนุกกับการได้เห็นป้าเมอรีล เข้าโหมดแอ๊บเด็ก (อีกแล้ว) ในขณะเดียวกัน อเล็กซ์ บอลด์วิน และ จอห์น ครากินสกี้ ก็ขโมยซีนได้ตลอด แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหนังยาว 2 ชั่วโมงมีเรื่องให้เล่าแค่ 15 นาที... It's Complicated อาจเหมือนคนกินไวอากร้าแล้วเข้านอน คึกตลอดคืนแต่มันจะมีประโยชน์อะไร?

BloodyMonday Rating:



Up in the Air (2009)


Up in the Air is a blockbuster movie for people who think blockbuster movies are dumb, as it chock full of brilliantly written dialogue, and acting showcase for three talented actors (especially star-making turn by Anna Kendrick). But in the end, there's little to love, not so much story to chew on (plus disappointing third act), and no real connection to the meaning of human interaction as it intended to be.

BloodyMonday Rating:



I Love You, Beth Cooper (2009)


Cliché-ridden plot about a bunch of annoying characters get together in one idiotic circumstance, "I Love You, Beth Cooper" is shameless exploitation & biggest insult to 80s teen flicks. It's like memorizing magic trick from internet, hoping to perform like David Copperfield. Neither sense of wonder nor magic flare happens here. Only good thing is, it makes me wanna cleanse my soul with genuine 80s teen movie night marathon.

BloodyMonday Rating:



Everybody's Fine (2009)


Meh. The movie serious lack of originality & characters development. Only Robert De Niro comes out fine in this schmaltzy, "Lifetime" movie-of-the-week plot.

BloodyMonday Rating:



Paper Heart (2009)


Twee delight... That's only two words I can think of right now.

BloodyMonday Rating:



Adam (2009)


A perfect companion to Mary & Max (one of the best animation of 2009), Adam is star-crossed love story (pun intended) between Adam, Asperger's Syndrome bearer, and Beth, free spirit woman. The picture wouldn’t be this intimate without stunning performance by Hugh Dancy. On the other hand, the lack of depth on why Beth would love someone like Adam, preventing me from wholeheartedly embraces her choice in the end (which is nice & perfect but requires a leap of faith). Otherwise, this is touching romantic film, which putting its feet firmly on the ground, making the world full of hope and seems nicer place to live.

BloodyMonday Rating:



The Invention of Lying (2009)


Expected to be like “Click” or “Yes Man”, where high-concept plot turned into endless gags, with moral lesson (forcefully) shoving down your throat. But "The Invention of Lying" is thinking man’s film. The whole concept is not seeing how first lying man exploits the ability. But it's about him finding the way not to lie, in order to find genuine happiness. Great stuff.

BloodyMonday Rating:



Give ‘Em Hell Malone (2009)


This is one damn frustrating experience. It’s like watching an infant trying to stand up and walk. They would take a few steps then fall their asses. In fact, kiddie film like “Bugsy Malone” has done better job paying a tribute to film noir than this borefest.

BloodyMonday Rating:



Zombieland (2009)


ถ้าอังกฤษมีหนังซอมบี้ฮาแตกอย่าง Shaun of the Dead แล้ว ทำไมอเมริกาจะมีบ้างไม่ได้... Zombieland คือการผสมผสานระหว่างบรรดาหนังซอมบี้เก่าๆ เข้ากับทัศนคติของคนสร้างที่อาจดูหนังแนวนี้มากเกินความจำเป็น จนสามารถสร้างหนังซอมบี้ที่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองเป็น และเล่นสนุกไปกับกฏพื้นฐานของซอมบี้ได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยกความดีให้สี่นักแสดงนำ โดยเฉพาะ วู้ดดี้ ฮาเรลสัน (เขาเกิดมาเพื่อบทนี้) ที่ช่วยกันสร้างมนต์เสน่ห์ ให้กับการเดินทางในโลกไร้มนุษย์ได้อย่างเต็มที่

ถึงแม้พลังงานที่ขับเคลื่อนจะมาหมดเอาดื้อๆในองค์สุดท้าย เมื่อฉากใหญ่ในสวนสนุกถูกทำขึ้นเพื่อแสดงฉากการฆ่าซอมบี้เด็ดๆ (ซึ่งไม่ใช่จุดเด่นสำหรับเรื่องนี้เลย) แต่โดยรวมแล้วมันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัว ที่บรรดาแฟนซอมบี้จะมาพลาดหนังเรื่องนี้... อ้อ แล้วหนังยังมีดารารับเชิญสุดเซอร์ไพรซ์ ที่สร้างเสียงฮาที่สุดในเรื่องได้จากประโยคสุดท้ายอีกด้วย

BloodyMonday Rating:



Frequently Asked Questions About Time Travel (2009)


เมื่อเพื่อนสามคนก๊งเบียร์กันในผับแล้วเจอสาวฮ็อต (แอนนา ฟาริส) ที่อ้างว่ามาจากอนาคตจนเกิดรอยแยกของเวลา ทำให้ทั้งสามต้องท่องไปทั้งโลกในอนาคตและอดีตจนวุ่นวาย...

หนังมีไอเดียกิ๊บเก๋ ทำออกมาได้สนุกสนานสไตล์ซิตคอมอังกฤษ โดยเฉพาะการนำกฏเหล็กต่างๆจากหนังที่เกี่ยวกับการท่องเวลา (ดูเหมือนว่า Back to the Future จะเป็นแรงบรรดาลใจหลัก) มาปู้ยี้ปู้ยำอย่างเมามัน ถึงแม้ว่าตลอดเวลาการรับชมจะให้ความรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังดูซีรี่ย์ทางโทรทัศน์ แต่มันก็คือตอนที่ฮาที่สุดของซีซั่น แถมเอฟเฟ็คที่ใช้ก็มีคุณภาพจนคาดไม่ถึง

BloodyMonday Rating:



Looking for Eric (2009)


มีความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มองโลกในแง่ดีเกินบรรยากาศโดยรวม จริงอยู่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงเอยด้วยดีในตอนสุดท้ายนั้น สามารถสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนดู แต่จากสถานการณ์ในเรื่องและบริบทที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันยากที่จะทำใจเชื่อในสิ่งที่เห็น โดยเฉพาะพล็อตรองเกี่ยวกับปืน ซึ่งถ้าถูกตัดออกไปและหนังยังดำเนินเรื่องอย่างที่เป็นอยู่ Looking for Eric ก็น่าจะเป็นหนังฟีลกู้ดที่อบอุ่นที่สุดเรื่องหนึ่งของปีเลยทีเดียว

BloodyMonday Rating:


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
24 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add BloodyMonday's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.